รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนแผน AI แห่งชาติ ลุยปั้นคน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ต่อยอดอุตสาหกรรม ดันไทยสู่ผู้นำด้าน AI ภูมิภาค
1 พฤษภาคม 2568 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุม โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศ พร้อมตั้งเป้าหมายการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยระบุว่า “จำเป็นต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI มากยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมรับมือและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวได้อย่างเต็มศักยภาพ อันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ที่ประชุมฯ รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 – 2567) โดย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการฯ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานสำคัญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขับเคลื่อนผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก และมีความก้าวหน้าที่ชัดเจนใน 4 ด้าน ดังนี้ (1) ด้านธรรมาภิบาล AI ได้ประกาศใช้หลักเกณฑ์จริยธรรม AI, การจัดตั้งศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AIGC), การเผยแพร่คู่มือธรรมาภิบาล AI อย่างต่อเนื่อง และทำงานร่วมกับองค์กรระดับนานาชาติ เช่น OECD, UNESCO และอาเซียน (2) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน จัดตั้งศูนย์บริการซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (LANTA supercomputer) ซึ่งปัจจุบันมีความเร็วเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน และพัฒนา National AI Service Platform ซึ่งรวบรวมเครื่องมือ AI ที่พัฒนาในไทยกว่า 76 บริการ โดยได้รับการสนับสนุนจาก GDCC และมีผู้ใช้งานเฉลี่ยกว่า 1 ล้านครั้งต่อปี (3) ด้านการพัฒนากำลังคน โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการบรรจุหลักสูตร AI สำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน, พัฒนาแผนส่งเสริม AI ในระดับอุดมศึกษา และจัดกิจกรรม AI Bootcamp ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งช่วยพัฒนาบุคลากรด้าน AI ไปแล้วกว่า 10,000 คน (4) ด้านวิจัยและนวัตกรรม มุ่งเน้นการพัฒนาในภาคส่วนสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะด้านการแพทย์และสุขภาพ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มแบ่งปันข้อมูลภาพถ่ายทางการแพทย์ (Medical AI Data Platform) ซึ่งรวบรวมข้อมูลภาพถ่ายกว่า 2.2 ล้านภาพ ครอบคลุม 8 กลุ่มโรค นอกจากนี้ ยังมีการนำ AI มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลประชากรบนฐานข้อมูล TPMAP เพื่อช่วยชี้เป้าและสนับสนุนกลุ่มคนด้อยโอกาสได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อีกทั้งที่ประชุมฯ รับทราบความคืบหน้าการเตรียมการเป็นเจ้าภาพการประชุม The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of Artificial Intelligence 2025 และเห็นชอบกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (National AI Program) พร้อมทั้งให้นำข้อเสนอในที่ประชุมไปพิจารณาต่อ
จากการประชุม คณะกรรมการฯ ได้กำหนดแนวทางในการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนากำลังคนด้าน AI ให้มีจำนวนมากเพียงพอ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับเป้าหมายที่จะต้องมีการสร้างความรู้ให้แก่บุคลากรที่เป็น AI User ต้องไม่น้อยกว่า 10,000,000 คน AI Professional ไม่น้อยกว่า 90,000 คน และ AI Developer ไม่น้อยกว่า 50,000 คน ภายในเวลาสองปี
ในประเด็นดังกล่าว ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ในฐานะกรรมการและเลขานุการร่วมฯ กล่าวว่า กระทรวง อว. ได้ร่วมมือ กับไมโครซอฟท์พัฒนาหลักสูตรด้าน AI ในทุกระดับ โดยจะถูกนำเข้าสู่คลังหน่วยกิตแห่งชาติ (National Credit Bank System) สามารถนำหน่วยกิตที่ได้ไปนับรวมเป็นส่วนหนึ่งของวิชาศึกษาทั่วไป (General Education) ในระดับอุดมศึกษาได้ เป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับคนไทย
ด้านศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) กล่าวเสริมว่า “นโยบาย ‘อว. for AI’ ของนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ในการขับเคลื่อนด้าน AI เพื่อพัฒนากำลังคนนั้น AI สามารถทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนในหลากหลายวิชาที่มีความเหมาะสมกับพฤติกรรมผู้เรียนได้เป็นรายบุคคล ทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพของตนเอง และจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยอาจจะเริ่มต้นในวิชาภาษาอังกฤษและวิทยาศาสตร์ก่อนได้”
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ยังเสนอให้บูรณาการแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เข้ากับแผนปฏิบัติการด้าน AI แห่งชาติ เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทั้งด้านข้อมูล และ AI ของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยชี้ว่า AI เปรียบเสมือนเครื่องมือที่จะนำ Big Data มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยต้องระบุให้ชัดเจนถึงประเด็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการก่อน เช่น การนำ Big Data และ AI มาใช้ในภาคส่วนสำคัญอย่าง สาธารณสุข การท่องเที่ยว หรือการศึกษา เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ให้ความเห็นให้มีแนวทางการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ จีพียู และการพัฒนาแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์เปิด (Open Source AI Platform) ให้เพียงพอเพื่อส่งเสริมการขยายตัวของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในราคาที่เหมาะสม รวมไปถึงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Bank) ที่จะรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา AI ในสาขาต่าง ๆ ในส่วนข้อมูลภาครัฐ จะส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐปรับตัวให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมดภายในปี 2569 คาดว่าการลงทุนด้านโครงสร้างเหล่านี้ จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 500,000 ล้านบาทโดยเป็นการลงทุนของรัฐบาลและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศประกอบกัน
สำหรับการส่งเสริมการประยุกต์ใช้ AI ในงานธุรกิจและอุตสาหกรรมนั้น จะมุ่งเน้นสาขาที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมเป็นหลัก เช่น การสาธารณสุข การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม เป็นต้น ซึ่งการประยุกต์ใช้ AI จะส่งผลให้การแพทย์ของไทยมีประสิทธิภาพและยกระดับขึ้นเป็นศูนย์กลางของการรักษาพยาบาลในอาเซียนได้ ยกระดับการท่องเที่ยวทั้งในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่าย อีกทั้งการใช้ AI ด้านการเกษตรจะทำให้การเพาะปลูกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลผลิตที่สูงขึ้น และสามารถทำงานด้านการพาณิชย์และตลาดอย่างตรงเป้าอีกด้วย ซึ่งคาดว่าการสนับสนุนการประยุกต์ใช้ AI ในด้านต่าง ๆ จะส่งผลดีต่อบริการสาธารณสุข อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เพื่อเร่งการประยุกต์ใช้ AI รัฐบาลจะสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศเพื่อบูรณาการการทำงานด้าน AI ในแต่ละสาขาร่วมกับภาคเอกชนอย่างเป็นระบบต่อไป
![]() |
![]() |