ผลการค้นหา :

สวทช. จัดพิธีมอบปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2567 พร้อมร่วมแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษาโครงการ TAIST-Tokyo Tech
(19 สิงหาคม 2567) ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นประธานกล่าวเปิดพิธีสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านวิศวกรรมขั้นสูง หลักสูตรนานาชาติโครงการ TAIST-Tokyo Tech ประจำปีการศึกษา 2567 พร้อมด้วย ศาสตราจารย์คาสึยะ มาสุ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นางสาวมากิ คามามูระ เลขานุการ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช). และคณะผู้บริหารจากหน่วยงานพันธมิตร กล่าวต้อนรับผู้สำเร็จการศึกษา จากนั้น ศาสตราจารย์ คาสึยะ มาสุ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้มอบใบประกาศนียบัตร และศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ เป็นผู้มอบขอที่ระลึก
สำหรับในปีการศึกษา 2567 โครงการดังกล่าวมีผู้สำเร็จการศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 54 คน ในหลักสูตรวิศวกรรมมหาบัณฑิต 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรวิศวกรรมมหาบัณฑิต สาขายานยนต์และการขนส่งขั้นสูง (Automotive and Advanced Transportation Engineering: A2TE Program) จำนวน 15 คนหลักสูตรวิศวกรรมมหาบัณฑิต สาขาปัญญาประดิษฐ์และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Artificial Intelligence and Internet of Things: AIoT Program) จำนวน 19 คน หลักสูตรวิศกรรมมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมพลังงานและทรัพยากรอย่างยั่งยืน (Sustainable Energy and Resources Engineering program: SERE Program) จำนวน 20 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรในหลักสูตรระบบขนส่งทางราง (Rail Transport Program Director: RT Program) จำนวน 23 คน
ในโอกาสนี้ นางสาวอรศศิพัชร์ เกษมราช ตัวแทนนักศึกษารุ่นน้องจากหลักสูตร ปัญญาประดิษฐ์และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง กล่าวคำแสดงความยินดีต่อรุ่นพี่ที่สำเร็จการศึกษาโครงการ TAIST-Tokyo Tech ในครั้งนี้
โครงการ TAIST-Tokyo Tech เป็นโครงการการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่จัดร่วมกันโดย สวทช. มหาวิทยาลัยของประเทศไทย จำนวน 5 แห่ง และสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว (Tokyo Tech) โดยมีพันธกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยระดับโลกและวิศวกรระดับสูง ผ่านการผสมผสานระหว่างการให้คำปรึกษาจากศาสตราจารย์ของ Tokyo Tech และความเชี่ยวชาญของนักวิจัยจาก สวทช. โดยมหาวิทยาลัยของประเทศไทยที่เข้าร่วมสนับสนุนโครงการนี้ ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีอธิบการบดีและผู้แทนแต่ละสถาบันเข้าร่วมแสดงความยินดีแก่ผู้สำเร็จการศึกษา
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. คว้ารางวัล “สำเภา-นาวาทอง” ประจำปี 2567 สุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ เป็นแบบอย่างองค์กรยุคใหม่
(19 สิงหาคม 2567) ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อาคาร 15 ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ : หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัลสุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" ประจำปี 2567 เพื่อเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่ปรับปรุงกระบวนงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างเห็นผล โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานพิธีมอบรางวัล
โอกาสนี้ ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เป็นผู้แทนในการรับรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" ประเภทรางวัลหน่วยงานระดับกรม สืบเนื่องจากคณะกรรมการเล็งเห็นว่า สวทช. ได้ดำเนินการเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมทั้ง 3 มิติ สำคัญ ได้แก่ 1) ประสิทธิภาพของกระบวนการ 2) การเปลี่ยนถ่ายการทำงานไปสู่ระบบดิจิทัล หรือ Digital Transformation และ 3)การวัดผลสัมฤทธิ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของ สวทช. ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจและการวิจัยและพัฒนาของประเทศ ที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้ก้าวหน้าต่อไป โดยปี 2567 แบ่งรางวัลออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ รางวัลหน่วยงานระดับกระทรวง ระดับกรม ระดับกระบวนงาน และระดับภูมิภาค
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

อว. จัดพิธีวางพุ่มดอกไม้ ถวายราชสักการะ “พระราชบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” 18 สิงหาคม 2567 เนื่องในโอกาส “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ”
(วันที่ 18 สิงหาคม 2657) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดพิธีวางพุ่มดอกไม้ ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามงกุฎวิทยามหาราช รัชกาลที่ 4 “พระราชบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” วันที่ 18 สิงหาคม 2567 เนื่องในโอกาส “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ”
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ในการวางพุ่มดอกไม้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, พุ่มดอกไม้ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามงกุฎวิทยามหาราช รัชกาลที่ 4 โดยมีผู้บริหารกระทรวง อว. ผู้บริหาร สวทช. ร่วมต้อนรับผู้แทนพระองค์
โอกาสนี้ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วยนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. ได้นำคณะผู้บริหาร ราชการหน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. เข้าร่วมพิธีวางพุ่มดอกไม้ ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามงกุฎวิทยามหาราช รัชกาลที่ 4 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. รศ. ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. และผู้แทน สวทช. ร่วมพิธีวางพานพุ่มสักการะ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ประธานคณะอนุกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ ของ สวทช. และคณะฯ เยี่ยมชมโรงงานผลิตวัคซีนสัตว์ และห้องปฏิบัติการโครงการพัฒนาวัคซีนสัตว์
(16 สิงหาคม 2567) นายแพทย์สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานคณะอนุกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ผู้แทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (กองยา)
เข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตวัคซีนสัตว์ และห้องปฏิบัติการโครงการพัฒนาวัคซีนสัตว์ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาวัคซีนระดับต้นน้ำของ สวทช. ภายใต้ S&T Implementation for Sustainable Thailand การพัฒนาวัคซีนสัตว์ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. และคณะผู้บริหาร พร้อมด้วยทีมวิจัย ร่วมให้การต้อนรับ
การเยี่ยมชมครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ณ ห้องปฏิบัติการโครงการพัฒนาวัคซีนสัตว์ อาคารไบโอเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กล่าวต้อนรับ และนำคณะฯ ร่วมรับฟังสรุปข้อมูลการพัฒนาวัคซีนสัตว์ จากนักวิจัยกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. พร้อมนำเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการโครงการพัฒนาวัคซีนสัตว์ เพื่อให้เห็นถึงขั้นตอนการทำงานและกระบวนการที่ใช้ในการสร้างต้นแบบวัคซีน และชมห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 3 หรือ BSL-3 ที่แสดงถึงความสามารถในการทำงานกับเชื้อก่อโรคที่มีความอันตรายได้อย่างปลอดภัย
จากนั้นคณะฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมส่วนถัดไป ณ โรงงานผลิตวัคซีนสำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ กรมปศุสัตว์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยมีนายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายสัตวแพทย์อนันต์ ท้าวเพชร สำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ ร่วมให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมโรงงาน ทั้งในส่วนโรงงานผลิตวัคซีน โรงงานผลิตไวรัสวัคซีนนิวคาสเซิล และโรงงานผลิตไวรัสวัคซีนปากเท้าเปื่อย พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมหารือความเป็นไปได้ในการขยายผลจากโครงการพัฒนาวัคซีน ASF ของ สวทช. มาที่สำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ ในการผลิตวัคซีนในอนาคตต่อไป
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ขอเชิญเข้าร่วมฟังเสวนา ภายใต้งานเปิดตัว “ FoodSERP Platform แพลตฟอร์มขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนผสมฟังก์ชัน และเวชสำอางด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำไทยสู่ความยั่งยืน
📢📢ขอเชิญเข้าร่วมฟังเสวนา เปิดตัว “ FoodSERP Platform แพลตฟอร์มขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนผสมฟังก์ชัน และเวชสำอางด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำไทยสู่ความยั่งยืน 🍎🥬🥦🍲🍤🍔🧴✨
✨💡 อย่าพลาดโอกาสสำคัญในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญในวงการหลากหลายสาขา !
3 หัวข้อสัมมนาที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรม:
1. Towards designing foods for specific groups: Addressing health and well-being through food innovation 🍎🌱
อาหารเฉพาะกลุ่มเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี: โฟกัสผู้สูงอายุและอาหารทางเลือก
เจาะลึกความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาอาหารสำหรับผู้สูงอายุและผู้มีภาวะสุขภาพเฉพาะทาง ผ่านมุมมองของนักวิจัย, แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ประกอบการ
เรียนรู้การนำความรู้ด้านวัสดุศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอาหาร, ความต้องการทางโภชนาการและข้อจำกัดของผู้สูงอายุ, และกลยุทธ์การตลาดและการเข้าถึงผู้บริโภค
2. Beauty Unleashed: The Future of Active Ingredients and Cosmetic Innovations
ปลดล็อกความงามไร้ขีดจำกัด: เทรนด์ API และนวัตกรรมความงามจากสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก ✨🌿
อัพเดทเทรนด์ความงามล่าสุดและทิศทางการพัฒนา Active Pharmaceutical Ingredients (API) ในตลาดโลก ผ่านมุมมองของนักวิจัย, ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ และผู้ผลิต
สำรวจศักยภาพของสมุนไพรไทยในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ความงามที่โดดเด่นและเป็นที่ต้องการในตลาดโลก
นาโนเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์, กลยุทธ์การตลาดและการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก, และกระบวนการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
3. Accelerating innovative research to commercialization for sustainable future food
เร่งพัฒนานวัตกรรมอาหารอนาคตสู่เชิงพาณิชย์: กลยุทธ์และแนวทางสู่ความสำเร็จ 🚀🌱
เจาะลึกขั้นตอนและกระบวนการในการนำงานวิจัยด้านอาหารไปสู่เชิงพาณิชย์ ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ภาครัฐ และหน่วยงานกำกับดูแล
กลยุทธ์การสร้างธุรกิจอาหารที่ยั่งยืนและประสบความสำเร็จ, การสนับสนุนจากภาครัฐ, และข้อกำหนดและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
📅 วันที่ 21 สิงหาคม 2567
🕒 เวลา 13.30 – 15.00 น.
📍 ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อาคารพระจอมเกล้า ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ
📲สอบถามข้อมูล 089-498-4844 (คุณศศิวิมล)
📧sasiwimon@nstda.or.th
.
✅ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
✅ ลงทะเบียน : https://forms.gle/q5G2BoMKzsNW5GnS9
ปฏิทินกิจกรรม

นักวิจัย ไบโอเทค สวทช. คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ปี 67 สาขาชีวเคมีเพื่อการเกษตร
(15 สิงหาคม 2567) ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว - ดร.กัลยาณ์ ศรีธัญญลักษณา-แดงติ๊บ นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยสุขภาพสัตว์น้ำ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพสัตว์น้ำแบบบูรณาการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น สาขาชีวเคมีเพื่อการเกษตร ประจำปี พ.ศ. 2567 จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ด้วยผลงานวิจัยดีเด่นด้านเทคโนโลยีชีวภาพด้านการเกษตร ที่ได้พัฒนาให้เกิดการนำเอาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการควบคุมและแก้ไขปัญหาโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำในกุ้งทะเล ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อภาคส่งออกและภาคสังคมของประเทศไทย โดยมี น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีและมอบโล่รางวัล พร้อมด้วย ศ. ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ ศ. ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ร่วมแสดงความยินดี
โอกาสนี้ ผู้บริหาร สวทช. นำโดย ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วย ผศ. ดร.เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการไบโอเทค และรองผู้อำนวยการไบโอเทค (ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง ดร.กอบกุล เหล่าเท้ง และ ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ) ร่วมมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีแก่ ดร.กัลยาณ์ ภายในงานด้วย
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ล้ำไปอีก ! “SEESOLAR” โซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตร ลดรังสียูวี-กระจายแสงดี-สะท้อนความร้อน พืชไม่ถูกแดดเผา เราได้ไฟฟ้าใช้
โซลาร์เซลล์เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายจากปัญหาด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงทางอาหารอย่างเช่นทุกวันนี้ จากเดิมมีการใช้โซลาร์เซลล์ใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดเท่านั้น แต่ปัจจุบันล้ำไปอีกขั้นเมื่อนักวิจัยพัฒนาแผงโซลาร์เซลล์ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชด้วยนวัตกรรมลดรังสียูวี กระจายแสงดี และสะท้อนรังสีความร้อน เหมาะสำหรับติดตั้งเป็นหลังคาโรงเรือนหรือแปลงเกษตร ช่วยปกป้องพืชผักไม่ให้ถูกแดดเผาและยังให้ผลผลิตคุณภาพดี ส่วนเกษตรกรได้ผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงเรือน
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนาแผงโซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตร หรือ AgriPV (Agricultural photovoltaics) ที่มีสมบัติกึ่งส่องผ่านแสง สามารถคัดกรองรังสีอัลตราไวโอเลตหรือยูวี (UV) สะท้อนรังสีอินฟราเรด และมีการกระจายแสงที่ดี เหมาะสำหรับติดตั้งเป็นหลังคาโรงเรือน หรือประยุกต์ใช้ในพื้นที่ทำการเกษตร ได้ทั้งผลิตกระแสไฟฟ้าและช่วยเพิ่มผลผลิตจากการเพาะปลูก สร้างความยั่งยืนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
[caption id="attachment_60027" align="aligncenter" width="750"] ดร.ทวีวัฒน์ กระจ่างสังข์ นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ เอ็นเทค สวทช.[/caption]
ดร.ทวีวัฒน์ กระจ่างสังข์ นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ เอ็นเทค สวทช. กล่าวว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ หลายพื้นที่เกิดความแห้งแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่ทางการเกษตร ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร เกิดโรคระบาดและศัตรูพืชเพิ่มขึ้น ผลผลิตต่อพื้นที่ลดลงและคุณภาพของอาหารแย่ลง ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน โดยที่ผ่านมาพบว่าในสภาวะที่อากาศร้อนจัด พืชผักจะเจริญเติบโตได้ไม่ดี ผลผลิตต่ำ และมีราคาสูงขึ้นถึง 40% ทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้คือการปลูกพืชในโรงเรือนที่ควบคุมสภาพอากาศให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิดได้ และยังเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องกังวลถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศภายนอกโรงเรือน
[caption id="attachment_60028" align="aligncenter" width="750"] การทดสอบปลูกผักสลัดภายใต้แผง SEESOLAR ที่พัฒนาโดยนักวิจัย ENTEC สวทช.[/caption]
ปัจจุบันการประยุกต์ใช้ระบบแผงโซลาร์เซลล์ร่วมกับภาคการเกษตรไว้ในพื้นที่เดียวกันหรือ Agrivoltaics มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถลดผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยที่ยังคงประสิทธิภาพผลผลิตและลดต้นทุนในกิจการด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนและมีแสงแดดจัดตลอดเกือบทั้งปี การปลูกพืชใต้แผงโซลาร์เซลล์แบบมาตรฐานทั่วไปที่ทึบแสงจะทำให้เกิดเงามืดบนบริเวณเพาะปลูก ส่วนการใช้แผงโซลาร์เซลล์แบบกึ่งส่องผ่านแสงที่มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์จะทำให้แสงและความร้อนผ่านแผงได้มาก
[caption id="attachment_60031" align="aligncenter" width="750"] SEESOLAR โซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตรที่มีจุดเด่นช่วยลดรังสียูวี กระจายแสงดี สะท้อนความร้อน และยอมให้แสงช่วง PAR ส่องผ่านได้สูง[/caption]
“รังสียูวีทำให้พืชออกดอกออกผลได้ไม่ดี ส่วนรังสีความร้อนก็ทำให้พืชเหี่ยวเฉา เป็นผลให้พืชชะงักการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ไม่ดี ทีมวิจัยจึงได้พัฒนาแผงโซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตรแบบใหม่ เรียกว่า SEESOLAR (ซีโซลาร์) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นตรงที่ให้แสงส่องผ่านแผงโซลาร์เซลล์ได้ ทำให้พืชได้รับแสงในปริมาณที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต และจุดเด่นที่สำคัญของ SEESOLAR คือมีชั้นฟิล์มคัดกรองรังสียูวี ทำให้รังสียูวีส่องผ่านได้เพียง 17.5% เมื่อเทียบกับแผงโซลาร์เซลล์กึ่งส่องผ่านแสงทั่วไปที่มีค่าการผ่านแสงรังสียูวีถึง 45.5% นอกจากนี้ฟิล์มยังมีสมบัติการกระจายแสงที่ดี ทำให้พืชเจริญเติบโตได้สม่ำเสมอ และสะท้อนรังสีความร้อนได้ 12% เปรียบเทียบกับแผงโซลาร์เซลล์กึ่งส่องผ่านแสงทั่วไปที่สะท้อนได้เพียง 6% จึงช่วยลดอุณหภูมิภายใต้โรงเรือนเกษตรหรืออาคาร อีกทั้งยังยอมให้แสงช่วง Photosynthetically Active Radiation (PAR) ส่องผ่านได้สูง ซึ่งมีเป็นช่วงแสงที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืช ทำให้เราเพาะปลูกพืชควบคู่ไปกับการผลิตไฟฟ้าได้” ดร.ทวีวัฒน์ อธิบาย
[caption id="attachment_60032" align="aligncenter" width="750"] การทดสอบปลูกผักสลัดภายใต้แผง SEESOLAR ที่พัฒนาโดยนักวิจัย ENTEC สวทช.[/caption]
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ทดลองปลูกผักสลัดภายใต้แผง SEESOLAR เปรียบเทียบกับแผงโซลาร์เซลล์ชนิดอื่นและฟิล์มโรงเรือน พบว่าผักสลัดที่ปลูกใต้แผง SEESOLAR มีรสชาติหวาน กรอบ และมีความชุ่มน้ำ มีรสขมน้อยกว่า ผักสลัดที่ปลูกใต้แผงโซลาร์เซลล์ชนิดอื่นและฟิล์มโรงเรือน
นวัตกรรม SEESOLAR ใช้ได้กับทั้งแปลงปลูกพืชขนาดเล็กหรือโรงเรือนเพาะปลูกขนาดใหญ่โดยติดตั้งเป็นหลังคาโรงเรือน ส่วนไฟฟ้าที่ผลิตได้นำไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงเรือน เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น นอกจากนี้ยังประยุกต์ใช้ได้กับฟาร์มปศุสัตว์ ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมถึงอาคารบ้านเรือน เช่น ติดตั้งเป็นหลังคาโรงรถ กันสาด ป้องกันรังสียูวีและรังสีความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน
[caption id="attachment_60030" align="aligncenter" width="750"] ผลการทดลองปลูกผักสลัดภายใต้แผง SEESOLAR เปรียบเทียบกับแผงโซลาร์เซลล์ชนิดอื่นและฟิล์มโรงเรือน[/caption]
“เมื่อเปรียบเทียบกับแผงโซลาร์เซลล์อื่น ๆ SEESOLAR ของเรามีจุดเด่นคือสามารถคัดกรองรังสียูวีกระจายแสงดี และสะท้อนรังสีความร้อนได้ ให้แสงที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช เหมาะสำหรับใช้ในการเกษตร มีความแข็งแรงและน้ำหนักเท่ากับแผงมาตรฐานทั่วไป แล้วก็ผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอต่อการเพาะปลูก โดยปัจจุบันตลาดโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยมีมูลค่าของแผงโซลาร์เซลล์ประมาณ 3.9 พันล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 5% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 245 ล้านบาทภายในปี 2028” ดร.ทวีวัฒน์ กล่าว
[caption id="attachment_60029" align="aligncenter" width="750"] SEESOLAR เหมาะสำหรับติดตั้งเป็นหลังคาโรงเรือนเพาะปลูก ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช และผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงเรือน[/caption]
ทั้งนี้ นักวิจัยได้ยื่นจดสิทธิบัตรแผงเซลล์แสงอาทิตย์กรองรังสีอัลตราไวโอเลตและสะท้อนรังสีอินฟราเรดแบบใกล้เพื่อติดตั้งบนหลังคาโรงเรือนแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบมาตรฐานแผงโซลาร์เซลล์และทดสอบการประยุกต์ใช้งานกับโรงเรือนปลูกพืช
ผู้สนใจร่วมวิจัยพัฒนาหรือรับถ่ายทอดเทคโนโลยี ติดต่อได้ที่ ดร.ทวีวัฒน์ กระจ่างสังข์ ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. โทรศัพท์ 0 2564 6900 ต่อ 2717 หรืออีเมล taweewat.kra@entec.or.th
เรียบเรียงโดย วีณา ยศวังใจ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่, วัชราภรณ์ สนทนา ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
ภาพประกอบโดย ENTEC สวทช.
BCG
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

10 Technologies to Watch 2024: การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเอไอเสริม (AI-Augmented Software Development)
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั่วโลกต่างตื่นเต้นไปกับความสามารถของ AI ด้านต่าง ๆ ที่เขยิบเข้ามาใกล้คนทั่วไปมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม ช่วยสร้างแผนงาน หรือกระทั่งสร้างภาพหรือคลิปตามคำสั่งหรือ prompt ที่เป็นเพียงวลีภาษาพูดที่ใช้สื่อสารกันทั่วไปแทนการเขียนโค้ด ส่งผลให้ปัจจุบัน AI เริ่มได้รับตำแหน่งเป็นคู่หูในการทำงานของใครหลายคน รวมถึงโปรแกรมเมอร์ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย เพราะปัจจุบันโปรแกรมเมอร์สามารถนำ AI มาใช้เป็นผู้ช่วยในการทำงานได้ ทั้งในขั้นตอนการออกแบบ การสร้าง ไปจนถึงการทดสอบซอฟต์แวร์ อีกทั้งยังใช้เป็นผู้ช่วยในการวางแผนการตลาดของแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ที่กำลังพัฒนา ทำให้คาดการณ์ได้ว่าในอนาคตอันใกล้ AI อาจได้รับการเลื่อนขั้นสู่การเป็น software development tools ที่สำคัญชนิดหนึ่ง
หากคุณกำลังสงสัยว่าโปรแกรมเมอร์จะนำ AI ไปช่วยทำอะไรได้บ้าง ตัวอย่างเด่น 4 ด้านที่ AI มีศักยภาพที่จะก้าวมาเป็นผู้ช่วยได้เป็นอย่างดี ด้านแรกคือการแปลงภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) หรือภาษาที่เราใช้สื่อสารกันอยู่ทั่วไปให้เป็นโค้ดได้อย่างรวดเร็ว ด้านที่สองคือการช่วยสร้างและแปลงโค้ดให้ใช้กับภาษาสมัยใหม่ได้ ด้านที่สามคือการช่วยสร้างอัลกอริทึมเสนอแนะการตัดสินใจที่สำคัญต่าง ๆ ได้ และตัวอย่างด้านสุดท้ายคือการช่วยออกแบบชุดความรู้และกระบวนการพัฒนาทักษะบุคลากรแบบรายบุคคล ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับองค์กรด้านการพัฒนาทักษะแบบรายบุคคล หรือองค์กรที่มีบุคลากรในสังกัดเป็นจำนวนมาก
โดยหากเจาะไปที่ประโยชน์ของการนำ AI มาใช้ออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์จะพบว่า AI ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานให้โครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ได้ถึงร้อยละ 20 ยกระดับการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ในภาพรวมได้ร้อยละ 35-45 ผลักดันซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันใหม่ให้ออกตลาดได้เร็วขึ้นถึงร้อยละ 5 และที่สำคัญช่วยลดความเหลี่อมล้ำในการเข้าถึงและการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ได้ด้วย
ทั้งนี้คาดว่าภายในปี 2028 วิศวกรซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเมอร์ในองค์กรจะใช้ AI ในการทำงานกันมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มจากร้อยละ 10 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 75 เลยทีเดียว เพราะหากมีการเตรียมพร้อมฝึกปรือฝีมือกันอย่างเหมาะสม AI จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทั้งนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเมอร์ องค์กรธุรกิจ รวมไปถึงระดับประเทศ
สำหรับนักพัฒนาแล้ว AI จะช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นร้อยละ 25-30 ช่วยให้จัดการงานที่มีความซับซ้อนสูงได้ดียิ่งขึ้น และทำให้คนทำงานมีความสุขกับการทำงานมากยิ่งขึ้นด้วย ด้านองค์กรธุรกิจไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย SMEs ไปจนถึงสตาร์ตอัป AI จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้ร้อยละ 10-20 ช่วยสร้างรายได้เพิ่มจากผลิตภัณฑ์และบริการที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี ส่วนในระดับประเทศ หากมีการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์และ AI เพื่อการสร้างประโยชน์ในภาคส่วนต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัล (digital economy) อย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตามหากนำ AI มาใช้ประโยชน์อย่างหละหลวม ก็อาจสร้างโทษให้ได้มากไม่แพ้กัน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
นานาสาระน่ารู้
บทความ

สวทช. – สำนักงาน ก.พ. ติวเข้ม เตรียมความพร้อมนักเรียนทุนรัฐบาล ทางด้านวิทยาศาสตร์ ปี 2567
(วันที่ 8 สิงหาคม 2567) ณ ห้องแอมเบอร์ 3 ชั้น 5 โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ นนทบุรี : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดสัมมนาและปฐมนิเทศนักเรียนทุนรัฐบาลทางด้านวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2567 (ทุนบุคคลทั่วไประดับปริญญา) ระหว่างวันที่ 8 – 9 สิงหาคม 2567 โดยมีผู้ผ่านการสอบสัมภาษณ์ ได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท-เอก หรือปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 12 คน โอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับนักเรียนทุนรัฐบาล
ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทุนทุกท่านที่ได้รับทุนรัฐบาลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำปี 2567 กระทรวง อว. โดยฝ่ายนักเรียนทุนรัฐบาลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. ร่วมกับ สำนักงาน กพ. กิจกรรมครั้งนี้ขึ้นเพื่อแนะนำเรื่องการเรียน (ระเบียบ ข้อควรปฏิบัติของการเป็นนักเรียนทุน) ตลอดจนการเรียนรู้ทักษะในการแก้ปัญหาและวิธีจัดการกับความเครียด ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างศึกษา โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยา นอกจากนี้ นักเรียนทุนจะได้พบปะทำความรู้จักกับทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักเรียนทุนรัฐบาล ฯ เจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.พ. รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานต้นสังกัด ซึ่งจะจะช่วยเหลือดูแล ติดตามและให้คำปรึกษาแก่นักเรียนทุนทุกคนตั้งแต่เตรียมตัวไปศึกษา จนกระทั่งสำเร็จการศึกษา ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กลับมาปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป
โครงการนักเรียนทุนรัฐบาลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ประกอบด้วย ทุน 3 ประเภท ได้แก่
ทุนบุคคลทั่วไประดับปริญญาให้ไปศึกษาระดับปริญญาโท-เอกหรือเอกคือทุนที่ท่านได้รับ
ทุนบุคคลทั่วไประดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้ไปศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอกต่างประเทศ
และ 3. ทุนพัฒนาบุคลากรภาครัฐ เป็นทุนที่จัดสรรให้เพื่อพัฒนาบุคคลากรในหน่วยงานต่าง ๆ ของราชการ ให้ไปศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผู้ได้รับทุนรวมทั้งหมดจนถึงปี 2567 นี้จำนวน 5,687 คน สำเร็จการศึกษากลับมาปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และหน่วยงานอื่น ๆ ของภาครัฐแล้วจำนวน 4,013 คน คิดเป็นร้อยละ 70 ของนักเรียนทุนทั้งหมด
“ในแต่ละปีมีนักวิจัย อาจารย์ และบุคลากรวิจัยในหน่วยงานต่าง ๆ สร้างสรรผลงานวิจัย วิชาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นรุ่นพี่นักเรียนทุนรัฐบาล ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์การศึกษาในต่างประเทศด้วยความวิริยะอุตสาหะ อดทน และตระหนักถึงความรับผิดชอบที่ประเทศชาติ และประชาชน ฝากความหวังไว้
ขอให้พวกเราทุกคนระลึกไว้เสมอว่า ทุกคนมีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศของเราในอนาคต ขอให้ทุกคนใช้ศักยภาพที่อยู่ในตัวให้เต็มที่เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ กลับมาช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน พร้อม ๆ ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ของประชาชนคนไทย ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม” ดร.พัชร์ลิตา กล่าวทิ้งท้าย
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

“คลินิกคุณภาพน้ำ” โดย นาโนเทค สวทช. ตัวช่วยตรวจ-รักษาสุขภาพน้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย
(วันที่ 14 สิงหาคม 2567) ณ อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 (INC 2) ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ส่ง ‘คลินิกคุณภาพน้ำ’ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย บูรณาการเทคโนโลยีเซนเซอร์ และการปรับปรุงคุณภาพน้ำ เป็นเสมือนคลินิกที่ตรวจวัดคุณภาพน้ำ และรักษาให้น้ำมีคุณภาพดีเหมาะกับการอุปโภคบริโภค ขยับสู่แพลตฟอร์มถ่ายทอดองค์ความรู้ ขยายผลการใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ ช่วยแก้ไขปัญหาและปรับปรุงคุณภาพน้ำให้กับชุมชนที่ต้องการ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ด้วยนวัตกรรม
[caption id="attachment_59959" align="aligncenter" width="2028"] ดร.ณัฏฐพร พิมพะ[/caption]
ดร.ณัฏฐพร พิมพะ หัวหน้าทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวในกิจกรรม NSTDA Meets the press ว่า ปัจจุบัน น้ำเพื่อการอุปโภคในประเทศไทย 80% เป็นการให้บริการโดยหมู่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (น้ำประปาหมู่บ้าน) และ 17% ให้บริการโดย การประปาส่วนภูมิภาค และการประปานครหลวง ข้อมูลจากกรมอนามัยชี้ให้เห็นว่า น้ำประปาหมู่บ้านที่ได้มีมาตรฐาน ผ่านเกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้ของกรมอนามัยมีเพียง 34.4%
“แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สามารถใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ตรวจวัดคุณภาพน้ำ จัดการมลพิษที่แหล่งต้นกำเนิด เพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้าน รวมทั้งการเสริมองค์ความรู้และศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับผู้นำชุมชนในการจัดการน้ำและคุณภาพน้ำ จากความสำคัญดังกล่าว คลินิกคุณภาพน้ำ โดย สวทช. จึงเกิดขึ้นจากความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ องค์การส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และมหาวิทยาลัยต่างๆ” ดร. ณัฏฐพรกล่าว
คลินิกคุณภาพน้ำ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ตรวจ และรักษา
สำหรับการตรวจนั้น นาโนเทค สวทช. โดย ดร.วีรกัญญา มณีประกรณ์ หัวหน้าทีมวิจัยวัสดุตอบสนองระดับนาโน ใช้องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวัสดุตอบสนองและเซนเซอร์พัฒนาเป็นเซนเซอร์ตรวจวัดสิ่งปนเปื้อนในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นไอออนโลหะ โลหะหนักและอโลหะ สารกำจัดศัตรูพืช
[caption id="attachment_59971" align="aligncenter" width="2048"] ดร.วีรกัญญา มณีประกรณ์[/caption]
"เซนเซอร์ที่เราพัฒนานั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ เซนเซอร์เชิงแสงสำหรับตรวจวัดโลหะและโลหะหนัก ประกอบด้วย ชุดทดสอบไอออนของปรอท แมงกานิสและทองแดง ในน้ำ ซึ่งเป็นชุดทดสอบแบบง่ายและรวดเร็ว สามารถพกพาใช้งานในภาคสนามได้ และ เซนเซอร์เคมีไฟฟ้าสำหรับตรวจวัดโลหะและโลหะหนัก สามารถตรวจหาไอออนของแคดเมียม ตะกั่ว ทองแดง และปรอทในน้ำได้พร้อมกัน อาศัยเทคนิคเคมีไฟฟ้าเพื่อวัดสัญญาณเคมีไฟฟ้า ใช้ร่วมกับเครื่องวัดแบบพกพา โดยมีศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค ช่วยพัฒนาอุปกรณ์เสริม ‘DuoEye Reader’ สำหรับประมวลผลปริมาณโลหะปนเปื้อนในน้ำชนิดแจ้งผลการตรวจได้ทันที จัดเก็บข้อมูลเข้าระบบคลาวด์ (Cloud) แบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดภาระงานให้แก่เจ้าหน้าที่ภาคสนาม และใช้ติดตามการปนเปื้อนของโลหะด้วยตนเอง"
และเมื่อพบปัญหา ก็เข้าสู่การบำบัดรักษา ซึ่ง ดร.ณัฏฐพร กล่าวว่า นาโนเทคภายใต้แผนงานบูรณาการ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้จัดทำแนวทางการปรับปรุงระบบประปาผิวดิน โดยวิจัยและพัฒนาเครื่องมือประเมินสารช่วยตกตะกอนและแอปพลิเคชันบอกปริมาณสารช่วยตกตะกอนอย่าง “อุปกรณ์วัดความขุ่นแบบท่อชนิดแผ่นสังเกตเคลื่อนที่” และ “อุปกรณ์ช่วยตกตะกอนชนิดกวนด้วยแม่เหล็กแบบสองความเร็ว” สำหรับประเมินปริมาณสารสร้างตะกอน, ระบบควบคุมการจ่ายสารช่วยตกตะกอน/สารฆ่าเชื้อ, อุปกรณ์ดักตะกอนที่มีขนาดเล็ก และระบบ IoT สำหรับ automatic control และ online monitoring
ตามมาด้วยระบบผลิตน้ำดื่มจากน้ำบาดาล ที่รวมระบบผลิตน้ำดื่ม 120-250 L/h, ระบบตกตะกอนและกรอง, เมมเบรนเซรามิกนาโนคอมพอสิต และระบบ IoT สำหรับautomatic control และ online monitoring โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้นำร่องไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่จังหวัดลำปางและขอนแก่น ทำให้ 1,500 ครัวเรือนสามารถเข้าถึงน้ำสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
“ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำ การสร้างความมั่นคงของน้ำอุปโภคและบริโภคทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งรัฐบาลได้จัดทำแผนขับเคลื่อนน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 6 ขององค์การสหประชาชาติ ในเรื่องการสร้างหลักประกันเรื่องน้ำและการสุขาภิบาลให้มีการจัดการอย่างยั่งยืนและมีสภาพพร้อมใช้สำหรับทุกคน เราหวังให้เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากคลินิกคุณภาพน้ำ จะเป็นประโยชน์กับชุมชนหรือหน่วยงานที่ดูแลตรวจสอบเรื่องของคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค รับกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ด้านGreen Economy เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งนาโนเทคเอง อยู่ระหว่างเสาะหาผู้สนใจนำต้นแบบเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ รวมถึงผู้ร่วมวิจัยเพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น และภาคเอกชนที่จะร่วมผลักดันไปสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป” ดร. ณัฏฐพรทิ้งท้าย
คลินิกคุณภาพน้ำ โดย นาโนเทค สวทช. เป็น 1 ในทีมปฏิบัติการร่วมใน “ศูนย์ปฏิบัติการผู้พันวิทย์ อว.” ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. มีนโยบายจัดตั้งขึ้น ด้วยหวังนำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี และตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชนอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่สนใจรับถ่ายทอดเทคโนโลยี ติดต่อ
คุณปิยะรัตน์ เซ้าซี้
ฝ่ายธุรกิจนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี
ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช.
โทร. 08 4752 9125
อีเมล: piyarath.sao@nanotec.or.th
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ประกาศจากงาน Health & Innovation Asia Hackathon 2024!
✨ ขยายวันการส่งผลงานได้ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2024 ✨
มาร่วมกันเสนอแนวทางการป้องกันและการดูแลร่างกายสำหรับโรคลมร้อน หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) ในช่วงอากาศร้อนๆ แนวทางของคุณอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงและประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพและความปลอดภัยของทุกคน
🤝🏻 วิธีการเข้าร่วมกิจกรรมกับเรา
🙋🏻♂️ จับกลุ่มจำนวน 1-3 คน
🧠รวมกับสร้างสรรค์แนวทาง
💻ทำการนำเสนอผลงานกับคณะกรรมการ
📅 กำหนดการของกิจกรรม ดังนี้
• วันเริ่มส่งผลงาน: 1 กรกฎาคม 2024
• วันสิ้นสุดการส่งผลงาน: 20 สิงหาคม 2024
• ประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบ: 30 สิงหาคม 2024
• นำเสนอผลงาน: 12 กันยายน 2024
พร้อมกันแล้วหรือยัง มาร่วมสนุกกับเรา ลุ้นรับเงินรางวัลถึง 185,000 บาท 🏆
📲 ผู้เข้าร่วมสามารถส่งผลงานได้เลย โดยแสกน QR code ด้านล่างนี้ ⬇️ ⬇️ หรือ คลิกลิงก์ นี้ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSetiY9NwzG-hK_-nUwTNSaWvqzUgPrk-3uIVHKzSziY9IHKBg/viewform
ปฏิทินกิจกรรม

สัมมนา “สร้างศักยภาพในการแข่งขันธุรกิจคุณอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง ESG”
📢📢อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (อวท.) ขอเชิญท่านที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนา “สร้างศักยภาพในการแข่งขันธุรกิจคุณอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง ESG” พร้อมการให้คำปรึกษาเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ 🌿🥐🥬 โดยกำหนดจัดกิจกรรม✨️✨️
🗓 วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567
🕤 เวลา 13.00 – 16.00 น.
📍สถานที่ ห้องประชุม ONE NORTH ชั้น 1 อาคาร INC2 Tower A กลุ่มนวัตกรรม 2 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
ครั้งนี้ท่านจะสามารถเข้าใจหลักการ แนวทาง และวิธีการของ ESG สามารถช่วยองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถนำไปปรับใช้ในองค์กรได้ อีกทั้งสามารถได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG ไปประยุกต์ใช้ตามมาตรฐานสากลได้อย่างถูกต้อง พร้อมการให้คำปรึกษาเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ เป็นโอกาสต่อยอด สร้างความร่วมมือ ผ่านกิจกรรม One on One Business Matching การให้คำปรึกษาเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ จากหน่วยงานชั้นนำของประเทศ ได้แก่
🌾✅️ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช.
🌾✅️บริษัท ทูฟ ซูด (ประเทศไทย) จำกัด
ขอเชิญท่านที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ Link : https://docs.google.com/forms/d/1c8iibO2a31ywAbU4x_RjGoHk3KnZd5h0YhqE6qP1hig/edit
(รับจำนวนจำกัด)✨️✨️✨️
สอบถามเพิ่มเติม : ikd@nstda.or.th,📱 086-373-4271 (กานต์ธิดาพร)
ข่าว
ปฏิทินกิจกรรม