ผลการค้นหา :
นำร่องใช้งานแล้ว! “EnPAT” น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัย จากปาล์มน้ำมันไทย
กระทรวง อว. โดย สวทช. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวม 9 หน่วยงาน แถลงเปิดนำร่องการใช้งาน "EnPAT" น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัย จากปาล์มน้ำมันไทย ซึ่งพัฒนาโดยทีมนักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. ที่คิดค้นและพัฒนาน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชนิดติดไฟยาก ผลิตจากปาล์มน้ำมันไทย เพื่อยกระดับความปลอดภัยชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ ปาล์มน้ำมัน ถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของพี่น้องเกษตรกรไทย
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
สวทช. ร่วมเสวนาหัวข้อ “Bridging Community through Innovation” ในการประชุม ATSA Conference 2024
(วันที่ 3 สิงหาคม 2567) ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ : ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เสวนาหัวข้อ "Bridging Community through Innovation" ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ศาสตราจารย์ พญ.นิจศรี ชาญณรงค์ คณะอนุกรรมการบริหารแพทยสภา นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ Mr. Sheji Ho, Co-Founder and Chief Executive Officer of HDCare ร่วมเสวนา โดยได้รับความสนใจจากนักเรียนทุนต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังกว่า 30 คน
สำหรับการประชุม ATSA Conference 2024: Panel Discussion Information หัวข้อการประชุมปี 2024 หัวข้อ "Bridging Community through Innovation" ในครั้งนี้ เป็นการจัดการกับแนวโน้มในปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้น เช่น ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีภูมิอากาศ และภูมิทัศน์การเริ่มต้นใหม่จะนำเสนอประสบการณ์ที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมงาน ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงการเติบโตขององค์กรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
.
ทั้งนี้ The Association of Thai Students in America (ATSA) เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร เชื่อมโยงนักศึกษาไทยหลายพันคนทั่วมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา และมีการเติบโตอย่างมากนับตั้งแต่การก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2020 โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลและเครือข่ายสำหรับการจัดงานด้านอาชีพ สังคม และวัฒนธรรม ในปีนี้อยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการขยายขอบเขตการดำเนินงานเพื่อสร้างโอกาสอันดีให้กับนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาในต่างประเทศ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. – พันธมิตร เสริมแกร่งผู้ประกอบการส่งออกด้วยเทคโนโลยีและงานวิจัย
(วันที่ 31 กรกฎาคม 2567) ณ ห้อง Auditorium ชั้น 10 C asean Ratchada ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ : ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ต้อนรับกล่าวเปิดงาน โครงการ "เพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการไทยเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ" Innovation Driving Export Program (IDEx) โดยมีผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล บริษัท Alibaba Cloud (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท พอนติส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไอเดียทูเอ็กซ์เพิร์ท จำกัด บริษัทอีเว้นท์ไทย จำกัด และผู้ประกอบการจำนวนมากเข้าร่วมงาน
ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การเปิดตัวโครงการ เพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการไทยเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ IDEx วันนี้ดำเนินงานโดย 2 หน่วยงานในสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้แก่ ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน (ITAP) และ ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. (BID) โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนต่าง ๆ ที่มาร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการที่มาร่วมงาน
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสร้างโอกาสและพัฒนาทักษะให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่เหมาะสมไปใช้ในการพัฒนาสินค้า กระบวนการผลิต การยกระดับมาตรฐานการส่งออก เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสามารถเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้ รวมถึงการสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงและการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพกับเครือข่ายธุรกิจต่างประเทศ ซึ่ง สวทช. มีกลไกการสนับสนุนผู้ประกอบการในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาด้านการส่งออกอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันในตลาดโลกก็มีความท้าทายมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ของไทยต้องพัฒนาศักยภาพเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การสร้างนวัตกรรมให้ตอบสนองความต้องการ การลดต้นทุนการผลิต รวมถึงการพัฒนาในด้านการตลาดและการสร้างเครือข่ายธุรกิจ ทั้งนี้หากภาครัฐสามารถส่งเสริมและสนับสนุนให้ SMEs เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ หรือส่งออกได้มากขึ้น จะทำให้ผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งมากขึ้นจนสามารถเป็นแกนหลักและเกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศได้
สำหรับภายในงานเปิดตัวโครงการ IDEx ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานได้รับฟังการบรรยาย หัวข้อ Experience Sharing แบ่งปันประสบการณ์ และกลไกการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ จากผู้เชี่ยวชาญด้างต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้ฟังโอกาสในการรับสิทธิพิเศษ Financial Support สนับสนุนการทดสอบตลาดในประเทศเป้าหมาย พัฒนาผู้ประกอบการเพื่อการส่งออก เช่น การพัฒนาระบบมาตรฐาน การให้คำปรึกษา Product improvement, Market research โดย ITAP สนับสนุนสูงสุด 80 % ไม่เกิน 400,000 บาทต่อโครงการ ตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่และส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก โดยโครงการ IDEx เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ - 9 สิงหาคม 2567
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel : 0 2564 7000 ต่อ 71746,71748,71749 อีเมล: idex@nstda.or.th
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. – วช. ปฐมนิเทศนักเรียนทุนโครงการ TAIST – Tokyo Tech ประจำปีการศึกษา 2567
(25 กรกฎาคม 2567) ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารไบโอเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โครงการทุนสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งประเทศไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว (TAIST-Tokyo Tech: Thailand Advanced Institute of Science and Technology – Tokyo Institute of Technology) ดำเนินการโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ Tokyo Institute of Technology (Tokyo Tech) เครือข่ายมหาวิทยาลัยไทย 5 สถาบัน (1. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 2. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 3. สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 4. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 5. มหาวิทยาลัยมหิดล) และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดปฐมนิเทศ “TAIST – Tokyo Tech Orientation Ceremony 2024” เพื่อต้อนรับและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนทุนระดับปริญญาโท ด้านวิศวกรรมขั้นสูง หลักสูตรนานาชาติ โครงการ TAIST-Tokyo Tech ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมี ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วย Prof. Jun-ichi Takada, Chairperson of Steering Committee for TAIST-Tokyo Tech และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการปฐมนิเทศ และกล่าวแสดงความยินดีและให้โอวาท
ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า โครงการ TAIST-Tokyo Tech ประสบความสำเร็จในการมีส่วนร่วมสร้างขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศจากการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ที่ผ่านมามีผู้สำเร็จการศึกษาจากโครงการ TAIST-Tokyo Techมากกว่า 500 คน ปัจจุบันเข้าทำงานทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐ
“ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โปรแกรมที่TAIST-Tokyo Tech ขอให้นักเรียนทุกคนที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการฯ ใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้และได้รับความรู้มากมายจากโครงการจากนักวิจัยของ สวทช. และจากเพื่อน ๆ ที่เข้าร่วมโครงการด้วยกัน” ดร.พัชร์ลิตา กล่าว
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช. เป็นองค์กรหลักที่สนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งภารกิจหลักอีกประการหนึ่ง คือ การสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้โครงการ TAIST -Tokyo Tech เป็นหนึ่งในโครงการที่มีส่วนช่วยในการพัฒนามนุษย์และเสริมสร้างระบบนิเวศการวิจัยและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ระดับชาติ
“ขอแสดงความยินดีกับโครงการ TAIST-Tokyo tech สำหรับการทำงานหนักและมีส่วนร่วมในระบบนิเวศการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย และขอให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โปรแกรม TAIST-Tokyo Tech ประสบความสำเร็จในการศึกษา และนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเทคโนโลยีโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยในประเทศไทย รวมทั้งนักวิจัยจาก สวทช. ไปใช้ประโยชน์เพื่อตนเองและประเทศ”
ดร.วิภารัตน์ กล่าว
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ชวนเชิญเข้าร่วมงาน “Eco-Circular-Green Energy Matchmaking Event 2024” 20 สิงหาคม 2567
ชวนเชิญผู้ประกอบการ นักวิจัย เเละผู้ที่สนใจทั่วไป เข้าร่วมงาน "Eco-Circular-Green Energy Matchmaking Event 2024" ในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เวลา 13:30 - 14:45 P.M. (GMT+8) รูปเเบบออนไลน์
The Industrial Technology Research Institute (ITRI) in partnership with Business Innovation Division, National Science and Technology Development Agency (NSTDA), warmly invite you to attend the "Eco-Circular-Green Energy Matchmaking Event 2024" on 20 August 2024 from 13:30~14:45 P.M. (GMT+8)
Event Introduction: Join us to explore the latest Eco-Circular-Green Energy Technologies from the Industrial Technology Research Institute (ITRI) and leading tech companies worldwide. Discover innovations in renewable energy generation, energy storage, energy management, recycling and resource recovery, smart cities, and energy-saving building technologies.
This event is an exceptional opportunity for international tech executives to connect with Taiwan's cutting-edge innovations and forge strategic partnerships. Sign up now to participate and help accelerate industry economic development, while positioning yourself at the forefront of global technological progress.
Date of Event: 20th August 2024 (Tuesday)
Event Time: 13:30 - 14:45 (GMT+8)
Event Style: Online
• Tech Highlights from Thailand
-> Tech Talk 4: Solar N-Coat: Anti-Dust Nanocoating for Solar Panels
-> Tech Talk 8: ECUTEC’s EV Innovation: Empowering Net Zero Mobility
Registration Link: https://reurl.cc/jWXlnq
Directed by: Industrial Development Bureau, Ministry of Economic Affairs
Organizer: Industrial Technology Research Institute (ITRI)
Co-Organizer :
National Science and Technology Development Agency (Thailand
Indonesian Invention and Innovation Promotion Association (Indonesian)
Intellectual Property Office of the Philippines (Philippines)
Taiwan Association of Machinery Industry (Taiwan)
Chinese National Federation of Industries (Taiwan)
Taiwan Electrical and Electronic Manufacturers' Association (Taiwan)
Taipei Computer Association (Taiwan)
Taiwan IOT Technology and Industry Association (Taiwan)
Taiwan Advanced Automotive Technology Development Association (Taiwan)
IAPS Tech Startup Accelerator (Taiwan)
ปฏิทินกิจกรรม
ผู้บริหาร สวทช. รับรางวัล ผู้ทำคุณประโยชน์ในการพัฒนางานวิทยาศาสตร์ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
(วันที่ 2 สิงหาคม 2567) ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ : นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานครบรอบ 40 ปี ทุนพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ภายใต้แนวคิด “การสร้างกำลังคน พสวท. เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยอย่างยั่งยืน” จากนั้นเป็นประธานในพิธีมอบเสื้อ DPST Hall of Fame มอบโล่รางวัลแก่ผู้ทำคุณประโยชน์แก่ สสวท.และทุน พสวท. โดยงานดังกล่าวจัดระหว่างวันที่ 2 – 4 สิงหาคม 2567
ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. พร้อมด้วย ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. ร่วมแสดงความยินดีกับ ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. และ ศาสตราจารย์ ดร. ศิวพร มีจู สมิธ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทค สวทช.
ทั้งนี้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ดำเนินการคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาทุน พสวท. เข้าสู่หอเกียรติยศ พสวท. หรือ “DPST Hall of Fame” ประจำปี 2567 เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติผู้สำเร็จการศึกษาทุน พสวท. ที่สร้างสรรค์ผลงานวิจัยดีเด่น หรือเป็นผู้นำในการบริหารและพัฒนางานวิทยาศาสตร์ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. ร่วมลงนามความร่วมมือ กับมหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแห่งโตเกียว
(วันที่ 2 สิงหาคม 2567) ณ ห้องประชุม One North อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) กำกับดูแลงานความร่วมมือต่างประเทศ สวทช. พร้อมด้วย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค) ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ และคณะนักวิจัย เข้าร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สวทช. กับมหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแห่งโตเกียว (Tokyo University of Agriculture and Technology, TUAT) เพื่อประสานความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้และดำเนินงานวิจัยร่วมกันในพิธีลงนามดังกล่าว
ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวต้อนรับและแนะนำภาพรวมของ สวทช. แก่คณะผู้ร่วมงานจาก TUAT จากนั้น ศาสตราจารย์โยดะ หัวหน้าโครงการ ได้กล่าวแสดงความยินดีในความร่วมมือครั้งนี้ ต่อจากนั้น รองศาสตราจารย์ ดร.คาเนฮาชิ หัวหน้าทีมวิจัย SATREPS ได้กล่าวแนะนำ TUAT ในโอกาสนี้ สวทช.ได้นำคณะจาก TUAT เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิจัยทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ (SPVT) ของศูนย์เอ็นเทค โดยมี ดร.อมรรัตน์ ลิ้มมณี หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ ให้การต้อนรับ และเยี่ยมชมศูนย์ชีววัสดุประเทศไทย Thailand Bioresource Research Center (TBRC) และ ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ NSTDA Characterization and Testing Service Center (NCTC) พร้อมกันนี้ได้มีการหารือความร่วมมือภายใต้โครงการ SATREPS ซึ่งทางเอ็นเทค สวทช. ได้ร่วมโครงการวิจัยในส่วนของการพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ประโยชน์จากน้ำมันจากเมล็ดยางพารา (Rubber Seed Oil, RSO) เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันต่อไป
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ “พิริออดิกา เกมเรียนรู้ชื่อและสัญลักษณ์ของธาตุทางเคมี”
📢 ชวนครูวิทย์...เข้าร่วมกิจกรรม "พิริออดิกาเกมเรียนรู้ชื่อและสัญลักษณ์ของธาตุทางเคมี"! 🧪✨
.
📅 วันที่: 31 สิงหาคม 2567
📍 สถานที่: บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
.
🌟 มาร่วมเรียนรู้การจัดการเรียนการสอนที่สนุกสนานและไม่น่าเบื่อผ่านเกมพิริออดิกา! ให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจและจำชื่อธาตุทางเคมีได้อย่างง่ายดาย และสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าจดจำแบบไม่จำกัด!
.
สมัครได้ที่ https://www.nstda.or.th/r/fRC4Y
💸 ค่าลงทะเบียน: 2,200 บาท/คน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เรียบร้อยแล้ว)
.
👩🏫คุณสมบัติ: ครูวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี (สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6) จำนวน 20 คน
.
📌 กำหนดการสมัคร:
วันรับสมัคร: วันนี้ - 15 สิงหาคม 2567
ประกาศรายชื่อ: 20 สิงหาคม 2567
.
🎁 สิ่งที่จะได้รับ:
พิริออดิกาเกมเรียนรู้ชื่อและสัญลักษณ์ของธาตุเคมี 1 ชุด
Logbook 1 เล่ม
เอกสารประกอบการสอน และอุปกรณ์การสอนอื่นๆ อีกมากมาย
กำหนดการ https://www.nstda.or.th/r/UMW9u
.
อย่าพลาดโอกาสที่จะเพิ่มความสนุกในการสอนและสร้างความประทับใจให้กับนักเรียนของคุณ! 📚🧠
.
🔗 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:
คุณเสาวณีย์ โสภณนันทวัฒน์
📞 02 529 7100 ต่อ 77220, 081 840 8499
📧 saowanee@nstda.or.th
.
คุณเพชรดา เวณุนันท์
📞 02 564 7000 ต่อ 1433
📧 pechda.wenunun@nstda.or.th
ปฏิทินกิจกรรม
สมาคม AIEAT และ AIAT ผนึกกำลัง สวทช. และ SCBX แถลงความพร้อมจัดงาน AI THAILAND FORUM 2024 ภายใต้แนวคิด “Sustainable Growth with AI” พบกัน 25 – 26 ตุลาคมนี้ ที่สามย่านมิตรทาวน์
(1 สิงหาคม 2567) ณ ห้องโถง อาคารวิจัย สวทช. (โยธี) กรุงเทพฯ: สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) และ สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) แถลงข่าวการจัดงาน AI THAILAND FORUM 2024 ภายใต้แนวคิด “Sustainable Growth with AI ขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยปัญญาประดิษฐ์” ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการพัฒนาและสนับสนุนการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืนทั้งในภาคเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 26 ตุลาคม 2567 ณ สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ โอกาสนี้ผู้บริหารหน่วยงานสำคัญที่ร่วมสนับสนุนการจัดงานฯ ร่วมแถลงข่าวและเสวนาในหัวข้อ “Sustainable Growth with AI: ขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยปัญญาประดิษฐ์”
ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ อุปนายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) กล่าวว่า การจัดงาน AI THAILAND FORUM 2023 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างสูงจากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนระบบนิเวศปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทย สำหรับสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศผ่าน “โครงการ Super AI Engineer” ซึ่งปัจจุบันดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 3,000 คน สามารถสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงกว่า 600 คน โดยโครงการฯ ได้ออกแบบหลักสูตรที่เน้นการปฏิบัติจริงและเหมาะสมกับผู้เรียนทุกระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อีกทั้งยังมีหลักสูตรสำหรับประชาชนทั่วไปเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ในทุกระดับอย่างยั่งยืน
ดร.กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร นายกสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) กล่าวว่า AI Thailand Forum 2024 จะเป็นเวทีสำคัญในการแสวงหาโอกาสและความเป็นไปได้ในการสนับสนุนผู้ประกอบการด้านปัญญาประดิษฐ์ของไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านปัญญาประดิษฐ์ของประเทศโดยสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย มุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถและศักยภาพให้กับผู้ประกอบการทุกระดับให้สามารถเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการต่าง ๆ พร้อมให้คำปรึกษา การฝึกอบรม ไปจนถึงการสนับสนุนแหล่งเงินทุนและการเข้าถึงเครือข่ายธุรกิจ อีกทั้งภายในงานได้จัดพิธีมอบรางวัลให้กับผู้ที่มีผลงานโดดเด่นด้านปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูความสำเร็จ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนาทุกท่านในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป"
ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.)กล่าวว่า ตามที่กระทรวง อว. ประกาศนโยบาย "อว. for AI" โดยใช้ศักยภาพด้าน AI ของกระทรวง อว. มาแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรและการประยุกต์ใช้ AI โดยดำเนินงานใน 3 เสาหลัก ได้แก่ 1. AI for Education: การใช้ AI ในการเรียนการสอนให้คนไทยมีศักยภาพสูงสุด และเร็วที่สุด 2.AI workforce development: การพัฒนาบุคลากรด้าน AI และการสร้างพื้นฐานด้าน AI ให้คนไทยในระบบการศึกษาและตลาดแรงงาน 3. AI innovation: การสนับสนุนนวัตกรรม AI สู่ตลาด การพัฒนามาตรฐานและทดสอบ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดความแพร่หลายเพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทย สวทช. ในฐานะเลขานุการร่วมของคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ได้รับบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน “แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทยในระยะ 6 ปี (พ.ศ. 2565 - 2570) เพื่อสร้างและส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศเพื่อการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพ ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ นําไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่าน 5 ยุทธศาสตร์อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในกลไกสนับสนุนนโยบาย อว. For AI อีกด้วย ทั้งนี้จากบทบาทและวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศบนฐานของ AI ที่สอดรับกับแนวคิดการจัดงาน AI Thailand forum 2024 “Sustainable Growth with AI ขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยปัญญาประดิษฐ์” จึงเป็นโอกาสอันดีที่ กระทรวง อว. โดย สวทช. จะร่วมนำเสนอความก้าวหน้าการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ AI ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการพัฒนากำลังคน ด้านนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้ เป็นต้น
คุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนานวัตกรรม (Head of SCBX R&D Innovation Lab)บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) กล่าวว่า ประเทศไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมาก การสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่งจึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน ร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรม AI เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ โดย SCBX มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบนิเวศ AI ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา โดยล่าสุดได้เปิดตัว “Typhoon” Large Language Model สำหรับภาษาไทย ให้ใช้งานได้ฟรี โดยเป็นโมเดลเวอร์ชันพื้นฐานที่สามารถนำไปปรับแต่งและใช้งานต่อยอดได้ตามต้องการ หรือการร่วมมือกับพันธมิตร และให้ทุนสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง และการร่วมมือกับ AIAT, AIEAT และ สวทช. ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนระบบนิเวศ AI ของประเทศ SCBX เชื่อมั่นว่าการบูรณาการระบบนิเวศ AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยในอนาคต SCBX พร้อมที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้นักวิจัย Startup คนไทย และนักลงทุนสามารถสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งและยั่งยืนได้ในอนาคต
งาน AI Thailand Forum2024 นับเป็นงานใหญ่ประจำปีของวงการ AI ประเทศไทย จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 26 ตุลาคม 2567 ณ สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ ภายในงานพบกับการนำเสนอความก้าวหน้าแผนปฏิบัติการ AI ประเทศไทย หลากหลายหัวข้อสัมมนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำของประเทศไทยและนานาชาติ การเปิดตัวโปรเจกต์ที่น่าสนใจของ Startup ไทย พร้อมทั้งร่วมพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ https://www.aithailandforum.com/
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 10 ฉบับที่ 4 ประจำเดือนกรกฎาคม 2567
ข่าว
อว. นำคณะผู้บริหาร ร่วมลงนามถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2557 สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
สวทช. โชว์นวัตกรรมเกษตรสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทย ในงาน “มหัศจรรย์ข้าวไทย 2024”
“ศุภมาส” ชื่นชมความสำเร็จของคณะทีมเยาวชนไทยที่คว้ารางวัลโครงงานวิทย์ฯ ระดับโลก ISEF 2024
สวทช. จับมือพันธมิตร เฟ้นหา ‘สุดยอดสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ สู่เวที gSIC สาธารณรัฐประชาชนจีน
ประกาศผลการตัดสิน การประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุภายในประเทศ ประจำปี 2567
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้าต่อสัญญา 10 ปี ขยายฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย พร้อมส่งมอบเซลล์แบตเตอรี่ให้ สวทช. นำไปวิจัยด้านพลังงาน
อว. โดย สวทช. จับมือพันธมิตรเปิดวงสัมมนา-ระดมสมองจัดตั้งเครือข่ายพันธมิตร ด้านการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอนแห่งประเทศไทย
สวทช. ติวเข้มภาคเอกชน ยกระดับสู่อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ด้วยอุตสาหกรรม 4.0-อุตสาหกรรมสีเขียว
สวทช. จัดกิจกรรม “ค่ายสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อโลก: ผ่านแง่มุมวิทยาศาสตร์ เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก
“ศุภมาส” นำคณะผู้บริหารระดับสูง อว. จัดพิธีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2567
สวทช. จัดกิจกรรม “Pharma ConneX 2024” จับคู่นักวิจัย-นักพัฒนา เฟ้นหางานวิจัยตอบโจทย์ธุรกิจสุขภาพและการแพทย์
เด็กไทยสุดปังคว้ารางวัลชนะเลิศ Kibo-ABC Award แข่งขันนำเสนอผลการทดลองบนอวกาศ
สวทช. ผนึกหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ระดมความเห็น พัฒนาตัวชี้วัดและฐานข้อมูลด้าน CO2 , CE, SDG เพื่อการค้าและความยั่งยืน
“ศุภมาส” นำทีมผู้บริหารกระทรวง อว. เข้าฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกปฏิบัติและดูงานเศรษฐกิจพอเพียง
สวทช. พร้อมพันธมิตร ร่วมส่งเสริม แนะแนวทางยกระดับโรงงานผลิตอาหารสู่ Industry 4.0
ไบโอเทค สวทช. ร่วมกับ กรมป่าไม้ จัดอบรมปลูกป่าได้เห็ด หนุนความรู้เกษตรกรปลูกเห็ดป่ากินได้
อว. แถลงความพร้อมจัดงานใหญ่ “มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. ระดับภูมิภาค SCI POWER FOR FUTURE THALAND
สวทช. ผนึกกำลัง สพฐ และ สสวท. ส่งเสริมเยาวชนให้เป็นนวัตกร ผ่านโครงงานวิทยาศาสตร์
“อนุทิน – ศุภมาส” ร่วมแถลงแนวทาง “การสร้างกำลังคนรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต”
สวทช. ร่วมพิธีเปิด “แมนูแฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โป 2024” และ ออโตโมทีฟ ซัมมิท
สวทช. ได้รับการยกย่องจากวุฒิสภา ในฐานะ “องค์กรที่ทำคุณประโยชน์เพื่อคนพิการ”
สวทช. ผนึก 5 องค์กร ยกระดับความรู้ -นวัตกรรมการแพทย์ นำไทยสู่ Medical Tourism
สวทช. เนคเทค และเอ็มเทค ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร จัดสัมมนา NSTDA Green Economy
คณะกมธ. ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณสภาผู้แทนราษฎร พร้อม สส. ติดตามกระบวนการทำงบภาครัฐ
กระทรวง อว. – กระทรวงอุตฯ ยกระดับมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ดึงความเชี่ยวชาญ สวทช.- สมอ. หนุนไทยเป็น EV Hub ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
UNESCO เข้าพบ “ศุภมาส” หารือประเด็นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล จริยธรรมของ AI การศึกษาในระดับอุดมศึกษา และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
อว. เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับภูมิภาค เน้นพัฒนาและจัดการทักษะการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม พร้อมหนุนธุรกิจ Startups
สวทช. ส่ง 3 ชุดตรวจคัดกรอง ด้านเกษตรและสาธารณสุข ช่วยแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ชัยภูมิ-นครราชสีมา
Download เอกสารฉบับเต็ม (18.4 MB)
จดหมายข่าว สวทช.
เกษตรกรกดไลก์ ! นักวิจัยส่ง “DAPBot” แพลตฟอร์มช่วยปราบศัตรูพืชผ่านไลน์ คู่คิดติดปลายนิ้วคนเกษตร
นักวิจัย สวทช. พัฒนา “DAPBot” แพลตฟอร์มสุดปัง ช่วยจำแนกศัตรูพืช วินิจฉัยโรคพืช พร้อมแนะนำการใช้ชีวภัณฑ์ที่ถูกต้องและถูกเวลา รวมทั้งยังชี้เป้าแหล่งจำหน่ายชีวภัณฑ์คุณภาพดีจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือได้ ทำให้ปราบศัตรูพืชได้อยู่หมัด ส่วนวิธีใช้งานก็ง่ายมากเพียงแอดไลน์ @dapbot เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวคอยตอบทุกปัญหาการเพาะปลูกภายใน 24 ชั่วโมง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนาแพลตฟอร์มสนับสนุนการจำแนกศัตรูพืชและการเข้าถึงชีวภัณฑ์เกษตรในรูปแบบ Line Official หรือ DAPBot (แดปบอท) ให้เป็นผู้ช่วยเกษตรกรจำแนกแมลงศัตรูพืช วินิจฉัยโรคพืช และเข้าถึงแหล่งชีวภัณฑ์เกษตรที่น่าเชื่อถือได้ง่าย พร้อมทั้งแนะนำวิธีใช้ชีวภัณฑ์อย่างถูกต้องให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวภัณฑ์ทางการเกษตรทดแทนการใช้สารเคมี ยกระดับการผลิตสู่เกษตรปลอดภัยอย่างยั่งยืน
[caption id="attachment_59454" align="aligncenter" width="750"] น.ส.เชษฐ์ธิดา ศรีสุขสาม ผู้ช่วยวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ไบโอเทค สวทช.[/caption]
น.ส.เชษฐ์ธิดา ศรีสุขสาม ผู้ช่วยวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ไบโอเทค สวทช. ให้ข้อมูลว่าจากประสบการณ์การวิจัยและทดสอบใช้ชีวภัณฑ์ในแปลงเกษตรร่วมกับเกษตรกรหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยมากว่า 10 ปี พบว่าอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลต่อการยอมรับและการใช้ชีวภัณฑ์ของเกษตรกรคือการเข้าถึงชีวภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เนื่องจากแหล่งจำหน่ายมีอยู่จำกัด เกษตรกรไม่ทราบแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือ ไม่มั่นใจในการสั่งซื้อออนไลน์ หรือซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ผล ทั้งที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานหรือใช้งานไม่ถูกวิธี อีกปัญหาหนึ่งคือเกษตรกรมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคและแมลงศัตรูพืช เช่น เข้าใจผิดว่าปัญหาในแปลงเกิดจากแมลงศัตรูพืช แต่จริง ๆ แล้วเกิดจากโรคพืช เชื้อรา หรือสาเหตุอื่น รวมถึงไม่รู้จักแมลงศัตรูพืชบางชนิด ทำให้แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ใช้ชีวภัณฑ์ไม่ถูกศัตรูพืช ใช้แล้วไม่ได้ผลตามที่ต้องการ จึงขาดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และไม่กล้าใช้ต่อไป
“ทีมวิจัยพัฒนา DAPBot ขึ้นเพื่อเชื่อมต่อ 3 หัวใจหลักให้ถึงกัน คือ เกษตรกร นักวิชาการ และผู้ผลิตชีวภัณฑ์ ซึ่งจะต้องเป็นระบบที่เกษตรกรใช้งานได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ราคาแพงหรือต้องเรียนรู้ระบบแอปพลิเคชันใหม่ ๆ จึงออกมาเป็นรูปแบบไลน์ ซึ่งเป็นระบบที่เกษตรกรส่วนใหญ่คุ้นเคยอยู่แล้ว เกษตรกรที่เพิ่ม DAPBot เป็นเพื่อนในไลน์ก็จะเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวในการวินิจฉัยโรคและแมลง พร้อมแนะนำวิธีแก้ปัญหาหรือวิธีใช้ชีวภัณฑ์ที่ถูกต้อง เช่น ใช้ชีวภัณฑ์ชนิดใด ปริมาณเท่าไหร่ ในช่วงเวลาใด โดยเราได้รวบรวมผู้ผลิตชีวภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานมาไว้ในระบบให้เกษตรกร คือ ผู้ผลิตที่เป็นมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก สวทช. และผู้ประกอบการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร นอกจากนี้เกษตรกรยังตรวจสภาพอากาศได้ผ่านระบบ “DragonFly” จาก GISTDA เพื่อเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้ชีวภัณฑ์ให้ได้ผลมากที่สุด”
เกษตรกรใช้งาน DAPBot ง่าย ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่แอดไลน์ @dapbot และลงทะเบียนสมาชิก จากนั้นก็เริ่มต้นวินิจฉัยโรคและแมลงศัตรูพืชได้ทันที โดยถ่ายภาพหรือส่งภาพโรคหรือแมลงที่สงสัยเข้าไปในระบบและรอแอดมินตอบภายใน 5 นาที หรือไม่เกิน 24 ชั่วโมง โดยทีมแอดมินที่ดูแลระบบเป็นทีมวิจัยซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านโรคและแมลง และยังมีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยหรือนักวิชาการเกษตรช่วยตอบปัญหาของเกษตรกร ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องโรคและแมลงศัตรูพืชเท่านั้น แต่ทุกปัญหาในแปลงเกษตรที่เกษตรกรมีข้อสงสัยก็สามารถถาม DAPBot ได้หมด เช่น ปัญหาเรื่องดิน น้ำ ปุ๋ย หรือสภาพอากาศ และในกรณีที่เกิดโรคแมลงศัตรูพืชระบาดหรือเกิดโรคอุบัติใหม่ในพื้นที่ใด จะมีการแจ้งเตือนไปยังเกษตรกรในพื้นที่นั้นทันที
นอกจากใช้งานง่ายและพร้อมตอบทุกข้อสงสัยของเกษตรกรแล้ว DAPBot ยังเป็นระบบสื่อสารแบบ 1 : 1 คือระหว่างแอดมินกับเกษตรเท่านั้น ช่วยให้เกษตรกรค้นหาข้อมูลย้อนหลังได้ง่าย มีความเป็นส่วนตัวและไม่ถูกรบกวนจากข้อความอื่นเหมือนกรณีกลุ่มไลน์ ปัจจุบันทีมวิจัยได้เปิดให้ใช้บริการ DAPBot มาแล้วเป็นเวลา 6 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม 2567) มีเกษตรกรลงทะเบียนใช้งานแล้วมากกว่า 1,000 คน เช่น กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในภาคตะวันออก กลุ่มเกษตรกร 5 จังหวัดในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชผักปลอดภัยจังหวัดราชบุรี
อย่างไรก็ตาม DAPBot ยังเป็นระบบที่ดูแลการตอบคำถามโดยทีมแอดมิน จึงอาจต้องใช้เวลาตอบหลายนาทีหรืออาจหลายชั่วโมง แต่ในอนาคตจะทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งทีมวิจัยกำลังพัฒนาโดยใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพถ่ายเพื่อวินิจฉัยโรคและแมลง และตอบกลับเกษตรกรได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที รวมทั้งจะพัฒนาให้เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มการเกษตรอื่นของ สวทช. เช่น ไลน์บอทโรคข้าวและบอทโรคสตรอว์เบอร์รี
[caption id="attachment_59459" align="aligncenter" width="666"] ทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ ไบโอเทค สวทช.[/caption]
“ทีมวิจัยมุ่งหวังให้ DAPBot เป็นคู่คิดติดปลายนิ้วของเกษตรกร ช่วยให้เกษตรกรได้เรียนรู้พัฒนาทักษะการสังเกตและจำแนกชนิดของศัตรูพืชทั้งโรคและแมลง ใช้ชีวภัณฑ์ได้ถูกศัตรูพืชและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เข้าถึงชีวภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้ง่าย สามารถเลือกใช้ชีวภัณฑ์แทนสารเคมีได้สะดวก ขณะเดียวกันผู้ประกอบการด้านชีวภัณฑ์เกษตรไทยได้ขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดทีมวิจัยอยากเห็นชีวภัณฑ์เกษตรค่อย ๆ เข้าไปมีส่วนแบ่งในตลาดสารเคมีมากขึ้น เกษตรกรใช้ชีวภัณฑ์อย่างแพร่หลาย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พึ่งพาสารเคมีน้อยลง เสริมสร้างความเข้มแข็งการใช้ชีวภัณฑ์ในประเทศอย่างยั่งยืน และยกระดับเกษตรกรรมไทยเป็นเกษตรปลอดภัยตามนโยบาย BCG” เชษฐ์ธิดากล่าว
DAPBot พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ เกษตรกรและประชาชนทุกคนที่ปลูกพืชทุกชนิดสนใจใช้งานสามารถแอดไลน์ @dapbot และสำหรับผู้ประกอบการชีวภัณฑ์เกษตรที่สนใจอยากเข้าร่วมเป็นเครือข่ายสามารถติดต่อทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ ไบโอเทค สวทช. โทร. 0 2564 6700 ต่อ 3378, 3364 อีเมล ibct.biotec@gmail.com และเพจเฟซบุ๊ก : ชีวภัณฑ์ไบโอเทค เพื่อผักผลไม้ปลอดภัย
เรียบเรียงโดย วีณา ยศวังใจ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์คโดย ฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่, วัชราภรณ์ สนทนา ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
ภาพประกอบโดย ทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ไบโอเทค สวทช.
BCG
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น
10 Technologies to Watch 2024: จุลชีพในลำไส้เพื่อดูแลสุขภาพ (Human Gut Microbes for Healthcare)
ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิดโดยเฉพาะในลำไส้ ซึ่งหากขาดสมดุลของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ไปก็จะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ขึ้นได้ ทั้งโรคทางเดินอาหาร โรคภูมิแพ้ และโรคทางเมแทบอลิก เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือแม้แต่โรคมะเร็ง
ปัจจุบันจึงมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ดีขึ้นมาหลายชนิดเพื่อช่วยเติมเต็มจุลินทรีย์ที่ขาดหายไปให้กับมนุษย์ ทั้งพรีไบโอติก (prebiotic) โพรไบโอติก (probiotic) และซินไบโอติก (synbiotic)
ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิดโดยเฉพาะในลำไส้ ซึ่งหากขาดสมดุลของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ไปก็จะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ขึ้นได้ ทั้งโรคทางเดินอาหาร โรคภูมิแพ้ และโรคทางเมแทบอลิก เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือแม้แต่โรคมะเร็ง
ปัจจุบันจึงมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ดีขึ้นมาหลายชนิดเพื่อช่วยเติมเต็มจุลินทรีย์ที่ขาดหายไปให้กับมนุษย์ ทั้งพรีไบโอติก (prebiotic) โพรไบโอติก (probiotic) และซินไบโอติก (synbiotic)
โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองจุลินทรีย์มาอย่างยาวนานและซับซ้อน ซึ่งในอนาคตอันใกล้อาจมีการใช้เชื้อที่ผ่านการวิศวกรรมจนได้คุณสมบัติใหม่เพิ่มเติมหรือดีกว่าเดิมเพื่อประโยชน์ด้านการเป็นอาหารเสริมสุขภาพ และการช่วยเฝ้าระวังหรือรักษาโรคอย่างเฉพาะเจาะจง
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ดังกล่าวอาจสร้างขึ้นโดยอาศัยความรู้ที่เรียกว่า 'ชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology)' ซึ่งใช้หลักการทางวิศวกรรมชีวเคมีในการออกแบบและสร้างระบบชีวภาพ จนได้เป็น 'วงจรยีน (gene circuit)' ในเซลล์ ซึ่งเปิด-ปิดการทำงานของยีนบางอย่างได้อย่างจำเพาะ โดยอาศัยการตอบสนองสัญญาณหรือตัวกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม ทำให้แจ้งเตือนการเกิดโรค ย่อยสลายสารพิษ หรือรักษาโรคได้
เราอาจออกแบบวงจรยีนให้เซลล์ตรวจสอบสารแปลกปลอม เช่น miRNA, ชิ้นส่วนที่มีความจำเพาะกับเนื้องอก, ไบโอมาร์กเกอร์ (biomarker) ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน เพปไทด์ สารเมแทบอไลต์ และทำให้เซลล์ตอบสนองหรือมีฟังก์ชันในลักษณะต่าง ๆ
เช่น เมื่อเซลล์เจอเนื้องอกแล้วทำให้เซลล์ตายไปพร้อมกับเนื้องอก ทำให้ยาออกฤทธิ์จำเพาะที่ หรือทำให้เกิดการปล่อยสารบางอย่างเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
ตัวอย่างงานวิจัย เช่น ปี 2017 มีนักวิจัยทำให้แบคทีเรีย อี. โคไล (E. coli) บ่งชี้ภาวะอักเสบในลำไส้หนูได้สำเร็จ โดยสร้างวงจรยีนของ E. coli เพื่อตรวจหาตัวบ่งชี้ภาวะอักเสบในลำไส้หรือ 'สารเตตระไทโอเนต (tetrathionate)' ซึ่งหากมีการอักเสบในลำไส้ จะมีการบ่งชี้ความผิดปกติในรูปแบบการทำให้สีของอุจจาระเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สังเกตเห็นความผิดปกติได้ด้วยตาเปล่า แบคทีเรียที่ผ่านการพัฒนาขึ้นนี้สามารถอาศัยและออกฤทธิ์ในลำไส้หนูได้นานถึง 6 เดือน จึงใช้บ่งชี้ภาวะการอักเสบได้ยาวนาน
ที่ล้ำไปกว่านั้นได้มีการวิศวกรรมแบคทีเรีย E. coli เพื่อใช้ตรวจหาตัวบ่งชี้ภาวะเลือดไหลในลำไส้หมู โดยแบคทีเรียดังกล่าวจะเปล่งแสงเมื่อมีเลือดไหลในลำไส้ โดยในการทดสอบมีการบรรจุ E. coli นี้ในไมโครแคปซูล (microcapsule) พร้อมกับชิป (chip) ที่ทำหน้าที่ตรวจวัดแสง สัญญาณบ่งชี้ที่แสดงผลออกมาจะทำให้เกษตรกรทราบว่าหมูตัวไหนป่วย และนำไปรักษาได้ทันการ
ทั้งนี้ในอนาคตเราอาจออกแบบวงจรยีนเพื่อทำให้เซลล์จุลินทรีย์จำเพาะบางชนิดทำหน้าที่ตรวจสอบสารแปลกปลอมต่าง ๆ หรือชิ้นส่วนที่มีความจำเพาะกับเนื้องอก, ออกแบบให้เป็นไบโอมาร์กเกอร์ชนิดต่าง ๆ และทำให้เซลล์ตอบสนองหรือมีฟังก์ชันในลักษณะทำนองเดียวกับตัวอย่างที่กล่าวถึงข้างต้น, ออกแบบให้เป็นยาที่ออกฤทธิ์อย่างจำเพาะ หรือกระทั่งออกแบบให้เป็นตัวช่วยปล่อยสารกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
ข่าว
นานาสาระน่ารู้
บทความ


