หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
ENTEC สวทช. จับมือ บริษัทวิโรจน์รัตน์ เมเนจเม้นท์ จำกัด ผลักดันนวัตกรรมเครื่องผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์สู่การใช้จริง
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ อาคารเอ็มเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี: ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนามความร่วมมือวิจัยและสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิผลงานวิจัย “เครื่องผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์” กับบริษัท วิโรจน์รัตน์ เมเนจเม้นท์ จำกัด เพื่อนำนวัตกรรมจากห้องวิจัยไปสู่การใช้จริงในภาคส่วนต่าง ๆ โดยมี ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC และนายแพทย์อัคร รัตตะรังสี ที่ปรึกษา บริษัทวิโรจน์รัตน์ เมเนจเม้นท์ จำกัด ร่วมลงนาม พร้อมด้วย ดร.สมศักดิ์ สุภสิทธิ์มงคล นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง กลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ENTEC นำเสนอที่มาและความสำคัญผลงานวิจัย “เครื่องผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์” นวัตกรรมเครื่องผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์ พัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง เพื่อผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์ที่มีกรดไฮโปคลอรัส (Hypochlorous acid, HOCl) เป็นองค์ประกอบหลัก โดยมีค่า pH อยู่ที่ 4-6.5 และ ORP อยู่ที่ 900-1200 mV) สารดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการยับยั้งและฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียก่อโรคส่วนใหญ่ที่พบในโรงพยาบาล และผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานทดสอบผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค (AOAC 955.14, 955.15, 955.17 และ 964.02) นอกจากนี้ สารฆ่าเชื้อยังมีฤทธิ์ยับยั้งและฆ่าเชื้อไวรัสก่อโรคหลายชนิด ได้แก่ Dengue virus, Japanese encephalitis virus, Zika virus, RSV virus, Influenza virus และ SARS-CoV-2 บนพื้นผิวตามมาตรฐาน ASTM E1053-20   ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งขยายผลสู่ภาคสาธารณสุข อุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. เปิดเผยว่า ENTEC ได้พัฒนาเครื่องผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์ (ENcase) ภายใต้ทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีเป้าหมายหลักคือการผลิตสารฆ่าเชื้อสำหรับยับยั้งเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาสารฆ่าเชื้อนี้ต่อยอดมาจากองค์ความรู้ด้านเซลล์เชื้อเพลิงของ ENTEC โดยอาศัยกระบวนการทางเคมีที่สามารถประยุกต์ใช้ในการผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์ประสิทธิภาพสูง ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ENTEC ได้ส่งมอบเครื่องผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์ (ENcase)  ให้แก่โรงพยาบาล 10 แห่งทั่วประเทศ และขยายผลเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี และชุมพร ไปจนถึงโรงพยาบาลศูนย์ เช่น โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี และโรงพยาบาลบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ดร.สุมิตรา กล่าวต่อว่า จากการใช้งานจริงของเครื่องผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์ (ENcase)  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยืนยันได้ว่า สารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์ที่ได้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับผลทดสอบในห้องปฏิบัติการ ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ได้จริง การที่บริษัทวิโรจน์รัตน์ เมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งมีความใกล้ชิดกับภาคสาธารณสุข เล็งเห็นถึงประโยชน์ของนวัตกรรมนี้ และพร้อมนำไปขยายผลสู่การใช้งานในวงกว้าง ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย ENTEC รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผลงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการสามารถต่อยอดสู่การใช้งานจริงและสร้างคุณค่าให้กับสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ด้าน คุณกิตติชัย วัฒนอารีกุล ที่ปรึกษา บริษัทวิโรจน์รัตน์ เมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. โดยเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องผลิตสารฆ่าเชื้อที่มีกรดไฮโปคลอรัส (Hypochlorous acid, HOCl) เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงและอายุการใช้งานที่ยาวนาน เหมาะสำหรับการต่อยอดในเชิงพาณิชย์และใช้งานจริงในตลาดสุขภาพและอุตสาหกรรมต่าง ๆ บริษัทฯ มองเห็นโอกาสทางการตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะการใช้สารฆ่าเชื้อชนิดกรดไฮโปคลอรัสในด้านการรักษาแผลกดทับ การฆ่าเชื้อ การยืดอายุอาหาร รวมถึงการใช้งานในกลุ่มเป้าหมายนอกเหนือจากมนุษย์ เช่น ด้านการเกษตรหรือปศุสัตว์ คุณกิตติชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า สารฆ่าเชื้อดังกล่าวยังมีจุดเด่นด้านความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับการลดการใช้สารเคมี บริษัทจึงมั่นใจว่าสารฆ่าเชื้อชนิดนี้มีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในวงกว้างในอนาคต ดร.สมศักดิ์ สุภสิทธิ์มงคล นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง กลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ENTEC นำเสนอที่มาและความสำคัญผลงานวิจัยเครื่องผลิตสารฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. นำเสนอผลงานนวัตกรรมด้านความปลอดภัยในงานความปลอดภัยและ อาชีวอนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 37
วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับเกียรติจาก สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) (สสปท.) เชิญให้เข้าร่วมนำเสนอผลงานนวัตกรรมด้านความปลอดภัย ในงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 37 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยฝ่ายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม เป็นตัวแทนสำนักงานฯ นำเสนอผลงาน ผลงานนวัตกรรมด้านความปลอดภัย “การพัฒนารูปแบบการจัดเก็บแบตเตอรี่อย่างปลอดภัย" เป็นผลงานที่มุ่งเน้นเพื่อลดโอกาสและความรุนแรงของความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้จากการเกิดเพลิงไหม้ การพัฒนานี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าจากต่างประเทศ รวมทั้งอุปกรณ์นี้ยังมีโอกาสในการพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์กับหน่วยงานพันธมิตร ลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้อีกด้วย งานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ถือว่าเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขามาร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและพัฒนาการจัดการด้านอาชีวอนามัย เพื่อให้สังคมไทยสามารถดำเนินชีวิตและทำงานได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
Announcement of National Science and Technology Development Agency TAIST-Science Tokyo on List of Selected Candidates for the TAIST-Science Tokyo Scholarship Program, Academic Year 2025
EN-Announcement on list of Selected Candidates for the TAIST-Science Tokyo Scholarship 2025 TH-Announcement on list of Selected Candidates for the TAIST-Science Tokyo Scholarship 2025 
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. ส่งต่อองค์ความรู้สู่ กรมป่าไม้และชุมชนผาแดง สร้างสิ่งแวดล้อมยั่งยืนและยกระดับเศรษฐกิจชุมชน
(13 มิ.ย. 68) ณ ห้องประชุมรัตนมณี อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร แม่สอด จ.ตาก - ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ร่วมกับโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดตาก (ผาแดง) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.)  รวมถึงภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ส่งมอบองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพื้นที่เหมืองผาแดง จำนวน 9 โครงการย่อย ซึ่งจัดแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มความหลากหลายทางชีวภาพ กลุ่มผลิตภัณฑ์จากวัสดุเกษตร และกลุ่มการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อชุมชน ให้กับกรมป่าไม้และชุมชนต่าง ๆ รอบผาแดง เพื่อเป็นกลไกในการสร้างความยั่งยืนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน และรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนและจังหวัดตากในระยะยาวต่อไป ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. กล่าวว่า จากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่เหมืองผาแดง จังหวัดตาก ซึ่งเคยเป็นเหมืองแร่สังกะสี ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ทางไบโอเทค สวทช. จึงได้ดำเนินโครงการ “การอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพื้นที่เหมืองผาแดง ตามโมเดล BCG” โดยมีระยะเวลาดำเนินงานในปี พ.ศ. 2567 - 2568 เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โครงการนี้ประกอบด้วย 9 โครงการย่อย แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้ กลุ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ได้แก่ (1) การสร้างคลังข้อมูลเห็ดป่าและเห็ดสมุนไพร และ (2) การสร้างคลังข้อมูลราทำลายแมลง ซึ่งเราได้สร้างฐานข้อมูลสำคัญของพื้นที่ โดยการจัดทำคลังข้อมูลจุลินทรีย์กลุ่มเห็ด ทั้งเห็ดป่าที่บริโภคได้และเห็ดสมุนไพร รวมถึงคลังข้อมูลราที่สามารถควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ ฐานข้อมูลเหล่านี้คือขุมทรัพย์ทางความรู้ที่จะเป็นรากฐานในการต่อยอดใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต กลุ่มผลิตภัณฑ์จากวัสดุเกษตร ได้แก่ (3) กาแฟหมักยีสต์ (4) น้ำส้มสายชูหมักจากเปลือกกาแฟ และ (5) อิฐชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ซึ่งเราได้นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมายกระดับผลผลิตทางการเกษตรของชุมชน อาทิ การพัฒนา “กาแฟหมักยีสต์” เพื่อสร้างเอกลักษณ์ใหม่ให้กับกาแฟแม่สอด การแปรรูปเปลือกกาแฟที่เคยเป็นของเหลือทิ้งให้กลายเป็น “น้ำส้มสายชูหมัก” มูลค่าสูง และการสร้าง “อิฐชีวภาพ” จากเศษวัสดุการเกษตร ซึ่งทั้งหมดนี้คือตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เปลี่ยนของเหลือทิ้งให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม กลุ่มถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อชุมชน ได้แก่ (6) การปลูกมะเขือเทศอินทรีย์ในโรงเรือน (7) การผลิตและใช้ Seed balls สำหรับฟื้นฟูป่า (8) การพัฒนาเชื้อเห็ดเผาะและเห็ดระโงกร่วมกับไม้เศรษฐกิจ และ (9) การใช้ชีวภัณฑ์เกษตรในระบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งองค์ความรู้ไม่ได้ถูกเก็บไว้บนหิ้ง แต่ได้ถูกถ่ายทอดสู่ชุมชนให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการผลิต “Seed balls” เพื่อฟื้นฟูป่า การถ่ายทอดความรู้การปลูกเชื้อเห็ดเศรษฐกิจอย่างเห็ดเผาะและเห็ดระโงกให้กับกล้าไม้วงศ์ยางเพื่อสร้างรายได้ควบคู่การปลูกป่า การใช้ชีวภัณฑ์เพื่อการทำเกษตรอินทรีย์ และการปลูกมะเขือเทศเชอรี่อินทรีย์ในโรงเรือน ทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้อย่างยั่งยืนจากการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากเครือข่ายในจังหวัดตาก อาทิ กรมป่าไม้ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร หอการค้าจังหวัดตาก ททท.สำนักงานตาก ตลอดจนองค์กรชุมชนและภาคประชาชน ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพื้นที่ผาแดงให้เป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน “ความสำเร็จของโครงการเหมืองผาแดงถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แต่ สวทช. มองไกลไปถึงการขยายผลองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อร่วมขับเคลื่อนศักยภาพของอำเภอแม่สอด และจังหวัดตาก ในภาพรวม จากวิสัยทัศน์ “จังหวัดตาก เมืองน่าดึงดูด-น่าอยู่-น่าลงทุน” โดย สวทช. พร้อมที่จะนำศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ และการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน เพื่อนำงานวิจัยไปต่อยอดและขยายผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในวงกว้าง โดย สวทช. มุ่งหวังที่จะเห็นการนำฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพมูลค่าสูง การนำเทคโนโลยีการเกษตรแม่นยำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน และการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้กับการจัดการของเสียในภาคอุตสาหกรรมและชุมชนเมืองอย่างเต็มรูปแบบ” ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง กล่าว ด้าน นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก มอบหมายให้นายประเดิม เดชายนต์บัญชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นผู้แทนเปิดงาน กล่าวถึงสิ่งที่จังหวัดตากจะได้รับจากโครงการนี้ว่า จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใน 3 มิติที่สำคัญ คือ มิติของการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ มิติของการเกษตรปลอดภัยและยั่งยืน และมิติของการอนุรักษ์และฟื้นฟู ซึ่งประโยชน์ทั้งหมดนี้จะเชื่อมโยงโดยตรงกับวิสัยทัศน์ของจังหวัดตาก ในการก้าวสู่ เมืองที่น่าอยู่ น่าลงทุน และเป็นประตูสู่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวทาง BCG ที่ สวทช. ได้วางรากฐานไว้ และจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้การเติบโตของแม่สอดและจังหวัดตาก เป็นการเติบโตที่มีคุณภาพและจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากนี้ไป จังหวัดตากพร้อมที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อต่อยอดความสำเร็จนี้ให้ขยายผลวงกว้าง พร้อมจะส่งเสริมให้องค์ความรู้เหล่านี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงในชุมชนต่าง ๆ ผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการ BCG รุ่นใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากโครงการให้เป็นสินค้าอัตลักษณ์ของจังหวัดตากต่อไป ทั้งนี้ ในกิจกรรมการส่งมอบองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพื้นที่เหมืองผาแดง ได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ผู้แทนอธิบดีกรมป่าไม้ ผู้แทนเลขาธิการสำนักงาน กปร. หัวหน้าโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมฯ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร แม่สอด คณะผู้บริหารจากหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และชุมชน นักเรียน นักศึกษา และพี่น้องประชาชนชาวตากที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง กว่า 200 คน ภายในงานทีมวิจัยไบโอเทคยังได้นำเสนอผลงานและผลผลิตจากโครงการ รวมถึงบูทนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ของทั้ง 9 โครงการ และนิทรรศการของชุมชนด้วย  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. จับมือ โครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ฯ จังหวัดตาก เดินหน้าฟื้นฟูป่าและยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ส่งมอบไผ่รวกใหญ่ 5,000 ต้น และ Seed Balls กว่า 2,500 ลูก
ตาก, 12 มิถุนายน 2568 - ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  ร่วมกับโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดตาก จัด “กิจกรรมส่งมอบไผ่รวกใหญ่รู้อายุ และกิจกรรมปลูกฟื้นฟูป่าด้วย Seed balls และกล้าไผ่” ณ พระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยได้ทำการส่งมอบไผ่รวกใหญ่ 5,000 ต้น และ Seed Balls กว่า 2,500 ลูก ให้กับโครงการฯ เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่เหมืองผาแดง ที่เดิมเป็นเหมืองแร่สังกะสี ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน และช่วยส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สร้างเศรษฐกิจชุมชน ให้ชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวและความหลากหลายทางชีวภาพที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นฟูป่า โดยนายอำเภอแม่สอด มอบหมายให้นายธันยบูรณ์ สุนทรสัตถาพร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมรับมอบในงาน พร้อมด้วยเยาวชนนักเรียนและชุมชนกว่า 100 คนร่วมในงาน นายกานดิษฏ์ สิงหากัน หัวหน้าโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดตาก กล่าวว่า โครงการฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจาก ไบโอเทค สวทช. ในการดำเนินชุดโครงการ “การอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพื้นที่เหมืองผาแดงฯ” โดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นแนวทางในการขับเคลื่อน ซึ่งได้ก่อให้เกิด 9 โครงการย่อย ที่มุ่งสร้างองค์ความรู้ พัฒนาผลิตภัณฑ์ และถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน กิจกรรมในวันนี้เป็นการเริ่มต้นการส่งมอบผลงานด้วยการส่งมอบ “อนาคตสีเขียว” คืนสู่ผืนดิน โดย สวทช. ได้ส่งมอบ “กล้าไผ่รวกใหญ่” จำนวน 5,000  ต้น พร้อมทั้งร่วมกันทำกิจกรรมปลูกฟื้นฟูป่าด้วย “Seed balls” ซึ่งเป็นผลผลิตจากงานวิจัยของ สวทช. เช่นกัน ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. กล่าวว่า ไบโอเทค สวทช. ได้ส่งมอบกล้าไผ่รวกใหญ่ให้กับโครงการฯ เพื่อใช้ในการฟื้นฟูสภาพป่า โดยกล้าไผ่นี้เป็นผลผลิตจากโครงการคัดเลือกไผ่รู้อายุพันธุ์ดี และการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชในห้องปฏิบัติการ ทำให้ได้กล้าไผ่ที่มีคุณภาพดี สม่ำเสมอ ปลอดโรค ซึ่งจะช่วยให้การวางแผนการปลูกและการคาดการณ์การเจริญเติบโตแม่นยำยิ่งขึ้น ส่งผลให้การฟื้นฟูป่ารวดเร็วกว่าเดิม รวมถึง “Seed balls” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลงานวิจัยของไบโอเทค โดย Seed balls คือการนำเมล็ดพันธุ์ไม้ป่ามาห่อหุ้มด้วยดินเหนียวและสารอาหารที่จำเป็น ทำหน้าที่เป็นเกราะคุ้มกันและเสบียงอาหารให้แก่เมล็ดพันธุ์ ช่วยปกป้องจากศัตรูพืชและสภาพอากาศแห้งแล้ง อีกทั้งยังเพิ่มอัตราการงอกให้สูงขึ้น ทำให้ปลูกป่าได้ง่ายขึ้น เพียงแค่นำไปวางหรือโยนในพื้นที่เป้าหมายก็สามารถเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ได้ ด้าน ดร.ชาญวิทย์ สุริยฉัตรกุล หัวหน้าทีมวิจัยความหลากหลายและการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ ไบโอเทค สวทช. ให้ข้อมูลว่าในโครงการนี้ได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้และมีการเตรียม Seed balls เสริมด้วยจุลินทรีย์ส่งเสริมการเจริญของพืชกว่า 2,500 ลูกจากพืชป่ามากกว่า 10 ชนิด อาทิ จามจุรีสีทอง(พฤกษ์) ชัยพฤกษ์ กาฬพฤกษ์ พะยูง ประดู่ป่า ชิงชัน กระพี้จั่น สาธร เสลา อินทนิล และไม้แดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชที่มีดอกสวยงามสีชมพูม่วง และพืชเศรษฐกิจที่ให้เนื้อไม้มูลค่าสูง ทั้งนี้ Seed balls เป็นนวัตกรรมที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการฟื้นฟูป่าในพื้นที่ลาดชันและพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก โดยไบโอเทคได้ใช้องค์ความรู้เรื่องจุลินทรีย์ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชโดยใช้จุลินทรีย์พื้นถิ่นที่แยกจากพืชป่าในพื้นที่เหมืองผาแดงมาใช้เพื่อเพิ่มอัตราการงอกและการรอดชีวิตของพืชป่าเป้าหมาย โดยจุลินทรีย์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มธาตุอาหาร ผลิตฮอร์โมนพืช และเพิ่มความทนทานต่อสภาวะที่ไม่เหมาะสมทำให้พืชมีอัตราการรอดชีวิตที่สูงขึ้น และ ดร.ยี่โถ ทัพภะทัต นักวิจัยทีมวิจัยนวัตกรรมโรงงานผลิตพืชสมุนไพร ไบโอเทค สวทช. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไบโอเทค สวทช. ได้ส่งมอบ “ต้นไผ่รวกใหญ่รู้อายุ” จำนวน 5,000 ต้น ที่ผ่านการคัดเลือกจากการเพาะเมล็ดว่ามีลักษณะที่ดีเด่น สม่ำเสมอ และใช้เป็นต้นแม่พันธุ์ในการขยายต้นพันธุ์ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการ ให้แก่โครงการฯ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูป่าและส่งเสริมไผ่เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน นอกเหนือจากวิธีการคัดเลือกพันธุ์ไผ่จากเมล็ดด้วยการบูรณาการทั้งด้านจีโนมิกส์และฟีโนมิกส์แล้ว ทางไบโอเทค ยังมีนวัตกรรมเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อระบบโซมาติกเอมบริโอเจเนซิส สำหรับการตัดอายุของไผ่ที่ออกดอกและกำลังทยอยตาย โดยการสร้างเอมบริโอใหม่จากดอกของต้นแม่พันธุ์ลักษณะดี ซึ่งไผ่สายพันธุ์ใหม่ที่ได้ จะมีอายุเริ่มต้นเหมือนการเพาะเมล็ดแต่มีลักษณะดีเด่นเหมือนต้นแม่ที่กำลังตายขุย สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน  ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพเพียงพอต่อความต้องการในการปลูกป่าไผ่ในวงกว้าง เทคโนโลยีนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรไผ่ และเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนต่อไป กิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และคาดหวังว่าเครื่องมือเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และช่วยเร่งให้พื้นที่ผาแดงกลับมาอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งเรียนรู้สีเขียวต่อไป
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
นำร่อง ‘ขอนแก่นโมเดล’ ขยายผลนวัตกรรม ‘ชุดตรวจโรคไต’
กระทรวง อว. โดย นาโนเทค สวทช. ร่วมกับ สสจ.ขอนแก่น และ อบจ.ขอนแก่น นำนวัตกรรม 'ชุดตรวจคัดกรองโรคไต' ที่พัฒนาโดยนักวิจัยนาโนเทค สวทช. ไปใช้ตรวจคัดกรองโรคไตเบื้องต้นให้กับประชาชนใน จ.ขอนแก่น โดยจัดอบรมการใช้ชุดตรวจโรคไตให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 248 แห่ง ครอบคลุม 26 อำเภอในจังหวัดขอนแก่น เป็นการนำร่อง 'ขอนแก่นโมเดล’ ก่อนขยายผลทั่วประเทศภายในปี  พ.ศ.2571
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
กระทรวง อว. โดย สวทช. ส่งมอบน้ำยาฆ่าเชื้อ ENERclean ผ่านมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยเชียงราย
 กระทรวง อว. โดย สวทช. ส่งมอบน้ำยาฆ่าเชื้อ ENERclean เพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย โดยมี ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) และ ดร.สมศักดิ์ สุภสิทธิ์มงคล นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง กลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ENTEC เป็นผู้แทนมอบผ่าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นาวิน  พรมใจสา รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ภายใต้โครงการ อว. เพื่อประชาชน เพื่อนำไปสนับสนุนการทำความสะอาดบ้านพักอาศัยและฟื้นฟูในพื้นที่ประสบอุทกภัย “ENERclean” เป็นน้ำยาฆ่าเชื้ออิเล็กโทรไลต์ ที่ประกอบด้วยกรดไฮโปคลอรัส (Hypochlorous acid, HOCl) เป็นองค์ประกอบหลัก (pH 4-6.5, ORP 900-1200 mV) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตของเครื่อง ENcase ในการเปลี่ยนรูปสารละลายเกลือแกง เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อ “ENERclean” มีประสิทธิภาพในการยับยั้ง/ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียก่อโรคส่วนใหญ่ที่พบในโรงพยาบาล ในระดับ 59-60 carriers ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานทดสอบผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค (AOAC 955.14, 955.15, 955.17  และ 964.02) มีฤทธิ์ยับยั้ง/ฆ่าเชื้อไวรัสก่อโรค (Dengue virus, Japanese encephalitis virus, Zika virus, RSV virus, Influenza virus และ SARS-CoV-2) บนพื้นผิวตามมาตรฐาน ASTM E1053-20 สามารถนำไปใช้ฆ่าเชื้อทดแทนแอลกอฮอล์ล้างมือ ทดแทนสารฆ่าเชื้อที่เป็นอันตราย จำพวกสารฟอกขาวคลอรีน สำหรับทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณอาคาร ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณความเข้มข้นของคลอรีน เช่น การผสม ENERclean กับน้ำในสัดส่วน (1:1) หรือคิดเป็นความเข้มข้นคลอรีน 150-200 ppm เหมาะสำหรับฆ่าเชื้อทดแทนแอลกอฮอล์ล้างมือ ขณะที่การใช้งาน ENERclean ที่ระดับ 300-500  ppm เหมาะสำหรับฆ่าเชื้อบนพื้นผิวที่มีการสะสมเชื้อจุลชีพก่อโรคจำนวนมาก รวมถึงขยะติดเชื้อ “ENERclean” เป็นผลงานวิจัยและพัฒนา โดย ดร.สมศักดิ์ สุภสิทธิ์มงคล และทีมวิจัยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ร่วมกับ ดร.ฐนียา รอยตระกูล และทีมวิจัยชีววิทยาโมเลกุลของไวรัสเด็งกี่และฟลาวีไวรัส ดร.สิทธิรักษ์ รอยตระกูล และคุณภัททิยา ลักษณะเจริญ ทีมวิจัยเทคโนโลยีโปรตีโอมิกส์เชิงหน้าที่ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) สวทช. ภายใต้โครงการวิจัย “การพัฒนาชุดผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีสารประกอบคลอรีนเป็นส่วนประกอบด้วยวิธีทางไฟฟ้าเคมี สำหรับบำบัดขยะมูลฝอยติดเชื้อภายในสถานประกอบการสาธารณสุข” ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. ร่วมขอแสดงความยินดีกับ ดร.กอบกุล เหล่าเท้ง รับรางวัล Ajinomoto – FoSTAT Awards นักวิจัยดีเด่น ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร ประจำปี 2568
(12 มิถุนายน 2568) ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ: สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ร่วมแสดงความยินดีกับ ดร. กอบกุล เหล่าเท้ง ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ในโอกาสได้รับรางวัล Ajinomoto – FoSTAT Awards นักวิจัยดีเด่น ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร ประเภท Outstanding Food Scientist Award ประจำปี 2568 จากผลงาน เรื่อง Microbial Precision Fermentation and Scale-up Platform of Function Ingredient Production for Industrial Applications  โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พวงเพ็ชร์ นิธยานนท์ นายกสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย (FoSTAT) และ นายธีระชัย ขันธิกุล กรรมการ รองเลขาธิการ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ เป็นผู้มอบรางวัล ภายในงาน Food Innovation Asia Conference 2025 รางวัลดังกล่าวมูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ร่วมกับ สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย จัดโครงการมอบรางวัล Ajinomoto - FoSTAT Awards สำหรับนักวิจัยดีเด่นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร เพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนาผลงานวิจัยอย่างต่อเนื่องและประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารพร้อมทั้งเชิดชูเกียรตินักวิจัยที่อุทิศตนเป็นแบบอย่างที่ดี โดยพิจารณาจากผลงานวิจัยที่ส่งข้อเสนอโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สัมมนาฟรี “The Future is Now: ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Intelligent Manufacturing” 7 ก.ค. 2568 | เจาะลึกเทรนด์ Industry 4.0 และ Digital Transformation พร้อมสิทธิประโยชน์จาก BOI
ศูนย์การเรียนรู้เพื่ออนาคต สวทช. (Career for the Future Academy) ขอเชิญผู้ประกอบการ นักอุตสาหกรรม และผู้สนใจ เข้าร่วมสัมมนาฟรีในหัวข้อ“The Future is Now: ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Intelligent Manufacturing” 📅 วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2568🕐 เวลา 13.00–16.00 น.📍 รูปแบบออนไลน์ (ผ่าน Zoom) ในยุคที่อุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ Industry 4.0 การรู้เท่าทันเทคโนโลยีดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่าน (Digital Transformation) คือหัวใจสำคัญของการอยู่รอดและเติบโตสัมมนานี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจเครื่องมือ Industry 4.0 CheckUp ที่ สวทช. ให้บริการฟรี และสามารถนำไปใช้ประเมินตนเองเพื่อพัฒนาอย่างเป็นระบบ 🔸 หัวข้อบรรยายที่น่าสนใจ: กลยุทธ์เปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุค 4.0 อย่างยั่งยืน ประสบการณ์ตรงจากวิทยากรด้าน Business Transformation แนวทางการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 พร้อมข้อมูล สิทธิประโยชน์จาก BOI เครื่องมือ "Industry 4.0 CheckUp" ใช้ได้จริงจาก สวทช. 🧑‍🏫 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ: คุณณัฐรัตน์ สิมะพล – ที่ปรึกษาธุรกิจด้านการปรับเปลี่ยนองค์กร คุณสายทษพร ศรีอัครวัฒน์ – ที่ปรึกษาด้าน Digital Strategy ดร.ธวัชชัย ตั้งปณิธานพงษ์ – ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการผลิต ดร.รังสรรค์ ผุดผ่อง – ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมยั่งยืน (EECi) 📍 ลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนา ฟรี!👉 [ใส่ลิงก์สำหรับลงทะเบียน] สอบถามเพิ่มเติม:📞 โทร. 0 2644 8150 ต่อ 81894 (คุณพนม), 81886 (คุณปภัสศิริ)📧 Email: training@nstda.or.th
ปฏิทินกิจกรรม
 
หลักสูตร “ถอดรหัสอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทย”(Decoding Thailand’s Semiconductor Industry:THSEMI)
ถอดรหัส "อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทย" เปิดมุมมองใหม่สู่หนึ่งในอุตสาหกรรมหัวใจของโลกเทคโนโลยี! พบกับหลักสูตรพิเศษ THSEMI: Decoding Thailand’s Semiconductor Industry เรียนรู้เชิงลึกจากตัวจริงของวงการ ทั้งนักวิจัย-อุตสาหกรรม-ภาครัฐ พร้อมเยี่ยมชมโรงงาน Wafer Fab แห่งแรกของไทย 📌 หัวข้อไฮไลต์: 🔹Value Chain ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 🔹IC Design, Wafer Fabrication, Testing, Packaging 🔹โอกาสการลงทุนในไทย 🔹ทัวร์โรงงานจริง ณ TMEC ฉะเชิงเทรา 🗓 วันที่ 5–6 สิงหาคม 2568 📍 โรงแรมเซ็นจูรี พาร์ค กรุงเทพฯ + TMEC ฉะเชิงเทรา 💵 ค่าลงทะเบียน 10,000–10,700 บาท 🎯 เหมาะสำหรับ: นักอุตสาหกรรม วิศวกร นักวิจัย และผู้สนใจทุกท่าน 🧠 ปรับมุมมองใหม่ ก้าวทันเทคโนโลยีระดับโลก 📲 สมัครเลย! 👉 https://www.career4future.com/thsemi สอบถามรายละเอียดได้ที่ : 0 2644 8150 ต่อ 81901 (คุณปานทิพย์)
ปฏิทินกิจกรรม
 
สัมมนาออนไลน์ฟรี! : AI ในชีวิตประจำวัน จากเทคโนโลยีสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
🔥#FREE Online Seminar 🆓 . 🚨ไม่ว่าคุณจะทำงานในสาย Marketing สาย Coding สาย Business Analyst สาย Academic หรืออื่นๆ การใช้ GenAI จะช่วยให้การทำงานและการใช้ชีวิตสะดวกขึ้นแบบสุดๆ ‼️รีบลงทะเบียนก่อนเต็ม‼️ 🚀 . ✨HIGHLIGHTS✨ สาธิตการใช้งานเครื่องมือ #GenAI ยอดนิยม ที่จะเปิดโลกใหม่ของการทำงานและการเรียนรู้ พร้อมกรณีศึกษาจริง สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที! เช่น ✅ การใช้ #ChatGPT ช่วยออกแบบแผนการสอน เขียนแผนธุรกิจ ✅ การใช้ #Canva #Gamma สร้างสื่อการสอน สื่อประชาสัมพันธ์ ✅ การใช้ #Copilot ช่วยเขียนโค้ดเบื้องต้นหรือวิเคราะห์ข้อมูล ✅ การใช้ AI ช่วยวางแผนการตลาดหรือโพสต์โซเชียลมีเดียอย่างมืออาชีพ . 🎯หัวข้อ: AI ในชีวิตประจำวัน จากเทคโนโลยีสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต วิทยากร: คุณชัชวาล สังคีตตระการ (คุณโคนัน) วิศวกรอาวุโส กลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สวทช. . 📅 วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2568 🕙 เวลา 09.00 - 12.00 น. 📍 Online ผ่าน Cisco Webex 🚩 ลงทะเบียนเพื่อเข้ารับฟัง FREE ที่: https://www.nstda.or.th/r/Epxqk . 📢หมายเหตุ: เมื่อลงทะเบียนแล้ว ทางทีมงานจะนำส่งลิงค์ Webex และคู่มือการใช้ Webex ผ่าน Browser ให้ท่านทางอีเมลที่ลงทะเบียนไว้ในวันที่ 14 ก.ค. . 👉สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: Software Park Thailand 02-583-9992 Ext. 81421 (เสกสรรค์), 81424 (จันทิมา), 81426 (ทรงศิริ) TTD@swpark.or.th
ปฏิทินกิจกรรม
 
สัมมนา Next Energy Frontiers: Innovations for the Future of Energy and Mobility
NECTEC ENTEC ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (TECE) สวทช. ขอเชิญเข้าร่วมงาน 🎯 Next Energy Frontiers: Innovations for the Future of Energy and Mobility 🌏 ภายใต้งาน ASIA Sustainable Energy Week 2025 . 💡ร่วมเปิดมุมมองกับงานวิจัยและนวัตกรรมพลังงาน ภายใต้กระทรวง อว. เพื่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 💡 พบกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยพร้อมเนื้อหาสุดเข้มข้น! อาทิ . 🌱 พลังงานนิวเคลียร์ 🌱 โซเดียมแบตเตอรี่ 🌱 Fuel cell 🌱 Bio fuel 🌱 SAF . 📄🔋พร้อมทั้งรับฟังและแลกเปลี่ยนความรู้จากเวทีเสวนา "การประยุกต์ใช้งานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานใหม่ในภาคอุตสาหกรรม" 📅 วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม 2568 🕗 เวลา 09.30-16.00 น. 📍 ห้อง MR208CD ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 🆓 เข้าร่วมฟรี! (รับจำนวนจำกัด 120 ที่นั่ง) 📲 https://shorturl.at/zTR2z . อย่าพลาดโอกาสในการอัปเดตเทรนด์พลังงานและเทคโนโลยีแห่งอนาคต! แล้วพบกันนะคะ 💡🚗🌱
ปฏิทินกิจกรรม