หน้าแรก สวทช. จับมือพันธมิตร ปั้นนวัตกรเพื่อชาติ เสริมทักษะให้นักเรียนทุนฯ ผสานงานวิจัยสู่การแก้ปัญหาจริง

สวทช. จับมือพันธมิตร ปั้นนวัตกรเพื่อชาติ เสริมทักษะให้นักเรียนทุนฯ ผสานงานวิจัยสู่การแก้ปัญหาจริง

15 ก.ย. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

(วันที่ 11 กันยายน 2568) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดสัมมนานักเรียนทุนรัฐบาลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่สำเร็จการศึกษา ประจำปี 2568 หัวข้อ “Innovating Tomorrow: Scholars Leading Thailand’s Future” ซึ่งเป็นการสัมมนาครั้งสำคัญสำหรับนักเรียนทุนรัฐบาลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำเร็จการศึกษาประจำปี 2568 โดยมีนักเรียนทุนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติเข้าประมาณ 80 คน ร่วมรับฟังการถ่ายทอดแนวคิดจากผู้บริหารระดับสูงให้นักวิจัยรุ่นใหม่เปลี่ยนมุมมองจากการทำผลงานเพื่อความก้าวหน้าทางวิชาการส่วนตน ไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของประเทศ การสัมมนาภายใต้หัวข้อ “Innovating Tomorrow: Scholars Leading Thailand’s Future” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2568 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง, เตรียมความพร้อมและสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน, และเสริมทักษะการสร้างผลงานวิจัยที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศ

นางสาวพัชร์ลิตา  ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ด้านพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  กล่าวว่า สวทช. ได้รับมอบหมายจากกระทรวง อว. ให้เป็นหน่วยงานที่ดูแลการศึกษาของนักเรียนทุนรัฐบาล และจัดงานสัมมนาในวันนี้ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์อันเข้มแข็งระหว่างนักเรียนทุนรุ่นใหม่ เตรียมความพร้อมและสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนทุนสามารถเริ่มต้นการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศชาติได้อย่างแท้จริง

นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประธานในพิธีฯ กล่าวเปิดงานว่า การจัดงานในวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่นักเรียนทุนได้มาทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานร่วมกันในอนาคต ซึ่ง “นักเรียนทุนรัฐบาล” ทุกคนเป็นความหวังที่จะช่วยกันนำผลงานวิจัยมาพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ยังทำให้นักเรียนทุนได้เข้าใจถึงระเบียบและแนวทางการปฏิบัติงานในหน่วยงานต้นสังกัดต่อไป ที่จะช่วยส่งเสริมทั้งด้านการทำวิจัยและการทำงาน ซึ่งทราบกันดีว่านักเรียนทุนจะต้องมีความก้าวหน้าทางวิชาการ เช่น การขอตำแหน่งทางวิชาการ หลายคนได้ดำรงตำแหน่งทางการบริหาร โดยนักเรียนทุนรุ่นพี่ที่จบมาหลายท่านได้มีบทบาทสำคัญในการนำผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนประเทศอย่างต่อเนื่อง

โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการใช้ศักยภาพของบุคลากรระดับหัวกะทิได้ไม่เต็มที่ พร้อมชวนตั้งคำถามให้นักวิจัยรุ่นใหม่ทบทวนเป้าหมายว่า “เราทำวิจัยเพื่ออะไร” และเน้นย้ำว่า เป้าหมายไม่ควรเป็นเพียงการตีพิมพ์ผลงานวิชาการเพื่อตัวเอง ซึ่งจะนำไปสู่สภาวะ “everyone for themselves” หรือ “ตัวใครตัวมัน” แต่ควรเป็นการนำความต้องการที่แท้จริงของประเทศมาเป็นที่ตั้ง เพื่อค้นหาโจทย์วิจัยที่เหมาะสมและสร้างคุณค่าให้แก่ตนเองและประเทศชาติอย่างคุ้มค่าที่สุด เนื่องจากความรู้และเทคโนโลยีเดินจากจุดที่เราเรียนจบมาไกลมากแล้ว จึงต้องเรียนรู้เพิ่มแต่ต้องทำภาพการทำงานวิจัยของตัวเองให้ชัด สร้างคุณค่าให้ตัวเอง เข้าใจและมีความสามารถที่จะหาโจทย์วิจัยที่เหมาะสมกับตัวเองและนำไปทำงานได้ผลสำเร็จ

นอกจากนี้ ดร.สิทธิสุนทร สุโพธิณะ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนทุนรัฐบาลฯ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเป็นนักวิจัยอาชีพ โดยแนะนำให้นักวิจัยใหม่เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจระเบียบการทำงานของหน่วยงาน, เรียนรู้ธรรมชาติของโครงการวิจัยแต่ละประเภท, และให้ความสำคัญกับการสร้างทีมงานวิจัยที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในการบริหารโครงการขนาดใหญ่

ด้านกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ “Driving Thailand’s Future: Innovation, Startups, and Ecosystem” โดยสมาคมนักวิจัยไทยรุ่นใหม่ (TYSA) นำโดย ดร.อุดม แซ่อึ่ง ดร.ศศิธร ศรีสวัสดิ์ รศ. ดร.ศิวัช ลาวัลย์วดีกุล ผศ. ดร.ภาคภูมิ บวบทอง ดร.ชัยณรงค์ อมรบัญชรเวช และคุณเชษฐ์ธิดา ศรีสุขสาม ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของนักวิจัยที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายเส้นทางมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เน้นการปรับเปลี่ยนวิธีคิดของนักวิจัยใหม่ด้วยแนวคิดที่ตอบโจทย์ อาทิ เข้าใจผู้ใช้ (User) ต้องรับฟังความต้องการของลูกค้าหรือผู้ใช้งานให้มาก เพราะสิ่งที่ดีที่สุดของนักวิจัยอาจไม่ใช่สิ่งที่ตลาดต้องการ หาโจทย์จาก Pain Point ค้นหา “Pain Point” ที่แท้จริงของผู้ใช้หรือสังคมเพื่อนำมาเป็นโจทย์วิจัย แทนที่จะคิดต่อยอดจากความรู้เดิมเพียงอย่างเดียว สร้างผลกระทบ ไม่ใช่แค่สร้างความรู้ การทำงานวิจัยไม่ควรมีเป้าหมายเพียงเพื่อเพิ่มองค์ความรู้ในเอกสารทางวิชาการ (add knowledge into the Literature) พัฒนาทักษะด้านปฏิสัมพันธ์ (People Skill) ทักษะการสื่อสารและการเข้าหาผู้คนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานร่วมกับผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จ

การสัมมนาในวันแรกได้ปิดฉากลงด้วยการส่งสารที่ชัดเจนถึงนักวิจัยคลื่นลูกใหม่ว่า อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือของพวกเขา และทิศทางของการวิจัยและนวัตกรรมนับจากนี้ จะต้องถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าความสำเร็จส่วนตน นั่นคือการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

 

 

15 ก.ย. 2568
0
แชร์หน้านี้: