หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.4 – ITAP สวทช. ร่วมกับ มจธ. นำ 4 ผู้ประกอบการนำเสนอนวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์เพื่อผู้สูงอายุ
  ITAP สวทช. ร่วมกับ มจธ. นำ 4 ผู้ประกอบการนำเสนอนวัตกรรม เฟอร์นิเจอร์เพื่อผู้สูงอายุในงาน Healthcare 2016   ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) นำ 4 ผู้ประกอบการในโครงการ “พัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์สำหรับผู้สูงอายุ” เสนอนวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์เพื่อผู้สูงอายุในงาน “Health Care 2016 สร้างสุขผู้สูงวัย” ซึ่งจัดขึ้นโดย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารสุข และองค์กรภาครัฐและเอกชน ระหว่างวันที่ 16 - 19 มิถุนายน 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประกอบด้วย เฟอร์นิเจอร์ตู้อเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุ เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง (outdoor) สำหรับผู้สูงอายุ อุปกรณ์กล่องข้าว สำหรับผู้สูงอายุ และเครื่องออกกำลัง กายสำหรับผู้สูงอายุ โดยทุกผลงาน ล้วนตอบโจทย์พฤติกรรมในแง่การใช้ งานของผู้สูงอายุ ด้วยการออกแบบ บนพื้นฐานข้อมูลที่ได้จากการศึกษาของ ABLE lab มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในเรื่องการศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการการใช้งานที่แท้จริงของผู้สูงอายุ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุที่นำมาแสดง ได้แก่ อุปกรณ์กล่องข้าวสำหรับผู้สูงอายุ โดย บริษัท ไบโอฟอร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ​ บริษัท ไบโอฟอร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความสำคัญกับการใช้วัดสุประเภท 100% Pure Bio-Plastic ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ร่วมทำการศึกษาถึงความต้องการและประสบการณ์ที่ผู้สูงอายุต้องการจาการใข้งานกล่องข้าว ซึ่งผลการศึกษาแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบของรูปแบบที่ส่งต่อการ Psychological Factor เป็นอย่างมาก อาทิ ความรู้สึกของการเป็นภาชนะเก็บอาหารมากกว่าการเป็นภาชนะสำหรับรับประทานอาหาร ซึ่งในปัจจบุันยังไม่มีผลิตภัณฑ์ในตลาดที่ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ การออกแบบกล่องข้าวที่สามารถเก็บอาหาร (Food Container) และพร้อมที่จะแปรสภาพเป็นภาชนะบนโต๊ะอาหาร (Tableware) ออกมา จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเติมเต็มความรู้สึกทางด้านจิตใจของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง อุปกรณ์ออกกำลังภายในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ โดย บริษัท มาราธอน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มาราธอน (ประเทศไทย) จำกัด และ ABLE lab ได้ร่วมมือในการศึกษาวิจัยถึงสาเหตุของความไม่มีประสิทธิภาพและความไม่ต่อเนื่องในการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ รวมถึงประยุกต์ผลการศึกษาดังกล่าวมาสู่การออกแบบนวัตกรรมของ Physical Interface ในรูปแบบใหม่ให้กับเครื่องออกกำลังกายที่  ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถเพลิดเพลินกับ content คู่ขนานกับการออกกำลังกาย แต่ในขณะเดียวกันระบบกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเส้นเอ็นของร่างกายจะทำการตอบสนองโดยอัตโนมัติต่อเครื่องออกกำลังกาย ทำให้การออกกำลังมีประสิทธิภาพถึงแม้ว่าผู้สูงอายุจะเพลิดเพลินอยู่กับ content รอบข้างในขณะใช้เครื่องออกกำลังกายก็ตาม เฟอร์นิเจอร์ตู้วางรองเท้าอเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุ โดย บริษัท แกรนด์ดิส จำกัด เนื่องด้วยปัญหาในเชิงสรีระและความสามารถทางด้านร่างกายที่ลดลง การสวมใส่รองเท้าจึงเป็นเรื่องยากลำบากของผู้สูงอายุ และที่สำคัญจากการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุหกล้มจากการยืนใส่รองเท้ามาก ทางบริษัท แกรนด์ดิส จำกัด และ ABLE lab จึงได้เล็งเห็นถึงโอกาสทางการออกแบบตู้เก็บรองเท้าอเนกประสงค์นี้ขึ้น โดยได้นำเสนอแนวทางการออกแบบหน้าบานตู้ในรูปแบบที่เปิดง่าย ใช้งานสะดวก รวมถึงเพิ่มเติมพื้นที่นั่งสำหรับใส่รองเท้าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุหกล้ม อีกทั้งยังใส่แนวคิดการใช้ตู้เก็บรองเท้าดังกล่าวเพื่อการตกแต่งพื้นที่บริเวณทางเข้าบ้านอีกด้วย เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง (outdoor) สำหรับผู้สูงอายุ โดย บริษัท อุตสาหกรรมดีสวัสดิ์ จำกัด โครงการพัฒนาสินค้าสำหรับผู้สูงอายุนั้น สามารถพัฒนารูปแบบได้หลากหลาย ซึ่งในปัจจุบันกำลังเป็นที่จับตามองของหลายประเทศ ซึ่งทาง บริษัท อุตสาหกรรมดีสวัสดิ์ จำกัด ได้มองว่าตลาดกลุ่มนี้เป็นตลาดที่มีความสำคัญจึงได้เข้าร่วมโครงการกับ ITAP เพื่อที่จะพัฒนาสินค้าให้ได้ชัดเจนขึ้น โดยเฟอร์นิเจอร์ของบริษัทเป็นเฟอร์นิเจอร์สนาม ซึ่งน่าจะเป็นการดีที่จะให้ผู้สูงอายุใช้เวลานอกบ้านมากขึ้น ซึ่งได้เพิ่มเติมสิ่งที่สำคัญลงไป อย่าง ชุด wa collection เป็นชุดที่ออกแบบมาเป็นชุดสนามที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักไม่มาก สามารถจัดวางและเคลื่อนย้ายได้สะดวก และยังมีทั้งแบบมีท้าวแขนและไม่ท้าวแขนในชุดเดียวกัน รวมทั้งมีที่วางเท้าซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเป็นโต๊ะกาแฟ หรือที่รองเท้าหรือแม้แต่ที่นั่งได้ ซึ่งน่าจะสะดวกกับการใช้สอยสำหรับผู้สูงอายุ และอีกชิ้นคือ เฟอร์นิเจอร์เก้าอี้ผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถช่วยในการขยับร่างกายเพื่อเคลื่อนย้ายไปที่โต๊ะง่ายขึ้น และยังมีชิ้นที่เป็นไม้สักสั้งหมดซึ่งสามารถใช้ใด้ทั้งภายนอกภายในและแม้แต่ในห้องน้ำ ผู้ประกอบการที่สนใจ เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ สำหรับปี 2559 - 2560 จำนวน 10 ราย รับใบสมัครฯ ได้ที่คณะทำงานโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช. คุณชนากานต์ สันตยานนท์ คุณวลัยรัตน์ จังเจริญจิตต์กุล และ คุณพนิตา ศรีประย่า โทรศัพท์ 02-564-7000 ต่อ 1381 หรืออีเมล chanaghan@nstda.or.th    
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.4 – สวทช. รับมอบเกียรติบัตรหน่วยงานผู้ใช้เสื้อผ้าลดโลกร้อน CoolMode
สวทช. รับมอบเกียรติบัตรหน่วยงานผู้ใช้เสื้อผ้าลดโลกร้อน CoolMode   17 มิ.ย. 59 ณ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยนางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. รับมอบเกียรติบัตร CoolMode (คูลโหมด) หรือเสื้อผ้าลดโลกร้อน ในฐานะหน่วยงานผู้ใช้เสื้อผ้า CoolMode จากโครงการส่งเสริมการพัฒนาเสื้อผ้าลดโลกร้อน ในพิธีมอบเกียรติบัตรและการสัมมนา “เสื้อผ้า CoolMode กับการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ” ซึ่งจัดขึ้นโดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ โดยมีคุณสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ดร.พงษ์วิภา หล่อสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และคุณเจนจบ สุขสด ผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพสิ่งแวดล้อมและห้องปฏิบัติการ กรมควบคุมมลพิษ ร่วมเป็นผู้มอบเกียรติบัตร พร้อมกับบริษัทผู้พัฒนาเสื้อผ้า และหน่วยงานผู้ใช้เสื้อผ้า CoolMode อีกหลายหน่วยงาน   ​
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.4 – สำนักงาน กสทช. ร่วมกับ สวทช. เผยผลสำรวจมูลค่าตลาดสื่อสารปี 59
สำนักงาน กสทช. ร่วมกับ สวทช. เผยผลสำรวจมูลค่าตลาดสื่อสารปี 59 ตลาดยังสดใส โต 11.5% ผลพวงจาก 4G และดิจิทัลอีโคโนมี 15 มิ.ย. 59 กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยผลสำรวจมูลค่าตลาดสื่อสารประจำปี 2558 และประมาณการปี 2559 พบว่า ตลาดสื่อสารปี 2559 มูลค่าเฉียด 6 แสนล้านบาท เติบโต 11.5% จากอานิสงส์ของ 4G และนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐ ดันการเข้าถึงบริการสื่อสารความเร็วสูง เพิ่มการใช้งานดาต้าเติบโต ขณะที่ตลาดอุปกรณ์โทรศัพท์ใช้สายดั้งเดิม (Conventional Handset) และโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Feature Phone ส่อแววหมดตลาด ด้านสภาวะเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้มูลค่าตลาดพลาดเป้า อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/22046-nstda ​
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.4 – กรมการข้าว ร่วมกับ สวทช.เปิดหมู่บ้านส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าว ณ ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง
กรมการข้าว ร่วมกับ สวทช.เปิดหมู่บ้านส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าว ณ ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง   13 มิถุนายน 2559 : กรมการข้าว ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โครงการหมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวปี 2559” ณ หมู่ที่ 6 ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งนับเป็นหมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแห่งที่ 21 และเป็นแห่งแรกในพื้นที่ภาคใต้ จากการดำเนินโครงการ "การส่งเสริมระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี" ที่เริ่มต้นตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ของศูนย์ข้าวชุมชน การอบรมผู้ตรวจประเมินคุณภาพแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ และการอบรมการตรวจวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวเบื้องต้น ทำให้สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี เพิ่มปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองให้เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร ส่งผลต่อข้าวไทยทุกเมล็ดให้มีคุณภาพสูงขึ้น เกิดอาชีพเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว และก่อเกิดธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ยั่งยืนต่อไป   ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี 60.21 ล้านไร่ และพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 13.12 ล้านไร่ ทำให้มีความต้องการเมล็ดพันธุ์เพื่อการเพาะปลูกปีละประมาณ 1.1 ล้านตัน ในอัตราเฉลี่ยที่ใช้เพาะปลูก 15 กิโลกรัมต่อไร่ โดยมีภาครัฐและผู้ประกอบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวได้ประมาณ 600,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็น 55% และชาวนาบางส่วนเก็บเมล็ดพันธุ์ เพื่อใช้ปลูกเองอีกประมาณ 300,000 ตัน หรือคิดเป็น 27% ทำให้ชาวนามีความต้องการซื้อหาเมล็ดพันธุ์ข้าวอีกประมาณ ปีละ 200,000 ตัน หรือคิดเป็น 18% ของเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2557 กรมการข้าว ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว คุณภาพดี เพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิกในหมู่บ้านผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ชมรมและสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และศูนย์ข้าวชุมชนให้สามารถเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง และกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เกษตรกรในพื้นที่ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมข้าว โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีความร่วมมือกับกรมการข้าวและมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการใช้เทคโนโลยีด้านจีโนมในการพัฒนาพันธุ์ข้าวนาน้ำฝนและนาชลประทานให้มีเสถียรภาพในการให้ผลผลิต โดยเพิ่มความต้านทานโรคและแมลงที่สำคัญ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต โดยร่วมกับกรมการข้าว อาทิ การใช้เทคโนโลยีไอทีหรือพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาคเกษตร เช่น การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการเกษตรไทยแบบพกพา หรือ TAMIS เพื่อช่วยในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและการตรวจประเมินคุณภาพข้าวไทย สำหรับใช้ติดตามผลการปลูก ประมาณการช่วงเวลาผลผลิตที่พร้อมเก็บเกี่ยว การบูรณาการข้อมูลและสร้างแบบจำลองการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านการเกษตร จะช่วยสนับสนุนการทำโซนนิ่งภาคการเกษตรให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยการบูรณาการข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินในการเพาะปลูก ข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์ด้านราคา แหล่งรับซื้อ มีการสร้างโมเดลที่ช่วยในการกำหนดพื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อทดแทนพื้นที่ปลูกข้าวบริเวณที่ดินไม่เหมาะสมต่อการปลูกข้าวและขาดทุนอยู่ในปัจจุบัน และเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ Agri-Map แผนที่บริหารจัดการเชิงรุกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การพัฒนาโปรแกรมตรวจวัดสีใบข้าว แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนสำหรับคำนวณหาปริมาณปุ๋ยไนโตรเจนและโพแทสเซียมที่เหมาะกับความต้องการของต้นข้าว โปรแกรมการคำนวณการผสมปุ๋ยเคมีให้ได้ปุ๋ยผสมตามสูตรที่มีธาตุอาหารหลัก N, P, K ที่ต้องการ การพัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตในภาคเกษตร เช่น เครื่องสีข้าวชุมชน การพัฒนาสารชีวภัณฑ์เพื่อควบคุมโรคและแมลงศัตรู เพื่อการผลิตที่ปลอดภัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เป็นต้น   สำหรับปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี เนื่องจากขาดความเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต และผู้จำหน่าย รวมถึงความนิยมในการเลือกใช้พันธุ์ข้าวของเกษตรกรที่มีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกปี ตลอดจนระบบการควบคุมคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวในแปลง และการตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์เบื้องต้น ยังขาดผู้เชี่ยวชาญ จำเป็นต้องสร้างผู้ตรวจแปลงและผู้ตรวจวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอต่อความต้องการ สวทช. เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้สนับสนุนงบประมาณให้กรมการข้าวดำเนินการ 4 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 การเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ของศูนย์ข้าวชุมชน จำนวน 60 แห่ง  กิจกรรมที่ 2 การอบรมผู้ตรวจประเมินคุณภาพแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์จำนวน 130 คน กิจกรรมที่ 3 การอบรมการตรวจวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวเบื้องต้น จำนวน 70 คน  กิจกรรมที่ 4 การจัดตั้งหมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว 1 แห่ง  นอกจากนี้ สวทช. ที่สนับสนุนเครื่องคัดและทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ข้าว และเครื่องมือและอุปกรณ์ในการวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์ ทำให้เกิดการจัดตั้งหมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ในวันนี้ หมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว จ.พัทลุง มีเกษตรกร จำนวน 50 ราย พื้นที่การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว 500 ไร่ โดยมีแผนการผลิตเมล็ดพันธุ์ พันธุ์ กข49 ชัยนาท 1 และพันธุ์ปทุมธานี 1 จำนวน 250 ตัน เพื่อกระจายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ จ.พัทลุง และพื้นที่ใกล้เคียงต่อไป     ​  
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.4 – สวทช. – สสส. และภาคีเครือข่าย หนุนเวที “นวัตกรรมสร้างสรรค์สังคม
สวทช. - สสส. และภาคีเครือข่าย หนุนเวที “นวัตกรรมสร้างสรรค์สังคม 4 ทีม คว้าทุนกว่าครึ่งล้าน! ต่อยอดนวัตกรรม ใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาสังคม 9 มิถุนายน 2559: ที่ห้องประชุมสังเวียน อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย - เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (Software Park Thailand) หรือซอฟต์แวร์พาร์ค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย จัดพิธีมอบทุนให้กับผู้เข้าร่วม ็โครงการบ่มเพาะนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์สังคม : Active Citizen : Geek so Goodิ โดยมี นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้อำนวยการซอฟต์แวร์พาร์ค นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการซอฟต์แวร์พาร์ค และ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักงานสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าร่วมพิธี พร้อมทั้งผู้เข้าร่วมโครงการฯ จาก 14 ทีมทั่วประเทศร่วมนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อรับทุนสนับสนุนมูลค่ารวมกว่า 5 แสนบาท สำหรับนำไปพัฒนาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริงเพื่อแก้ปัญหาในสังคมต่อไป     โดยภายหลังมีการนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการครบทั้ง 14 ทีม แล้ว ผลปรากฎว่า 4 ทีมที่ได้รับทุนเพื่อต่อยอดนวัตกรรมสู่การนำไปใช้จริง ได้แก่ 1. ผลงาน “เว็บไซต์แนะนำการหางานสำหรับผู้พิการ” ของทีม Enabled จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างแพลตฟอร์มที่เป็นศูนย์กลางช่วยหางานสำหรับผู้พิการ ให้ตรงกับความต้องการของผู้พิการและผู้จ้างงาน เพื่อพัฒนาคนพิการสู้ตลาดสากล 2. ผลงาน “เครื่อง ขอ.ขวด” เปลี่ยนขวดเป็นเงิน เพื่อเด็กกำพร้าและยากไร้ ของทีม CSMJU78 จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แพลตฟอร์มเพื่อสังคมด้วยการเปลี่ยนขยะขวดพลาสติกเป็นเงินด้วยเครื่อง “ขอขวด” เพื่อให้ประชาชนที่บริจาคขวดสามารถสะสมแต้มรับสินค้า รายได้ส่วนหนึ่งหักให้กับมูลนิธิแสงไทยดรุณเพื่อเด็กกำพร้ายากไร้ 3. ผลงาน “วัคซีน พ็อกเก็ต” (Vaccine Pocket) ของทีม Prime Soft จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย แอปพลิเคชันบันทึกการรับวัคซีนสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี สำรองข้อมูลบนระบบคลาวด์ โดยสามารถแจ้งเตือนเมื่อครบกำหนดรับวัคซีนครั้งต่อไป 4. ผลงาน “Light Life” ของทีม You light up! my life จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น แอปพลิเคชันสำหรับป้องกันและช่วยเหลือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการพยายามทำร้าย ตนเอง พร้อมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตนให้พ้นจากภาวะเสี่ยง บทความให้กำลังใจ รวมถึงสายด่วนสุขภาพจิตที่สามารถติดต่อขอรับการช่วยเหลือได้  นอกจากนั้นแล้ว ยังได้มีการมอบทุน ให้กับทั้ง 14 ทีมที่เข้าร่วมนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการในครั้งนี้ เพื่อนำไปเป็นทุนในการพัฒนานวัตกรรมต้นแบบ รวมมูลค่าทุนทั้งสิ้นกว่า 5 แสนบาทด้วย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/visit-km/22043-geek-so-good
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.4 – สวทช. ก.วิทย์ ร่วมกับ STS Forum และ JETRO จัดงานสัมมนาระดับภูมิภาค
สวทช. ก.วิทย์ ร่วมกับ STS Forum และ JETRO จัดงานสัมมนาระดับภูมิภาค “ASEAN – Japan Workshop in Thailand : Innovation, Science, and Technology for Sustainable Development” 9 มิถุนายน 2559 – โรงแรมดุสิตธานี : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ Science and Technology in Society forum (STS forum) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) จัดงานสัมมนาระดับภูมิภาค “ASEAN – Japan Workshop in Thailand: Innovation, Science, and Technology for Sustainable Development” เพื่อเป็นเวทีผนึกกำลังด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างมิติใหม่ของเวทีระดมความคิดนับแต่ก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อันจะเป็นกลไกเสริมในการริเริ่ม หารือ และสร้างเครือข่ายแก้ไขปัญหาใหม่ๆ อันเป็นผลพวงจากการใช้งานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นการสานต่อความสำเร็จจากการจัดสัมมนาระดับภูมิภาค 2 ครั้งที่ผ่านมาที่สิงคโปร์ และมาเลเซีย ในปี 2014 และ 2015 ตามลำดับ การสัมมนาที่กรุงเทพครั้งนี้นับเป็นการสัมมนาภายนอกญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 3  โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากกลุ่มประเทศอาเซียนและญี่ปุ่นเข้าร่วมสัมมนาและ ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความร่วมมือทางด้านนวัตกรรมที่จะเชื่อมโยง ระหว่างกลุ่ม SMEs และบริษัทระดับโลก (Global Company) ในการเข้าสู่ AEC และการพัฒนากำลังคนเพื่อยกระดับความร่วมมือและการแข่งขันด้วยการใช้นวัตกรรม ระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนและญี่ปุ่น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.nstda.or.th/news/22042-nstda      
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.4 – สวทช. มอบต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง แก่ กฟผ.
สวทช. มอบต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง แก่ กฟผ. เพื่อพัฒนาต่อยอดยานยนต์ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 3 มิถุนายน 2559 ณ สำนักงานกลาง กฟผ. บางกรวย นนทบุรี - ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ส่งมอบต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าจากการดัดแปลงรถยนต์ใช้แล้ว จำนวน 1 คัน โดยมีนายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปใช้งาน และจะเก็บผลทดสอบสำหรับนำไปปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ย้ำความสำเร็จครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดมลภาวะ และสร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศต่อไป ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า "ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล โดยได้รับการบรรจุในอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค โดยเมื่อปี พ.ศ. 2553 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้มีแนวคิดริเริ่มในการพัฒนารถยนต์นั่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนั้นยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย แต่ด้วยเล็งเห็นถึงบทบาทของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่น่าจะก้าวเข้ามาในอนาคต จึงได้ร่วมสนับสนุนทุนวิจัยแก่ สวทช. และ สวทช. สมทบอีกส่วนหนึ่ง เพื่อดำเนินการวิจัยพัฒนาดัดแปลง และออกแบบชิ้นส่วนภายในรถยนต์จากเครื่องยนต์สันดาป เป็นรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 2 คัน" "สวทช. ได้ดำเนินการพัฒนาและดัดแปลงชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ อาทิ มอเตอร์และไดร์ฟ การวางแบตเตอรี่พร้อมระบบระบายอากาศ ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ Inverter การออกแบบอีซียู ระบบ Drive by wire การดัดแปลงตัวถังและการจัดวางอุปกรณ์ และติดตั้งอุปกรณ์ติดตามเก็บข้อมูล จนกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบและสามารถใช้ในการขับเคลื่อนได้จริง รวมทั้งดำเนินการจดทะเบียนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในวันนี้จึงได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวให้แก่ กฟผ. เพื่อนำไปใช้งาน และจะได้นำผลการทดสอบเก็บข้อมูลมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต ต่อไป โดยผมเชื่อมั่นว่า ความสำเร็จจากความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศในการสร้างและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักวิจัยไทยที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะกระตุ้นการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยลดมลภาวะ และสร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศต่อไป" ​
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.3 – ปฏิทินกิจกรรม
สัมมนาเชิงปฏิบัติการ : เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปพลาสติก (Plastic Injection Technology) จัดโดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2559 สถานที่จัด ห้องประชุม M-120 อาคารเอ็มเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี วัตถุประสงค์   ทำให้ทราบถึงหลักการและกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกโดยการฉีดขึ้นรูป สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานจริงได้ หัวข้อบรรยาย   1. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวัสดุพลาสติก (Fundamental of Plastic Materials) 2. ข้อกำหนดของวัสดุและมาตรฐานวิธีการทดสอบ (Materials Classification and Its Standard Test Method) ทางด้านคุณสมบัติเชิงกล (Mechanical Properties) คุณสมบัติทางฟิสิกส์ (Physical Properties) คุณสมบัติทางความร้อน (Thermal Properties) และคุณสมบัติการไหล (Flow Properties) และความสัมพันธ์กับกระบวนการฉีดขึ้นรูปพลาสติก 3. กระบวนการฉีดขึ้นรูปพลาสติก (Injection Molding Process: Setup and Guideline) กลุ่มเป้าหมาย : อุตสาหกรรมพลาสติกและชิ้นส่วน อัตราค่าลงทะเบียน  4,800 บาท (รวมค่าอาหารว่าง อาหารกลางวัน เอกสารประกอบการอบรม และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้ว) จำนวนรับสมัคร ไม่เกิน  25 ท่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานพัฒนากำลังคนด้านวัสดุศาสตร์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4680 (นายพีระพงษ์ พิณวานิช) E-mail : peerapp@mtec.or.th อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ https://www.mtec.or.th/mtec-training-seminar/mtec-news-calendar/6945-plastic-injection-technology    การสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง การวิเคราะห์ความเสียหายงานโลหะ จัดโดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วันที่  11 - 16 กรกฎาคม 2559 สถานที่จัด  ห้องเจด บอลรูม โรงแรมการ์เด้น คลิฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา จ.ชลบุรี  ค่าลงทะเบียน บุคคลทั่วไป     30,000 บาท /ท่าน สมาชิกสมาคมการกัดกร่อนโลหะและวัสดุไทย     27,000 บาท /ท่าน สมาชิกสมาคมการสึกหรอและการหลื่อลื่นไทย     27,000 บาท /ท่าน **สนใจสมัครสมาชิกสมาคมฯ เพื่อใช้สิทธิ์ส่วนลดหลักสูตรนี้ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://www.tcma.or.th **สนใจสมัครสมาชิกสมาคมฯ เพื่อใช้สิทธิ์ส่วนลดหลักสูตรนี้ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://tta.or.th   จำนวนรับสมัคร 30 ท่าน สมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานพัฒนากำลังคนด้านวัสดุศาสตร์ (คุณพลธร เวณุนันท์ / คุณอัครพล สร้อยสังวาลย์) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ โทรศัพท์ 025646500 ต่อ 4677, 4679 โทรสาร 0 2564 6505 E-mail : ponlathw@mtec.or.th อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mtec.or.th/mtec-training-seminar/mtec-news-calendar/6935-workshop-on-metallurgical-failure-analysis การประชุมวิชาการ เรื่อง “การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 3 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการ เครือข่ายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จ.น่าน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา จ.น่าน จัดการประชุมวิชาการ เรื่อง “การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 3 “Biological and Cultural Diversity: Living in Harmonies” วันที่ 15 - 17 มิถุนายน 2559 ณ โรงแรม ดิ อิมเพรส น่าน จ.น่าน เพื่อเป็นเวทีให้นักวิจัย นักวิชาการ และนักศึกษาด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือในการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป http://www.nstdaacademy.com/webnsa/index.php/integratedhrd/biod2016-1
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.3 – บทความ ผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ไทย คว้ารางวัลในเวทีนานาชาติ
ผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ไทย คว้ารางวัลในเวทีนานาชาติ เครื่องตรวจวัด อะฟลาทอกซินแบบรวดเร็วขนาดพกพา “ARDA AflaSensor Plus” และชุดตรวจ “Fruit Blotch Easy Kits” ที่ใช้ตรวจวินิจฉัยโรคผลเน่าแบคทีเรียในพืชตระกูลแตงที่เกิดจากเชื้อ Acidovorax citrulli ได้รับรางวัลจากการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ในงาน The 44th International Exhibition of Geneva ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดย “ARDA AflaSensor Plus” ได้รับรางวัลเหรียญทอง และรางวัลพิเศษ (Special Prize) จาก Korea Invention Promotion Association ส่วน “Fruit Blotch Easy Kits” ได้รับรางวัลเหรียญเงินและรางวัลพิเศษ (Special Prize) จาก Taiwan Invention Association ARDA AflaSensor Plus เป็นชุดตรวจอะฟลาทอกซินเครื่องแรกในโลกที่ใช้เทคนิคการตรวจวัดแบบปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าของขั้วไฟฟ้าเคมีที่มีนวัตกรรมเซ็นเซอร์เป็นขั้วไฟฟ้ากราฟิน (Graphene-Base Strip) ที่สร้างโดยเทคโนโลยีการพิมพ์ (Printing Technology) ทำให้ได้เครื่องตรวจวัดสำหรับการตรวจคัดกรองสารปนเปื้อนอะฟลาทอกซินในผลิตผลทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารสัตว์ โดยกระแสไฟฟ้าที่วัดได้จากปฏิกิริยาเคมีจะถูกคำนวณเป็นความเข้มข้นของดีเอ็นเอของเชื้อราในหลอดทดลอง ในกรณีที่ใช้น้ำยาแลมป์ หรือคำนวณเป็นปริมาณสารอะฟลาทอกซินในกรณีใช้แอนติบอดี และแสดงผลผ่านจอบนตัวเครื่อง นอกจากนี้ยังอ่านค่าปริมาณอะฟลาทอกซินในหน่วยพีพีบี โดยให้ผลการตรวจวัดที่มีประสิทธิภาพ แม่นยำ รวดเร็ว อีกทั้งยังมีขนาดเล็กพกพาสะดวกและมีต้นทุนการผลิตต่ำ ทั้งนี้ เครื่องตรวจวัด “ARDA AflaSensor Plus” เป็นผลงานรุ่นที่สองที่พัฒนาต่อยอดจากผลงานเครื่องวัด “AflaSense” ในสองส่วน คือ ส่วนของตัวเครื่องอ่านค่าที่มีการพัฒนาปรับปรุงแผงควบคุมวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และโปรแกรมวิเคราะห์ผลของเครื่องที่ง่ายต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรม และส่วนของน้ำยาเคมีที่พัฒนาให้มีความหลากหลายทั้งน้ำยาแลมป์ หรือแอนติบอดี ในรูปแบบพร้อมใช้งานที่รวดเร็วและราคาถูก ปัจจุบันผลงานสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการผลิตเครื่องตรวจวัด จำนวน 50 เครื่อง เพื่อส่งมอบให้บริษัทเอกชนนำไปทดลองใช้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ARDA AflaSensor Plus เป็นผลงานความร่วมมือระหว่างคณะนักวิจัยเนคเทค สวทช. ได้แก่ ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ คุณวัฒณสิทธิ์ พิมเพา คุณอัศวพงษ์ ทรัพย์พัฒน์ คุณจันทร์เพ็ญ ครุวรรณ์ คุณภาติยา ภาสกนธ์ และคณะนักวิจัยไบโอเทค สวทช. ได้แก่ คุณวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย และคุณจันทนา คำภีระ จากห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพและการตรวจวัด หน่วยวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยทางชีวภาพ สำหรับ “Fruit Blotch Easy Kits” หรือ ชุดตรวจวินิจฉัยโรคผลเน่าแบคทีเรียในพืชตระกูลแตงที่เกิดจากเชื้อ Acidovorax citrulli ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรครุนแรงและเป็นเชื้อกักกันที่หลายประเทศ บังคับให้ตรวจก่อนนำเมล็ดพันธุ์ของพืชตระกูลแตงเข้าประเทศ โดยคณะนักวิจัยได้พัฒนาชุดตรวจออกมาใน 2 รูปแบบ คือ Monoclonal antibody captured-sandwich enzyme-linked immunosorbent assay (MC-sELISA) และชุดตรวจแบบรวดเร็วในรูปแบบ immunochromatographic strip test โดยชุดตรวจนี้มีความจำเพาะเจาะจงสูงต่อเชื้อแบคทีเรีย A. citrulli สามารถตรวจสอบเชื้อ A. citrulli ได้ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ที่ทำการทดสอบ โดยไม่ทำปฏิกิริยาข้ามกับเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น สามารถตรวจวินิจฉัยทั้งในตัวอย่างต้นอ่อน ใบ และเปลือกของผล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีราคาถูกกว่าชุดตรวจที่มีจำหน่ายที่นำเข้าจากต่างประเทศ วิธีการที่พัฒนาขึ้นนี้มีศักยภาพที่จะนำไปใช้ในการศึกษาด้านการระบาดวิทยาของโรคในแปลงปลูก เพื่อช่วยในการจัดการควบคุมโรค และการตรวจรับรองการปลอดเชื้อของเมล็ดพันธุ์ ทั้งนี้ชุดตรวจ “Fruit Blotch Easy Kits” ได้มีการนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงสาธารณประโยชน์แล้ว โดยมีการจำหน่ายแอนติบอดีและชุดตรวจให้แก่ หน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเมล็ดพันธุ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการอนุญาตให้สิทธิกับบริษัททางด้านการเกษตรภายในประเทศเพื่อผลิต และจำหน่ายชุดตรวจดังกล่าว Fruit Blotch Easy Kits เป็นความร่วมมือระหว่างคณะนักวิจัยไบโอเทค ประกอบด้วย ดร.อรวรรณ หิมานันโต ดร.อรประไพ คชนันทน์ คุณมัลลิกา กำภูศิริ และดร.เพลินพิศ ลักษณะนิล ร่วมกับ รศ.ดร.เพชรรัตน์ ธรรมเบญจพล จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.ดร.วิชัย โฆสิตรัตน ผศ.ดร.รัชนี ฮงประยูร จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคุณสุรภี กีรติยะอังกูร จากสำนักวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพกรมวิชาการเกษตร งานนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติเจนีวาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน 2559 โดยการสนับสนุนของรัฐบาลสมาพันธรัฐสวิส (The Swiss Federal Government of the State, the City of Geneva) และองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (The World Intellectual Property Organization : WIPO) เป็นงานแสดงผลงานจากนักประดิษฐ์ทั่วโลก ซึ่งมีการจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์มากกว่า 1,000 ชิ้น มีผู้จัดแสดง 695 หน่วยงาน จาก 40 ประเทศทั่วโลก
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 2 ฉบับที่ 3 ประจำเดือน มิถุนายน 2559 (ฉบับที่ 15)
ข่าว ไทย - เกาหลี เปิดความร่วมมือขับเคลื่อนนิคมนวัตกรรม ก.การคลัง จับมือ ก.วิทย์ กระตุ้นการลงทุน ยกเว้นภาษีในธุรกิจเทคโนโลยี โครงการ Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต 4 องค์กร สานพลัง “เครือข่ายนวัตกรรมยางพารา” ไบโอเทค สวทช. เปิดตัวผู้อำนวยการคนใหม่ สวทช. ร่วมกับ สภาหอการค้าฯ 17 เอสเอ็มอีผักและผลไม้ไทย ในงาน THAIFEX2016 ก.วิทย์ สวทช. และออโต้เดสก์ ร่วมกันขยายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการผลิตดิจิทัล 35 หน่วยงานสานพลังประชารัฐเปิดเมืองนวัตกรรมอาหาร สวทช. ผนึกกำลัง กรมอุทยานแห่งชาติฯ ม.สงขลานครินทร์ และ จ.ตรัง ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลหาดหยงหลำและเกาะมุก   บทความ ผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ไทย คว้ารางวัลในเวทีนานาชาติ   ปฏิทินกิจกรรม สัมมนาเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปพลาสติก (Plastic Injection Technology) การสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง การวิเคราะห์ความเสียหายงานโลหะ การประชุมวิชาการ เรื่อง “การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 3    Download เอกสารฉบับเต็ม [16.5 MB] .
จดหมายข่าว สวทช.
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.3 – สวทช. ผนึกกำลัง กรมอุทยานแห่งชาติฯ ม.สงขลานครินทร์ และ จ.ตรัง ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟื้นฟู
สวทช. ผนึกกำลัง กรมอุทยานแห่งชาติฯ ม.สงขลานครินทร์ และ จ.ตรัง ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟื้นฟู ปกป้อง และจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลหาดหยงหลำ และเกาะมุก อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง​ ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) โดยอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และจังหวัดตรัง จัดพิธีลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนา “โครงการบูรณาการทางวิชาการเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน บริเวณหาดหยงหลำและเกาะมุก อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม” เพื่อหาแนวทางการพัฒนาการวิจัยและการบริหารจัดการในพื้นที่หาดหยงหลำ เกาะมุก อุทยานแห่งชาติเจ้าไหม จังหวัดตรัง โดยมีเป้าหมายในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเล บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ด้วยการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญคือ หญ้าทะเล และสัตว์ป่าสงวนพะยูน รวมทั้งสัตว์หน้าดินต่างๆ เพื่อให้โครงสร้างทรัพยากรธรรมชาติคงไว้ซึ่งความสมดุล เกิดการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรชายฝั่งทะเลได้เหมาะสมเข้ากับบริบทของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม คาดว่าการลงนามครั้งนี้จะนำมาซึ่งแนวทางการจัดการอนุรักษ์และฟื้นฟูหญ้าทะเล พะยูน และการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเล ตลอดจนส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนทั้งปัจจุบันและในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) โดยอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และจังหวัดตรัง จัดพิธีลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนา “โครงการบูรณาการทางวิชาการเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน บริเวณหาดหยงหลำและเกาะมุก อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม” เพื่อหาแนวทางการพัฒนาการวิจัยและการบริหารจัดการในพื้นที่หาดหยงหลำ เกาะมุก อุทยานแห่งชาติเจ้าไหม จังหวัดตรัง โดยมีเป้าหมายในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเล บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ด้วยการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญคือ หญ้าทะเล และสัตว์ป่าสงวนพะยูน รวมทั้งสัตว์หน้าดินต่างๆ เพื่อให้โครงสร้างทรัพยากรธรรมชาติคงไว้ซึ่งความสมดุล เกิดการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรชายฝั่งทะเลได้เหมาะสมเข้ากับบริบทของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม คาดว่าการลงนามครั้งนี้จะนำมาซึ่งแนวทางการจัดการอนุรักษ์และฟื้นฟูหญ้าทะเล พะยูน และการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเล ตลอดจนส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนทั้งปัจจุบันและในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “โครงการบูรณาการทางวิชาการเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน บริเวณหาดหยงหลำและเกาะมุก อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มีเป้าหมายเพื่อใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมในลักษณะองค์รวม มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญ (แหล่งหญ้าทะเลผืนใหญ่ที่สุด) และสัตว์ป่าสงวน (พะยูนฝูงใหญ่ที่สุด) รวมทั้งสัตว์หน้าดิน (ปลิงทะเล ม้าน้ำ หอยตะเภา หอยมือเสือ) เพื่อให้โครงสร้างของทรัพยากรธรรมชาติมีความสมดุลและมีการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรชายฝั่งทะเลให้เหมาะสมกับความต้องการของอุทยานฯ อย่างยั่งยืนกับบริบทของชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว มีระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2559-2563) นอกจาก 4 หน่วยงานหลักที่ลงนามร่วมกันเพื่อทำงานในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ยังได้รับร่วมมือจากมหาวิทยาลัยพันธมิตร ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เพื่อร่วมกันนำเทคโนโลยีและวิธีการวิจัยใหม่ๆ มาใช้ในการวิจัยพื้นที่ทั้งในมิติของการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์จากชุมชน ซึ่งผลจากความร่วมมือครั้งนี้ คาดว่าจะได้แนวทางการจัดการอนุรักษ์และฟื้นฟูหญ้าทะเล พะยูน รวมทั้งการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเล ตลอดจนส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน” อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.nstda.or.th/news/22014-2016-05-27-05-35-52
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.3 – 35 หน่วยงานสานพลังประชารัฐเปิดเมืองนวัตกรรมอาหาร
35 หน่วยงานสานพลังประชารัฐเปิดเมืองนวัตกรรมอาหาร​ กระทรวงวิทย์ฯ เร่งสปีดเต็มสูบเมืองนวัตกรรมอาหาร รวมพลังครั้งประวัติศาสตร์ ผนึก 9 หน่วยงานรัฐ 13 บริษัทเอกชน 12 มหาวิทยาลัย และ 1 สมาคม ปักธงเป็นรูปธรรมกลางปีนี้ พร้อมขยายปีกสู่ภูมิภาคในอนาคตอันใกล้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะได้รับมอบหมายเป็นเจ้าภาพหลักในการเดินหน้าโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ ฟู๊ดอินโนโพลิส (Food Innopolis) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยให้ประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สถาบันอาหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดหาสิทธิประโยชน์และสิ่งจูงใจ รวมทั้งมาตรการต่างๆ มาสนับสนุน เพื่อดึงดูดบริษัทอาหารชั้นนำของโลกมาลงทุนนวัตกรรมอาหารในประเทศไทย และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรวมถึงนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร โดยได้มีการลงนามความร่วมมือดังกล่าว ณ สำนักงานประสานงานเมืองนวัตกรรมอาหาร อาคารอุทยานนวัตกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2559   ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ฟู๊ดอินโนโพลิสวางเป้าหมายในการสร้างนวัตกรรมด้านอาหารที่สอดคล้องกับแนวโน้มและทิศทางของตลาดอุตสาหกรรมอาหารโลก ซึ่งครอบคลุมถึงอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารฟังก์ชั่น เช่น อาหารฟังก์ชั่นและโภชนเภสัชภัณฑ์ สารปรุงแต่งอาหารและสารสกัดทางโภชนาการ ผลิตภัณฑ์ไขมันและน้ำมันเพื่อสุขภาพ ฯลฯ อาหารพิเศษเฉพาะกลุ่ม เช่น อาหารฮาลาล อาหารโคเชอร์ อาหารสำหรับผู้ป่วย/ผู้สูงอายุ ฯลฯ ผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อาหารทะเลและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคุณภาพสูงเพื่อเป็นวัตถุดิบอาหาร ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้คุณภาพสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ออร์กานิก ฯลฯ และกิจการสนับสนุนนวัตกรรมอาหารอย่างครบวงจร เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ การออกแบบและการพิมพ์ บริการที่ปรึกษานวัตกรรม ฯลฯ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กล่าวต่อว่า ความร่วมมือระหว่าง 3 ภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารในครั้งนี้ ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของการทำงานในรูปแบบที่อาศัยกลไกประชารัฐ ตามแนวทางของรัฐบาล และถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีการจับมือกันระหว่างเอกชน รัฐ และสถาบันการศึกษาเพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ ซึ่งหลังจากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้คาดว่าจะเกิดความร่วมมือที่เป็น รูปธรรมที่ชัดเจนขึ้นระหว่างหน่วยงานที่ร่วมลงนาม เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของเมืองนวัตกรรมอาหารให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ นอกจากนี้ยังมีการหารือเพื่อความร่วมมือกับบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศซึ่งจะมีการลงนามในโอกาสต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.nstda.or.th/news/22013-nstda-mou
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย