เจาะลึกแนวทางนักวิจัยรุ่นใหม่: สัมมนาทุนรัฐบาล กระทรวง อว. ปี 2568 ชี้ทางสู่ ‘นวัตกรรมเชิงพาณิชย์’ บนฐานจริยธรรม
(เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ) กิจกรรมสัมมนานักเรียนทุนรัฐบาลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “Innovating Tomorrow: Scholars Leading Thailand’s Future” ได้ปิดฉากลงแล้ว ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยกิจกรรมในวันสุดท้ายได้มุ่งเน้นการติดอาวุธทางความคิดและให้ข้อมูลเชิงลึกแก่นักวิจัยรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกการทำงานวิจัยที่มุ่งผลกระทบจริง โดยครอบคลุมตั้งแต่การปรับกระบวนทัศน์การวิจัยให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรม, การนำทางนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์, การเข้าถึงระบบนิเวศแหล่งทุนของประเทศ และการยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรมการวิจัย
- ปรับกระบวนทัศน์วิจัย: จาก Supply Push สู่ Demand Pull
ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. จุดประกายให้นักวิจัยรุ่นใหม่ในหัวข้อ “แบ่งปันประสบการณ์การบริหารจัดการและทิศทางการวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม” เปลี่ยนวิธีคิดจากการวิจัยแบบ “Supply push” ที่มักต่อยอดจากองค์ความรู้เดิมของตนเอง ไปสู่การวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยความต้องการจริงของสังคมหรือภาคอุตสาหกรรม หรือ “Demand pull” โดยยกกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จอย่าง Traffy Fondue และ FoodSERP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาจริงของประชาชน นอกจากนี้ ดร.สมบุญ ได้ให้บริบทของระบบวิจัยในปัจจุบันว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังการควบรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับทบวงมหาวิทยาลัยในปี 2562 ซึ่งนำไปสู่การแยกหน่วยงานทำวิจัยและหน่วยงานให้ทุนออกจากกันอย่างชัดเจน โดยหน่วยงานให้ทุนบริหารงานโดย สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และกองทุน ววน. ที่จะกระจายงบประมาณให้แก่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมถึง จัดสรรงบประมาณไปยังหน่วยบริหารจัดการทุน คือ PMU ต่าง ๆ ซึ่งนักวิจัยรุ่นใหม่จำเป็นต้องเข้าใจโครงสร้างเหล่านี้เพื่อความสำเร็จในการของบวิจัย
- วางรากฐานนวัตกรรมด้วยจริยธรรมและธรรมาภิบาล
คุณฐิติวรรณ เกิดสมบุญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาคุณภาพและจริยธรรมการวิจัย สวทช. ได้ให้แนวคิดสามเสาหลักในการสร้างสรรค์งานวิจัย คือ ธรรมาภิบาล (Good Governance), จริยธรรม (Ethics) และความซื่อตรง (Integrity) พร้อมทั้งได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ 6 หลักการสำคัญที่ได้รับการยอมรับในการสร้างบูรณภาพการวิจัย สร้างวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่ดีในการทำวิจัย, ผลิตงานวิจัยที่มีคุณภาพไม่ขัดต่อกฎหมาย สอดคล้องกับหลักจริยธรรมและธรรมาภิบาล เปิดเผย/เผยแพร่ความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ ให้เป็นสาธารณะ เข้าถึงได้ง่ายและแบ่งปันประโยชน์อย่างทั่วถึง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ดำเนินงานวิจัย พัฒนา และพิจารณาทบทวนกิจกรรมการวิจัยด้วยความซื่อสัตย์ เคารพเพื่อนร่วมงาน ผู้เข้าร่วมการวิจัยตลอดจนสังคม ระบบนิเวศ มรดกทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และเจาะลึกในมาตรฐานภาคปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่
- –จรรยาบรรณการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์: ยึดหลักการใช้สัตว์ให้น้อยที่สุด หาทางเลือกอื่นทดแทน และลดความทรมานของสัตว์ให้มากที่สุด
- –จริยธรรมการวิจัยในมนุษย์: ทุกโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ก่อนเริ่มดำเนินการ
- –ความปลอดภัยทางชีวภาพ: การวิจัยที่ใช้เชื้อโรคต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม
- –จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์: มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ โปร่งใส และปลอดภัย เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- ถอดรหัสเส้นทางสู่นวัตกรรมเชิงพาณิชย์
ศาสตราจารย์ ดร.สนอง เอกสิทธิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิจาก วช. ได้ให้มุมมองที่เฉียบคมเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ โดยชี้ว่างานวิจัยยุคใหม่ไม่สามารถเป็นแบบ “Single Discipline” ได้อีกต่อไป แต่ต้องอาศัยทีมเวิร์คและการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญศาสตร์อื่น ท่านได้วางกรอบการเดินทาง 3 ขั้น คือ Idea (ทฤษฎี), Invention (สิ่งประดิษฐ์) และ Innovation (นวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง) พร้อมเน้นย้ำว่า “บทความที่ตีพิมพ์แต่ไม่มีคนอ้างอิงก็ไม่มีค่า เช่นเดียวกับสิทธิบัตรที่ไม่มีการนำไปใช้งาน” ท่านจึงแนะนำให้นักวิจัยใช้เครื่องมือประเมินระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี หรือ TRL เป็น “แผนที่นำทาง” ในการพัฒนางานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จริง
- เจาะลึกระบบนิเวศแหล่งทุนวิจัยของไทย
ดร.รัฐภูมิ ตู้จินดา รองผู้อำนวยการ บพค. ได้ฉายภาพรวมระบบการให้ทุนของประเทศภายใต้แผนด้าน ววน. (พ.ศ. 2566-2570) โดยเปิดเผยว่า งบประมาณด้านการวิจัยของประเทศมีมูลค่าราว 17,000-18,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่ง สกสว. จะจัดสรรไปยังหน่วยบริหารจัดการทุน (PMU) 7 แห่ง อาทิ บพท. (PMUA) ที่เน้นการพัฒนาระดับพื้นที่, บพข. (PMUC) ที่เน้นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และ บพค. (PMUB) ซึ่งรับผิดชอบทุนด้านการพัฒนากำลังคนและสถาบันอุดมศึกษา โดย ดร.รัฐภูมิ ย้ำว่าแต่ละ PMU มีตัวชี้วัด (OKR) และเกณฑ์การให้ทุนที่แตกต่างกัน
- สร้างเครือข่ายและแรงบันดาลใจ ส่งท้ายสู่เส้นทางจริง
ในช่วงท้ายของวัน สมาคมเครือข่ายนักวิจัยไทยรุ่นใหม่ (TYSA) ได้จัดกิจกรรม Reflection and Sharing เพื่อให้นักเรียนทุนได้สะท้อนและแลกเปลี่ยนสิ่งที่ได้เรียนรู้ โดยก่อนหน้านี้ TYSA ได้จัดกิจกรรมเสวนาที่ชี้ให้เห็นความสำคัญของการวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของงานวิจัย และการค้นหาผู้ใช้งาน (User) ให้พบ ขณะที่ ดร.ปรีชา เกียรติกิระขจร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ได้ให้คำนิยาม “นวัตกรรม” ว่าคือสิ่งใหม่ที่คนยอมรับและพร้อมที่จะจ่ายเพื่อให้ได้ใช้งาน ไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีเสมอไป รวมทั้ง ดร.ปวีณ นราเมธกุล
ผู้ช่วยอำนวยการ สวทช. ให้กำลังใจนักเรียนทุนทุกคนที่ได้กลับมาปฏิบัติงานในหน่วยงานราชการต่างๆ แล้ว
ขอให้ปฏิบัติงานอย่างมีความสุข หากติดขัดปัญหาหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การปฏิบัติงานชดใช้ทุนก็สามารถปรึกษาพี่เลี้ยงได้ จากนั้น รศ. ดร.ดารา ภู่สง่า นักเรียนทุนรุ่นพี่ ได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานในฐานะอาจารย์และนักวิจัย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนทุนรุ่นใหม่
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
กิจกรรมสัมมนาปิดท้ายด้วยสรุปจาก ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. โดยหวังว่านักเรียนทุนจะสามารถเก็บเกี่ยวความรู้และเครือข่ายเพื่อใช้ตัดสินใจในการทำงานวิจัย การสร้างทีม และการหาแหล่งทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่วนรวมเป็นหลัก และย้ำว่านักเรียนทุนยังสามารถติดต่อขอคำปรึกษาจากพี่เลี้ยง และ สวทช. ได้ทุกโอกาส
![]() |
![]() |
เส้นทางของนักวิจัยรุ่นใหม่ในวันนี้ไม่ได้สิ้นสุดแค่เพียงห้องทดลองและบทความวิชาการ แต่คือการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความเข้าใจในระบบนิเวศการวิจัยของประเทศ และหัวใจที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคม การสัมมนาครั้งนี้ได้มอบทั้งเข็มทิศและแผนที่เพื่อนำทางสู่เป้าหมายนั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความกล้าที่จะก้าวออกไปจากกรอบเดิม ๆ และลงมือทำเพื่อสร้างผลกระทบที่แท้จริงบนพื้นฐานของจริยธรรมและความรับผิดชอบ เพราะนักเรียนทุนรัฐบาลคืออนาคตของชาติ ที่จะเปลี่ยนทฤษฎีให้เป็นความจริง และเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาสเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน
![]() |
![]() |