หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
สรุปการบรรยายหัวข้อ กราฟีน…วัสดุมหัศจรรย์แห่งอนาคต ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ กราฟีน…วัสดุมหัศจรรย์แห่งอนาคต โดย ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อินทรีย์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้  กราฟีนเป็นวัสดุมหัศจรรย์เนื่องจากมีคุณสมบัติที่มหัศจรรย์มากคือ การนำไฟฟ้าได้ดีมากใน 2 มิติ พื้นที่ผิวที่มากกว่าคาร์บอนนาโน tube ถึง 2 เท่า ความแข็งแรงมากกว่าเหล็กถึง 200 เท่า สามารถนำมาทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ มีความยืดหยุ่นสูงมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ มีค่านำความร้อนที่สูงสูงกว่าทองแดง มีความใสถึง 97.7 เปอร์เซ็นต์ มีความหวังว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้ในการทำอิเล็กทรอนิกส์ในยุคต่อไป มีผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่เป็นกราฟีนที่มีขายในท้องตลาดแล้ว เช่น ไม้เทนนิส จักรยาน รองเท้า แบตเตอรี่ งานวิจัยของทางหน่วย ได้แก่ เป็นกลุ่มแรกในประเทศไทยที่สังเคราะห์กราฟีนได้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เอกชนทำผลิตภัณฑ์หมึกนำไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์กราฟีนแรกที่ทำโดยคนไทยคือหมึกนำไฟฟ้ากราฟีนที่ใส นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับกราฟีน เช่น sensor แบตเตอรี่ 3D printing งานที่ทำต่อไปคือ เอากราฟีนไปผสมในพลาสติกชีวภาพทำให้เหนียวขึ้นและเปราะน้อยลงและนำไฟฟ้าได้ด้วย ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/                 
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ ผลงานวิจัยในหน่วยวิจัยเซรามิกส์ ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ ผลงานวิจัยในหน่วยวิจัยเซรามิกส์ โดย ดร.ดวงเดือน อาจองค์ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยเซรามิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ ผลงานของหน่วย ได้แก่ 1. เอาขี้เถ้าที่เกิดจากโรงงานเซรามิกส์มาใช้เคลือบ 2. พัฒนาผงวัสดุทนไฟและถ้วยทนไฟจากกากของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมโลหะ 3. พัฒนากระเบื้องเซรามิกส์ decorative เซรามิกส์ และอิฐมวลเบาจากเศษแก้ว 4. พัฒนาเม็ดมวลเบาสังเคราะห์จากของเสียในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในวัสดุก่อสร้าง 5. พัฒนาผลิตภัณฑ์จากเถ้าจากกฟผ. 6. เปลี่ยนกากชีวภาพเป็นพลังงาน  7. เปลี่ยน waste เป็นสิ่งที่มีประโยชน์โดยใช้คลื่นไมโครเวฟ งานนี้ยังอยู่ในขั้นห้องปฏิบัติการ งานของหน่วยต่อไปคือ พัฒนาวัสดุสำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อพัฒนาชีวิตที่ดีขึ้น ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ ประสบการณ์การทำงานวิจัยเชิงอุตสาหกรรมในภาคการผลิต ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ ประสบการณ์การทำงานวิจัยเชิงอุตสาหกรรมในภาคการผลิต โดย ดร.ปนัดดา เช็พเพิร์ด ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยโลหะ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้  ผลงานที่น่าสนใจของหน่วยได้แก่ 1. รางรถไฟของ MRT แตก ใช้ failure analysis 2. เหรียญ 2 บาทต้องเป็นแบบไหนใช้วัสดุอะไรจึงจะเหมาะสมกับสภาพในประเทศไทย 3. ทำการ testing ว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนวัสดุที่ใช้สร้างโรงผลิตไฟฟ้าไหมและอายุงานจะเหลือเท่าไรถ้าน้ำทะเลหนุนทุกปี 4. แก้ปัญหาสกรูขึ่้นสนิมเมื่อผลิตในเมืองไทยและส่งออกไปญี่ปุ่น 5. สร้างซอฟต์แวร์เพื่อวิเคราะห์สภาพของโรงกลั่นน้ำมันว่าจะทนต่อซัลเฟอร์ระดับเท่านี้ได้ไหม ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ วัสดุนาโนเฉพาะทาง: ฉลาดอย่างเดียวคงไม่พอ ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ วัสดุนาโนเฉพาะทาง: ฉลาดอย่างเดียวคงไม่พอ โดย ดร.วรล อินทะสันตา ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยวัสดุนาโนเฉพาะทางและนาโนเทคโนโลยีขั้นสูง ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้  ตัวอย่างงานของทางหน่วย เช่น nanotextile จบด้วยความสำเร็จอย่างมาก เช่น มี IP หลายตัว มี commercial product สร้าง impact ได้  อีกงานคือ n-Breeze เป็นแผ่นกรองนาโนฆ่าวัณโรค ทางหน่วยมี 3 ห้องปฏิบัติการ โดยห้องปฏิบัติการที่ 1 ทำงานทางด้านสังเคราะห์ สร้างสารใหม่ วิเคราะห์ทดสอบสารใหม่ ห้องปฏิบัติการที่ 2 มีหน้าที่สังเคราะห์วัสดุที่มีโครงสร้างซับซ้อน และจัดเรียงอนุภาคบน surface ห้องปฏิบัติการที่ 3 ทำเส้นใยนาโน งาน n-Breeze ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ FAARMis ระบบขึ้นทะเบียนเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ FAARMis ระบบขึ้นทะเบียนเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา โดย คุณวัชรากร หนูทอง หน่วยวิจัยเครือข่ายเทคโนโลยีไร้สายและความมั่นคง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ ทางหน่วยพัฒนาเครื่องมือให้ผู้ใช้คือเกษตรตำบลออกไปขึ้นทะเบียนเกษตรกร วาดแปลงกิจกรรม และปรับปรุงทะเบียน เรียกว่า FAARMis โดยการออกแบบ mobile application ขึ้นมาเพื่อให้เกษตรตำบลสามารถใช้ในการขึ้นทะเบียนปรับปรุงทะเบียน โดยผ่านบัตรประชาชน smart card ทางหน่วยออกแบบให้ตัว application เชื่อมโยงกับบัตรประชาชน เมื่อรู้ว่าเป็นใครแล้วเขาอยู่ทำกิจกรรมอะไรบนที่ดินนั้นซึ่งที่ดินนั้นจะตรวจสอบความถูกต้องกับกรมที่ดินโดยไปดึงโฉนดที่ดินมาให้ดูซึ่งจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนทำอะไรกันกี่ไร่กันแน่ นอกจากนี้ตัว application ยังเชื่อมโยงกับฐานทะเบียนราษฎร เมื่อไรเกษตรกรเสียชีวิตระบบก็จะมีการ delete ข้อมูลเกษตรกรออกไปทำให้เกษตรกรไม่สามารถรับเงินช่วยเหลือได้ เพื่อจะให้เครื่องมือนี้ทำงานได้มีระบบเครือข่ายอยู่ 20 กว่าตัวในการที่จะดึงข้อมูลจากกรมทั้งหมดในฐานข้อมูลทั้งหมดเข้ามาร่วมกันโดยใช้ระบบ  farmlink ทุกๆ เที่ยงคืนจะมีการดึงข้อมูลมาร่วมกันเพื่อสร้างฐานกลางแล้วมีการ crosscheck ระหว่างกรมกอง ซึ่งทางหน่วยกำลังปฏิวัติรูปแบบการขึ้นทะเบียนสมัยก่อนใช้กระดาษในการลงพื้นที่แล้วกลับมากรอกระบบออนไลน์ ซึ่งประเด็นคือการอ่านลายมือคนอื่น ซึ่งลายมือเราเองยังอ่านยาก นอกจากนี้เอกสารจะสูญหายอยู่เรื่อย ประเด็นคือคนไม่ได้รับการเหยียวยา และกรอกซ้ำซ้อน ใช้เวลามากในการตรวจสอบ ทำให้เกษตรกรเสียโอกาส ทางหน่วยได้ไปถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ ให้เกษตรตำบลในจังหวัดต่างๆ เพื่อให้รู้วิธีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และวิธีการใหม่ๆ ที่ทางหน่วยออกแบบไว้ให้ ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/  
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ ยางพาราไทย วิจัยได้ดังใจนึก ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ ยางพาราไทย วิจัยได้ดังใจนึก โดย ดร.สุรพิชญ ลอยกุลนันท์, ดร.ไพโรจน์ จิตรธรรม และ ดร.ทิพย์จักร ณ ลำปาง หน่วยเฉพาะทางด้านยางธรรมชาติ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ ผลงานที่ภูมิใจของหน่วยมีดังนี้ 1. ปี 2545 ได้วิจัยสารตัวหนึ่งเป็นสารรักษาน้ำยางไม่ให้บูดเน่าทดแทนการใช้แอมโมเนีย แอมโมเนียมีกลิ่นฉุนและเป็นอัตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม แต่สารตัวนี้ไม่มีกลิ่น ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม 2. ปี 2551 พัฒนาสารตัวหนึ่งเพื่อใช้จับตัวเนื้อยางออกจากกากตะกอนขี้แป้ง กากตะกอนขี้แป้งเป็นของเหลือทิ้งจากขบวนการผลิตน้ำยางข้น 3. เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ได้ร่วมวิจัยพัฒนายางล้อตันที่มีประสิทธิภาพสูง ทนทาน และประหยัดพลังงาน 4. วิจัยยางให้กับกรมอู่ทหารเรือเพื่อใช้กับเรือตรวจการของกองทัพเรือ ทำให้กองทัพเรือสามารถผลิตยางชนิดนี้ขึ้นมาได้ทดแทนการนำเข้า แผนงานวิจัยของหน่วยมีดังนี้ 1. ในอนาคตคาดหวังว่าเมื่อเทน้ำยางในเครื่องยนต์จะทำให้ได้ยางดิบออกมา 2. อนาคตจะมีน้ำยางสดที่มีวิธีเก็บรักษาด้วยเทคนิค UHT 3. ยางทางการเกษตรที่สามารถย่อยสลายได้ 4. ยางสำหรับ 3D printing 5. ใช้ยางพาราทำยางฟองน้ำ 6. กาวที่ผลิตจากยางพารา 7. ฉนวนผลิตจากน้ำยาง 8. ยางล้อเครื่องบิน 9. ยางล้อตัน 10. ฐานข้อมูลสมบัติยางเพื่อบริหารจัดการยางพาราได้ถูกต้อง 11. ศูนย์การเรียนรู้ทางภาคเหนือ 12. จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานยางในระดับโลก 13. ยางทางการอาหาร 14. รับจ้างวิจัย           ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/                                       
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ การเดินทางด้วยพลังงาน 4.0 ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ การเดินทางด้วยพลังงาน 4.0 โดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยวัสดุสำหรับพลังงาน ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ บางส่วนของงานวิจัยในหน่วยมีดังนี้ 1. งานวิจัยไบโอดีเซล โดยเอาเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น มาใช้เพื่อจะได้ผสมไบโอดีเซลเข้าไปได้ปริมาณมากขึ้น เป้าหมายแรก 10 % กระทรวงพลังงานให้การสนับสนุนเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลให้สูงขึ้น ได้ทดสอบ 10% และ 20% ไบโอดีเซลกับรถปิคอัพอีซูซูระยะทาง 50000 กิโลเมตร พบว่าให้ผลไม่ต่างจากน้ำมันดีเซลที่เป็น fossil 2. งานวิจัย diesohol คือ การนำเอาดีเซลผสมกับ ethanol และไบโอดีเซล ทำให้เสถียรภาพของ diesohol ดีขึ้น ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกตัวหนึ่ง กำลังอยู่ในระหว่างวิจัย ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงาน 3. งานวิจัย compressed biogas เป็นสารดูดซับที่ได้รับการพัฒนาให้ดูดซับ CO2 จำเป็นที่จะทำให้ biogas มีคุณสมบัติเข้าไปแทนที่ NGV 4. งานวิจัยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกหนึ่งของรถในอนาคต โดยพัฒนา catalyst และ reactor สำหรับผลิตไฮโดรเจนจาก ethanol และ biogas 5. งานวิจัย battery เช่น Lithium ion battery และการออกแบบต้นแบบของ battery ในรถโดยสารไฟฟ้า 6. งานวิจัยด้าน supercapacitor โดยทำการทดสอบ การพัฒนาวัสดุ และการประยุกต์ใช้ 7. งานวิจัยพัฒนากังหันลม 8. ศึกษาและออกแบบขนาดและศึกษาระบบกักเก็บพลังงานทั้งทางด้านเทคนิคและความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ วัสดุนาโนและวิศวกรรมระบบนาโนเพื่อเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรชีวภาพ ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ วัสดุนาโนและวิศวกรรมระบบนาโนเพื่อเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรชีวภาพ โดย ดร.ขจรศักดิ์ เฟื่องนวกิจ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยวัสดุนาโนและวิศวกรรมระบบนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ งานหลักของหน่วยซึ่งมี 3 ห้องปฏิบัติการคือ การแปรรูปวัสดุชีวภาพ ชีวมวล วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นของที่มีมูลค่ามากขึ้น ห้องปฏิบัติการที่ 1 ใช้ computer ในการทำงานซึ่งมี 3 areas ได้แก่ 1. การใช้ขบวนการ catalysis สำหรับการผลิตพลังงานและสารเคมีสะอาด เช่น การเปลี่ยน biomass เป็น biochemical การทำ fuel improvement เช่น การกำจัด sulfur ออกซิเจนจากเชื้อเพลิง การเปลี่ยน carbondioxide เป็นสารที่เพิ่มมูลค่า 2. ออกแบบ catalyst หรือออกแบบตัวดูดซับไปใช้ในการกำจัดสารพิษ 3. การพัฒนาวัสดุสำหรับใช้งานในอุปกรณ์ด้านพลังงาน เช่น lithium ion battery ห้องปฏิบัติการที่ 2 ทำงานเกี่ยวกับการเอาตัวเร่งปฏิกิริยาหรือตัวดูดซับไปใช้ในงานด้าน green biorefinery  เช่น การผลิต biofuel biochemical หรือพวก advanced material ต่างๆ ห้องปฏิบัติการที่ 3 มีความเชี่ยวชาญในการทำ nanofabrication และทำ intregration ของวัสดุ nano ที่มี function ต่างๆ ให้กลายเป็นของที่ใช้งานได้ งานโดดเด่นของหน่วยที่ได้รับการตีพิมพ์ เช่น 1. การออกแบบตัวเร่งปฏิกิริยาในการกำจัดตัว hydrogen sulfide 2. การพัฒนาตัว catalyst ในการเปลี่ยนน้ำมันปาล์มเป็น diesel สังเคราะห์ 3. การเอา Lactic หรือ succinic acid ไปทำ polymerization เมื่อทำเสร็จจะได้วัสดุที่มีมูลค่าสูงขึ้นเป็นวัสดุที่ใช้ในการแพทย์ 4. การศึกษาพัฒนาสาร organic ที่ใช้ใน organic light emitting diode (OLED) ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ ยุทธศาสตร์งานออกแบบ และวิศวกรรม จากวิทยาการ สู่การนำไปประยุกต์ใช้ ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ ยุทธศาสตร์งานออกแบบ และวิศวกรรม จากวิทยาการ สู่การนำไปประยุกต์ใช้  โดย ดร.นิรุตต์ นาคสุข ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยการออกแบบและวิศวกรรม ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ งานของหน่วยวิจัยออกแบบและวิศวกรรม ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ มุ่งไปที่ 3 business sectors คือ 1. transportation and auto part มีความสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัย ชีวิต และทรัพย์สิน เพราะพวกเราต้องเดินทางตลอด ใช้รถตลอด งานของหน่วยวิจัยออกแบบและวิศวกรรมหนึ่งในนั้นคือ การพัฒนารถพยาบาลร่วมกับบริษัท สุพรีร่า อินโนเวชั่น ออกมาเป็นรถพยาบาลที่มีมาตรฐาน โดยอาศัยองค์ความรู้ทางด้านการออกแบบและวิศวกรรม ได้มีการสร้างแบบจำลองของห้องผู้โดยสารที่ได้ออกแบบมาทำการทดลองความสามารถในการรับแรงกด ทำการจำลองการพลิกคว่ำ ทดสอบการพลิกคว่ำของต้นแบบของห้องโดยสารที่ออกแบบขึ้นมา อีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าความแข็งแรงของโครงสร้างของรถพยาบาลก็คือ การจับยึดการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ภายในห้องโดยสารของรถพยาบาล ซึ่งได้พัฒนาตรงจุดนี้เหมือนกัน ได้ทำการออกแบบอุปกรณ์ในการจับยึดสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในห้องโดยสารของรถพยาบาลฉุกเฉิน โดยโครงการรถพยาบาลโครงการนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดย ดร. ศราวุธ เลิศพลังสันติ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าห้องปฏิบัติการออกแบบและการแก้ปัญหาทางอุตสาหกรรม งานวิจัยอื่นใน business sector นี้ คือ รถบัสไฟฟ้าขนาด 20 ที่นั่ง รถบรรทุกอเนกประสงค์ทางการเกษตร การวิเคราะห์ความแข็งแรงของล้อแม็กซ์ การพัฒนาขบวนการการปั้มขึ้นรูปของชิ้นส่วน ในที่นี้คือ ชิ้นส่วนคานด้านหน้าของรถยนต์2. power generator มีความสำคัญต่อความปลอดภัยและความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ตัวอย่างงานวิจัยใน business sector นี้คือ การใช้ CAE ในการวิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้างในระบบของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อีกงานหนึ่งคือ การใช้ CAE ในการวิเคราะห์ระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อีกอันหนึ่ง ก็คือ ความปลอดภัยในส่วนของ stability หรือว่าเสถียรภาพของโรงไฟฟ้า ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือ ความสามารถของโรงไฟฟ้าในการที่จะซ่อมบำรุงชิ้นส่วนต่างๆ หรืออะไหล่ต่างๆ ของโรงไฟฟ้าเอง สิ่งที่ทำคือ การพัฒนาระบบเชื่อมอัตโนมัติที่จะช่วยในการเชื่อมซ่อมชิ้นส่วนต่างๆ ของโรงไฟฟ้า แล้วก็ช่วยลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการทำงานของบุคลากรของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในการที่จะซ่อมชิ้นส่วนต่างๆ ของโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ยังพัฒนาระบบและซอฟต์แวร์ในการที่จะช่วยในการพ่นเคลือบของโรงไฟฟ้าที่เป็นระบบ gas turbine 3. machinery and automation มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ตัวอย่างงานคือ งานที่ทำร่วมกับบริษัทในเครือ SCG ซึ่งเป็นขบวนการหนึ่งในการผลิตข้อต่อ PVC ปกติแล้วข้อต่อ PVC จะใส่กล่องมา ระบบที่พัฒนาและ sign off ทางบริษัทในเครือ SCG sign off ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คือระบบแบบนี้ ข้างในจะประกอบด้วยกล้องที่เป็น machine mission ซึ่งเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ run อยู่ ซึ่งซอฟต์แวร์เชื่อมต่อกับ database การผลิตของโรงงาน กล้องจะดูสินค้าภายในกล่อง ข้อต่อภายในกล่องว่าเป็น model อะไร แล้วก็จะใช้ printer ภายใน print ข้างกล่องโดยอัตโนมัติ เครื่องนี้ยังปิดปากกล่องโดยอัตโนมัติ แล้วส่งกล่องนี้ออกมาข้างนอก เนื่องจากว่าบริษัทในเครือ SCG จะมีโรงงานหลายโรงงานทำข้อต่อเหมือนๆ กันสามารถที่จะ copy ระบบที่ทำนี้ไปตั้งในโรงงานอื่นๆ ในเครือ SCG ที่จะต้องใช้ระบบนี้ได้ อีกส่วนที่คุยกับคนที่ติดต่อในบริษัท SCG ก็คือว่าตรงนี้เป็นการสร้างช่องทางทางธุรกิจใหม่ของบริษัท SCG เหมือนกัน นอกจากที่จะแค่ผลิตตัวข้อต่อขายแล้วยังสามารถขาย solution ให้โรงงานอื่นๆ ที่มีความต้องการคล้ายกันได้ Global trend ในปัจจุบันคือ Light weight รถก็คือ รถ Light weight เป็นรถที่มีน้ำหนักเบา ตัวอย่างเช่น รถ BMW i3 มีโครงสร้างที่ขึ้นรูปจากคาร์บอนไฟเบอร์คอมโพสิท ซึ่งมีน้ำหนักเบามากๆ นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์หรือว่าโครงสร้างของรถจะสามารถ Light weight ด้วยกระบวนการผลิตใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น การใช้ Laser ในการเชื่อมชิ้นส่วนที่เป็นโลหะเข้าด้วยกัน แต่ถ้าจะสรุปขบวนการผลิตสมัยใหม่ในอนาคตอันแรกคือ Light weight structure  ส่วนที่สองก็คือ คาร์บอนไฟเบอร์คอมโพสิท ส่วนที่สามคือ Laser processing and joining ส่วนสุดท้ายคือ non contract non destructive หรือคือ NDT หรือ non destructive testing NDT คือการทดสอบคุณสมบัติโดยไม่ทำลาย sample นั้น เป็นการประหยัดทั้งเงินและเวลา ในการที่ต้องเสียชิ้นส่วนนั้นไป แต่ NDT มีปัญหาที่ไม่สามารถที่จะทำ realtime หรือ online ได้ ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ ไขรหัส เซนเซอร์อัจฉริยะ ตอบโจทย์ประเทศไทยยุค 4.0 ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ ไขรหัส เซนเซอร์อัจฉริยะ ตอบโจทย์ประเทศไทยยุค 4.0 โดย ดร.อัมพร โพธิ์ใย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ งานของศูนย์คือพัฒนาเซนเซอร์อัจฉริยะแล้วนำไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและการเกษตร ได้แก่ 1. smart farm นำเซนเซอร์ไปใช้กับการปลูกมะเขือเทศให้ได้ผลผลิตตามต้องการ 2. smart energy นำเซนเซอร์ไปปรับอุณหภูมิภายในบ้าน 3. Industry 4.0 นำเซนเซอร์ไปช่วยให้โรงงานประหยัดไฟ  ทางศูนย์เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ โดยทำ R&D ระดับโลก สร้างกำลังคนระดับแนวหน้า วิเคราะห์ทดสอบเพื่ออุตสาหกรรม Smart solution เพื่อคนไทย มีความพร้อมด้านมาตรฐาน ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ Innovation Inspired by Microbes ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ Innovation Inspired by Microbes โดย ดร.สุภาวดี อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพและชีววัสดุ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ ทางหน่วยเกี่ยวข้องกับ TBRC (Thailand bioresource center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึก INC2 มีจุลินทรีย์เก็บอยู่ 80,000 กว่าสายพันธุ์ และมีเครือข่ายทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย ร่วมกับศูนย์จุลินทรีย์ในอาเซียน เอเชีย และยุโรป และทำงานร่วมกับศูนย์จุลินทรีย์โลก งานวิจัยของหน่วยมีดังนี้ 1. ศึกษาหาสารที่ผลิตโดยจุลินทรีย์ซึ่งสามารถขัดขวางการติดต่อระหว่างกันของจุลินทรีย์ก่อโรคในกุ้ง ทำให้จุลินทรีย์นั้นไม่สามารถก่อโรคได้ แล้วเอาสารนั้นผสมในอาหารให้กุ้งกินทำให้กุ้งไม่เกิดโรค 2. ศึกษากลไกของจุลินทรีย์กลุ่มหนึ่งที่ชอบทำลายแมลงแล้วมีลักษณะพิเศษ แล้วก็จะได้สารซึ่งไปทำ biocontrol ในอนาคต 3. เอาตัว pathway และยีนที่ได้รับการศึกษาว่าสามารถผลิตสารที่มีประโยชน์ที่เราต้องการใส่ในจุลินทรีย์บางตัวที่ควบคุมได้เพื่อให้ทำงานเป็นโรงงานเรียกว่า cell factory หรือโรงงานจิ๋ว สุดท้ายสิ่งที่หน่วยทำเน้นไปที่จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ มีคลังของจุลินทรีย์ทั้งสายพันธุ์ธรรมชาติและสายพันธุ์ที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่ โลกที่น่าอยู่ก็คือมีอาหารที่มีประโยชน์จุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารมีประโยชน์ก็ได้รับความสนใจ ทำอย่างไรให้จุลินทรีย์รักษาสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นผ่านไปอีก 100 ปี จุลินทรีย์ก็ยังเป็นแหล่งนวัตกรรมที่ช่วยสร้างนวัตกรรมต่อไป ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/
นานาสาระน่ารู้
 
สรุปการบรรยายหัวข้อ ชุดตรวจช่วยชาติ ในงาน R&D Sharing 2017
สรุปการบรรยายหัวข้อ ชุดตรวจช่วยชาติ โดย ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยทางชีวภาพ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้ งานที่หน่วยวิจัยทำ คือการสร้างชุดตรวจเพื่อไปตรวจ vibrio ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร สิ่งที่ต้องทำคือ ไปดูว่าในเชื้อนี้มีดีเอ็นเอตรงไหนมีเฉพาะใน vibrio แต่ไม่มีในเชื้ออื่น แล้ว design ดีเอ็นเอนั้นออกมาเป็น probe แล้วใช้เทคนิค LAMP ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร ถ้า probe specific กับ vibrio และอาหารของเราปนเปื้อนกับ vibrio มันจะสามารถปั้มดีเอ็นเอมากขึ้น ถ้าในอาหารของเราไม่มี vibrio ปนเปื้อน probe ที่ specific กับ vibrio ก็ไม่สามารถไปจับได้ และไม่ว่าเครื่องถ่ายเอกสารจะดีอย่างไรก็ไม่สามารถจะเพิ่มจำนวนดีเอ็นเอได้ การดูว่ามีและไม่มีดีเอ็นเอดูด้วยตาเปล่ายากมาก เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไงให้เราสามารถอ่านดีเอ็นเอออกมาในรูปของไฟฟ้าหรือดิจิทัลหรือตัวเลข ทางหน่วยวิจัยได้รับความร่วมมือจาก nectec สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจะเอาขั้วกราฟีนมาเป็นตัวอิเล็กโทรด แล้วก็ report signal นั้นขึ้นมา ให้เราสามารถไม่ต้องไปนั่งเพ่งว่าดีเอ็นเอมันเกิดขึ้นหรือยัง แต่สามารถอ่านออกมาเป็นตัวเลขได้ ชุดตรวจนี้ผู้ใช้สามารถจะเอาไปใช้งานอย่างจริง อีกตัวอย่างงานที่ทำคือการสร้างชุดตรวจที่ตรวจเชื้อก่อโรคในอาหารได้ทีละหลายๆ เชื้อ ตรวจง่าย สะดวกและราคาถูก ทำเป็นไมโครอะเรย์ strip งานนี้ได้รับความร่วมมือจากทั้ง nectec และ mtec งานนี้เพิ่งเดินมาถึงการสร้างเทคโนโลยีฐาน ตอนนี้จะมาประกอบเป็น set และทางหน่วยก็หวังไว้ว่าอีกปีหรือสองปีคงจะได้เห็น  strip อะเรย์ในเร็ววัน นอกจากนี้งานที่ทางหน่วยทำพยายามตอบโจทย์หลายๆ อย่าง ยกตัวอย่างเช่น ชุดตรวจที่สามารถตรวจเชื้อก่อโรคในเมล็ดพันธุ์ได้หลายๆ เชื้อพร้อมๆ กัน ชุดตรวจโดยใช้เทคโนโลยี LAMP เพื่อตรวจเชื้อก่อโรคในกุ้ง ในปลานิล ในปลาทับทิม ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจของประเทศ ชุดตรวจที่ตรวจไม่ว่าจะเป็น alphatoxin ทางหน่วยหวังว่าทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดผู้บริโภคที่มีสุขภาพดีมีความสุข สุดท้ายสิ่งที่ทางหน่วยต้องการทำคือต้องการทำชุดตรวจที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเกษตรหรืออาหาร ถ้าเรามีอาหารที่มีคุณภาพ ที่ปลอดเชื้อที่มีสุขลักษณะที่ดี อุตสาหกรรมอาหารของเราจะเจริญรุ่งเรือง นอกจากนั้นแล้วทางหน่วยจะเอาเทคโนโลยีต่างๆ ไปตอบโจทย์ของการแพทย์ เพราะหลายๆ ครั้งชุดตรวจที่ซื้อมาจากต่างประเทศไม่ได้ตอบโจทย์คนไทย ทั้งหมดนี้ทางหน่วยหวังไว้ว่าชุดตรวจจะไปช่วยชาติให้ประเทศไทยมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/2/
นานาสาระน่ารู้