อะไรเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การจัดการความรู้ขององค์กรประสบความสำเร็จ

จากการสำรวจความคิดเห็นพบว่า 73% บอกว่าคน (people) เป็นปัจจัยหลักต่อความสำเร็จของการจัดการความรู้ ในขณะที่ 11% บอกว่า process เป็นปัจจัยหลัก อีก 14% บอกว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยหลัก ที่เหลืออีก 2% ไม่เสนอความเห็น

  • คน : ความรู้ส่วนรวมขององค์กรมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของการจัดการความรู้ มาจากการเรียนรู้และวัฒนธรรมการแบ่งปันขององค์กร การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมเกิดจากการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก เหมือนแนวทางปฏิบัติในการจัดการการเปลี่ยนแปลง คนเป็นปัจจัยหลักต่อความสำเร็จของการจัดการความรู้
  • process : process ไม่เพียงพอ การติดตาม process ที่มีประสิทธิภาพด้วยตัวแปรหลักและการวัดผล process เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนของความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการจัดการความรู้  process สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายองค์กร
  • เทคโนโลยี : เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนหนึ่งของการจัดการความรู้ บางครั้งเทคโนโลยีเป็นปัจจัยหลักในการนำคนมารวมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนอยู่ในที่ห่างไกล ช่วยจัดการเนื้อหาที่เกิดจากความร่วมมือโดยการจัดหมวดหมู่วัตถุความรู้ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีเพียงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการการจัดการความรู้แต่ถ้าไม่มีกลยุทธ์คนที่เหมาะสมหรือ process ที่จริงจัง จะไม่ทำให้การจัดการความรู้ประสบผลสำเร็จ

ที่มา: What is the key to the success of Knowledge Management in any organization?. Retrieved July 19, 2019, from http://www.allkm.com/km-basics/key-km.php

บทบาทของ IT ต่อการจัดการความรู้

1. เราต้องการการแก้ปัญหาโดยใช้ IT เพื่อทำให้การจัดการความรู้ประสบผลสำเร็จใช่ไหม
คำตอบอยู่ในองค์กร อย่างแรกเราต้องเข้าใจว่าเป้าหมายเกี่ยวกับกลยุทธ์ขององค์กรคืออะไรหรือองค์กรต้องการเป็นอย่างไรในอนาคต การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือ การจัดการความรู้จะสนับสนุนแนวทางปฏิบัติของการบรรลุเป้าหมายองค์กร โดยการจัดการความรู้องค์กรจะสามารถใช้ความรู้ส่วนรวมเพื่อปรับปรุงแนวทางปฏิบัติ, พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น หรือบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจอื่นๆ ดังนั้นต้องมุ่งไปที่วัฒนธรรมองค์กร, เป้าหมายเกี่ยวกับกลยุทธ์ และความรู้ในบริบทขององค์กรก่อนพัฒนาการแก้ปัญหาโดยใช้การจัดการความรู้

2. เครื่องมือ IT สำหรับการจัดการความรู้เหมาะกับองค์กรใช่ไหม
Buckman Laboratories ใช้เครื่องมือ IT ที่มีชื่อว่า K’Netix เพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมของการแบ่งปัน โดยเป็นเครือข่ายความรู้ที่พนักงานทุกคนสามารถเข้าสู่ระบบและมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นในหลายประเด็น ช่วยพนักงานที่อยู่ในส่วนต่างๆ ทั่วโลกสามารถมารวมกันและแบ่งปันความรู้ แก้ปัญหาซึ่งกันและกันโดยไม่จำกัดด้วยเวลาและระยะทาง ปัจจุบันมีหลายองค์กรใช้เครื่องมือที่คล้ายกัน เช่น discussion board หรือ buletin board

3. คิดว่าต้องการการแก้ปัญหาเหมือน K’Netix ใช่ไหม
ระบบการจัดการความรู้ขององค์กรหนึ่งไม่สามารถลอกเลียนโดยองค์กรอื่นๆ แม้แต่สององค์กรซึ่งมีแวดวงธุรกิจเหมือนกันและตั้งอยู่ในประเทศเดียวกันมีระบบการจัดการความรู้ที่แตกต่างกันเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ดังนั้นระบบการจัดการความรู้ต้องได้รับการออกแบบที่จำเพาะเพื่อตอบความต้องการขององค์กร ไม่จำเป็นว่าสิ่งที่เหมาะกับ Buckman Lab จะเหมาะกับองค์กรอื่นๆ อีกหนึ่งชนิดอุตสาหกรรมซึ่งพนักงานทำงานในที่ที่อยู่ใกล้กันสามารถมีปฏิสัมพันธ์แบบ face to face เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของการแบ่งปัน ใช้เครื่องมือการจัดการความรู้ที่เรียกว่า community of practice หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ COP


ที่มา: Role of IT in KM system of any organization. Retrieved July 23, 2019, from http://www.allkm.com/km-basics/km-it.php

การจัดการความรู้ทำให้ความสามารถในการผลิต (productivity) สูงขึ้น

สำหรับองค์กร การจัดการความรู้เป็นการจัดการธุรกิจโดยใช้ความรู้ โดยการจัดการความรู้สนับสนุนการแบ่งปันความรู้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และนวัตกรรมทั่วทั้งองค์กร การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือสำหรับพนักงานทุกคนเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ เมื่อใช้การจัดการความรู้พนักงานทุกคนมีแนวทางปฏิบัติปัจจุบันดีขึ้นทำให้ประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิตสูงขึ้น

เป้าหมายทางธุรกิจคือเพื่อความสามารถในการผลิตสูงขึ้นในทุกแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจ การจัดการความรู้ให้การแก้ปัญหาหรือแนวทางเพื่อทำให้ความสามารถในการผลิตสูงขึ้น การจัดการความรู้ส่งเสริมการแบ่งปันความรู้และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในองค์กร ทำให้การทำงานง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพโดยให้รายละเอียดที่ถูกต้องไปยังบุคคลที่ถูกต้องที่เวลาที่ถูกต้อง ป้องกันการทำผิดพลาดซ้ำโดยทำให้วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (best practices), เรื่องราวเกี่ยวกับความสำเร็จหรือความล้มเหลว สามารถเข้าถึงทั่วทั้งองค์กร ให้ความรู้ส่วนรวมขององค์กรกับพนักงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จที่สุดในการทำงาน


ที่มา: Achieving higher productivity through Knowledge management. Retrieved July 23, 2019, from http://www.allkm.com/km-basics/productivity.php

อุปสรรคของการแบ่งปันความรู้

1. ปลาไม่รู้มากเกี่ยวกับน้ำ หลายคนไม่รู้ถึงความสำคัญของความรู้ที่เป็นของตน มีคำพูดที่มาจากผู้รู้และมีประสบการณ์ว่า ฉันไม่มีอะไรที่จะแบ่งปัน และสิ่งที่ฉันรู้เป็นเพียงความรู้ทั่วไป

2. ฉันจะประสบปัญหาถ้าแบ่งปัน ความรู้มีพลังดังนั้นทำไมฉันควรแบ่งปันความรู้ของฉันซึ่งฉันได้มาจากการใช้เวลาและความพยายาม เป็นสิ่งซึ่งหยุดหลายคนจากการแบ่งปันความรู้ ความรู้เก่าหรือความเชื่อเก่าต้องการการเพิ่มพลังและควรได้รับความคิดเห็นของผู้อื่นเกี่ยวกับความรู้ของตน ถ้ามีการแลกเปลี่ยนความคิดบ่อยๆ ความรู้ใหม่จะเกิดขึ้น องค์กรต้องสร้างบรรยากาศที่สนับสนุนการแบ่งปันความรู้ วัฒนธรรมซึ่งกลัวการสูญเสียงานหรือตำแหน่งจากการแบ่งปันจะไม่ทำให้เกิดความรู้ใหม่สำหรับองค์กร ความรู้เป็นเหมือนของเหลวจะเติบโตขยายเมื่อข้ามผ่านขอบเขต ความรู้องค์กรมีประโยชน์เมื่อไปถึงลูกค้า ผู้ผลิตสินค้า หรือผู้ถือผลประโยชน์ร่วม ความรู้จะช่วยปรับปรุงหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่

3. ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญต่อการแบ่งปัน ความไว้วางใจระหว่างพนักงานเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมแบ่งปัน ไม่มีใครจะแบ่งปันปัญหาหรือถกเถียงความคิดใหม่เมื่อไม่ไว้วางใจคนอื่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้, การสร้างเครือข่าย, การเข้ากลุ่ม เป็นเครื่องมือซึ่งทำให้คนมารวมกันและความไว้วางใจจะพัฒนาขึ้น  การทำงานเป็นกลุ่ม, การแบ่งปันปัญหาทั่วไป, การถกเถียงการปรับปรุง เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความไว้วางใจซึ่งกันและกัน

4. นโยบายองค์กรและวัฒนธรรม บางองค์กรชอบที่จะให้รางวัลต่อพนักงานรายคนกว่าเป็นทีม ซึ่งจะไม่สนับสนุนการแบ่งปันความรู้ ถูกอธิบายในบทความเรื่อง Create colleagues, not Competitors เขียนโดย Marshall W. Van องค์กรต้องสร้างบรรยากาศของการแบ่งปันอย่างอิสระและให้รางวัลหรือยกย่องทุกความพยายามในการแบ่งปันความรู้

5. ฉันไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ บางครั้งหลายคนไม่ต้องการเป็นจุดสนใจโดยการแบ่งปันความรู้


ที่มา: Barriers of knowledge sharing in a KM program. Retrieved July 19, 2019, from http://www.allkm.com/km-basics/share.php

สร้างฟอร์มกรอกข้อมูลด้วย Webform สำหรับ Drupal

Webform เป็นโมดูลสำหรับการสร้างฟอร์มกรอกข้อมูลและสร้างแบบสำรวจที่ใช้งานกับ CMS ชื่อ Drupal

ความสามารถของโมดูลนี้ สามารถกำหนดรูปแบบการกรอกข้อมูลและเงื่อนไขได้หลายรูปแบบ หลังจากส่งข้อมูลเข้าระบบแล้วสามารถตั้งค่าให้ส่งอีเมลแจ้งผู้ใช้งานและผู้ดูแลระบบได้ ระบบสามารถส่งออกข้อมูลเป็นรูปแบบ Excel และรูปแบบอื่นได้

Webform version 8.x-5.3 https://www.drupal.org/project/webfom เผยแพร่วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ใช้ได้กับ Drupal 8 เท่านั้น

รูปภาพหน้าจอแสดงผล



รูปหน้าจอการสร้างแบบฟอร์มกรอกข้อมูล


รูปหน้าจอการกำหนดเงื่อนไข

Explicit knowledge คืออะไร

ตัวอย่าง explicit knowledge ขององค์กร เช่น รายงาน เอกสาร คู่มือ ความรู้ประเภทนี้ง่ายที่จะสื่อสารและแบ่งปันกว่า tacit knowledge นอกจากนี้สามารถเก็บรักษาในรูปของข้อมูลหรือแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (best practices) และสามารถถ่ายทอดและแบ่งปันได้ง่ายโดยใช้เครื่องมือ IT  explicit knowledge อย่างเดียวไม่สามารถทำให้เกิดเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

explicit knowledge ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับ tacit knowledge ด้วยกระบวนการสร้างความรู้หลายอย่างและขับเคลื่อนการจัดการความรู้ เอกสารการวิจัยถูกทำให้เกิดขึ้นโดยวิธีการของปฏิสัมพันธ์ระหว่าง tacit knowledge และ explicit knowledge ไม่ใช่ tacit หรือ explicit เพียงอย่างเดียว


ที่มา: Explicit Knowledge. Retrieved July 23, 2019, from  http://www.allkm.com/km-basics/explicit-knowledge.php

Tacit knowledge คืออะไร

Tacit knowledge เป็นเรื่องส่วนบุคคลมาก ยากที่จะทำให้เป็นทางการ ตัวอย่างของ tacit knowledge เช่น ความเข้าใจลึกซึ้ง การหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นในใจ และการรู้สึกล่วงหน้า โดยความรู้ประเภทนี้จะสะท้อนออกมาในเช่น การกระทำ แนวคิด ความเชื่อมั่น เป็นเรื่องยากที่จะสื่อสาร tacit knowledge

องค์กรต้องสนับสนุนความรู้ที่พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมและความรู้นี้จะทำให้เกิดนวัตกรรมในองค์กร ดังนั้น  tacit knowledge ต้องการสิ่งที่มาสนับสนุนเพื่อเติบโตขยายเช่น วัฒนธรรม เครือข่ายทางสังคม ความไว้วางใจระหว่างพนักงาน

การศึกษาชี้ให้เห็นว่า 80% ของความรู้องค์กรเป็น tacit และที่เหลือ 20% เป็น explicit knowledge ดังนั้น tacit knowledge และกระบวนการในการจัดการความรู้ประเภทนี้ มีส่วนสำคัญในการทำให้เกิดองค์กรแห่งการเรียนรู้


ที่มา: Tacit Knowledge. Retrieved July 23, 2019, from http://www.allkm.com/km-basics/tacit-knowledge.php

แนวทางการเผยแพร่ผลงานวิชาการ

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดทำแนวทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการอันได้แก่ บทความวิชาการ บทความสั้น เอกสารประชุมวิชาการ เพื่อให้บุคลากรในสายวิจัย พัฒนา และวิศวกรรม ของ สวทช. และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบหลักการมีชื่อผู้นิพนธ์ (Authorship) ที่เป็นไปตามหลักสากลและสอดคล้องกับจริยธรรมการวิจัย สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาความเหมาะสมของผู้มีชื่อในผลงานทางวิชาการ เป็นแนวปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่และการมีส่วนร่วมในผลงานวิจัย อีกทั้งยังเป็นแนวทางการป้องกันข้อร้องเรียนด้านการประพฤติมิชอบทางการวิจัยในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้วิจัย ในการสร้างความน่าเชื่อถือและการยอมรับในผลงานทางวิชาการ

แนวทางนี้อ้างอิงแนวทางมาตรฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งผู้วิจัยสามารถยึดเป็นแนวปฏิบัติในการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ หรือนำไปปรับใช้ให้เกิดความเหมาะสมตามบริบทของการเผยแพร่งานวิจัยของตน ตลอดจนอาจปรับใช้หลักการมีชื่อในผลงานประเภทอื่นๆ ได้ตามความเหมาะสม

 

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ : หลักสูตร การมีชื่อในเอกสารเผยแพร่ทางวิชาการ

คู่มือการบันทึกข้อมูลงานวิจัย

คู่มือการบันทึกข้อมูลงานวิจัยนี้ จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวการบันทึกข้อมูลวิจัยที่ดีสำหรับผู้วิจัย ประกอบด้วยหลักการและเหตุผล ความสำคัญของการบันทึกข้อมูลงานวิจัย รูปแบบของการบันทึก แนวทางการบันทึก และคำแนะนำต่าง ๆ ในคู่มือได้กล่าวถึงรูปแบบการบันทึกข้อมูลวิจัย 2 รูปแบบ คือ สมุดบันทึกมาตรฐาน และสมุดบันทึกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้หลักการบันทึกในคู่มือส่วนใหญ่เป็นการบันทึกในสมุดบันทึกมาตรฐานเป็นหลัก โดยแนวทางที่จัดทำขึ้น อ้างอิงแนวทางและคำแนะนำในการบันทึกข้อมูลวิจัยของศูนย์วิจัยแห่งชาติ สวทช. และมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ พร้อมทั้งยกตัวอย่างการบันทึกข้อมูลงานวิจัยโดยอ้างอิงจากภายใน สวทช. และมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามคู่มือนี้ไม่ได้มีผลบังคับให้ผู้วิจัยทุกท่านต้องปฏิบัติตาม แต่เพื่อให้เป็นแนวทางการบันทึกข้อมูลงานวิจัย เพื่อให้สามารถใช้เป็นหลักฐานการดำเนินงาน หลักฐานทางกฎหมาย และป้องกันข้อกล่าวหาการประพฤติมิชอบทางการวิจัย เพื่อประโยชน์แก่ผู้วิจัย ตลอดจนความน่าเชื่อถือของผลงานวิจัยและหน่วยงาน

Download คู่มือ

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ : การบันทึกข้อมูลงานวิจัย

ข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ แตกต่างกันอย่างไร

ข้อมูล (data): ผลที่ได้จากกระบวนการจัดเป็นข้อมูล นอกจากนี้สารสนเทศ (information) ที่ไม่ได้ผ่านการประมวลถือว่าเป็นข้อมูล ภายในตาราง excel เก็บข้อมูลไม่ใช่สารสนเทศ อีกตัวอย่างตัวเลขของการขายของบริษัทที่อยู่ในแผ่นตารางคือข้อมูล ถ้ามีการจัดประเภทข้อมูลอาจทำให้ได้ผลที่เป็นประโยชน์ออกมา

สารสนเทศ: ข้อมูลที่ผ่านการประมวลคือสารสนเทศ ไม่จัดเป็นสารสนเทศถ้าไม่ได้ผล (ข้อสรุป) ออกมาจากข้อมูล ตัวอย่างเช่น ตัวเลขการขายที่เก็บในแผ่นตารางโดยตัวเองไม่สามารถให้ข้อสรุปแต่เมื่อผ่านการสังเกตหรือใช้เครื่องมือทางสถิติทำให้รู้ว่าพื้นที่ทางเหนือมีการขายที่ดีกว่าพื้นที่ทางใต้ สิ่งนี้เป็นสารสนเทศที่ได้จากข้อมูลการขาย

ความรู้ (knowledge): วิวัฒนาการต่อจากสารสนเทศและข้อมูลคือความรู้ เมื่อประยุกต์ใช้ประสบการณ์ การพิจารณากับสารสนเทศจะทำให้ได้ความรู้ออกมา ความรู้เป็นผลที่เกิดจากการเรียนรู้ ตัวอย่างเช่น จากข้อมูลการขายสามารถสรุปได้ว่าต้องการมากขึ้นความพยายามในการตลาดหรือการเลื่อนตำแหน่งในพื้นที่ทางใต้กว่าพื้นที่ทางเหนือเพื่อเพิ่มการขายในพื้นที่ทางใต้ ความรู้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ tacit knowledge (ความรู้ฝังในตัวคน) และ explicit knowledge (ความรู้ที่ชัดแจ้ง)

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดความแตกต่างระหว่างข้อมูลและสารสนเทศ
“ความดันเลือดของผู้ป่วย” จัดเป็นข้อมูล และ “จากการตรวจสอบความดันเลือดของผู้ป่วยพบว่าผู้ป่วยมีความดันเลือดสูง” จัดเป็นสารสนเทศ “ข้อสรุปต่างๆ ที่ได้จากการอ่านความดันเลือด” ถือว่าเป็นสารสนเทศ


ที่มา: Data Information and Knowledge. Retrieved July 19, 2019, from http://www.allkm.com/km-basics/data.php