หน้าแรก 10 Technologies to Watch 2025: แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ (Bispecific Antibody)

10 Technologies to Watch 2025: แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ (Bispecific Antibody)

5 ก.ย. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ

10 Technologies to Watch 2025: แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ (Bispecific Antibody)

อินโฟกราฟิกประกอบเนื้อหาเรื่องแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ โดยมีรายละเอียดอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป

โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรโลก ซึ่งยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลดีและหายขาด แต่ขณะนี้เรามีเทคโนโลยีที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะปฏิวัติการรักษามะเร็งที่ให้ผลแม่นยำและอาจส่งผลให้การติดเชื้อไวรัสอย่าง HIV หายขาดได้ นั่นคือ “แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่”

อินโฟกราฟิกประกอบเนื้อหาเรื่องแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ โดยมีรายละเอียดอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป

ร่างกายคนสร้างภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคอย่างจำเพาะเจาะจง ซึ่งปกติแอนติบอดีมี “แขนสองข้างที่เหมือนกัน” ทำให้จับกับเป้าหมายบนผิวเซลล์เชื้อโรคได้เพียงชนิดเดียว แต่แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่มี “แขนสองข้างที่แตกต่างกัน” ทำให้จับกับเป้าหมายที่ต่างกัน 2 ชนิดได้ในเวลาเดียวกัน เสมือน “สะพานโมเลกุล” ที่เชื่อมเซลล์หรือโปรตีน 2 ชนิดเข้าด้วยกัน จึงทำลายเชื้อโรคแม่นยำขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน เช่น ทีเซลล์ เอนเกจเจอร์ (T cell Engager) กลไกสร้างแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ที่ออกแบบให้แขนข้างหนึ่งจับกับโปรตีนบนผิวเซลล์มะเร็ง และแขนอีกข้างหนึ่งจับกับโปรตีนบนผิวทีเซลล์ (T cell) ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงดึงทีเซลล์เข้ามาใกล้เซลล์มะเร็งเป้าหมาย จึงทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เหมือนสร้างสะพานให้กองกำลังทหารเข้าโจมตีผู้ร้ายได้ตรงจุด

อินโฟกราฟิกประกอบเนื้อหาเรื่องแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ โดยมีรายละเอียดอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป

ความเหนือชั้นของเทคโนโลยีนี้คือ “ความแม่นยำ” เพราะโจมตีเซลล์มะเร็งได้ตรงเป้า จึงช่วยลดผลกระทบต่อเซลล์ปกติ อีกทั้ง “มีกลไกการทำงานหลากหลาย” และที่สำคัญ “เข้าถึงง่ายกว่ายาแบบเดิม” เพราะผลิตยาแล้วใช้กับผู้ป่วยได้ทันที ต่างจากคาร์-ทีเซลล์ (CAR-T Cell) ที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน เพราะต้องนำทีเซลล์ผู้ป่วยมาดัดแปลงพันธุกรรมในห้องปฏิบัติการก่อนฉีดกลับเข้าร่างกาย

อินโฟกราฟิกประกอบเนื้อหาเรื่องแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ โดยมีรายละเอียดอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป

เทคโนโลยีนี้เริ่มใช้งานอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มโรคมะเร็งเม็ดเลือดและไขกระดูก ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก และกำลังขยายผลสู่การรักษาโรคมะเร็งชนิดก้อน เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันต่อตนเอง ที่สั่นสะเทือนวงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์ คือ การใช้รักษาโรคติดเชื้อ เช่น HIV ถือเป็นความหวังใหม่ที่จะรักษาผู้ป่วย HIV ให้หายขาด

อินโฟกราฟิกประกอบเนื้อหาเรื่องแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ โดยมีรายละเอียดอยู่ในเนื้อหาส่วนต่อไป

ปัจจุบันหลายบริษัททั่วโลกกำลังพัฒนาและผลิตแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ให้จำเพาะต่อมะเร็งชนิดต่าง ๆ เช่น ยาบลินไซโต (Blincyto®) หรือชื่อสามัญคือบลินาทูโมแมบ (blinatumomab) เป็น T cell Engager ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ขณะนี้มีการพัฒนา Trispecific Antibody ที่จับเป้าหมาย 3 ชนิดพร้อมกันได้สำเร็จ ช่วยนำส่งยาเข้าสู่เซลล์มะเร็งได้แม่นยำขึ้น เป็นความหวังผู้ป่วยโรคมะเร็ง สร้างโอกาสทางธุรกิจเปิดตลาดยาใหม่และนวัตกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล

สวทช. มีความพร้อมทั้งบุคลากร องค์ความรู้ และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีแอนติบอดีและเซลล์ที่พร้อมรองรับการวิจัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีนี้สู่การใช้จริงเชิงพาณิชย์และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางรับจ้างวิจัยและผลิตยาชีววัตถุในภูมิภาค


📌 อ่านข้อมูลฉบับเต็มและข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่: https://www.nstda.or.th/r/BtQWQ
📌 รับชมการบรรยายได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=8cAv6AEX55c

แชร์หน้านี้: