หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
หนังสือ Intelligent economy
Download หนังสือ Intelligent economy  (11.1 MB) (more…)
เอกสารเผยแพร่
 
หนังสือ Mo Singto Forest Dynamics Plot: Flora and Ecology
Download หนังสือ Mo Singto Forest Dynamics Plot: Flora and Ecology  (92.5 MB) หนังสือ Mo Singto Forest Dynamics Plot: Flora and Ecologyผู้แต่ง Warren Y. Brockelman, Anuttara Nathalang and J.F. Maxwell สรุปเนื้อหา : แปลงศึกษาวิจัยพลวัตป่ามอสิงโตตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเริ่มโครงการสำรวจและทำรังวัดตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 พื้นที่มีขนาด 30.5 เฮกแตร์ หรือประมาณ 190 ไร่ จุดประสงค์ของการจัดตั้งแปลงวิจัยแห่งนี้ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าทางด้านนิเวศวิทยาป่าไม้ เช่น ความสัมพันธ์ของพืชและสัตว์ในระบบนิเวศที่มีบทบาทความสำคัญที่แตกต่างกัน, พลวัตหรือการเปลี่ยนแปลงของป่าหรือสังคมพืชในธรรมชาติ, ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศป่าในธรรมชาติ เป็นต้น หนังสือเล่มนี้ความโดดเด่นคือ การรวบรวมพรรณไม้ต่างๆ ในแปลงวิจัย รวมทั้งข้อมูลพื้นฐานจากการสำรวจมโนประชากรต้นไม้ในแปลง 2 ครั้งคือในปี พ.ศ.2547 (2004) และ พ.ศ.2554 (2011) โดยแยกตามรายชนิดพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปทางกายภาพ เช่น สภาพป่าโดยทั่วไป, ธรณีวิทยาและดิน, สภาพอากาศและภูมิอากาศ ได้อธิบายไว้ เพื่อให้ผู้อ่านได้ข้อมูลเป็นภาพรวมที่ชัดเจนมากขึ้น
เอกสารเผยแพร่
 
การสัมผัสระหว่างเชื้อมาลาเรียและคนได้รับการศึกษาโดยใช้ cryo-EM
คณะนักวิจัยจาก Melbourne's Walter and Eliza Hall Institute และ Howard Hughes Medical Institute (US) ใช้เทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลโนเบลได้แก่ cryo-EM (cryo-electron microscopy) เพื่อศึกษาการสัมผัสระหว่างเชื้อมาลาเรีย Plasmodium vivax และเซลล์เม็ดเลือดแดงที่อายุน้อย ซึ่งบุกรุกเพื่อเริ่มการแพร่กระจายของเชื้อมาลาเรียไปทั่วร่างกาย การค้นพบครั้งนี้เผยแพร่ในวารสาร Nature ก่อนหน้านี้ คณะนักวิจัยค้นพบว่าเชื้อมาลาเรีย P. vivax ใช้ตัวรับ transferrin ของคนเพื่อเข้าถึงเซลล์เม็ดเลือดแดง การศึกษาครั้งนั้นเผยแพร่ในวารสาร Science ขณะนี้โดยใช้ cryo-EM รองศาสตราจารย์ Wai-Hong Tham หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า คณะนักวิจัยสามารถเอาชนะความยากทางเทคนิค โดยสามารถมองเห็นการกระทำนั้นที่ระดับอะตอม รองศาสตราจารย์ Tham กล่าวว่า ขณะนี้สามารถศึกษาระดับอะตอมของเชื้อมาลาเรีย P. vivax มีปฏิกิริยาต่อ (interact) ตัวรับ transferrin ของคนอย่างไร นี้จะเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะก้าวสู่การพัฒนายาต้านมาลาเรียและวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ cryo-EM ทำให้นักวิจัยสามารถเห็นโครงสร้างซึ่งใหญ่และซับซ้อนมาก รองศาสตราจารย์ Tham กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาวัคซีน เนื่องจากเชื้อมาลาเรีย P. vivax มีความหลากหลายมาก ขณะนี้ค้นพบเครื่องมือระดับโมเลกุลซึ่งจะเป็นเป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับวัคซีนต้านมาลาเรียที่มีประสิทธิภาพต่อเชื้อมาลาเรีย P. vivax ที่หลากหลายมากที่สุด ที่มา: Walter and Eliza Hall Institute (2018, June 27). First malaria-human contact mapped with Nobel Prize-winning technology. ScienceDaily. Retrieved August 15, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/06/180627160511.htm
นานาสาระน่ารู้
 
ค้นพบยีนเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายของมะเร็ง
คณะนักวิจัยจาก University of Alberta ค้นพบเป้าหมายในการรักษาซึ่งสามารถเป็นหลักในการป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็ง การค้นพบครั้งนี้เผยแพร่ในวารสาร Nature Communications คณะนักวิจัยใช้ตัวอ่อนสัตว์ปีกที่ไม่มีเยื่อหุ้ม (shell-less avian embryo) เพื่อดูการเจริญและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งแบบ real time และใช้เครื่องมือระดับโมเลกุลที่มีชื่อว่า knockout library เพื่อใส่เวกเตอร์ short hairpin RNA (shRNA) เข้าไปในเซลล์มะเร็ง ซึ่งเวกเตอร์จะจับกับยีนที่จำเพาะในเซลล์มะเร็งและหยุดยีนเหล่านั้นจากการกระตุ้น ต่อมาใส่เซลล์มะเร็งเหล่านั้นเข้าไปในตัวอ่อนและสังเกตในขณะที่เซลล์มะเร็งสร้างกลุ่มมะเร็ง แล้วแสดงว่ากลุ่มมะเร็งไหนมีคุณสมบัติไม่สามารถแพร่กระจาย Konstantin Stoletov หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า เมื่อพบ compact colonies ของมะเร็งหมายความว่าทุกขั้นตอนไปยังการแพร่กระจายถูกห้าม หลังจากนั้นศึกษา colonies เหล่านั้นว่ามียีนอะไร และต่อมาตรวจสอบว่ายีนนั้นเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายจริงๆ วิธีนี้ทำให้คณะนักวิจัยค้นพบ 11 ยีนซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญกับการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ซึ่งยีนเหล่านี้เกี่ยวข้องอย่างกว้างๆ ในขบวนการการแพร่กระจายและไม่จำเพาะกับมะเร็งชนิดไหน ที่มา: University of Alberta Faculty of Medicine & Dentistry (2018, June 20). Putting the brakes on metastatic cancer. ScienceDaily. Retrieved August 15, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/06/180620125909.htm
นานาสาระน่ารู้
 
สารประกอบผลิตในร่างกายคนหยุดไวรัสจากการเพิ่มจำนวน
คณะนักวิจัยจาก Penn State และ Albert Einstein College of Medicine แสดงกลไกการทำงานของ viperin ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติในคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ซึ่งมีผลต่อต้านไวรัสหลายชนิด ได้แก่ West Nile ตับอักเสบซี พิษสุนัขบ้า และเอชไอวี เอนไซม์ช่วยให้เกิดปฏิกิริยาซึ่งผลิตโมเลกุล ddhCTP ซึ่งป้องกันไวรัสจากการทำสำเนาสารพันธุกรรมและดังนั้นจากการเพิ่มจำนวน การค้นพบนี้สามารถทำให้นักวิจัยพัฒนายาซึ่งชักนำให้ร่างกายคนผลิตโมเลกุลนี้และสามารถเป็นการรักษาได้กว้างสำหรับไวรัสหลายตัว การศึกษาครั้งนี้เผยแพร่ในวารสาร Nature ไวรัสทั่วไปใช้ส่วนประกอบทางพันธุกรรมของเจ้าบ้านเพื่อทำสำเนาสารพันธุกรรมของตัวเอง คือการเติมโมเลกุลที่เรียกว่า nucleotide เข้าไปในสายอาร์เอ็นเอ โมเลกุล ddhCTP เลียนแบบ nucleotide เหล่านี้และดังนั้นเข้าไปอยู่ในสายอาร์เอ็นเอของไวรัส และป้องกันเอนไซม์ RNA polymerase จากการเติม nucleotide เข้าไปในสาย ดังนั้นป้องกันไวรัสจากการทำสำเนาสารพันธุกรรม จึงทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวนไม่ได้ รองศาสตราจารย์ Jamie Arnold หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า อุปสรรคหลักของการพัฒนา nucleotide ต้านไวรัสที่มีประโยชน์ในการรักษาคือ การออกฤทธิ์ไม่ตรงเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ค้นพบว่าโมเลกุลเลียนแบบ nucleotide ซึ่งถูกพัฒนาเพื่อการรักษาตับอับเสบซีสามารถขัดขวางการผลิตอาร์เอ็นเอใน mitochondria ของเซลล์ของผู้ป่วย อย่างไรก็ตามโมเลกุล ddhCTP ไม่พบว่าออกฤทธิ์ไม่ตรงเป้าหมาย คณะนักวิจัยคาดว่าการเกิดขึ้นในธรรมชาติของสารประกอบนั้นภายในร่างกายคนทำให้ไม่มีพิษ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของ ddhCTP คณะนักวิจัยแสดงว่าโมเลกุลยับยั้งเอนไซม์ RNA polymerase ของไวรัสไข้เลือดออก ไวรัส West Nile และไวรัส Zika ทั้งหมดอยู่ในกลุ่มไวรัสที่เรียกว่า flaviviruses ต่อมาได้ค้นหาว่าโมเลกุลยับยั้งการทำสำเนาสารพันธุกรรมของไวรัส Zika ในเซลล์มีชีวิตหรือไม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Joyce Jose หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า โมเลกุลยับยั้งโดยตรงการทำสำเนาสารพันธุกรรมของไวรัส Zika 3 สายพันธุ์ โดยมีประสิทธิภาพเท่าๆ กันต่อสายพันธุ์ต้นกำเนิดจากปี 1947 และต่ออีก 2 สายพันธุ์จากการระบาดเมื่อเร็วๆ นี้ปี 2016 นี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเพราะยังไม่มีวิธีรักษาสำหรับ Zika โดยสรุปผลการศึกษาแสดงผลต้านไวรัสหลายตัวของ flaviviruses ของ ddhCTP แต่เอนไซม์ RNA polymerase ของไวรัสไรโน (rhinovirus) และไวรัสโปลิโอของคน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า picornaviruses ไม่ถูกยับยั้งด้วยโมเลกุล คณะนักวิจัยวางแผนที่จะศึกษาโครงสร้าง polymerase ของไวรัสเหล่านี้เพื่อให้เข้าใจดีขึ้นทำไม flaviviruses จึงถูกยับยั้งโดย ddhCTP ในขณะที่ picornaviruses ไม่ถูกยับยั้ง การศึกษานี้ยังอาจจะทำให้เข้าใจว่า flaviviruses อาจพัฒนาการดื้อต่อโมเลกุลอย่างไร ที่มา: Penn State (2018, June 20). Compound made inside human body stops viruses from replicating. ScienceDaily. Retrieved August 15, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/06/180620150150.htm
นานาสาระน่ารู้
 
วิธีใหม่ในการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ ถูก เร็ว และดีกว่า
คณะนักวิจัยจาก Department of Energy's Joint BioEnergy Institute ได้พัฒนาวิธีใหม่ในการสังเคราะห์ดีเอ็นเอที่ รวดเร็วกว่า ถูกกว่าและถูกต้องมากกว่า งานวิจัยครั้งนี้ถูกเผยแพร่ในวารสาร Nature Biotechnology ตามปกติเอนไซม์ที่ใช้ในการสังเคราะห์ดีเอ็นเอคือ TdT (terminal deoxynucleotidyl transferase) และ nucleotide (องค์ประกอบย่อยของดีเอ็นเอ) ที่ใช้จะต้องมีกลุ่มห้าม (blocking group) อย่างไรก็ตามมีปัญหาว่าบริเวณเร่งของเอนไซม์ไม่ใหญ่พอที่ nucleotide ที่มีกลุ่มห้ามจะเข้าไป Daniel Arlow หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า นักวิจัยพยายามที่จะขยายช่องในเอนไซม์โดยทำให้เกิดการกลายพันธุ์เพื่อทำให้มีบริเวณสำหรับกลุ่มห้าม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเพราะต้องขยายบริเวณและต้องไม่ทำให้การทำหน้าที่ของเอนไซม์เสียไป Arlow กล่าวว่า แทนที่จะขยายบริเวณในเอนไซม์ สิ่งที่ทำคือทำให้หนึ่ง nucleotide ติดกับแต่ละเอนไซม์ TdT ด้วยตัวเชื่อมที่ตัดออกได้  ด้วยวิธีนี้หลังจากสังเคราะห์เพิ่มโมเลกุลดีเอ็นเอโดยใช้ nucleotide ที่ถูกเชื่อมติด เอนไซม์จะไม่มี nucleotide อื่นเพื่อเพิ่มเข้าไปในสายดีเอ็นเอ ดังนั้นเอนไซม์จึงหยุด ข้อดีหลักของวิธีนี้คือ แกนหลัก (backbone) ของดีเอ็นเอ เหมือนกับดีเอ็นเอในธรรมชาติ เมื่อ nucleotide ถูกเติมเข้าไปในสายดีเอ็นเอ เอนไซม์จะถูกตัดออก ต่อจากนั้นรอบใหม่สามารถเริ่มอีกครั้งด้วย nucleotide ตัวถัดไปเชื่อมติดกับอีกหนึ่งเอนไซม์ TdT ที่มา:  DOE/Lawrence Berkeley National Laboratory (2018, June 18). Faster, cheaper, better: A new way to synthesize DNA. ScienceDaily. Retrieved August 10, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/06/180618163842.htm
นานาสาระน่ารู้
 
เพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บพลังงานของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขึ้น 3 เท่า
ความร่วมมือนำโดยคณะนักวิจัยจาก University of Maryland, the U.S. Department of Energy's (DOE) Brookhaven National Laboratory, และ the U.S. Army Research Lab พัฒนาและศึกษาวัสดุของขั้วลบซึ่งสามารถเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานของขั้วไฟฟ้าของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขึ้น 3 เท่า งานวิจัยนี้ถูกเผยแพร่ในวารสาร Nature Communications คณะนักวิจัยสังเคราะห์วัสดุของขั้วลบ เป็นรูปที่ถูกปรับเปลี่ยนของ iron trifluoride (FeF3) ซึ่งประกอบด้วยธาตุที่มีราคาไม่แพงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่น iron และ fluorine คณะนักวิจัยเลือกที่จะใช้ FeF3 ในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเพราะให้ความจุที่มากกว่าวัสดุของขั้วลบทั่วไป Enyuan Hu หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า วัสดุที่ใช้ในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนตามปกติใช้ intercalation chemistry ซึ่งมีประสิทธิภาพมาก แต่ขนส่งอิเล็กตรอนเดียวดังนั้นความจุของขั้วลบจึงถูกจำกัด FeF3 สามารถขนส่งหลายอิเล็กตรอนโดยกลไกของปฏิกิริยาที่ซับซ้อนมากกว่าที่มีชื่อว่า conversion reaction ถึงแม้ FeF3 สามารถเพิ่มความจุของขั้วลบ แต่ไม่สามารถทำงานได้ดีในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเนื่องจาก 3 ข้อจำกัดของ conversion reaction เพื่อแก้ปัญหานี้ คณะนักวิจัยได้เพิ่มอะตอม cobalt และ oxygen ไปยัง FeF3 nanorod โดยขบวนการที่มีชื่อว่า chemical substitution Sooyeon Hwang หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า เมื่อลิเทียมไอออนถูกแทรกเข้าไปใน FeF3 วัสดุนี้ถูกเปลี่ยนเป็น iron และ lithium fluoride อย่างไรก็ตามปฏิกิริยานี้ไม่สามารถผันกลับได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากแทนที่ด้วย cobalt และ oxygen โครงสร้างหลักของวัสดุของขั้วลบคงสภาพไว้ดีขึ้นและปฏิกิริยาผันกลับได้ดีขึ้น ที่มา: DOE/Brookhaven National Laboratory (2018, June 14).Tripling the energy storage of lithium-ion batteries. ScienceDaily. Retrieved August 10, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/06/180614213644.htm
นานาสาระน่ารู้
 
ยีสต์มีการแปลรหัสดีเอ็นเอเป็นแบบสุ่มได้เป็น 2 แบบ
คณะนักวิจัยจาก Milner Centre for Evolution ที่ University of Bath และ Max-Planck Institute for Biophysical Chemistry ที่ Gottingen ประเทศเยอรมัน ค้นพบเป็นครั้งแรกยีสต์ใช้การแปลรหัสดีเอ็นเอที่แตกต่างกัน 2 แบบโดยการสุ่ม การค้นพบนี้ถูกเผยแพร่ในวารสาร Current Biology ยีสต์ที่มีชื่อว่า Ascoidea asiatica สามารถแปลรหัส CTG เป็นกรดอะมิโน serine หรือ leucine แบบสุ่มเหมือนโยนเหรียญหัวก้อย เพื่อทำให้เข้าใจว่ากลไกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร คณะนักวิจัยศึกษา tRNA (ตัวแปลรหัสดีเอ็นเอโดยอ่านรหัสแล้วนำกรดอะมิโนมาต่อกันเป็นโปรตีน) ดร. Martin Kollmar หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า A. asiatica มี 2 ชนิด ของ tRNA สำหรับรหัส CTG หนึ่งชนิดเชื่อมติดกับ leucine และอีกหนึ่งชนิดเชื่อมติดกับ serine ดังนั้นเมื่อแปลรหัส CTG จะมีการสุ่มหยิบหนึ่งชนิดจากสองชนิดของ tRNA ดังนั้นหยิบแบบสุ่มระหว่าง serine และ leucine ดร. Stefanie Muhlhausen หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวเพิ่มว่า การเปลี่ยนจาก luecine เป็น serine สามารถทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในโปรตีนเนื่องจากทั้งสองกรดอะมิโนมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน serine พบบ่อยๆ บนผิวของโปรตีนในขณะที่ leucine ไม่ชอบน้ำจะฝังตัวอยู่ภายในโปรตีน ยีสต์นี้แก้ปัญหาการแปลรหัสแบบสุ่มได้อย่างไร พบว่า A. asiatica มีการใช้รหัส CTG ไม่บ่อยและหลีกเลี่ยงส่วนสำคัญของโปรตีน ที่มา: University of Bath (2018, June 14). Microbe breaks 'universal' DNA rule by using two different translations. ScienceDaily. Retrieved August 10, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/06/180614213814.htm
นานาสาระน่ารู้
 
วงจรยืดหยุ่นได้
คณะนักวิจัยจากจีนพัฒนาวัสดุนำไฟฟ้าผสม ส่วนหนึ่งเป็นพอลิเมอร์ที่ยืดหยุ่นได้ อีกส่วนเป็นโลหะเหลว ซึ่งสามารถโค้งและยืดออกได้ วงจรที่ประกอบขึ้นด้วยวัสดุนี้สามารถมีรูปร่าง 2 มิติได้หลากหลายและนอกจากนี้ยังไม่เป็นพิษ การศึกษาครั้งนี้เผยแพร่ในวารสาร iScience วัสดุมีชื่อเรียกว่า metal-polymer conductor หรือ MPC โลหะในวัสดุนี้ไม่ใช่เป็นของแข็งนำไฟฟ้าเช่น ทองแดง เงิน หรือทอง แต่เป็น gallium และ indium ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวคล้ายน้ำเชื่อมเหนียว ซึ่งยังคงยอมให้กระแสไฟฟ้าไหล คณะนักวิจัยค้นพบว่าฝังหยดของส่วนผสมโลหะเหลวนี้ภายในเครือข่ายพยุงของพอลิเมอร์ที่เป็นซิลิโคนทำให้ได้วัสดุที่ยืดหยุ่นได้เชิงกลด้วยความสามารถนำไฟฟ้าพอที่จะทำให้เกิดวงจรที่มีประสิทธิภาพ โครงสร้างของ MPC เหมือนกับเกาะโลหะเหลวกลมลอยอยู่ในทะเลของพอลิเมอร์ โดยมีโลหะเหลวชนิดหนึ่งห่อหุ้มอยู่ข้างใต้เพื่อทำให้เกิดความสามารถนำไฟฟ้าที่สมบูรณ์ คณะนักวิจัยประสบผลสำเร็จในการทดลองหลายสูตรของ MPC เพื่อการประยุกต์ที่หลากหลาย ได้แก่ เป็นเซ็นเซอร์สำหรับถุงมือ keyboard ที่สวมใส่ได้ และเป็นขั้วไฟฟ้าสำหรับกระตุ้นการส่งผ่านดีเอ็นเอผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ Lixue Tang หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า การประยุกต์ใช้ MPC ขึ้นอยู่กับส่วนพอลิเมอร์ ใช้พอลิเมอร์ที่ยืดหยุ่นมากเพื่อให้ได้ MPC สำหรับวงจรยืดหยุ่นได้ ใช้พอลิเมอร์ชีวภาพและย่อยสลายในทางชีวภาพสำหรับ MPC เพื่ออุปกรณ์ฝังได้ ในอนาคตสามารถแม้แต่สร้างหุ่นยนต์นิ่มโดยใช้พอลิเมอร์ electroactive ที่มา: Cell Press (2018, June 14). This is what a stretchy circuit looks like. ScienceDaily. Retrieved August 10, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/06/180614213840.htm
นานาสาระน่ารู้
 
วัคซีนเอชไอวีทำให้เกิดแอนติบอดีในสัตว์หลายชนิดซึ่งทำลายเอชไอวีหลายสายพันธุ์
วัคซีนได้รับการพัฒนาจากโครงสร้างของเอชไอวีทำให้เกิดแอนติบอดีในหนู หนูตะเภา และลิง ซึ่งทำลายเอชไอวีหลายสายพันธุ์จากทั่วโลก การค้นพบครั้งนี้ถูกรายงานในวารสาร Nature Medicine โดยคณะนักวิจัยจาก National Institute of Allergy and Infectious Diseases อยู่ภายใต้ National Institutes of Health (NIH) วัคซีนถูกพัฒนาโดยใช้ fusion peptide ของเอชไอวี (เป็นกรดอะมิโนสายสั้นเป็นส่วนหนึ่งของส่วนที่ยื่นออกจากผิวของไวรัสซึ่งมีส่วนสำคัญช่วยให้ไวรัสเข้าเซลล์คนได้) fusion peptide epitope เหมาะสำหรับใช้เป็นวัคซีนเพราะโครงสร้างเหมือนกันในสายพันธุ์ส่วนใหญ่ของเอชไอวีและเพราะระบบภูมิคุ้มกันเห็น fusion peptide epitope ได้อย่างชัดเจนและมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอย่างมาก นอกจากนี้ fusion peptide ไม่มีน้ำตาลซึ่งบังการมองเห็นของระบบภูมิคุ้มกันต่อ epitope อื่นของเอชไอวี เพื่อสร้างวัคซีน คณะนักวิจัยได้ออกแบบหลาย immunogen (โปรตีนที่ได้รับการออกแบบเพื่อกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน) จากโครงสร้างที่รู้ของ fusion peptide ต่อมาประเมิน immunogen โดยใช้หลายแอนติบอดีซึ่งมีเป้าหมายเป็น fusion peptide epitope  และต่อมาทดสอบในหนูว่า immunogen ไหนทำให้เกิดแอนติบอดีต่อ fusion peptide ที่สามารถทำลายเอชไอวีได้มีประสิทธิภาพดีที่สุด พบว่า immunogen ที่ดีที่สุดประกอบด้วย 8 กรดอะมิโนของ fusion peptide เกิดพันธะกับตัวพาตัวหนึ่งซึ่งทำให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอย่างมาก เพื่อทำให้ผลการศึกษาดีขึ้น คณะนักวิจัยจับคู่ immunogen นี้กับรูปจำลองส่วนที่ยื่นจากผิวของเอชไอวี ต่อมาคณะนักวิจัยทดสอบหลายส่วนผสมการให้ของสิ่งที่ได้นี้กับหนูและวิเคราะห์แอนติบอดีที่วัคซีนนี้สร้าง พบว่าแอนติบอดีจับกับ fusion peptide ของเอชไอวี และทำลายถึง 31 เปอร์เซ็นต์ของไวรัสจากตัวแทนทั่วโลกของ 208 เอชไอวีสายพันธุ์ คณะนักวิจัยได้ปรับวัคซีนและทดสอบกับหนูตะเภาและลิง ผลก็คือได้แอนติบอดีซึ่งสามารถทำลายเอชไอวีหลายสายพันธุ์ แสดงว่าวัคซีนอาจใช้ได้กับสัตว์หลายชนิด ที่มา: NIH/National Institute of Allergy and infectious Diseases (2018, June 4). HIV vaccine elicits antibodies in animals that neutralize dozens of HIV strains. ScienceDaily. Retrieved June 5, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/06/180604125008.htm
นานาสาระน่ารู้
 
วัสดุที่ซ่อมแซมได้ด้วยตัวเองความเสียหายเชิงกล
คณะนักวิจัยจาก Carnegie Mellon University พัฒนาวัสดุที่ซ่อมแซมได้ด้วยตัวเองความเสียหายเชิงกลอย่างมาก การศึกษาครั้งนี้เผยแพร่ในวารสาร Nature Materials วัสดุประกอบด้วยหยดโลหะเหลวแขวนลอยในพอลิเมอร์นิ่มที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่น (soft elastomer) เมื่อได้รับความเสียหาย หยดโลหะเหลวจะแตกออกเพื่อสร้างการเชื่อมต่อใหม่กับหยดโลหะเหลวรอบๆ และส่งสัญญาณไฟฟ้าไปเส้นทางต่างๆ โดยปราศจากการขัดขวาง วัสดุสามารถประยุกต์ใช้ในหุ่นยนต์ชีวภาพ การมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างเครื่องยนต์และคน และคอมพิวเตอร์สวมใส่ได้ เนื่องจากวัสดุยังมีความสามารถนำไฟฟ้าสูงซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อถูกยืดออก จึงเหมาะกับการใช้ในการส่งพลังงานและข้อมูล รองศาสตราจารย์ Carmel Majidi หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า งานวิจัยอื่นเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์นิ่มได้วัสดุที่ยืดหยุ่นและผิดรูปร่างได้แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาความเสียหายเชิงกลซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้าอย่างทันที ที่มา: College of Engineering, Carnegie Mellon University (2018, May 21). Self-healing material a breakthrough for bio-inspired robotics. ScienceDaily. Retrieved July 6, 2018, from https://www.sciencedaily.com/releases/2018/05/180521131748.htm
นานาสาระน่ารู้
 
ACROSS: one-stop search service รายการเอกสารจดหมายเหตุของไต้หวัน
ACROSS ย่อมาจาก Archives Cross Boundaries คือ one-stop search service รายการเอกสารจดหมายเหตุที่มีให้บริการในห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หอจดหมายเหตุ และคลังข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในประเทศไต้หวัน ทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐ สถาบันเอกชน และส่วนบุคคล พัฒนาขึ้นโดย National Archives Administration (NAA) ของประเทศไต้หวัน เปิดตัวให้บริการในปี ค.ศ. 2010 โดย ACROSS จัดเป็นแพลตฟอร์มระหว่างสถาบัน (inter-institutional platform) แรก ที่ให้บริการค้นหารายการทรัพยากรสารสนเทศข้ามหน่วยงานของไต้หวัน ACROSS ได้รวบรวมฐานข้อมูล 94 ฐาน ที่พัฒนาขึ้นโดยห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ และคลังข้อมูล 30 แห่งในไต้หวัน ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหารายการภาพ เสียง วิดีโอ และสิ่งพิมพ์ที่มีคุณค่า ประมาณ 7 ล้านรายการ ซึ่งย้อนหลังไปถึงสมัยราชวงศ์หมิงในสมัยศตวรรษที่ 14 และราชวงศ์ชิง และช่วงปีแรกๆ ของไต้หวัน ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาและการเข้าถึงเอกสารจดหมายเหตุจากฐานข้อมูลต่างๆ แก่ผู้สนใจ เพื่อสนับสนุนการแบ่งปันทรัพยากรสารสนเทศระหว่างหน่วยงาน และเพื่อการส่งเสริมการบริการดิจิทัล ตัวอย่างหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการ เช่น Academia Historica, Taiwan Historica, Academia Sinica Institute of Taiwan History, Academia Sinica Institute of Modern History, Academia Sinica Institute of History and Philology, National Central Library, National Taiwan University, Kaohsiung Museum of History, Institute of Hsinchu County History และ Council for Cultural Affairs ในด้านเทคนิคของการพัฒนา ACROSS นั้น ACROSS ถูกพัฒนาโดยการใช้เทคโนโลยีหลัก 2 ตัว คือ  integrates meta-search และ API (Application Programming Interface) ในการสืบค้นและแสดงรายการเอกสารจดหมายเหตุจากฐานข้อมูลต่างๆ ที่ร่วมโครงการแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยระบบจะแสดงรายการบรรณานุกรมของเอกสารจดหมายเหตุและรายชื่อของหน่วยงานที่ให้บริการเอกสารจดหมายเหตุรายการนั้นๆ หากผู้ใช้บริการต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถคลิกที่ปุ่ม "link to the source database" โดยระบบจะพาผู้ใช้บริการไปยังฐานข้อมูลของหน่วยงานที่เป็นเจ้าของรายการ ขณะที่ ลิขสิทธิ์เกี่ยวกับการอนุญาตใช้งานเอกสารจดหมายเหตุนั้น จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่แต่ละหน่วยงานที่เป็นเจ้าของเอกสารจดหมายเหตุเป็นผู้กำหนด ระบบ ACROSS มีการบริหารจัดการรายการข้อมูลโดยแบ่งตามเนื้อหา ช่วงเวลา และประเภทของสื่อ รวมถึงหน่วยงานเจ้าของรายการ ระบบยังมีฟังก์ชันอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกการค้นและเข้าถึงรายการเอกสารจดหมายเหตุที่ต้องการ เช่น knowledge guidance services, personalized services, Web 2.0 user interactive services โหมดการค้นหาขั้นพื้นฐานและขั้นสูง (การค้นหาขั้นสูงใช้ตรรกะบูลีน AND, OR, NOT) การขยายผลการค้นหา หรือ การกรองผลการค้นหา Archives Cross Boundaries
นานาสาระน่ารู้