หน้าแรก 10 Technologies to Watch 2025: เหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel)

10 Technologies to Watch 2025: เหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel)

18 ส.ค. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ

10 Technologies to Watch 2025: เหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel)

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงทั่วโลก (direct global CO2 emission) ราว 7%  ถือว่าสูงที่สุดในบรรดาอุตสาหกรรมหนักทั้งหมด ซึ่งเหล็กเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้าง และเป็นวัสดุพื้นฐานให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิตรถยนต์ ไฟฟ้า ทั้งนี้พบว่าในปี 2022 มีกำลังการผลิตเหล็กทั่วโลกมากถึง 1,885 ล้านตัน และคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ถ้าทำได้ จะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนที่มหาศาลเพียงใด ?

อินโฟกราฟิกประกอบเนื้อหาเรื่องเหล็กกล้ารักษ์โลก โดยมีรายละเอียดอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป

ปัจจุบันนี้มีความพยายามที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมดังกล่าวให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหภาพยุโรป จึงนำมาสู่แนวคิด “เหล็กกล้าสีเขียวหรือเหล็กกล้ารักษ์โลก (green steel)” คือ เหล็กที่ผลิตโดยใช้กระบวนการและเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด การรีไซเคิลวัสดุ และกระบวนการที่มีความยั่งยืน

เปลี่ยนจากกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมที่เป็นกระบวนการผลิตแบบ BF-BOF ที่ใช้เตาหลอมแบบ blast furnace (BF) และ basic oxygen furnace (BOF) วิธีการนี้เริ่มใช้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 แต่ยังนิยมใช้มากถึง 70.6%

อินโฟกราฟิกประกอบเนื้อหาเรื่องเหล็กกล้ารักษ์โลก โดยมีรายละเอียดอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป

กระบวนการแบบใหม่เป็น “กระบวนการผลิตแบบ DRI-EAF (Direct Reduce Iron–Electric Arc Furnace)” ซึ่งเป็นการนำไฮโดรเจนสีเขียว (green hydrogen) เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตเหล็กพรุน (Direct Reduce Iron: DRI) ก่อนนำมาหลอมรวมกับเศษเหล็กในเตาหลอมไฟฟ้าระบบอาร์ก (Electric Arc Furnace: EAF) ที่ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนตลอดกระบวนการผลิตจนได้ เหล็กกล้าปลอดฟอสซิล (fossil-free steel) ในกระบวนการผลิต ซึ่งสามารถลดการปล่อย CO2 ต่อการผลิตเหล็ก 1 ตันให้เหลือแค่ 200-600 กิโลกรัม

อินโฟกราฟิกประกอบเนื้อหาเรื่องเหล็กกล้ารักษ์โลก โดยมีรายละเอียดอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป

มีโรงงานเหล็กกล้ารักษ์โลกที่ใช้งานจริงแล้วในหลายประเทศ เช่น บริษัท Stegra เดิมชื่อ H2 Green Steel ในเมืองโบเดน ประเทศสวีเดน บริษัท Boston Metal ในเมืองโวเบิร์น รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และบริษัท ArcelorMittal ซึ่งมีทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ สำหรับประเทศไทย มีการลงทุนจากบริษัทต่างชาติคือ บริษัทเมอแรนติ กรีน สตีล (ประเทศไทย) จำกัด ที่จังหวัดระยอง โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มต้นผลิตได้ราวต้นปี 2029 เทคโนโลยีเหล็กกล้ารักษ์โลกจึงเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับกระบวนการผลิตเหล็กกล้าไปพร้อมกับสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมให้กับโลกนี้

 

แชร์หน้านี้: