ผลการค้นหา :
ทีม ‘BRR ROBOT1’ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ จ.ฉะเชิงเทรา คว้าแชมป์ การแข่งขัน NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1
(วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568) ณ ห้องออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย: ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวในพิธีเปิดการแข่งขัน NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 (The 1st NSTDA Micro-Mouse Contest: NMMC 2025) จากทีมนักเรียนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมค่ายเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในวันนี้นักเรียนจำนวน 60 คน จาก 20 ทีมที่เข้าบ่มเพาะในค่ายฯ NMMC 2025 ได้ร่วมการแข่งขันกันตลอดทั้งวัน ในการออกแบบหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่สามารถนำทางผ่านเขาวงกตได้ด้วยความแม่นยำและรวดเร็ว ที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้ทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม การวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบที่จะช่วยทำให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดได้ฝึกฝนทักษะเชิงปฏิบัติ ผ่านการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในสถานการณ์จริง เพื่อให้คณะกรรมการตัดสินและคัดเลือกทีมที่ชนะเลิศ เข้ารับมอบถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 27 มีนาคม 2568 ในการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ประจำปี 2568 หรือ NAC2025
ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. มีพันธกิจเรื่องการพัฒนากำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน เพื่อให้เติบโตมาเป็นกำลังคนที่มีความรู้ มีความตระหนักทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ดี ดังจะเห็นได้จากการที่ สวทช. มีการก่อตั้งบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ที่เป็นสถานที่บ่มเพาะเยาวชนให้ได้รับการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน เช่น การจัดกิจกรรมค่าย รวมถึงการจัดการแข่งขันเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเป็นหนึ่งในแนวทางให้นักเรียน ได้ใช้ความรู้และทักษะในเชิงปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม นอกห้องเรียน
ดร.สมบุญ กล่าวต่อว่า สวทช. เริ่มให้มีการแข่งขันการแข่งขันหุ่นยนต์นำทาง ในเขาวงกตเป็นครั้งแรก ชื่อกิจกรรมว่า NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักเรียนจากทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก โดยมีนักเรียนจากทั่วประเทศสมัครเข้ามามากถึง 404 ทีม ซึ่งโครงการได้คัดเลือกจากใบสมัครเข้าสู่รอบการสัมภาษณ์ จำนวน 47 ทีม การคัดเลือกรอบที่สองเหลือ จำนวน 20 ทีม ในแต่ละทีมประกอบด้วย นักเรียน 3 คน และคุณครูที่ปรึกษา 1 คน ในระหว่างการเข้าค่ายนักเรียนจะได้เรียนรู้การออกแบบและการสร้างหุ่นยนต์ การควบคุมและการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ การใช้งานเซ็นเซอร์ต่างๆ รวมถึงการใช้ตรรกะในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการทำงานเป็นทีม เพื่อสร้างหุ่นยนต์นำทางในเขาวงกต ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะวิทยากรที่ได้สละเวลาในการบ่มเพาะเยาวชนให้มีทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งทักษะด้านวิศวกรรม และขอขอบคุณศิษย์เก่าสมาคม Micro-Mouse คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยที่มาเป็นพี่เลี้ยงค่ายตลอดระยะเวลา 3 วัน และขอขอบคุณทีมงานและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ร่วมจัดค่ายและการแข่งขันในครั้งนี้เพื่อให้เยาวชนไทยได้พัฒนาศักยภาพตนเองอย่างเต็มความสามารถ
ทั้งนี้การแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้นและสนุกตื่นเต้น โดยคณะกรรมการได้ติดตามการแข่งขันตลอดทั้งวัน จากกติกาการแข่งขัน คือ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมมีเวลา 10 นาที ในการเดินทางผ่านเขาวงกตเพื่อบันทึกเวลาที่ดีที่สุด (เวลาที่ใช้เดินจากจุดเริ่มต้นถึงจุดหมาย) การหยุดและการเคลื่อนย้ายหุ่นยนต์ต้องได้รับการอนุญาตจากกรรมการก่อนทุกครั้ง ห้ามตั้งโปรแกรมใหม่หรือเปลี่ยนแปลงระบบของหุ่นยนต์หลังจากเห็นเขาวงกต แต่อนุญาตให้เปลี่ยนการตั้งค่าบางส่วนได้ และห้ามเปลี่ยนน้ำหนักหุ่นยนต์ สำหรับ เกณฑ์การให้คะแนน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การแข่งขันตามภารกิจ 80 คะแนน และ การนำเสนอผลงาน 20 คะแนน รวมเป็น 100 คะแนน โดยการแข่งขันตามภารกิจ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ คะแนนการวิ่ง 60 คะแนน (เวลาเปรียบเทียบทีมที่ทำเวลาดีที่สุด 40 คะแนน / ระยะทางที่วิ่งได้ 20 คะแนน) และ คะแนนพิเศษ 20 คะแนน (วิ่งสำเร็จในรอบแรก ถึงจุดหมายครั้งแรกที่ลอง 8 คะแนน ไม่ชนกำแพงในแต่ละรอบ 8 คะแนน และความสมบูรณ์ของหุ่น ไม่พังหรือทิ้งชิ้นส่วนระหว่างการวิ่ง 4 คะแนน) ทั้งนี้ ชิ้นส่วนของหุ่นยนต์นำทาง ต้องทำงานได้เองโดยสมบูรณ์ ห้ามควบคุมจากระยะไกล ไม่ใช้พลังงานจากการเผาไหม้ ห้ามทำลายสนามแข่ง ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัล ได้แก่
รางวัลชนะเลิศและรางวัลนำเสนอผลงานดีเด่น
“ทีม BRR ROBOT1 โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ จ.ฉะเชิงเทรา” สมาชิกในทีมประกอบด้วย นายกิตติภูมิ ศิริพรมพิศาล นายยศสรัล จันทร์เขียว นายชิษณุชา สืบทิม และครูที่ปรึกษาทีม คือ นางสาวเสาวภาคย์ กาญจนกุล
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ “ทีมราชากุ้งถัง จาก โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต กรุงเทพมหานคร” สมาชิกในทีมประกอบด้วย นายธนพัฒน์ บูรพาวิจิตรนนท์ นางสาวณัฐชา ทิพย์ประเสริฐ นายอัครชัย จำปาทอง และครูที่ปรึกษาทีม คือ นายเจ๊ะกามา สือนิ
และรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ “ทีม BWS_Chani จาก โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จ.ลำปาง” สมาชิกในทีมประกอบด้วย นายยงยศ ปีบ้านใหม่ นายกฤตนัย เป็งราชรอง นายเตชินท์ ยะฟู และครูที่ปรึกษาทีม คือ นางชนิดภา สายทอง
ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “ในนามของ สวทช. ซึ่งเป็นผู้จัดงาน NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้ง 20 ทีม ที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาร่วมการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศในวันนี้ นักเรียนทั้ง 60 คนผ่านการคัดเลือกจาก ผู้สมัครทั่วประเทศจำนวน 404 ทีม (จำนวน 1,212 คน) ถือว่าเป็นผู้ที่มีศักยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์วิศวกรรมศาสตร์ และนวัตกรรม จากการได้มาร่วมสังเกตการณ์นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายตั้งแต่วันแรก เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของทุกทีมในการเรียนรู้ ทั้งภาคทฏษฎีและภาคปฏิบัติจากท่านวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่านอกห้องเรียน แม้ว่าบางทีมจะไม่ได้รับรางวัลก็ตาม ขอให้นักเรียนทุกท่านอย่าหยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ขอให้เวทีการแข่งขันในวันนี้เป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องต่อไป
ดร.พัชร์ลิตา กล่าวต่ออีกว่า ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทุกท่านที่ได้รับรางวัล สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ บรมราชกุมารี โดยจะเข้ารับถ้วยรางวัลในวันที่ 27 มีนาคม 2568 ในการประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2568 หรือ NAC2025 ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคม 2568 โดย สวทช. ขอถือโอกาสเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วม NAC2025 ทั้งนี้ขอขอบคุณคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และวิทยากรทุกท่าน น้อง ๆ นิสิตชมรมไมโครเมาส์ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอขอบคุณทีมงานและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ร่วมจัดการแข่งขันเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับเยาวชนทุกคนในครั้งนี้
สำหรับกิจกรรม Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 (The 1st NSTDA Micro-Mouse Contest: NMMC 2025) ในปี 2568 นี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่ง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนให้ได้รับการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21และกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่สนับสนุนให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้และทักษะในเชิงปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จึงได้ริเริ่มให้มีการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์นำทางในเขาวงกต ภายใต้ชื่อ NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 เพื่อเป็นการบ่มเพาะเยาวชนให้มีความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ รวมทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้พัฒนาศักยภาพและทักษะที่หลากหลาย ทั้งด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ การออกแบบเชิงกลไก และการเขียนโปรแกรมอย่างเต็มความสามารถ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
รัฐมนตรีศุภมาส ติดตามการดำเนินงานของ อว. ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ภายใต้การประชุม ครม. สัญจร กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (จังหวัดสงขลา ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง)
หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.สงขลา วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 : นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของ อว. ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ภายใต้การประชุม ครม. สัญจร กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (จังหวัดสงขลา ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง) โดยมี แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) นายณัฐฏ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส. พรรคภูมิใจไทย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเเห่งชาติ (สวทช.) ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด อว. ผู้บริหารมหาวิทยาลัย และนักเรียนจาก จ.สงขลา ร่วมให้การต้อนรับ
โอกาสนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้ติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานในด้านต่างๆ อาทิ การส่งเสริมเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมยางพารา ซึ่งยางพาราไม่เพียงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีผลต่อวิถีชีวิตของคนใต้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันหล่อเลี้ยงชีวิตเกษตรกรเกือบทั้งประเทศ เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยางพารามากถึง 64 จังหวัด เกี่ยวข้องกับชีวิตเกษตรกรชาวสวนยางมากกว่า 1 ล้านครัวเรือน ทว่าที่ผ่านมา ภาคการผลิตยางพาราทั้งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมยังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ทั้งต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง สัดส่วนการใช้ยางในประเทศยังมีน้อย ต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก และแม้ประเทศไทยจะเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราอันดับ 1 ของโลก แต่ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกวัตถุดิบแปรรูปขั้นต้น ซึ่งมีมูลค่าไม่สูงนัก
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ได้จับมือกับเครือข่ายนวัตกรรมยางพารา และหน่วยงานพันธมิตร เดินหน้าวิจัยและพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคการผลิตยางพาราตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เร่งสร้างนวัตกรรมส่งเสริมภาคการผลิตยางพารา ครอบคลุมตั้งแต่การรักษาสภาพน้ำยางไปจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้แก่ประเทศ
โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ดร.ปณิธิ วิรุฬห์พอจิต หัวหน้าทีมวิจัยผลิตภัณฑ์ยางรูปแบบใหม่ กลุ่มวิจัยนวัตกรรมการแปรรูปยาง เอ็มเทค สวทช. และทีมนักวิจัย นำเสนอความก้าวหน้าของผลงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม ที่เกี่ยวข้องกับยางพารา ประกอบด้วย
1) เบาะเจลยางพารากระจายแรงเพื่อสุขภาพ (PARA Cushion) ผลิตภัณฑ์ยางรูปแบบใหม่ที่เพิ่มมูลค่าให้แก่ยางพารา ช่วยเหลือเกษตรกร ตลอดจนส่งเสริมเอกชนรายย่อยให้มีโอกาสจําหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงกว่ายางดิบ ลดการใช้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์นี้ตอบโจทย์ Silver Economy และ Health Tech ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
2) พาราเพลิน ชุดของเล่นจากยางพารา ได้แก่ Para Dough, Para Note และ Para Sand เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมการเพิ่มปริมาณการใช้หรือการเพิ่มมูลค่าให้แก่ยางพารา ด้วยการประยุกต์ใช้ยางพาราในมุมมองใหม่ๆ โดยคํานึงถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก เด็กสามารถเล่นของเล่นเพื่อเสริมพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัย
3) สารเคมียางจากธรรมชาติสำหรับประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมยาง “สารบีเทพ (BeThEPS)” ซึ่งสามารถใช้ทดแทนแอมโมเนีย มีประสิทธิภาพยืดอายุน้ำยางสดได้นาน 1-3 วัน ช่วยเกษตรกรลดความถี่ในการส่งน้ำยาง ลดต้นทุน น้ำยางสดที่ได้มีคุณภาพดี ทำให้แผ่นยางจับตัวรีดง่าย เกิดลายชัดเจน เพิ่มปริมาณยางแผ่นรมควันคุณภาพดี ลดปริมาณยางตกเกรด ที่สำคัญคือไม่มีกลิ่นฉุน ปลอดภัยต่อสุขภาพของเกษตรกรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่อการจัดทำมาตรฐานต่างๆ เช่น มาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) รวมถึงแนวคิด Sustainable Natural Rubber Initiatives (SNR-i) ที่อาจเป็นข้อกีดกันทางการค้าในอนาคต
4) มาตรฐานผลิตภัณฑ์ยาง ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและผู้ผลิตสามารถนําข้อกําหนดเกณฑ์คุณภาพ (specification) ใน มอก. 980-2552 น้ำยางข้นธรรมชาติมาตรฐานไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก แต่การกําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางยังไม่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ยางทั้งหมด จึงต้องกําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางให้ครอบคลุมมากขึ้น และปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและพื้นฐานเทคโนโลยีของประเทศ
5) นวัตกรรมการผลิตยางก้อนถ้วยและยางแท่งไร้กลิ่น โดยยางก้อนถ้วยเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตยางแท่ง STR10 และ STR20 การผลิตยางก้อนถ้วยจะใช้กรด เช่น กรดฟอร์มิก และกรดกํามะถัน จับตัวน้ำยางสดให้เป็นก้อนในถ้วยยางจนเต็ม ขั้นตอนนี้ใช้เวลานานทําให้ก้อนยางบูดเน่า เนื่องจากการทําปฏิกิริยาของแบคทีเรียกับองค์ประกอบในน้ำยาง เช่น ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง การพัฒนานวัตกรรมทดแทนการใช้กรดจับตัวน้ำยางสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของแบคทีเรียกับองค์ประกอบในน้ำยางได้
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
เอ็มเทค สวทช. จับมือศิริราช ทดสอบทางคลินิก OSSICURE Bone Graft นวัตกรรมทดแทนกระดูกสำหรับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง
[17 กุมภาพันธ์ 2568] ณ ห้องประชุมสิรินธร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพฯ - ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ลงนามสัญญาทดสอบทางคลินิกผลิตภัณฑ์ OSSICURE Bone Graft เพื่อนำไปศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยกับผลิตภัณฑ์อ้างอิง Infuse Bone Graft ในการเชื่อมข้อกระดูกสันหลังส่วนเอว โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล และ ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. เป็นประธานร่วม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ รองศาสตราจารย์ ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการเอ็มเทค ร่วมเป็นสักขีพยาน การลงนามครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
รองศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OSSICURE Bone Graft สอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยมหิดลที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของประเทศ การทดสอบทางคลินิกครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ สวทช. และศักยภาพด้านการแพทย์ของศิริราช ซึ่งมีบุคลากรและจำนวนผู้ป่วยที่เพียงพอสำหรับการทดสอบ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้งานวิจัยนี้ประสบความสำเร็จและเกิดประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุขของประเทศในระยะยาว
ศาสตราจารย์ นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัญหากระดูกสันหลัง โดยเฉพาะโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญของประชากรไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดคอและปวดหลังเรื้อรัง โดยจากสถิติพบว่ามีประชากรทั่วโลกกว่า 403 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบ และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากถึง 104 ล้านคน การรักษาส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ในบางกรณีต้องใช้การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง ซึ่งปัจจุบันใช้กระดูกจากผู้ป่วยเองหรือจากผู้บริจาค อย่างไรก็ตามวิธีนี้มีข้อจำกัดทั้งเรื่องต้นทุน ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนาน การพัฒนา OSSICURE Bone Graft จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์นี้สามารถ ใช้ทดแทนกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการศึกษาในห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลอง พบว่ามีความปลอดภัย และผลข้างเคียงใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ซึ่งนับจากนี้ทางโครงการจะดำเนินการทดสอบทางคลินิกเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สำหรับการใช้งานจริง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยไทยสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพ และยังเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล
รองศาสตราจารย์ ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตและการทำงานของคนไทยส่งผลให้ปัญหากระดูกสันหลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นในการรักษาด้วยการผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาดังกล่าวยังมีข้อจำกัด ทั้งในเรื่องภาวะแทรกซ้อนและระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนาน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เอ็มเทค สวทช. จึงพัฒนา OSSICURE Bone Graft นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ฝังใน ที่ช่วยลดการใช้กระดูกของผู้ป่วยเอง เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน นอกจากนี้ นวัตกรรมดังกล่าวยังมีศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ
ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า สวทช. มุ่งเน้นการพัฒนางานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญ เช่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2543 โดยมีผลงานสำคัญ เช่น การพัฒนาวัคซีนเด็งกี่ และชุดตรวจแยกซีโรทัยป์ของไวรัสเด็งกี่ ชุดตรวจภูมิแพ้กุ้ง งานวิจัยทางด้านพันธุกรรมของมนุษย์ งานวิจัยพื้นฐานทางด้านภูมิคุ้มกันวิทยา Precision Medicine ใน Genomics Thailand เป็นต้น ทั้งนี้ ความร่วมมือได้รับการยกระดับผ่าน MU-NSTDA Research Consortium ที่มุ่งส่งเสริมงานวิจัยเชิงพาณิชย์ สาธารณะ และนโยบาย โดย OSSICURE Bone Graft เป็นตัวอย่างของนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาสู่ระดับอุตสาหกรรมและการใช้งานจริง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจของประเทศ
ความร่วมมือระหว่างเอ็มเทค สวทช. และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในการทดสอบทางคลินิกของ OSSICURE Bone Graft ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้กับผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระการใช้กระดูกของผู้ป่วย
แต่ยังสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
“ก้าวสู่อุตสาหกรรมยั่งยืน: เสริมความรู้สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์และเสริมสร้างศักยภาพองค์กร”
‼️ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม และผู้ที่สนใจ เข้าร่วมสัมมนา สุดพิเศษ
"ก้าวสู่อุตสาหกรรมยั่งยืน: เสริมความรู้สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์และเสริมสร้างศักยภาพองค์กร"
📍 สถานที่: ณ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง
🗓️ วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2025
⏰ เวลา: 13:30 - 16:30 น.
รายละเอียดกิจกรรม :
- การเตรียมความพร้อมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO)
- การเก็บข้อมูลด้วย Carbon Accounting เพื่อวางแผนจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร
- การปลดล็อคศักยภาพโรงงานด้วยเทคโนโลยีไอโอที
- การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดคาร์บอนในสถานประกอบการ
- มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (BOI)
- การรับซื้อคาร์บอนเครดิต
ทั้งนี้ภายในงานยังมีบูธแสดงผลงานนวัตกรรม พร้อมคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์
🔺ลงทะเบียนได้ที่ :
- กรอกแบบฟอร์มในภาพหรือสแกน QR Code
- Link : https://forms.gle/QkW3D7H679dEvHPa8
🔺สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Email:rungtawee.piy@nectec.or.th
Tel :02-5646900#2690 , 0947933540
ปฏิทินกิจกรรม
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จับมือ เอ็มเทค สวทช. พัฒนาเครือข่ายงานวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์
17 กุมภาพันธ์ 2568 – คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและวัสดุศาสตร์เพื่อนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพและการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถตอบโจทย์ทางการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพของประชาชนไทย รวมถึงการต่อยอดผลงานวิจัยสู่การใช้งานจริงและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในภาคอุตสาหกรรมสุขภาพของประเทศ
พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้จัดขึ้น ณ ห้องประชุม 910 ชั้น 9 อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมด้านการแพทย์และโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมี ศาสตราจารย์ คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และ รองศาสตราจารย์ ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ร่วมลงนามและแถลงถึงแนวทางการดำเนินงานในอนาคต เพื่อสร้างเครือข่ายงานวิจัยและนวัตกรรมร่วมกันระหว่างคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย และพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ จัดแสดงและเผยแพร่ผลงานวิจัยที่พัฒนาร่วมกันให้เป็นที่ประจักษ์ในวงกว้าง
ศาสตราจารย์ คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า เทคโนโลยี 3D Printing และวัสดุชีวภาพนับเป็นก้าวสำคัญในการช่วยผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องการอุปกรณ์เฉพาะบุคคล เช่น โครงกระดูกเทียม หรืออุปกรณ์เสริมเพื่อการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถออกแบบและผลิตอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนและเวลาเมื่อเทียบกับการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ม.ล. ชาครีย์ กิติยากร รองคณบดีฝ่ายนวัตกรรมและคู่ความร่วมมือ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงความรู้ด้านวัสดุศาสตร์เข้ากับการแพทย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วย และช่วยยกระดับคุณภาพการรักษาให้ดียิ่งขึ้น
รองศาสตราจารย์ ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กล่าวว่า เรามุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีและวัสดุศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในวงการแพทย์ และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง และสามารถต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต ผลงานวิจัยหลายชิ้นจากความร่วมมือนี้มีศักยภาพสูงในการต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัสดุสำหรับอุปกรณ์การแพทย์ เช่น อุปกรณ์ช่วยพยุงร่างกาย (Ross – Back Support) เราหวังว่าความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะช่วยผลักดันให้เกิดการผลิตในประเทศ ลดการนำเข้า และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมสุขภาพ
ภายในงานได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ "Advancing Healthcare through Material Science Innovations" โดยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการใช้วัสดุศาสตร์เพื่อยกระดับการรักษาทางการแพทย์ ประกอบด้วย:
รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินรองรับโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยโครงสร้างรถ ระบบจัดการอากาศและระบบรับแจ้งฉุกเฉินดิจิทัล
ชุดพยุงหลังและเสริมแรงแบบกึ่งอัตโนมัติสำหรับภารกิจทางการแพทย์ (Ross – Back support)
อาหารสำหรับผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก
อุปกรณ์ฝึกหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้การนำของอัลตราซาวด์
วัสดุฝึกการเย็บแผล
ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการผสานองค์ความรู้ด้านการแพทย์และวัสดุศาสตร์เข้าด้วยกัน โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การรักษา และสามารถผลิตได้ภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมทั้งสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมการแพทย์ของไทย โดยทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาโครงการวิจัย จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ และผลักดันผลงานวิจัยสู่การใช้งานจริงอย่างต่อเนื่อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
ศูนย์พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
โทร: 0-2201-2800 อีเมล์: rama.mindcenter@gmail.com
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
กิจกรรม ขยะกำพร้าสัญจร ครั้งที่ 4
✨ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. ร่วมกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ! ✨
🎊🎉 "ขยะกำพร้าสัญจร ครั้งที่ 4" 🎉🎊
.
📅 วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
⏰ เวลา 9:00-12:00 น.
📍ณ ลานจอดรถข้างตึก CC (ที่จอดรถ P3) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
.
🌍หากไม่สะดวกมาร่วมกิจกรรม
🤝 มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการขยะอย่างยั่งยืน! นำ "ขยะกำพร้า" หรือ RDF (Refuse Derived Fuel) ซึ่งเป็นขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ ไม่ใช่ขยะเปียก และไม่ใช่ขยะอิเล็กทรอนิกส์ มาทิ้งในงานเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทนถ่านหิน!
🗑️ นอกจากนี้! หากท่านมีขวด PET อย่าลืมนำมาให้ทีมหมอจาก 'Less Plastic ธรรมศาสตร์' เพื่อเปลี่ยนขวดพลาสติกเหล่านี้ให้เป็นรองเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผ้าคล้องแขนเพื่อช่วยเหลือการฟื้นฟูในโรงพยาบาล
💵🗑️มีกิจกรรมขยะรีไซเคิลแลกเงินกับทาง Wake Up Waste ด้วย!
📞 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ดร. นรมน โทร. 02564-7000 ต่อ 5397
❤️ 🌍 มาร่วมกันสร้างโลกที่ยั่งยืนไปพร้อมกันนะคะ! 🌍❤️
ปฏิทินกิจกรรม
เริ่มแล้ว 60 เยาวชน ตะลุยค่ายบ่มเพาะ NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 สวทช. ชวนร่วมเชียร์การแข่งขัน NMMC รอบชิงชนะเลิศ 18 ก.พ.นี้ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร
(วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568) ณ ห้องบรรยาย 2 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย: ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวเปิดงาน กิจกรรมค่ายและการแข่งขัน NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 (The 1st NSTDA Micro-Mouse Contest: NMMC 2025) โดยมี ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ดร.ฉัตรชัย สงวนวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทู ซิสเตอร์ บิสซิเนส คอนซัลแทนท์ จำกัด และ ผศ.ดร.สุรัฐ ขวัญเมือง รองคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นคณะกรรมการโครงการฯ รวมทั้งวิทยากรจัดกิจกรรมค่าย นักเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 กุมภาพันธ์ 2568 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (The Fourth Industrial Revolution) และการเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่เน้นการผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมด้านทักษะและความรู้ในหลากหลายมิติ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะสหวิทยาการ อาทิ การใช้เทคโนโลยี ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนและวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างรากฐานความสามารถให้กับคนไทยยุคใหม่ที่พร้อมเผชิญกับโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นคง
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนให้ได้รับการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 กิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่สนับสนุนให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้และทักษะในเชิงปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จึงได้ริเริ่มให้มีการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์นำทางในเขาวงกต ภายใต้ชื่อ NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะหลากหลาย ทั้งด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ การออกแบบเชิงกลไก และการเขียนโปรแกรม
“ผู้เข้าแข่งขันต้องออกแบบหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่สามารถนำทางผ่านเขาวงกตได้ด้วยความแม่นยำและรวดเร็ว ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้ทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม การวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การแข่งขันประเภทนี้เป็นมากกว่าการแสดงความสามารถด้านเทคนิค หากแต่ยังเป็นพื้นที่การเรียนรู้นอกห้องเรียนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะเชิงปฏิบัติ ผ่านการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในสถานการณ์จริง”
ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต่อว่า ในปี 2568 ซึ่งเป็นปีแรกของการดำเนินโครงการ ถือว่าได้รับความสนใจจากน้อง ๆ นักเรียนเกินความคาดหวัง โดยมีนักเรียนจากทั่วประเทศสมัครเข้ามามากถึง 404 ทีม ซึ่งโครงการได้คัดเลือกจากใบสมัครเข้าสู่รอบการสัมภาษณ์ จำนวน 47 ทีม และในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศในวันนี้ มีนักเรียนได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมค่าย 3 วัน (วันที่ 15-17 กุมภาพันธ์) และเข้าร่วมการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวน 20 ทีม ได้แก่นักเรียน 60 คน และครูที่ปรึกษา 10 คน ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีกำหนดมอบถ้วยรางวัลในวันที่ 27 มีนาคม 2568 ในการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ประจำปี 2568 หรือ NAC2025 ทั้งนี้ขอขอบคุณคณะกรรมการทุกท่าน และคณะวิทยากรที่มาร่วมบ่มเพาะเยาวชนให้มีความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อเป็นองค์ความรู้พื้นฐาน รวมทั้งทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และขอขอบคุณทีมงานและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ร่วมจัดค่ายและการแข่งขันในครั้งนี้เพื่อให้เยาวชนไทยได้พัฒนาศักยภาพตนเองอย่างเต็มความสามารถ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
การแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 27 (NSC 2025)
อย่าพลาด!!! โอกาสพัฒนาไอเดียสุดสร้างสรรค์ สำหรับ นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ที่สนใจการแข่งขันการเขียนโปรแกรม ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า พร้อมก้าวสู่การแข่งขันระดับประเทศและต่อยอดสู่ระดับโลก!
"การแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 27 (NSC 2025)"
.
เปิดระบบรับสมัครแล้วตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป โดยกำหนดปิดรับสมัครภายในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 (ภายในเวลา 17.00 น.)
.
คุณสมบัติผู้สมัคร
กำลังศึกษาในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรืออุดมศึกษา (ปริญญาตรี) ในประเทศไทย
สมัครเป็นทีม ทีมละ 1-3 คน พร้อมที่ปรึกษาโครงการ 1 คน
สามารถส่งผลงานได้ 1 โครงการ ต่อทีม
.
ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขัน กรุณาศึกษารายละเอียดในคู่มือการแข่งขันให้เข้าใจก่อนตัดสินใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน
คู่มือการแข่งขัน อ่านได้ที่ : https://www.facebook.com/groups/NSCThailand/permalink/9973194246028193
ลงทะเบียนได้ที่ : https://www.nstda.or.th/nsc
ตรวจสอบเอกสาร (CopyCatch) ที่ : http://203.185.132.206/
ปฏิทินกิจกรรม
ส.อ.ท. จับมือ กระทรวง อว. ใช้ วทน. เพิ่มความสามารถการแข่งขันให้อุตสาหกรรมไทย
(วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568) : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จับมือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการจัดทำ AI Industrial Roadmap ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดยมีเป้าหมายเพื่อวางรากฐานและกำหนดทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างเป็นระบบและยั่งยืน พร้อมด้วยพิธีลงนามความร่วมมือด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) ทั้งนี้เพื่อแสดงเจตจำนงในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เป็นฐานสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ความร่วมมือดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้งาน FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด "EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE เสริมอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน" ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจากนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ รองศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ร่วมลงนาม โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ได้เข้าร่วมงานและแสดงความยินดี ทั้งนี้ความร่วมมือดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทย ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช.-กองทัพเรือ พัฒนา “จุลินทรีย์ขจัดคราบน้ำมัน” ผลักดันนวัตกรรมสะอาด Green Navy
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กองทัพเรือ โดย พลเรือตรี กริช ขันธอุบล เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ ลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ความร่วมในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการกำจัดน้ำทิ้งที่มีน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นปนเปื้อน โดยการค้นหาและพัฒนาจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายน้ำมันและสารประกอบน้ำมันปิโตรเลียม เพื่อใช้กำจัดน้ำเสียจากเรือและพื้นที่ของกองทัพเรือ รวมถึงสร้างองค์ความรู้ที่มีศักยภาพผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้หน่วยงานในกองทัพเรือนำไปใช้ประโยชน์ สนับสนุนนโยบาย Green Navy ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของกองทัพเรือ
ทั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ S&T Implementation for Sustainable Thailand แผนกลยุทธ์ ของ สวทช. ในมิติการสร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
เปิดตัว IDEX 2024 Success Highlights and the Grand Opening of IDEX 2025
✈️ หากท่านคือผู้ประกอบการนวัตกรรมที่มีสินค้าหรือบริการที่ต้องการขยายตลาดในต่างประเทศ ห้ามพลาดโอกาสใหม่ๆ กับ IDEX 2025! 🚀
.
🌟 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลนีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) และ ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน(ITAP) เปิดตัวโครงการ IDEX 2025: โครงการเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการไทยยุคใหม่เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
.
📅 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 – 15.30 น.
📍ณ S31 Sukhumvit Hotel
👉ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ได้ที่ https://qr-codes.io/nwS4h5qUw
.
🌍 โอกาสขยายตลาดก่อนใคร: รับฟังโอกาสการขยายตลาด Global Innovation Tech Platform Program ที่จีน โดยตัวจริง
🌐 ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ: ฟังทิศทางและกลยุทธ์การขยายโอกาสในตลาดต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย อินเดีย และตะวันออกกลาง
📈 สิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบการ: รับฟังกลไกและสิทธิพิเศษในการสนับสนุนการขยายตลาดต่างประเทศ
🤝 รับคำปรึกษาภายในงานฟรี เชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรในตลาดต่างประเทศ พบกับ local expert และ local partner ที่จะช่วยขยายธุรกิจของคุณในต่างประเทศ
.
โครงการนี้เหมาะสำหรับ
🔸เจ้าของธุรกิจธุรกิจฐานนวัตกรรมที่ต้องการขยายตลาดสินค้า ในตลาดต่างประเทศ
🔸มีผลิตภัณฑ์และบริการที่พร้อมจำหน่าย
🔸มีตลาดเป้าหมายในประเทศจีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
.
สิทธิพิเศษผู้เข้าร่วมโครงการ
🌟 อบรมเสริมทักษะและเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ
🌟 สร้างการเติบโตผ่านการขยายธุรกิจต่างประเทศ
🌟ที่ปรึกษาการขยายตลาดต่างประเทศ
🌟 จับคู่ธุรกิจเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ใน 7 ประเทศเป้าหมาย
🌟 โอกาสได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงานนิทรรศการในระดับนานาชาติ
🌟 โอกาสสนับสนุน Market Survey & Expansion Strategy Report ในประเทศเป้าหมาย
🌟สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออก (โดย ITAP) สูงสุด 200,000 บาทต่อกิจการ
.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
FACEBOOK Innovation Driving Export : IDEX
ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช.
📞Tel : 0 2564 7000 ต่อ 71746,71748,71749
📧email: idex@nstda.or.th
🔗 https://qr-codes.io/rQAfXxA6Q
#IDEXThailand #IDEXThailand2024 #BID #NSTDA #สวทช
ปฏิทินกิจกรรม
TOP 10 Technology & Cyber Security Trends and Updates 2025
📣 📣 📣 ฟรีสัมมนาไม่เสียค่าใช้จ่าย! ในรูปแบบ On-site 🏢
⚙️🤖🦾เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ เทคโนโลยีแห่งอนาคต และ แนวโน้มการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกในปี 2025! กับงานสัมมนา 💡TOP 10 Technology & Cyber Security Trends and Updates 2025 🧠 🧑🏻💻
.
📅 วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม 2568 ⏰ เวลา 09.00 - 16.30 น.
📍ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม ชั้น 3 อาคารซอฟต์แวร์พาร์ค ถ.แจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี
เดินทางมาง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู 🚝
.
📌 ห้ามพลาด! งานสัมมนาที่จะนำเสนอ 10 แนวโน้มสำคัญในด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่ทุกธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ควรรู้เพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
.
✨ ร่วม Update ความรู้และทักษะใหม่ๆ :
✅วิเคราะห์ก้าวต่อไปของ Technology Trends และ AI ในปี 2025
✅เตรียมตัว Upskill และ Reskill ทักษะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นหรืออยู่ในสาย Business Analyst
✅และแนวโน้มของ Data Analytic ในปี 2025 เพื่อต้อนรับการมาถึงของ Agentic AI และ Explainable AI (XAI)
✅รวมไปถึงการอัปเดตให้พร้อมรับมือภัยออนไลน์ที่ยังคงคุกคามทั้งในมุม Cyber security และ Digital forensics
😍พบคำตอบจาก GURU ระดับแนวหน้าของประเทศ และเคลียร์ทุกคำตอบแบบ INSIGHT ได้ในงานนี้
👉 ลิงค์สำหรับลงทะเบียนและข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.nstda.or.th/r/r3bEJ
🔗 กำหนดการ : https://www.nstda.or.th/r/sO0tC
📞 โทรศัพท์ 02-583-9992 ต่อ 81421-7
📧 สอบถามเพิ่มเติม : Email: TTD@swpark.or.th
ปฏิทินกิจกรรม


