หน้าแรก สวทช. โดย TECE จัดงานใหญ่ ‘Open Innovation for EV Battle’ รวมพลังทุกภาคส่วนช่วยผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยรอด-โตในยุค EV พลิกเกมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ สร้างโอกาสใหม่ด้วยนวัตกรรม

สวทช. โดย TECE จัดงานใหญ่ ‘Open Innovation for EV Battle’ รวมพลังทุกภาคส่วนช่วยผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยรอด-โตในยุค EV พลิกเกมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ สร้างโอกาสใหม่ด้วยนวัตกรรม

22 ส.ค. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพหมู่ ผู้บริหาร สวทช. TECE สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันยานยนต์ อยู่บนเวที สวมชุดสูท พร้อมด้วยท่าตรง ส่วนด้านหลัง เป็นผ้าม่านสีขาวที่มีโลโก้และชื่องานภาพหมู่ ผู้บริหาร สวทช. TECE สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันยานยนต์ ยืนอยู่ด้านหน้าของผู้เข้าร่วมสัมนนาที่นั่งโต๊ะ สวมชุดสูท พร้อมด้วยท่ากดไลท์ กรุงเทพฯ – 21 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ – สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (TECE) จัดงานสัมมนาครั้งสำคัญ “Open Innovation for EV Battle “ชิ้นส่วนยานยนต์ไทย…ต้องรอด” พลิกเกมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ สร้างโอกาสใหม่ด้วยนวัตกรรม Game-Changing Innovation for Thailand’s Auto Parts Industry เพื่อระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการผลักดันและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ท่ามกลางความท้าทายของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า (EV)

ภาพครึ่งตัวของ ดร.สุมิตรา สวมแว่นสายตา ใส่เสื้อเชิ้ตลายทับด้วยสูทสีกรมท่า ใบหน้ายิ้มแย้ม ยืนอยู่ด้านหน้าบูธนิทรรศการพลังงาน EV

ในโอกาสนี้ ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (TECE) และผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช.กล่าวต้อนรับและเปิดงานฯ  โดยกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์’ ซึ่งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจประเทศมาอย่างยาวนาน สวทช. จึงเล็งเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างเวทีกลางภายใต้แนวคิด ‘Open Innovation’ เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการเข้ากับเทคโนโลยี นวัตกรรม แหล่งทุน และเครือข่ายนักวิจัย เพื่อร่วมกันหาทางออกและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ”

ภาพ คุณสุพจน์ กำลังพูดที่โพเดียมที่มีดอกไม้ประดับและโโก้ อว. โดยคุณสุพจน์ ใส่เสื้อเชิ้ตขาวผูกไทน้ำเงิน สูทสีกรมท่า ใบหน้ายิ้มแย้ม

คุณสุพจน์ สุขพิศาล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ในการแข่งขัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และรองเลขาธิการสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย กล่าวถึงการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ปัจจุบันตลาดรถยนต์ยังไม่ฟื้นตัว ผู้ประกอบการต่างเผชิญความท้าทาย ผลประกอบการลดลง และต้องรักษาสถานะเดิมไว้ เพื่อไม่ให้กระทบต่ออุตสาหกรรมนี้ ที่มีแรงงานกว่า 700,000 คนทั่วประเทศ ในด้านนโยบาย ประเทศไทยควรรักษาการเป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Future ICE) พร้อมเร่งขยายตลาดส่งออกยานยนต์และอะไหล่ทดแทน ไปยังประเทศที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งรวมถึงรถไฮบริด ในขณะเดียวกัน ต้องสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ภายใต้นโยบาย Zero Emission EV หรือ ZEV 30@30 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังต้องผลักดัน Parts Transformation ให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมอื่น เช่น ระบบราง เครื่องมือแพทย์ หรือเกษตรกรรม ซึ่งประเทศไทยยังขาดปัจจัยสำคัญ คือ การต้องแข่งขันด้านราคาด้วยการลดต้นทุนกว่า 30% และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตชิ้นส่วน ความพร้อมการด้านผลิตชิ้นส่วน อีกทั้งยังต้องการบุคลากรและผู้ประกอบการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic parts) ที่จะเป็นชิ้นส่วนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความพร้อมให้แก่ภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ

ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (TECE) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนด้านแหล่งทุน พร้อมเปิดเวทีให้เกิดการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดใจ ซึ่งผู้บรรยายคาดหวังว่ากระบวนการนี้จะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “นวัตกรรม” (Innovation) และต่อยอดสู่การยกระดับขีดความสามารถของประเทศในอนาคต

ภาพ ดร.ศราวุธ กำลังจับไมค์พูดข้างๆโพเดียมที่มีดอกไม้ประดับและโโก้ อว. โดยคุณสุพจน์ ใส่เสื้อเชิ้ตขาวผูกไทลายน้ำเงินฟ้า สวมแจ็คเก็ตสีกรมท่า โลโก้ TECE ตรงหน้าซ้าย มีใบหน้ายิ้มแย้ม

ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (TECE) และรองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช.กล่าวว่า “การเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจากจีน (OEM) ในประเทศไทย ก่อให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทายต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยยังเผชิญข้อจำกัดสำคัญหลายประการ ได้แก่ ขาดเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ต้นทุนการผลิตสูง และประสิทธิภาพการผลิตที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์การแข่งขัน  ดังนั้น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจึงจำเป็นต้องดำเนินการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการยกระดับทักษะบุคลากร เพื่อให้สามารถแข่งขันและมีส่วนร่วมในห่วงโซ่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว ภายใต้ความท้าทายนี้ จึงได้มีการกำหนดแผนงานวิจัยและพัฒนาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้ผลิตไทย โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผ่านศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้า (TECE) ร่วมมือกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตชิ้นส่วน Common parts เดิมกับรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) ให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้ ให้สามารถผ่านการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ (Vendor List) ของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้อย่างเร่งด่วน และยกระดับผู้ประกอบการเข้าสู่การผลิตชิ้นส่วนหลักของยานยนต์ไฟฟ้า เช่น Battery Management System (BMS), Drive Control Unit (DCU) และ Inverter การดำเนินการนี้ไม่เพียงช่วยสร้างความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของผู้ผลิตจีน แต่ยังเป็นการวางรากฐานเพื่อให้ประเทศไทยสามารถรักษาฐานการผลิตยานยนต์ในระดับโลก ควบคู่กับการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างยั่งยืน”

คุณตรีพล บุญยะมาน รองผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จากผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย พบว่าผู้ผลิตรถยนต์ 6 ราย มีความต้องการชิ้นส่วนในประเทศรวม 97 รายการ ซึ่งเกือบครึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในกลุ่ม ระบบยานยนต์สมัยใหม่ (Powertrain) โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศกลุ่ม Electric Powertrain ซึ่งยังไม่เคยมีการผลิตมาก่อน เช่น กลุ่มEnergy Storage System และ Motor/Generator รวมถึงข้อกำหนดมาตรฐานเฉพาะของชิ้นส่วนในกลุ่ม Electric Powertrain ประกอบกับโอกาสจากภาครัฐ จากนโยบาย EV3.0/3.5 ซึ่งกระตุ้นตลาดและการผลิตให้เปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่มากขึ้น และปัจจุบันอุตสาหกรรมอยู่ในช่วงการผลิตในประเทศ (Localization) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทยอยตั้งโรงงานผลิตและกำลังมองหาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น

โดยในครั้งนี้ สวทช. ได้รับเกียรติจากหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการลงทุนของผู้ประกอบการ ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ปฐมทัศน์ จิระเดชะ ประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มด้านระบบคมนาคม โลจิสติกส์ พลังงาน เคมี และวัสดุชีวภาพ และเศรษฐกิจหมุนเวียน, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) โดย คุณพิชชารีย์ กีรติธากุล นักพัฒนานวัตกรรมอาวุโส ฝ่ายสนับสนุนการเงินนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ, โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) โดย ดร.นันทิยา วิริยบัณฑร ผู้อำนวยการโปรแกรมฯ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดย คุณยอดกมล สุธีรพจน์ นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน ชำนาญการพิเศษ กองส่งเสริมการลงทุน 2

นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากคุณวัชรา ลี้โกมลชัย : ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี แอล พี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด  และคุณสุสยาม อนันตสายนนท์ ผู้อำนวยการกลุ่มขายและการตลาด บริษัท ไทยนามพลาสติกส์ จำกัด (มหาชน) มาแชร์ประสบการณ์ในเสวนา Success Cases: ตัวอย่างความสำเร็จ “การปรับตัวพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ในอุตสาหกรรมยานยนต์”

และในช่วงบ่าย ผู้ประกอบการกว่า 20 หน่วยงาน ได้เข้าร่วมกิจกรรม TechCare Hub “ตีโจทย์ให้แตก จัดทัพ บริษัท-นักวิจัย-แหล่งทุน ให้ถูก” ซึ่งเป็นการพูดคุยปัญหา (Pain points) หรือความต้องการยกระดับการแข่งขันของผู้ผลิตกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ วิศวกรรมยานยนต์ กระบวนการผลิต วัสดุศาสตร์ รวมถึงด้านระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ พร้อมทั้งได้รับคำปรึกษาจากแหล่งทุนวิจัย ผลลัพธ์ที่ได้จากกิจกรรม “Open Innovation for EV Battle” นี้ จะเกิดเป็นโครงการวิจัยที่จะเข้าไปขอการสนับสนุน และการลงทุนเครื่องจักรที่เหมาะสม พร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากภาครัฐเพื่อเป็น “สปริงบอร์ด” ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในสมรภูมิยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต

เกี่ยวกับ TECE

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (Thailand EV Center of Excellence: TECE) เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ภายใต้การดำเนินงานของ สวทช. มีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้า (EV Hub) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และบรรลุเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไร้มลพิษ 30% ภายในปี 2030 โดยดำเนินงานผ่าน 4 กลยุทธ์การขับเคลื่อนหลัก (Driving Strategies) ได้แก่:

  • EV-Innovation: ขับเคลื่อนงานวิจัยและโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ (NQI)
  • EV-HRD: พัฒนากำลังคนในภาคอุตสาหกรรมโดยใช้ความเชี่ยวชาญของ สวทช. และพันธมิตร
  • EV-Connect: เชื่อมโยงกับหน่วยงานสนับสนุนเพื่อขยายผลและบ่มเพาะผู้ประกอบการ
  • EV-Transformation: ขยายผลการประยุกต์ใช้ สร้างแพลตฟอร์มส่งเสริมการใช้งาน และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในห่วงโซ่คุณค่า EV

 

แชร์หน้านี้: