ENTEC สวทช.- บี.กริม ร่วมผลักดันมาตรฐานโซลาร์เซลล์ ถ่ายทอดความรู้ทดสอบแผงใช้แล้ว สร้างต้นแบบการเรียนรู้และใช้ประโยชน์จริงในโรงเรียน
วันที่ 18 กันยายน 2568 ณ โรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี จังหวัดปทุมธานี: ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.อมรรัตน์ ลิ้มมณี (นักวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัย) พร้อมด้วย ดร.ทวีวัฒน์ กระจ่างสังข์ (นักวิจัย) ดร.นพดล สิทธิพล (นักวิจัย) และทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ กลุ่มวิจัยนวัตกรรมพลังงาน ENTEC ร่วมกับ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ บจก.บี.กริม พีโอพี เพาเวอร์ 1,2 จัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เรื่อง “มาตรฐานการทดสอบความพร้อมใช้ของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่ผ่านการใช้งานแล้ว” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐาน กฎระเบียบ และเทคโนโลยีการจัดการแผงโซลาร์เซลล์เสื่อมสภาพให้กับบุคลากรโรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี เทศบาลเมืองบางกะดี บริษัท สวนอุตสาหกรรมบางกะดี รวมถึงอาจารย์และนักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 70 คน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
กิจกรรมครอบคลุมทั้งการบรรยายและให้ความรู้เกี่ยวกับผลงานวิจัยจาก ENTEC สวทช. เช่น ผลงาน SEESOLAR โซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตรที่ใช้ประโยชน์ได้กับแปลงปลูกพืชขนาดเล็กและโรงเรือนเพาะปลูกขนาดใหญ่โดยติดตั้งเป็นหลังคาโรงเรือน ผลงาน Mesh PV แผงโซลาร์เซลล์น้ำหนักเบาและผลงาน PET-ACM PV Module แผงโซลาร์เซลล์ชั้นด้านหลังเป็นอะลูมิเนียมคอมโพสิต ที่ใช้งานเป็นส่วนหนึ่งของอาคารและยานพาหนะ รวมทั้งให้ความรู้เรื่องหลักการของมาตรฐานต่าง ๆ ข้อกำหนดด้านการจัดการแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ตลอดจนการสาธิตการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดค่าประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแผงที่เลิกใช้งานแล้ว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ทดลองปฏิบัติจริง เรียนรู้เทคนิคการประเมินและตรวจสอบคุณภาพแผง เพื่อสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการแผงเซลล์แสงอาทิตย์ได้อย่างเป็นระบบและปลอดภัย
ดร.จิรประภา กิมสุนทร ตัวแทนแผนก Special Project Support for Power Plants บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวขอบคุณ ENTEC สวทช. ที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เรื่องมาตรฐานการทดสอบความพร้อมใช้งานของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ที่ผ่านการใช้งานแล้ว ในครั้งนี้ โดยคณะนักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และสาธิตการทดสอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การตรวจสอบสภาพแผงด้วยสายตา การทดสอบสมรรถนะ และการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและหน่วยงานต่าง ๆ นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ทั้งในระดับชุมชน โรงเรียน นักวิจัย และภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีแผงโซลาร์เซลล์จำนวนมากและกำลังเตรียมสู่เป้าหมาย Net Zero จึงต้องวางแผนจัดการแผงโซลาร์เซลล์ที่หมดอายุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือกำจัดอย่างปลอดภัย การเรียนรู้ครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อบริษัทฯ เป็นอย่างมาก
![]() |
![]() |
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับ ENTEC สวทช. ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กึ่งโปร่งแสงและแผงโซลาร์เซลล์แบบสีสันความสวยงาม ให้กับโรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี จ.ปทุมธานี ทดลองใช้ประโยชน์ในกิจกรรมของโรงเรียน เช่น งานวิจัยด้านการเกษตร เพื่อศึกษาความเหมาะสมของพืชแต่ละชนิดกับคุณสมบัติของแผงโซลาร์เซลล์ที่ได้ติดตั้ง โดยผลผลิตจากแปลงทดลองจะช่วยให้เด็ก ๆ และชุมชนต่อยอดสร้างรายได้เสริมได้ในอนาคต ความร่วมมือครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และภาคเอกชน เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้กับชุมชน และเป็นก้าวสำคัญสู่การจัดการพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
คุณพรรณณิษา กิจล่ำลือกุล ตัวแทนทีม Special Project Support for Power Plants บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การร่วมกันของบริษัทฯ และ ENTEC สวทช. ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้กับโรงเรียน จะทำให้โรงเรียนสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ได้เอง ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากระบบสายส่งของการไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โซลาร์เซลล์จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากระบบสายส่งในประเทศ ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการร่วมสร้างสังคมพลังงานสะอาดควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น
ส่วนด้าน คุณนุสรินทร์ อังคสิงห์ ครูชำนาญการโรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และขอขอบคุณ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ ENTEC สวทช. ที่ให้การสนับสนุน ให้ความรู้และติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้กับโรงเรียน ซึ่งไฟฟ้าที่ได้จากโซลาร์เซลล์ถูกนำไปใช้ในส่วนต่าง ๆ เช่น ในอาคารเรียน ห้องคอมพิวเตอร์ และโรงเรือนเกษตรของโรงเรียน ทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าจากเดือนละ 6,000–7,000 บาท เหลือประมาณ 3,000 บาท ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ราว 60% โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายของโรงเรียน แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้เด็กนักเรียนได้เห็นคุณค่าของพลังงานสะอาดอีกด้วย