หน้าแรก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ เสด็จเปิดงาน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ครบรอบ 15 ปี” สวทช. ร่วมถวายรายงานความสำเร็จโครงการส่งเสริม STEM Education ปฐมวัย สู่แนวทางการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD)

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ เสด็จเปิดงาน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ครบรอบ 15 ปี” สวทช. ร่วมถวายรายงานความสำเร็จโครงการส่งเสริม STEM Education ปฐมวัย สู่แนวทางการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD)

1 พ.ย. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงาน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย” ครบรอบ 15 ปี

คณะผู้บริหาร สวทช. นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช.  และนางฤทัย จงสฤษดิ์  ผู้อำนวยการฝ่ายบริการทางวิชาการและการประเมินหลักสูตรด้านพัฒนากำลังคน สวทช. ร่วมเฝ้าทูลละอองพระบาท รับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงาน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย” ครบรอบ 15 ปี เดินหน้าสู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD) เฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษาสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และถวายรายงานผลการดำเนินโครงการความหลากหลายทางชีวภาพในชุมชนของฉัน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ณ อาคารอาคารนวัตกรรม ศาสตราจารย์.ดร.สาโรช บัวศรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ภาพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ เสด็จเปิดงานประชุมวิชาการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ครบรอบ 15 ปี สู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD)” ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ภาพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ เสด็จเปิดงานประชุมวิชาการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ครบรอบ 15 ปี สู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD)” ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จของการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 15 ปี โดยมีสถานศึกษาระดับปฐมวัยเข้าร่วมโครงการ 27,366 โรงเรียนทั่วประเทศ ผ่านผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น 211 แห่ง และมีสถานศึกษาระดับประถมศึกษาเข้าร่วมโครงการ 16,872 โรงเรียนทั่วประเทศผ่านผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น 205 แห่ง ด้วยความร่วมมือของ 8 หน่วยงานหลัก ได้แก่ มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ เพื่อส่งเสริมการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ (STEM Education) สำหรับเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา เพื่อสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

ภาพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ เสด็จเปิดงานประชุมวิชาการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ครบรอบ 15 ปี สู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD)” ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

เนื่องในโอกาสดำเนินงานครบรอบ 15 ปี โครงการฯ ได้จัดประชุมวิชาการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ครบรอบ 15 ปี สู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD)” เฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 22 – 23 ตุลาคม 2568 ณ อาคารนวัตกรรม : ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 พรรษา ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และฉลองครบรอบ 15 ปี โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในการเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในการเปิดงานประชุมวิชาการ ในวันที่ 22 ตุลาคม 2568

นางฤทัย จงสฤษดิ์ วิทยากรหลักอาวุโสโครงการจาก สวทช. กล่าวว่า  การประชุมวิชาการครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย โดยมีกิจกรรมหลากหลายตั้งแต่การบรรยายพิเศษจาก Keynote Speakers การจัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพในชุมชนของฉัน การนำเสนอผลงานวิจัย และการเสวนาวิชาการ เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัย นักวิชาการ บุคลากรทางการศึกษาในโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย รวมถึงผู้ที่สนใจทั่วไปได้มีเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการให้กับโครงการ และยังเป็นการเผยแพร่ผลผลิตและผลลัพธ์สำคัญของโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย ที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็งมาตลอดระยะเวลา 15 ปี

ภาพบรรยากาศภายในงาน ภาพบรรยากาศภายในงาน ภาพบรรยากาศภายในงาน

สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การบรรยายพิเศษโดย Dr. Tobias Ernst ประธานมูลนิธิ Stiftung Kinder Forscher สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในหัวข้อ “Little Scientists in Germany: Why Early STEM Education Matters” และ “From Curiosity to Competence: How Early STEM Education for Sustainable Development Shapes a Better Future”  การบรรยายพิเศษโดย Prof. Dr. Ching-Ting Hsin จาก National Tsing Hua University ไต้หวัน ในหัวข้อ “Equity in Action: Building Culturally Relevant and Sustaining Pathways in Early STEM Education นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา “การจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามแนวทางโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” และการเสวนา “เด็กสร้างถิ่น: เรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรม และภูมิปัญญา เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” การนำเสนองานวิจัยภาคบรรยายใน 4 หัวข้อ ได้แก่ 1) การบริหารโครงการและพัฒนาบุคลากร  2) การบริหารสถานศึกษา 3) การจัดการเรียนรู้ระดับปฐมวัย และ 4) การจัดการเรียนรู้ระดับประถมศึกษา การนำเสนอผลงานวิจัยภาคโปสเตอร์  

ภาพบรรยากาศภายในงาน ภาพบรรยากาศภายในงาน

ภาพบรรยากาศภายในงาน

สำหรับก้าวต่อไป โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย มุ่งเน้นการพัฒนาและต่อยอด พร้อมขยายแนวทางการจัดการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Education for Sustainable Development – ESD) ส่งเสริมให้โรงเรียนจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น พัฒนาเนื้อหาสำหรับฝึกอบรมครูรุ่นใหม่ ร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (UN SDGs)

ภาพเด็กหญิงชุติกา สิงห์สุข โรงเรียนบ้านโล๊ะป่าห้า นักเรียนผู้ทำโครงงานความหลากหลายของพันธุ์พืชในแกงแคอาหารถิ่นล้านนา

เด็กหญิงชุติกา สิงห์สุข  โรงเรียนบ้านโล๊ะป่าห้า นักเรียนผู้ทำโครงงานความหลากหลายของพันธุ์พืชในแกงแคอาหารถิ่นล้านนา กล่าวว่า หนูกับเพื่อนๆ ได้เรียนรู้วิธีทำแกงแคจากพืชผักหลากหลายชนิดที่หาได้รอบๆ บ้านและในชุมชน ได้รู้จักชื่อพืชพันธุ์นานาชนิดและประโยชน์ของผักที่ใสในแกงแคอีกด้วย หนูอยากให้แกงแคอยู่กับชุมชน จึงได้เรียนรู้การทำชุดแกงแคปรุงสำเร็จค่ะ หนูชอบให้คุณครูสอนแบบนี้มากๆ  เพราะได้ลงมือทำกิจกรรม ได้เก็บผักมาศึกษา ได้หั่นผักล้างผัก ลองตำพริกแกง และได้ทำแกงแคด้วยตนเอง สนุกมาก และภูมิใจเมื่อได้ชิมแกงแคที่หนูและเพื่อนๆ ทำค่ะ

ภาพเด็กหญิงอลิสา อ่อนสำลี โรงเรียนเฟื่องฟ้าวิทยา นักเรียนผู้ทำโครงงานเรื่อง ปฏิบัติการรักษ์น้ำของเหล่าพืชน้ำตัวจิ๋ว

เด็กหญิงอลิสา อ่อนสำลี โรงเรียนเฟื่องฟ้าวิทยา นักเรียนผู้ทำโครงงานเรื่อง ปฏิบัติการรักษ์น้ำของเหล่าพืชน้ำตัวจิ๋ว กล่าวว่าหนูได้ลองสังเกตและทดลองศึกษาพืชน้ำหลายชนิดด้วยตัวเอง จึงได้เรียนรู้ว่าพืชน้ำบางชนิดที่อยู่ในคลองของชุมชนเราก็มีประโยชน์ ช่วยทำให้น้ำสะอาดและเป็นบ้านของสัตว์น้ำเล็ก ๆ หนูภูมิใจที่ได้ช่วยดูแลน้ำในคลองของเรา ถ้าทุกคนไม่ทิ้งขยะลงคลอง คลองก็จะสะอาดและสวยงาม หนูชอบการเรียนแบบนี้เพราะได้ลงมือทำจริงเหมือนได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวจิ๋ว สนุกมากเลยค่ะ

ภาพคุณครูเรวดี จันดอนแดง โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี ครูที่ปรึกษาโครงงาน นักสืบสายพันธุ์ปลาแม่น้ำโขง มูล ชี อุบลราชธานี มีปลาแซบหลาย

คุณครูเรวดี จันดอนแดง โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี ครูที่ปรึกษาโครงงาน นักสืบสายพันธุ์ปลาแม่น้ำโขง มูล ชี อุบลราชธานี มีปลาแซบหลาย กล่าวว่า การได้พานักเรียนทำกิจกรรม ทำให้ครูเข้าใจในข้อความที่ว่า “การศึกษามิใช่เรื่องของการเติมน้ำใส่ถัง หากแต่เป็นเรื่องของการจุดไฟ” เพราะธรรมชาติของเด็กๆ พวกเขาอยากรู้ อยากเห็น และสนใจสิ่งรอบตัวเสมอ การเรียนรู้ที่มีเด็กๆ เป็นพระเอก นางเอกมีครูเป็นที่ปรึกษา มีผู้ปกครองคอยสนับสนุนให้กำลังใจ เด็กๆ ก็พร้อมและสนุกที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ครูได้เห็นถึงพลังและศักยภาพในการเรียนรู้สิ่งต่างๆของเด็กๆ

ภาพคุณครูสุวภา บุญอุไร โรงเรียนบ้านหนองเสือช้าง (จรุงราษฎร์พัฒนา) ครูที่ปรึกษาโครงงาน เด็กหลง(รักษ์ป่า)

คุณครูสุวภา บุญอุไร โรงเรียนบ้านหนองเสือช้าง (จรุงราษฎร์พัฒนา) ครูที่ปรึกษาโครงงาน เด็กหลง(รักษ์ป่า) กล่าวว่า จากการจัดประสบการณ์โครงงานเด็กหลง (รักษ์) ป่า ทำให้คุณครูได้เรียนรู้ว่า “เด็กทุกคนมีแสงสว่างในตัวเองและสามารถเรียนรู้ได้” ซึ่งการเรียนรู้ของเด็กไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่เราปรับป่าในชุมชนให้เป็นห้องเรียนสำหรับเด็กๆ ได้ โดยมีต้นไม้เป็นสื่อการเรียนรู้ มีคุณครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ มีผู้อำนวยการสถานศึกษาเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้  และมีเด็กๆ เป็นผู้เรียนรู้อย่างมีความสุข

ภาพคุณครูกัญญาณัฐ แซ่อ๋อง โรงเรียนวัดดอนใคร ครูที่ปรึกษาโครงงานชะมดต้นสมุนไพรจากดอกไม้ริมทาง ชุมชน สีสา สิชล

คุณครูกัญญาณัฐ แซ่อ๋อง โรงเรียนวัดดอนใคร ครูที่ปรึกษาโครงงานชะมดต้นสมุนไพรจากดอกไม้ริมทาง ชุมชน สีสา สิชล กล่าวว่า เด็กๆ มีความกระหายใคร่รู้ มีความสนุกและมีความสุขกับการเรียนรู้ที่ตนเองได้เลือก อีกทั้งจัดการเรียนรู้แบบลองผิด ลองถูก ด้วยตนเอง ทำให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ และซึมซับสิ่งต่างๆ โดยไม่รู้ตัวและเป็นการวางรากฐาน กระบวนการ เรียนรู้ที่ยั่งยืนให้กับเด็กที่จะเป็นผู้สร้าง ดูแล และอนุรักษ์สิ่งต่างๆในชุมชนให้คงอยู่ตลอดไป

แชร์หน้านี้: