หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – บทความ ไทยเตรียมลดการใช้สัตว์ทดลองทางวิทยาศาสตร์
ไทยเตรียมลดการใช้สัตว์ทดลองทางวิทยาศาสตร์ ก.วิทย์ เตรียมใช้วิธีทางเลือกอื่น ทดแทนการใช้สัตว์ทดลองในประเทศไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ในแต่ละปี ประเทศไทยมีการใช้สัตว์เพื่อการทดลองในทางวิทยาศาสตร์อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในสาขาด้านการแพทย์ ยา และเครื่องสำอาง ซึ่งแนวโน้มของกระแสโลกจะมีการต่อต้านการใช้สัตว์ทดลองมากขึ้น และนำมาซึ่งการกีดกันทางการค้าได้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงมีนโยบายที่จะลดการใช้สัตว์ทดลองและใช้วิธีการทางเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้แทน เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ได้เป็นประธานแถลงข่าว “ความร่วมมือการทดสอบความปลอดภัยของยาและเครื่องสำอางโดยลดการใช้สัตว์ทดลอง พร้อมทั้งเยี่ยมชมโรงงานผลิตเครื่องสำอาง (ต้นแบบ) ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบทางนาโนเทคโนโลยีขั้นสูง และหน่วยปฏิบัติการผลิต ผลิตภัณฑ์เพื่อเซลล์และยีนบำบัด ” ภายใต้ความร่วมมือ ของ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. หน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมี ดร. นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ ดร. ลักษมี ปลั่งแสงมาศ ผู้ว่าการ วว. และ ศ. นพ. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทค สวทช. ร่วมแถลงข่าว ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และส่งออกผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิว (skin care) สูงสุดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก อีกทั้งยังเป็นประเทศผู้ผลิตเครื่องสำอางเป็นอันดับที่ 17  มูลค่าทางการตลาดด้านเครื่องสำอางคิดเป็น 2 แสนห้าหมื่นล้านบาท และมีมูลค่าการส่งออก 1 แสนล้านบาท ด้วยอัตราการเจริญเติบโตมากถึง 8 – 10% ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเครื่องสำอางของประเทศไทย สามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออก และให้สามารถส่งออกไปขายยังกลุ่มสหภาพยุโรป รวมถึงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศอิสราเอล ที่มีการประกาศยกเลิกการใช้สัตว์ทดลองสำหรับการทดสอบองค์ประกอบและผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางและการขายหรือการนำเข้า ดังนั้น หน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ทั้ง 3 หน่วยงาน จึงผนึกกำลังเพื่อสร้างความร่วมมือการทดสอบความปลอดภัยของยาและเครื่องสำอาง โดยลดการใช้สัตว์ทดลอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในการนำเข้าและ ส่งออกเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานสากล หลังจากที่อียู (EU) ต้องการให้ทดแทน (Replacement) การใช้สัตว์ทดลองเป็นเป้าหมายหลัก  หากทดแทนไม่ได้ก็ให้ลดจำนวนการใช้ลง (Reduction) และต้องปฏิบัติต่อสัตว์ทดลองอย่างนุ่มนวลและไม่ทรมาน (Refinement) ให้มากที่สุด ทั้งนี้ในอนาคตผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง จะใช้บริการต่างๆ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการส่งออกและเป็นที่ยอมรับกับมาตรฐานเดียวกันกับอียู และเป็นการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมได้อย่างยั่งยืนและเข้มแข็งมากขึ้น ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (TCELS) กล่าวว่า ประเทศไทยได้ลงนามในข้อตกลง Agreement on ASEAN Harmonized Cosmetic Regulatory Scheme (AHCRS) และได้จัดทำบทบัญญัติเครื่องสำอางแห่งอาเซียน ซึ่งกำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องควบคุมกำกับดูแลให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายต้องเป็นไปตามข้อตกลง ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเครื่องสำอางของประเทศไทยสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออก และให้สามารถส่งออกไปขายยังกลุ่มสหภาพยุโรป รวมถึงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ที่มีการประกาศยกเลิกการใช้สัตว์ทดลอง และเพื่อให้ประเทศไทยเกิดความพร้อมและดำเนินการให้สอดคล้องกับ ASEAN Cosmetics Directive ตลอดจนให้เกิดการผลักดันสร้างความตระหนัก และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาวิธีทางเลือกอื่นที่ไม่ใช้สัตว์ทดลอง (alternative methods) สำหรับการทดสอบความปลอดภัยและความเป็นพิษ ประกอบกับได้มีการหารือความร่วมมือกับบริษัท EPISKIN ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ดังนั้น TCELS จึงหารือความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นหน่วยงานให้บริการทดสอบทางพิษวิทยา และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. เป็นหน่วยงานให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางด้านนาโนเทคโนโลยี รวมทั้งการวิเคราะห์ทดสอบทางด้านนาโนเทคโนโลยี  ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงาน ได้พิจารณาถึงการใช้วิธีทดสอบมาตรฐานสากล และมีการใช้วิธีทางเลือก (alternative tests) โดยใช้เซลล์และแบบจำลองสามมิติของผิวหนังชั้นนอก ที่อ้างอิงตามมาตรฐานสากลของ OECD Guidelines ด้วย และความร่วมมือในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการผลักดันและสร้างความตระหนักใน เรื่องการทดสอบความปลอดภัยและความเป็นพิษต่อผิวหนังโดยวิธีทางเลือกอื่นที่ไม่ใช้สัตว์ทดลองให้เกิดในประเทศไทย โดยในปี 2559 จะมีการจัดประชุมวิชาการ The 1st Thailand Meeting on Alternatives to Animal Testing ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ Part 1: New Paradigm and Alternative Methods in Skin Irritation Testing ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 Close Session Workshop "Alternative Methods with Training on Skin Irritation Test According to OECD TG439" ระหว่างวันที่ 13 – 14 กรกฎาคม 2559 และ Part II: Understanding and Acceptance of Alternative Methods ระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคม 2559 ทั้งนี้ในระยะยาวมีเป้าหมายในอนาคตให้เกิดผลิตภัณฑ์ชุดทดสอบหรือการให้บริการการทดสอบความปลอดภัยและความเป็นพิษ ใช้วิธีทางเลือก (alternative tests) ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอาง ศ. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางด้านนาโนเทคโนโลยี รวมทั้งการวิเคราะห์ทดสอบทางด้านนาโนเทคโนโลยี ซึ่งป็นหน่วยงานที่ได้นำวิธีทางเลือกทดแทนการใช้สัตว์ทดลองด้วยระบบสิ่งไม่มีชีวิต (in vitro) เช่น การใช้เซลล์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสังเคราะห์ การสร้างแบบจำลองด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (computer simulation) มาทำการศึกษาและให้บริการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้านการก่อระคายเคืองต่อผิวหนังโดยใช้แบบจำลองสามมิติของผิวหนังชั้นนอก (RhE) ซึ่งได้การตรวจสอบและรับรองที่มีมาตรฐานสากล “ในปีนี้ทางศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติจะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาบุคลากรในการปฏิบัติงานด้านวิจัยและพัฒนาการทดสอบความเป็นพิษ/การระคายเคืองต่อผิวหนัง ด้วยการใช้เนื้อเยื่อผิวหนังชั้นนอกแบบสามมิติ (3D tissue construct) หรือ RhE ตามแนวทางมาตรฐานสากล และในปีต่อๆ ไปจะเป็นการวิจัยและพัฒนาเนื้อเยื่อแบบสามมิติที่มีความคงตัวทางกายภาพและการตอบสนองทางชีวภาพที่คล้ายคลึงกับผิวหนังชั้นนอกของมนุษย์ เพื่อใช้พัฒนาต่อยอดเป็นชุดทดสอบความเป็นพิษต่อผิวหนังและทำการศึกษาเปรียบ เทียบกับชุดทดสอบมาตรฐานที่ได้รับการรับรองแล้วต่อไป” ศ. นพ.สิริฤกษ์ กล่าว ดร.ลักษมี ปลั่งแสงมาศ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า ทาง วว. มีความพร้อมในการทดสอบและวิจัยด้านพิษวิทยาโดยใช้เซลล์แทนการใช้สัตว์ทดลองแล้ว ทั้งที่อยู่ในงานวิจัย และงานบริการทดสอบด้วยเทคโนโลยีฟลูออเรสเซ็นต์ ซึ่งสามารถประเมินผลการทดสอบได้โดยเครื่องมือที่ทันสมัยสำหรับการวิจัยด้านการแพทย์ในระดับเซลล์และชีวโมเลกุล โดยสามารถวิเคราะห์การมีชีวิตของเซลล์ เพื่อติดตามเซลล์และโมเลกุลแบบระบบปิด บันทึกภาพต่อเนื่องด้วยชุดกล้องฟลูออเรสเซ็นต์ที่มีความเร็วสูง สามารถถ่ายภาพเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสามารถสนองตอบต่อการใช้เซลล์ทดแทนการใช้สัตว์ทดลองเพื่อทดสอบความเป็นพิษในงานวิจัยได้อย่างแม่นยำและและมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สำหรับ วว. จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน BIO-Innovative Centre หรือ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม : โพรไบโอติกและพรีไบโอติก ประกอบด้วยห้องปฎิบัติการสำคัญด้าน “หน่วยวิจัยชีวภาพด้วยเซลล์ : Cell-Based Research Unit (CBRU)” ซึ่งเป็นห้องปฎิบัติการที่เป็นระบบ Clean room ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 2 (Biosafety Level 2) ที่มีศักยภาพสำหรับรองงรับการทดสอบความปลอดภัยของยาและองค์ประกอบของเครื่องสำอางได้ในระดับสากล ภายหลังการแถงข่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้เข้าเยี่ยมชม ต้นแบบโรงงานผลิตเครื่องสำอางมาตรฐาน GMP ของศูนย์นาโนเทค ซึ่งพร้อมให้บริการสนับสนุนภาคเอกชนโดยที่ลงทุนจัดตั้งศูนย์วิเคราะห์ทดสอบกลางและจัดตั้งโรงงานต้นแบบในระดับ Pilot Scale เพื่อทดลองผลิตแก่ผู้ประกอบการภาคเอกชนภาคอุตสาหกรรม, SMEs และ OTOP ในรูปแบบ One-Stop Service ก่อนการลงทุนผลิตในระดับอุตสาหกรรมจริง อาทิ ให้บริการผลิตอนุภาคนาโน เครื่องสำอาง และเวชสำอาง ในระดับทดลองผลิตก่อนผลิตระดับอุตสาหกรรมจริง ตามมาตรฐาน ASEAN GMP การให้บริการวิเคราะห์คุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ตามมาตรฐาน ASEAN GMP เพื่อการยื่นขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์และการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ ช่วยยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทย ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราจ้างงานในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางที่มีมากกว่า 1 ล้านอัตรา การริเริ่มของหน่วยงานในกระทรวงวิทย์ฯ ทั้ง 3 หน่วยงานครั้งนี้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นในการผลักดันให้เกิดการต่อยอดผลงานวิจัยสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุดทดสอบหรือการให้บริการการทดสอบความปลอดภัยและความเป็นพิษต่อผิวหนังโดยวิธีทางเลือกอื่นที่ไม่ใช้สัตว์ทดลองให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อสร้างขีดความสามารถให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมไทยที่ได้มาตรฐานเดียวกับระดับโลก
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – สวทช. ร่วมกับ สภาหอการค้าฯ หนุนผู้ประกอบการสินค้าผักและผลไม้ไทย พัฒนาระบบการผลิตที่ปลอดภัยด้วย “Primary ThaiGAP”
สวทช. ร่วมกับ สภาหอการค้าฯ หนุนผู้ประกอบการสินค้าผักและผลไม้ไทย พัฒนาระบบการผลิตที่ปลอดภัยด้วย “Primary ThaiGAP” มาตรฐานระดับพื้นฐานในประเทศ นำร่องแห่งแรกที่สกลนคร ก่อนจัดต่อเนื่องอีก 4 ภาคทั่วไทย 26-29 ก.ค. 59 ณ จังหวัดสกลนคร - กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดำเนิน “โครงการพัฒนาระบบการผลิตที่ปลอดภัยตามมาตรฐาน Primary ThaiGAP” มุ่งขยายการทำงานจากส่วนกลางไปสู่ภูมิภาค เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผักและผลไม้ไทยให้สามารถผลิตสินค้า เกษตรและอาหารที่มีคุณภาพปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับของตลาดและผู้บริโภค ด้วยการส่งเสริมให้ได้รับการฝึกอบรมและสร้างฟาร์มต้นแบบในพื้นที่ รวมทั้งเพิ่มทักษะแก่กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ให้เป็นที่ปรึกษาฟาร์มและผู้ตรวจประเมินภายในฟาร์มตามมาตรฐาน Primary ThaiGAP นำร่องอบรมเชิงปฏิบัติการแห่งแรกที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.สกลนคร) ก่อนจะดำเนินต่อไปอีก 4 ภาคทั่วไทย พร้อมตั้งเป้ามีกลุ่มเกษตรกรได้รับมาตรฐาน Primary ThaiGAP 40 รายทั่วประเทศ ภายในกลางปีหน้า อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/22110-primarythaigap ​
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – ก.วิทย์ สวทช. จับมือพันธมิตร ร่วมจัดงาน “เทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์ 2559 (Auto Parts Tech Day 2016)”
ก.วิทย์ สวทช. จับมือพันธมิตร ร่วมจัดงาน “เทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์ 2559 (Auto Parts Tech Day 2016)” พร้อมโชว์ศักยภาพเทคโนโลยีการผลิตและนวัตกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ​ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย – กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จับมือพันธมิตร จัดงาน “เทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์ ประจำปี 2559 (Auto Parts Tech Day 2016)” ระหว่างวันที่ 28 - 29 กรกฏาคม 2559 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ประกอบด้วยการแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย อุตสาหกรรมการบิน และยานยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ เอกชน และการศึกษา นอกจากนี้ยังมีการบรรยายพิเศษและเสวนาโดย วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ดร.ดำริ สุโขธนัง ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนนั้น นับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ได้ลงรากฐานในประเทศไทยมาเป็นเวลานานและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด  ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายโดยผ่านทางกลไกต่างๆ ของรัฐ เช่น มอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมให้ประเทศ ไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า การมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกันพิจารณาดำเนินการผลิตผลงานวิจัยยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาแบตเตอรี่และมอเตอร์ หรือระบบขับเคลื่อนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น สำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นเพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งในส่วนอุปสงค์พบว่า แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็ต้องมีการกระตุ้นการสร้างตลาดสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ อาทิ มาตรการอุดหนุนเพื่อจูงใจการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า การกำหนดเขตปลอดมลพิษ เป็นต้น สำหรับประเทศไทย จำเป็นต้องพิจารณามาตรการที่เหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันได้ส่งเสริมและกระตุ้นตลาดโดยใช้กลไกต่างๆ เช่น ในกรณีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้นำร่องในการจัดซื้อรถโดยสารไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง รวมไปถึงการที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นำร่องเปิดสถานีประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน 20 จุด เป็นต้น และในส่วนของอุปทานพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่มีการประกอบยานยนต์ไฟฟ้าและจัดจำหน่ายในตลาดแล้วจำนวนหนึ่ง เช่น รถโดยสารจักรยานยนต์ สามล้อ ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะที่ไม่ได้แข่งขันกับค่ายรถยนต์หลักที่เป็นบริษัทข้ามชาติ   นอกจากนี้ผู้ผลิตไทยก็ยังมีข้อจำกัดในด้านความสามารถทางเทคโนโลยีที่ยังไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนหลักที่ถือเป็นหัวใจของยานยนต์ไฟฟ้าคือ แบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน ซึ่งผู้ผลิตยังต้องนำเข้าชิ้นส่วนเหล่านี้มาใช้ในการประกอบรถ  และอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีครอบคลุมถึงกฎระเบียบ มาตรฐานต่างๆ การบริหารจัดการการจ่ายไฟฟ้าและสถานีประจุไฟฟ้า เป็นต้น สำหรับในส่วนอุตสาหกรรมการบิน คนส่วนมากมักจะทราบเพียงว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมและการขนส่งทางอากาศ แต่ไม่รู้ว่าประเทศไทยยังมีศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานมาตรฐานสากล เช่น ศูนย์ซ่อมบำรุงที่ดูแลโดยฝ่ายซ่อมใหญ่อากาศยาน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รวมถึงมีผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์สนับสนุนอุตสาหกรรมการบินจำนวนหนึ่งแล้ว ด้วย เช่น บริษัท ซีเนียร์ แอโรสเปซ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ไลสตริทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ซี.ซี.เอส. แอดวานซ์ เทค จำกัด, บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด เป็นต้น   ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนได้ลงรากฐานในประเทศไทยมากว่า 40 ปี และเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนเป็นอย่างมาก และมีการกำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ของประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ (First S-curve) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า สวทช. ให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้สนับสนุนองค์ความรู้และเทคโนโลยีในการพัฒนากระบวนการผลิต เช่น การออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อขึ้นรูปและการออกแบบแม่พิมพ์สำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทพลาสติก ยาง อลูมิเนียม และโลหะต่างๆ  การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้และต้นแบบระบบและชิ้นส่วนในยานยนต์ไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่ลิเทียม ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ มอเตอร์ สถานีประจุไฟฟ้า และการวิเคราะห์ทดสอบต่างๆ   นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอีกด้วย อาทิ เซลล์เชื้อเพลิง Supercapacitor การรีไซเคิลแบตเตอรี่ กระบวนการผลิตแบบดิจิทัล เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้อุตสาหกรรมนี้พัฒนาได้อย่างกว้างขวางและเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันและรายได้ให้กับประเทศ”  ภายในงานเทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์ 2559 (Auto Parts Tech Day 2016) ครั้งนี้ ประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น การบรรยายพิเศษและสัมมนา นิทรรศการแสดงผลงานนวัตกรรม ซึ่งเป็นการจัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้าจากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่และยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงซึ่งเป็นผลงานของนักวิจัยและประชาชนทั่วไป ผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลจากภาคการศึกษา และการแสดงผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และชิ้นส่วน รวมไปถึงชิ้นส่วนอากาศยาน และยังเปิดให้มีการเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการและหน่วยบริการวิเคราะห์ทดสอบภายในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และการสัมผัสและทดลองยานยนต์ไฟฟ้าด้วย
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – ธ.กรุงไทย ผนึก ตลาดหลักทรัพย์ฯ สวทช. ตั้งกองทรัสต์ 2.3 พันล้าน สนับสนุน SMEs
ธ.กรุงไทย ผนึก ตลาดหลักทรัพย์ฯ สวทช. ตั้งกองทรัสต์ 2.3 พันล้าน สนับสนุน SMEs ​ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รัชดาฯ กรุงเทพฯ: กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ บมจ.ธนาคารกรุงไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าว “การจัดตั้งกองทรัสต์ เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน”  ซึ่งการจัดตั้งกองทรัสต์ในรูปแบบกองทุนรวมลงทุนในกิจการ วงเงิน 2,300 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs และ Startup เข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมที่ปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน เตรียมพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/22103-nstda
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – สวทช. รับมอบ 2 รางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 59 จากกรมบัญชีกลาง
สวทช. รับมอบ 2 รางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 59 จากกรมบัญชีกลาง ​สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2559 จาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการดีเด่น และรางวัลการพัฒนาดีเด่น โดยมี ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. เป็นผู้รับมอบ กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกลไลสำคัญของประเทศในการสร้างเสริมการวิจัยและพัฒนาจนสามารถนำองค์ความรู้ไปถ่ายทอดสู่การใช้ประโยชน์ รางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่นประจำปี 2559 จัดขึ้นโดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มีรางวัล แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ รางวัลผลการดำเนินงานดีเด่น รางวัลการพัฒนาดีเด่น รางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียนดีเด่น และรางวัลทุนหมุนเวียนเกียรติยศ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/22094--2-59-
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – ก.วิทย์ สวทช. ผนึก ซิป้า ชวนผู้ประกอบการสมัครขอรับรองมาตรฐาน CMMI
​ก.วิทย์ สวทช. ผนึก ซิป้า ชวนผู้ประกอบการสมัครขอรับรองมาตรฐาน CMMI ดันมาตรฐานซอฟต์แวร์ไทย ก้าวไกลสู่สากล 13 กรกฎาคม 2559 ณ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นนทบุรี – กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) (โดยซอฟต์แวร์ปาร์คและ ITAP) ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า (SIPA) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จัดงานแถลงข่าวและเปิดตัวโครงการ “ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้รับมาตรฐาน CMMI” ประจำปี 2559 เพื่อเสริมความเข้มแข็งทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทยทำงานได้อย่างมีระบบมาตรฐานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมยกระดับภาพลักษณ์สินค้าและอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยก้าวสู่การยอมรับในระดับสากล อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/22089-sipa-nstda-cmmi
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – กรมศิลปากร ร่วมกับ สวทช. จัดทำโครงการระบบสื่อสาระออนไลน์ เพื่อการเรียนรู้ทางไกล เฉลิมพระเกียรติฯ
กรมศิลปากร ร่วมกับ สวทช. จัดทำโครงการระบบสื่อสาระออนไลน์ เพื่อการเรียนรู้ทางไกล เฉลิมพระเกียรติฯ ​วันจันทร์ ที่ 11 กรกฎาคม 25559 นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่ากรมศิลปากร เป็นหน่วยงานหลักของรัฐ มีหน้าที่รับผิดชอบในการทำนุบำรุงรักษา อนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริม สร้างสรรค์ และสืบทอดมรดกวัฒนธรรมของชาติให้ยั่งยืนอย่างสง่างามในงานอนุรักษ์มรดกไทย เมื่อพุทธศักราช 2557 นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหารสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ทรงมีรับสั่งให้พัฒนารูปแบบงานพิพิธภัณฑ์ งานหอสมุด และงานหอจดหมายเหตุ ให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างมีมาตรฐาน โดยจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้มากยิ่งขึ้น ไปพร้อมกับการปรับปรุงระบบจัดเก็บเอกสารหายากให้สามารถสืบค้นและเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลได้กำหนดนโยบายการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งหนึ่งในยุทธศาสตร์ของนโยบายดังกล่าวได้มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจที่ ถูกต้องของศิลปวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ และพัฒนาความร่วมมือและความเชื่อมโยงด้านศิลปวัฒนธรรมกับประเทศอาเซียน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจในศิลปวัฒนธรรมอาเซียน กรมศิลปากร จึงจัดทำโครงการพัฒนาระบบสื่อสาระออนไลน์โดยร่วมกับ สวทช. อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/22086-20160711-press-nat-mooc
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – ก.วิทย์ โดยสวทช. จับมือ สกว. และสถานทูตอังกฤษเปิดเวทีให้นักวิจัยก้าวสู่โลกธุรกิจ
ก.วิทย์ โดยสวทช. จับมือ สกว. และสถานทูตอังกฤษเปิดเวทีให้นักวิจัยก้าวสู่โลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและสร้างเครือข่ายกับนักลงทุนในภูมิภาค 7 กรกฎาคม 2559 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ - กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)  และสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จัดงาน Newton UK-South East Asia Innovation Leadership Conference เป็นงานสัมมนาและแสดงนิทรรศการผลงานนวัตกรรมระดับนานาชาติของผู้ได้รับทุนจากโครงการ Leaders in Innovation Fellowships Programme (LIF) เพื่อเปิดเวทีให้นักวิจัยไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามได้ก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การต่อรองเจรจาธุรกิจ การต่อยอดผลงานวิจัยกับนักลงทุน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องจากสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย และเป็นการขยายเครือข่ายวิจัยในระดับภูมิภาคอาเซียน ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิด “ประเทศไทย 4.0” ด้วยการยกระดับและต่อยอด อุตสาหกรรมเดิมที่มีความได้เปรียบ ให้ใช้ความรู้ เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ ไปสร้างนวัตกรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้น เพื่อให้เกิดเป็นอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) นอกจากนี้ยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และภาคเอกชน หรือTalent Mobility เพื่อแก้ปัญหาการกระจุกตัวขององค์ความรู้ที่อยู่กับบุคลากรในภาครัฐ ให้สามารถถ่ายทอดไปสู่ภาคเอกชนได้โดยจูงใจให้นักวิจัยในมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของรัฐสามารถไปปฏิบัติราชการในภาคเอกชน  ซึ่งโครงการ LIF นี้ เป็นโครงการที่ดีที่นักวิจัยมีโอกาสจะได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งได้นำเสนอผลงานวิจัย อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและสร้างศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่เครือข่ายวิจัยอาเซียน อันจะทำให้ประเทศมีความยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/22082-leaders-in-innovation-fellowships-programme- ​
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – ก.วิทย์ โดย ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จับมือ สสว. จัดเวทีนำเสนอนวัตกรรมและแผนธุรกิจสำหรับหาเงินทุนหรือผู้ร่วมทุน
ก.วิทย์ โดย ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จับมือ สสว. จัดเวทีนำเสนอนวัตกรรมและแผนธุรกิจสำหรับหาเงินทุนหรือผู้ร่วมทุน พร้อมสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพไอซีทีไทยในระดับนานาชาติ 6 กรกฎาคม 2559 ณ โรงแรมดุสิต ธานี กรุงเทพฯ : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ จัดกิจกรรม “Technology Investment for SMEs Conference 2016” หรือเวทีนำเสนอนวัตกรรมและแผนธุรกิจสำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนหรือหุ้นส่วนธุรกิจ หนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ “ส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไอซีทีไทย” เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและแผนธุรกิจสำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนหรือหุ้นส่วนธุรกิจแก่คณะกรรมการ นักลงทุนในอุตสาหกรรม ตลอดจนผู้สนใจเข้าร่วมทุน ได้มีโอกาสติดต่อธุรกิจและลงทุนร่วมกันในอนาคต นับเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการไอซีทีไทยให้พัฒนาซอฟต์แวร์รองรับความต้องการตลาดทั้งในและต่างประเทศต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/22080-technology-investment-for-smes-conference-2016 ​
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – มูลนิธิไอทีตามพระราชดำริฯ และ สวทช.จัดกิจกรรม “Show & Share 2016
มูลนิธิไอทีตามพระราชดำริฯ และ สวทช.จัดกิจกรรม “Show & Share 2016 : สิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัว ​มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรม “Show & Share 2016 : สิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัว” เมื่อวันที่ 15 - 16 มิถุนายน 2559 ณ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จ.นนทบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนจากโรงเรียนในโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการ ศึกษาของโรงเรียนในชนบท (ทสรช.) สามเณรจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม และอาจารย์นักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏ เข้าร่วมประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัว พร้อมสนับสนุนให้นักเรียนและสามเณรเข้าร่วมแข่งขันหุ่นยนต์ในรายการ Thailand Robofest Junior 2016 ต่อไป โดยมี คุณบุญรักษ์ สรัคคานนท์ กรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผู้มอบรางวัลให้แก่สามเณร/นักเรียน/นักศึกษา ที่ได้รับคัดเลือก ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อขยายผลให้นักศึกษาครู และครูจากโรงเรียนในท้องถิ่นสามารถประยุกต์ใช้ไอซีทีจัดการเรียนรู้ ได้พัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (กิจกรรมสมองกลฝังตัว) พร้อมสร้างชิ้นงานเข้าร่วมประกวดสิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัว โดยในวันงานดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมงานจากสถาบันศึกษาถึง 36 แห่ง จำนวน 360 คน ประกอบด้วย สามเณรและครู 70 คนจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม 13 แห่ง นักเรียนและครู 230 คนจากโรงเรียน ทสรช. 15 แห่ง และนักศึกษาและอาจารย์ 60 คนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ 8 แห่ง
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – สวทช. ร่วมนำเสนอกิจกรรม/โครงการสนับสนุนภาคเอกชนในงาน Smart SME Expo 2016
​สวทช. ร่วมนำเสนอกิจกรรม/โครงการสนับสนุนภาคเอกชนในงาน Smart SME Expo 2016 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมนำเสนอกิจกรรมและโครงการสนับสนุนภาคเอกชน ในงาน Smart SME Expo 2016 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. - 3 ก.ค. 59 โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวปาฐกาถาพิเศษ และเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง 42 หน่วยงานในการสนับสนุนและส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพ SMEs สำหรับ กิจกรรม/โครงการสนับสนุนภาคเอกชนของ สวทช. ที่ร่วมนำเสนอเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย ประกอบด้วย “บัญชีนวัตกรรม” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและ SMEs ไทย ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อสร้างโอกาสให้การเข้าถึงตลาดภาครัฐ และ “ITAP” หรือโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลนีและนวัตกรรมไทย สวทช. ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ให้บริการที่ปรึกษาเทคโนโลยี ช่วยผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ในการผลิตผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อให้สามารถแข่งขันและดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.5 – ก.วิทย์ จับมือ ก.ศึกษา ผุดชุดซอฟต์แวร์ ช่วยนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเขียนทั่วประเทศ
ก.วิทย์ จับมือ ก.ศึกษา ผุดชุดซอฟต์แวร์ ช่วยนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเขียนทั่วประเทศ ​กรุงเทพฯ : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  จัดงานแถลงข่าว “โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ โดยบูรณาการการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนในการเรียนการสอน” ซึ่งศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) หน่วยงานภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้พัฒนาชุดซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ พร้อมทั้งร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำมาถ่ายทอดความรู้ให้กับครูผู้สอนและนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ทั่วประเทศไทย ในรูปแบบการจัดค่ายพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ โดยจำลองสถานการณ์การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนที่มุ่งเน้นและส่งเสริม การพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรมที่ตอบสนองต่อการเรียนรู้ของนักเรียน โดยมี น.ส.เสาวณี มุสิแดง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลเอกสุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าร่วมงาน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/th/news/22070-nstda
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย