หน้าแรก ENTEC สวทช. เดินหน้าสร้างศักยภาพบุคลากร กกพ. เสริมความพร้อมประเทศไทยสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน

ENTEC สวทช. เดินหน้าสร้างศักยภาพบุคลากร กกพ. เสริมความพร้อมประเทศไทยสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน

16 พ.ค. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพบรรยากาศการสัมมนา

วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมมณเฑียร กรุงเทพฯ : ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดการฝึกอบรมหลักสูตร “Capability Building for Energy Transition (2025)” ต่อเนื่องเป็นวันที่สองของโครงการฝึกอบรมปีที่ 3 ให้แก่บุคลากรสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อให้บุคลากร กกพ. มีความรู้ ทักษะ และความเข้าใจที่จำเป็นในการรองรับและปรับตัวต่อโลกพลังงานยุคใหม่ พร้อมทั้งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ระหว่างผู้เข้าร่วม เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานที่ยั่งยืน มั่นคง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • นโยบายและแนวโน้มด้านพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์
    พลังงานนิวเคลียร์โลกมุ่งสู่ SMR ไทยเตรียมแผนรับ: ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจพลังงานนิวเคลียร์มากขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า SMR (Small Modular Reactor) ซึ่งมีขนาดเล็กและยืดหยุ่นกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เดิม การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 28 (COP28) ได้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ 3 เท่าภายในปี 2050 ขณะที่ประเทศไทยเตรียมบรรจุ SMR ขนาด 600 เมกะวัตต์ ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan; PDP) ฉบับใหม่ โดย กฟผ. กำลังเร่งศึกษาและเตรียมโครงสร้างพื้นฐานรองรับเทคโนโลยีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายเรื่องการยอมรับจากสังคมและการมีกฎระเบียบที่ชัดเจน”

ภาพ ดร.นทีกูล เกรียงชัยพร วิศวกรระดับ 10 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

โดย ดร.นทีกูล เกรียงชัยพร วิศวกรระดับ 10 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

  • การผลิตความร้อนคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำจากพลังงานนิวเคลียร์
    “บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำระดับโลกที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและความยั่งยืน โดยตั้งเป้าเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำ 3 อันดับแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 บริษัทฯ เล็งเห็นว่าพลังงานนิวเคลียร์ โดยเฉพาะเทคโนโลยี Small Modular Reactor (SMR) จะมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้ เนื่องจาก มีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ เช่น ขนาดที่เล็กกว่า ใช้เวลาก่อสร้างน้อยกว่า และมีความปลอดภัยสูงกว่า นอกจากนี้ SMR ยังสามารถผลิตทั้งไฟฟ้าและความร้อนได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรม”

ภาพ ดร.พงศ์ศักดิ์ ครุกานันต์ Senior Vice President – Decarbonization Technology 
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)

โดย ดร.พงศ์ศักดิ์ ครุกานันต์ Senior Vice President – Decarbonization Technology
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)

  • นโยบายและแนวโน้มเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก (SMR)
    “Small Modular Reactor (SMR) เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั่วโลกเนื่องจากมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าที่สะอาดและมั่นคง รวมถึงยังสามารถประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น การผลิตไฮโดรเจน การกลั่นปิโตรเลียม และการผลิตความร้อนสำหรับเขตเมือง นานาประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMR โดยมีโครงการและความร่วมมือระหว่างประเทศเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง IEA คาดการณ์ว่า SMR จะเป็นตัวเร่งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคใหม่ของพลังงานนิวเคลียร์ ขณะที่หลายบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำก็หันมาสนใจ SMR เพื่อเป็นแหล่งพลังงานสะอาดสำหรับศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยี AI ที่มีการใช้พลังงานสูง ยังมีความท้าทายที่ต้องพิจารณา เช่น การจัดการกากกัมมันตรังสี การยอมรับของประชาชน และการมีมาตรฐานกำกับดูแลความปลอดภัยที่เหมาะสม ทั้งนี้ การพัฒนา SMR ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในระบบพลังงานโลกอนาคต”

ภาพ ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)

โดย ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)

  • เทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานและการใช้ประโยชน์ในภาคพลังงาน
    “ประเทศไทยมุ่งสู่พลังงานยั่งยืน โดยตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 40% ในปี 2030 เป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 ระบบกักเก็บพลังงานมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายนี้ โดยช่วยกักเก็บและบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไทยตั้งเป้าหมายที่จะมีระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS) ขนาด 26,010 MWh หรือ 10,485 MW ในช่วงปี 2024-2037 โดยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Li-ion) คาดว่าจะเป็นตัวเลือกหลักจนถึงปี 2040 แต่เทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Flow, Thermal, Gravitational, Flywheel และ Hydrogen ก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะสำหรับการกักเก็บพลังงานระยะยาว ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) มีประโยชน์หลายด้าน ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและส่งไฟฟ้า  สร้างเสถียรภาพในการจ่ายไฟฟ้า และสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันไทยกำลังดำเนินการและวางแผนโครงการ ESS ทั้งในระดับ Utility Scale, Behind-the-Meter (BTM) และ Microgrid”

ภาพ ดร.จิราวรรณ มงคลธนทรรศ นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)

โดย ดร.จิราวรรณ มงคลธนทรรศ นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)

  • เทคโนโลยีและแนวโน้ม H2 เทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว
    “ไฮโดรเจนกำลังได้รับความสนใจในฐานะพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะ “ไฮโดรเจนสีเขียว” ที่ผลิตจากกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) โดยใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ ไฮโดรเจนเป็นธาตุที่เบาที่สุดในโลกและสามารถกักเก็บและปลดปล่อยพลังงานได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับอนาคต ประเทศไทยมีแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาไฮโดรเจน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  เทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนมีหลายวิธี แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เช่น การผลิตจากก๊าซธรรมชาติ (ซึ่งต้องมีระบบดักจับคาร์บอน) การผลิตจากชีวมวล และการผลิตโดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตและอายุการใช้งานของเทคโนโลยีไฮโดรเจนยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ แต่ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไฮโดรเจนก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในอนาคต”

ภาพ ดร.วิศาล ลีลาวิวัฒน์ นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)

โดย ดร.วิศาล ลีลาวิวัฒน์ นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)

หลักสูตรดังกล่าวสะท้อนบทบาทของ ENTEC ในฐานะองค์กรชั้นนำด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานของประเทศ ซึ่งนอกจากจะบ่มเพาะนวัตกรรมพลังงานเพื่อสร้างระบบนิเวศพลังงานไทยที่ยั่งยืนแล้ว ยังมุ่งเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรภาครัฐให้มีความรู้ ทักษะ และความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานยุคใหม่

แชร์หน้านี้: