ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – รมว.วิทย์ เยี่ยม สวทช. พร้อมให้นโยบายเน้นงานวิจัยตอบโจทย์รัฐบาลสร้างอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง
รมว.วิทย์ เยี่ยม สวทช. พร้อมให้นโยบายเน้นงานวิจัยตอบโจทย์รัฐบาลสร้างอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง 11 มกราคม 2560 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย : ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) และคณะ เข้าเยี่ยมชมและรับฟังการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมให้นโยบายเน้นงานวิจัยตอบโจทย์รัฐบาล สนับสนุนนำการวิจัยและพัฒนาขับเคลื่อน Thailand 4.0 สร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยให้มีความเข้มแข็งและแข่งขันในเวทีระดับโลก โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. และคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่าว นโยบายกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งเป้าหมายที่จะนำความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเป็นตัวตั้ง ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ควรที่จะต่อยอดนำงานวิจัยและพัฒนาไปใช้เพื่อพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการ อีกทั้งให้ตอบโจทย์ผู้ประกอบการเป็นหลัก สิ่งที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนคือ การปฏิรูปการวิจัยและพัฒนาโดยการบูรณาการด้านวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ซึ่งกระทรวงฯ จะเป็นเจ้าภาพเรื่องนี้ นอกจากนั้นแล้วมีนโยบายสนับสนุนให้ สวทช. มีส่วนช่วยส่งเสริมให้การเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เยาวชนมีความสนใจวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นรากฐานในการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ระดับพื้นฐานเพื่อความยั่งยืนและการเติบโตของประเทศ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. สนับสนุนและส่งเสริมการวิจัย พัฒนาและวิศวกรรมของประเทศ สำหรับตัวอย่างความสำเร็จของการนำผลงานวิจัยไปใช้และทำงานร่วมกันในภาคเอกชนคือ บริษัท เอส พี เอ็ม ไซเอ็นซ จำกัด เริ่มต้นทำธุรกิจอาหารสัตว์ ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ร่วมวิจัยและพัฒนาโดยใช้ความรู้จากศูนย์พันธุกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. เข้าไปพัฒนาโดยใช้จุลินทรีย์ในการต่อยอดอาหารสัตว์ และพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ต่างๆ เกิดการต่อยอดลงทุนเปิดบริษัทใหม่ด้านโปรไบโอติก โดยในปัจจุบันการดำเนินการได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างมาก และเป็นอุตสาหกรรมที่ได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงทางด้านชีววิทยาพัฒนาด้านอาหารสัตว์ นอกจากนี้ยังมีการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอี โดยมีการตั้งกองทุนจำนวน 1,126 ล้านบาท ส่วนของการบริหารจัดการนั้นจะมีกลไกในการดำเนินงานร่วมกันต่อไป ที่ผ่านมาทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข การวิจัยเครื่องช่วยฟังจากที่ซื้อจากต่างประเทศราคา 13,000 บาท เมื่อนำงานวิจัยไปใช้ในการผลิตราคาลดลงเหลือ 6,000 บาท ซึ่งเครื่องนี้ได้นำขึ้นบัญชีนวัตกรรมเพื่อให้ภาครัฐ เช่น สปสช. ซื้อและนำมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้พิการทางการได้ยิน สำหรับด้านการเกษตร สวทช. พัฒนาพันธุ์ข้าวธัญสิริน หรือที่เรียกว่า “กข.6 ต้านทานโรคไหม้” ด้วยการปรับปรุงพันธุ์ให้ลำต้นแข็งแรง คุณภาพดีกว่าข้าว กข. 6 พันธุ์ปกติ หุงแล้วหอมนุ่ม เมื่อปี 2557-2558 มีเกษตรกรมากกว่า 1,700 ครัวเรือน นำไปปลูกในพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ และมีผลผลิตมากกว่า 45,000 ตันแล้ว สร้างรายได้ให้ชุมชนปีละ 1,000 ล้านบาทต่อไป นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ข้าวหอมชลสิทธิ์ พันธุ์ทนน้ำท่วมฉับพลัน ทนน้ำท่วมแบบมิดต้นข้าวได้นาน 2-3 สัปดาห์ ให้ผลผลิต 800 กิโลกรัมต่อไร่ ในปี 2557-2558 เกษตรกรกว่า 500 ครัวเรือน นำไปปลูกในพื้นที่ 4,000 ไร่ ผลผลิตกว่า 29,000 ตัน สร้างรายได้มากกว่า 700 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนของสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) นั้น จะมีการนำรวบรวมองค์ความรู้ที่มีในหน่วยงานวิจัย มหาวิทยาลัยไปพัฒนาภาคการเกษตร ที่ผ่านมาได้นำเทคโนโลยีสารชีวภัณฑ์ เช่น ราบิวเวอเรีย ไปใช้ทดแทนสารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช เทคโนโลยีการแปรรูป การปรับปรุงดิน รวมทั้งเครื่องจักรกลการเกษตร อีกทั้งมีการทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ในการนำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วยกลไลของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) เพื่อนำเทคโนโลยีเหล่านี้ใช้ประโยชน์ต่อชุมชนสูงสุด และสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการวิจัยและพัฒนาที่ สวทช. สนับสนุนเรื่องการวิเคราะห์ ทดสอบ และมาตรฐานทั้งในเรื่องของงานวิจัย พัฒนา และการทดสอบทั้งในอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมการส่งออกของประเทศก้าวสู่ระดับนานาชาติสร้างรายได้และส่งเสริมให้ประเทศแข่งขันในระดับโลกได้ ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานวิจัยและพัฒนาของ สวทช. ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC), โรงเรือนทดลองมาตรฐานความปลอดภัยทางชีวภาพ, โดรน สำหรับการฉีดพ่นยาและปุ๋ยในพื้นที่เกษตร เพื่อทดแทนแรงงานคนและประหยัดเวลา, หุ่นยนต์เกษตร (FarmBot) ทางเลือกของเกษตรกรรุ่นใหม่ในยุคที่แรงงานขาดแคลนและประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย เรื่องไม่เกี่ยงเวลาทำงาน ทำงานได้ทุกพื้นที่ ทุกเวลา ทั้งระบบอัตโนมัติและแบบควบคุม, Netpie, สถาบันเทคโนโลยีคนพิการและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังเข้าเยี่ยมชมบริษัท มิตรผลวิจัยอ้อยและน้ำตาล จำกัด และบ้านประหยัดพลังงานบริษัท เอสซีจี ซึ่งเป็นหนึ่งในประชาคมอุทยานวิทยาศาสตร์ฯ ตลอดจนร่วมกิจกรรมตะลุยวันเด็ก บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – สวทช. ร่วมกับสถานทูตญี่ปุ่น ส่งทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ JENESYS 2016 รอบ 2
สวทช. ร่วมกับสถานทูตญี่ปุ่น ส่งทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ JENESYS 2016 รอบ 2 ตะลุยแดนญี่ปุ่น เรียนรู้วัฒนธรรมสร้างประสบการณ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 มกราคม 2560 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดงานแสดงความยินดีและปฐมนิเทศแก่น้องๆ ทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ไทยระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน 22 คนจากทั่วประเทศ ที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศอาเซียนหรือ JENESYS 2016 ในกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รอบ 2 (2nd Batch : Science and Technology Program) จำนวน 8 วัน ระหว่างวันที่ 17 - 24 มกราคม 2560 ณ กรุงโตเกียว และจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างไทยและญี่ปุ่น พร้อมเสริมสร้างประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีนางสาวมิโทะนะ เอ็นโด สำนักข่าวสารญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมด้วย ดร.อ้อมใจ ไทรเมฆ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ร่วมแสดงความยินดี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5008-jenesys-2016
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – งานวิจัยจากไบโอเทค สวทช. ได้รับรางวัล PTT Innovative Idea Awards ระดับ Silver
งานวิจัย PTT Yeast Technology Platform จากไบโอเทค สวทช. ได้รับรางวัล PTT Innovative Idea Awards ระดับ Silver งานวิจัยเรื่อง PTT Yeast Technology Platform ได้รับรางวัล PTT Innovative Idea Awards ระดับ Silver จากโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปตท. ซึ่งผลงานวิจัยดังกล่าวเป็นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการค้นหาและพัฒนายีสต์สายพันธุ์ทนร้อนที่ใช้ในกระบวนการผลิตเอทานอลที่อุณหภูมิสูง โดยผลงานนี้เป็นการร่วมวิจัยของคณะนักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.ธิดารัตน์ นิ่มเชื้อ และคุณพิษณุ ปิ่นมณี จากห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีเอนไซม์ และคณะนักวิจัยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.ณษพัฒน์ บุญวิทยา และคุณสุทธิพงศ์ ธัญญะพิเศษศักดิ์ ซึ่งการมอบรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นในงาน PTT Group Excellence Days 2016 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2559 ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมี คุณกฤษณ์ อิ่มแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและศักยภาพองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้มอบรางวัล อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5009-ptt-yeast-technology-platform
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
เช็คตำแหน่งรถเมล์ได้ที่ Traffy Transit
สิ้นสุดการรอคอย เช็คตำแหน่งรถเมล์ได้ที่ Traffy Transit == https://transit.traffy.in.th/ (ดูบนมือถือได้)
ทีม Traffy ของ Nectec Nstda พัฒนาขึ้น สำหรับให้ผู้โดยสารติดตามตำแหน่งรถประจำทาง 6 สาย 73ก 156 178 191 36ก และสาย 8
https://its.nectec.or.th/traffybus/
ขอขอบคุณ
1. ทีมขสมก. เขตการเดินรถที่ 8 (สถาพร เพชรกอง)
2. ผู้ประกอบการรถร่วมสาย 8
3. บริษัท AIS ที่สนับสนุนซิมสำหรับส่งข้อมูลตำแหน่งรถ
4. ทีมบริษัท GPS เอกชน ที่ให้ความอนุเคราะห์ GPS ราคาพิเศษ
Gpsthaistar Xsense GPS Tracking ระบบติดตามรถ
5. ท่าน ผอ. ขสมก. (สุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล)
ปล. หากท่านเป็นผู้ประกอบการ สามารถนำรถเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://goo.gl/d6ZAfw
ข่าวประชาสัมพันธ์
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 2 ฉบับที่ 10 ประจำเดือน มกราคม 2560 (ฉบับที่ 22)
ข่าว
สวทช., สมอ. สถานทูตญี่ปุ่น, Tokyo Tech, ITS Thailand ร่วมจัดงาน ITS Symposium
ก.วิทย์ฯ สวทช. อพวช. ร่วมจัดประชุม “เครือข่ายนักวิจัยรุ่นใหม่” ครั้งแรกในเอเชีย
เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายฯ จัดการประชุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวัสดุ MSAT-9
ก.วิทย์ฯ โดย นาโนเทค สวทช. เดินหน้าผลักดันนวัตกรรม เพื่อธุรกิจสิ่งทอไทยสู่สากล
มหกรรมไม้สักและของดีเมืองแพร่ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2559
นักวิจัย มหิดล - มจธ. คว้าทุนนักวิจัยแกนนำ ประจำปี 2559 จาก ก.วิทย์ฯ สวทช.
ก.วิทย์ สวทช. มอบแอปดูแลสุขภาพด้วยตนเอง MyHealth Thailand ส่งความสุขปีใหม่ 2560
บทความ
นักวิจัยผู้พัฒนาแอป Safe Mate เพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์ปลอดภัย ดร.เฉลิมพล สายประเสริฐ
ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. เปิดรับสมัครนักเรียนระดับ ม.ปลาย-สายวิทย์ฯ ร่วมกิจกรรมเยี่ยมชม สวทช. ฟรี!!
Download เอกสารฉบับเต็ม [6.84 MB]
NSTDA Newsletter ปีที่ 2 ฉบับที่ 10 ประจำเดือนมกราคม 2560 (ฉบับที่ 22) from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
จดหมายข่าว สวทช.
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.10 – สัมภาษณ์ ดร.เฉลิมพล สายประเสริฐ นักวิจัยผู้พัฒนาแอป Safe Mate เพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์ปลอดภัย
นักวิจัยผู้พัฒนาแอป Safe Mate เพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์ปลอดภัย
ดร.เฉลิมพล สายประเสริฐ
ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุบนท้องถนนติดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อถึงหน้าเทศกาลสำคัญ เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ ทางรัฐบาลต้องมีมาตรการคุมเข้มเสมอในด้านวินัยการจราจร เพื่อเป้าหมายในการลดการเกิดอุบัติเหตุลงให้ได้มากที่สุด แต่สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็ยังสูงอยู่ ทำให้นักวิจัยจากเนคเทค สวทช. คนหนึ่งสนใจปัญหาและพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการขับขี่ปลอดภัยได้เป็นผลสำเร็จ จากผลงานเรื่อง “Safe Mate ระบบประเมินพฤติกรรมการขับขี่ด้วยโทรศัพท์ Smartphone” จนได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้นระดับดี ประจำปี 2559 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
นักวิจัยผู้พัฒนาแอป Safe Mate ที่จดหมายข่าวฉบับนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักและพูดคุยด้วยท่านนี้ ก็คือ ดร.เฉลิมพล สายประเสริฐ นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีการวิเคราะห์กระบวนการเชิงคำนวณ (CPA) หน่วยวิจัยสารสนเทศ การสื่อสารและการคำนวณ (ICCRU) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
ถาม : สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอทราบประวัติการศึกษาและการทำงานของ ดร.เฉลิมพล หน่อยค่ะ
ตอบ : ผมเรียนจบระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยดันดี (University of Dundee) คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาไฟฟ้า ที่สกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ครับ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีก็มาทำงานที่บริษัทดีไซน์โรงกลั่นน้ำมันที่ศรีราชาเกือบ 2 ปี จากนั้นจึงได้รับทุนการศึกษาจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและเอกที่อิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน (Imperial College London) คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาไฟฟ้าเช่นกัน จนจบและกลับมาทำงานใช้ทุนที่ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ใน พ.ศ. 2554 ครับ
เริ่มต้นทำงานกับห้องปฏิบัติการวิจัยระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (ITS) เป็นเวลานาน 2 ปี จากนั้นมีการตั้งแล็บใหม่ คือห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีการวิเคราะห์กระบวนการเชิงคำนวณ (CPA) ในหน่วยวิจัยสารสนเทศ การสื่อสารและการคำนวณ (ICCRU) ตั้งเมื่อต้นปีงบประมาณ 2559 โดยมีการเริ่มทำแอปพลิเคชัน SafeMate มาตั้งแต่ CPA ยังมีสถานะเป็นกลุ่มวิจัย ยังไม่ได้ตั้งเป็นแล็บ
ห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีการวิเคราะห์กระบวนการเชิงคำนวณ (CPA) ทำงานวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรม เช่น พฤติกรรมที่เกิดจากมนุษย์กระทำ อาทิ การเคลื่อนไหว การขับรถ การเกิดอุบัติเหตุ หรือพฤติกรรมการเข้าใช้ รพ.ของมนุษย์ (เช่น การวิเคราะห์การลำดับคนไข้ให้รอคิวน้อยที่สุด) หรือพฤติกรรมการเทรดหุ้น เป็นการดูข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อหารูปแบบ (Pattern) ของสิ่งๆ นั้น
ถ้าอธิบายด้วยโปรแกรม SafeMate ที่ผมทำ ก็คือ การนำข้อมูลที่ดึงได้จากเซ็นเซอร์บนมือถือ ไม่ว่าจะเป็นความเร่ง ความเร็วต่างๆ เพื่อมาหา Pattern ว่าเราขับรถเป็นอย่างไร เพราะว่าข้อมูลเปล่าๆ นั้นไม่มีความหมาย สิ่งที่แล็บเราทำก็คือนำข้อมูลที่มีเยอะแยะมากมายนั้นมาตีความให้มีความหมาย และด้วยปัจจุบันนี้เรามีเครื่องมืออุปกรณ์สื่อสารเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ Fitbit, Smart Watch พวกอุปกรณ์เหล่านี้สร้างข้อมูลในตัวเองได้อยู่แล้ว ซึ่งสมัยนี้เราจะฮิตคำว่า Big DATA กันใช่ไหมครับ และ Internet of Things (IoT) ข้อมูลที่ผมได้มาก็จะเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ เป็นอุปกรณ์หรือเซ็นเซอร์ที่มีการสร้างข้อมูลด้วยตัวของมันเอง เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้มาตีความให้ตอบโจทย์ที่เราต้องการ เช่น ข้อมูลการขับรถที่นำมาทำงานวิจัย SafeMate ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันช่วยตรวจสอบการขับขี่ เพื่อเตือนภัยเมื่อมีการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย และบันทึกการขับขี่ที่ผ่านมาว่ามีความปลอดภัยหรืออันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้ใช้ทางมากน้อยเพียงใด เพียงเปิดแอปพลิเคชันขณะขับขี่ หรือโดยสารรถสาธารณะ แอปพลิเคชันจะประมวลผลและแจ้งสัญญาณเตือนเมื่อขับขี่ในอัตราที่เกินมาตรฐานความปลอดภัย และบันทึกข้อมูลการขับขี่ตามเส้นทางออกมาเป็นแผนที่ แจ้งผลการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัยตามจุดต่างๆ และประเมินคะแนนการขับขี่ให้ทราบเมื่อจบการเดินทาง พร้อมคำแนะนำปรับปรุงการขับขี่
ถาม : แรงบันดาลใจที่ผลักดันให้ทำ SafeMate คืออะไร
ตอบ : แนวคิดการทำวิจัย SafeMate เกิดขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2553 ที่มีอุบัติเหตุรถตู้สาธารณะถูกชนตกจากโทลเวย์ มีบุคลากรที่มีความสำคัญเสียชีวิตหลายท่าน จึงคิดว่าผู้ขับรถหรือผู้โดยสารรถจะมีอุปกรณ์อะไรไหมที่จะช่วยให้การขับรถปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเมื่อเราขับรถปลอดภัย แปลว่าเพื่อนร่วมท้องถนนก็จะปลอดภัยมากขึ้นด้วย ตอนนั้นสมาร์ตโฟนเริ่มมีการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงได้เชื่อมโยงเอาสมาร์ตโฟนมาเป็นตัวช่วย เน้นอุปกรณ์ที่หาได้ง่าย มีใช้อยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ ซึ่งสมาร์ตโฟนมีเซ็นเซอร์มากมายที่พร้อมในการนำมาประยุกต์ใช้ ตอบโจทย์การใช้งานของมนุษย์ เช่น GPS ระบุตำแหน่ง ความเร็ว ระยะทางที่เดินทาง ทำให้เมื่อเราเอาสมาร์ตโฟนไปวางไว้ในรถคันหนึ่ง เราจะสามารถติดตามรถคันนี้ได้ ว่ารถคันนี้ไปวิ่งที่ไหนมา วิ่งด้วยความเร็วเท่าไร ระยะทางกี่กิโลเมตร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของ SafeMate
ถาม : จุดเด่นของ SafeMate มีอะไรบ้าง
ตอบ : จุดเด่นของ SafeMate คือ เป็นอุปกรณ์และระบบที่ช่วยประเมินการขับรถได้แบบ Real Time คือทุกสิ่งทุกอย่างทำบนโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆ หรือติดตั้งอะไรเพิ่มเติม สิ่งที่แอปพลิเคชันนี้สามารถทำได้ก็คือ คอยตรวจสอบเหตุการณ์ในการขับรถ เช่น การเบรก การเร่ง การเลี้ยวซ้าย การเลี้ยวขวา การเปลี่ยนเลน การกลับรถ เพราะฉะนั้นการเดินทางใน 1 ทริป จะประกอบด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ ผมจึงดึงข้อมูลเหล่านี้มาอธิบายเป็นเหตุการณ์ในการขับรถ และวัดระดับความปลอดภัยในการขับรถ ด้วยการกำหนดเกณฑ์ความปลอดภัย โดยมีการวิจัยจากการนำข้อมูลมาตรฐานการขับขี่ที่ปลอดภัยมาเป็นข้อมูลอ้างอิง และจ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำการขับขี่ในรูปแบบที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัย และเก็บข้อมูลในฐานข้อมูล
ในการใช้งานขณะขับรถ ถ้าเกิดการเบรกกะทันหัน จะมีการแจ้งเตือนให้คนขับรถมีสติมากขึ้น มีเสียงดังบี๊บ 1 บี๊บ แอปจะทำการปักหมุดในแผนที่และขึ้น icon เบรกกะทันหันที่จุดปักหมุด เพื่อให้เราทราบข้อมูลหลังจากจบการขับรถแล้ว สามารถกลับมาทบทวนดูได้ว่าเส้นทางที่ขับมานั้น ณ จุดไหนที่ต้องระวัง และควรปรับปรุง รวมทั้งมีการคิดคะแนนให้ว่าการขับรถของเราเป็นอย่างไร โดยแบ่งเป็นเกรด A-F ถ้ามีเหตุอันตรายบ่อย คะแนนจะลดลง และมีคำแนะนำด้วยว่ามีการกระทำใดบ่อย และควรป้องกันอันตรายอย่างไร เช่น มีการเบรกกะทันหันบ่อยๆ ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น หรือเลี้ยวแรงเกินไป ควรลดความเร็วเมื่อเข้าโค้ง ฯลฯ
ถาม : การนำ SafeMate ไปใช้จริง และผลตอบรับเป็นอย่างไร
ตอบ : ตอนนี้มีการนำ SafeMate ไปใช้จริงแล้ว โดยเราแบ่ง SafeMate เป็น 2 เวอร์ชั่น ซึ่งเวอร์ชั่นแรก เรียกว่า Personal เวอร์ชั่น คือเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ iOS หรือแอนดรอยด์ เพื่อใช้งานได้ส่วนบุคคล คือสามารถดูพฤติกรรมได้แค่ของเราเพียงคนเดียวเท่านั้น ขณะนี้มียอดดาวน์โหลดทั้งจาก iOS และแอนดรอยด์แล้วกว่า 53,000 ครั้งจากทั่วโลก มีการใช้งานทั้งจาก อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา เรียกได้ว่าแทบทุกทวีป และอีกตัวหนึ่งคือ SafeMate ระดับองค์กร หรือ Enterprise เวอร์ชั่น เป็นการใช้งาน SafeMate เพื่อมอนิเตอร์พฤติกรรมของคนขับรถในองค์กร ซึ่งสามารถใช้งานได้ไม่จำกัดจำนวนคน มีบริษัทเอกชน คือ สินมั่นคงประกันภัย ได้ทำสัญญาขออนุญาตใช้สิทธิ์ ไปใช้ในธุรกิจประกันภัย โดยนำ SafeMate ไปประเมินพฤติกรรมการขับขี่ของลูกค้าที่ซื้อประกันกับบริษัท เพื่อทำโปรโมชั่นให้กับลูกค้าที่มีพฤติกรรมการขับขี่ดี เป็นต้น
ถาม : รู้สึกอย่างไรกับรางวัลที่ได้รับ
ตอบ : จากการที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้นระดับดี ประจำปี 2559 ก็รู้สึกภูมิใจครับที่ได้รับการตอบรับจากวงการวิจัยวิชาการ ว่าเค้าเห็นความสำคัญของผลงานที่เราได้ทุ่มเทและทำงานไปร่วมสองสามปี ทางคณะกรรมการเห็นว่ามีผลกระทบต่อสังคมและประเทศไทย เห็นความสำคัญว่าอุบัติเหตุและความสูญเสียจากอุบัติเหตุเป็นปัญหาระดับชาติ เมื่อผลงานของเราได้รับการยอมรับในวงวิชาการ และได้รับการเผยแพร่ในวงกว้าง ก็จะทำให้คนที่ได้สัมผัสทราบว่าทางเนคเทคมีการทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ปลอดภัย มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งนำไปใช้ได้จริง
ถาม : ดร.เฉลิมพล ทำงานอดิเรกอะไร และมีวิธีจัดการความเครียดอย่างไร
ตอบ : ส่วนตัวผมชอบออกกำลังกายและผ่อนคลาย คิดว่าทำงานหนักแล้วก็ต้องบาลานซ์จากการทำงาน ควรมีการผ่อนคลาย ควรให้ร่างกายได้บริหารส่วนอื่นๆ ด้วยไม่ใช่ใช้สมองแต่เพียงอย่างเดียว ผมชอบไปวิ่ง วิ่งระยะไกล 10 กิโลเมตร 21 กิโลเมตร ไปตาม event ต่างๆ และไปฟิตเนส เล่นแบดมินตัน ถ้าไม่เล่นกีฬาก็จะชอบทำอาหาร เพราะตอนเรียนที่เมืองนอกต้องทำอาหารทานเอง อาหารที่โน่นราคาแพง หากินยาก จึงสนุกกับการซื้อวัตถุดิบมาทำกินเองครับ
ถาม : คิดว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง แนวคิดที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จคืออะไร
ตอบ : จากที่ทำงานมาในระยะเวลา 5 ปี คิดว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ที่สามารถทำผลงานวิจัยให้สำเร็จ เป็นที่รู้จัก และมีการนำไปใช้จริง ปกติ ผมเป็นคนเบื่อง่าย จะไม่ทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ นานๆ การได้ทำสิ่งใหม่ๆ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมจากทักษะเดิมที่เรายังไม่มี ทำให้เราทำอะไรเป็นมากขึ้น มันก็เลยทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมา ทำให้บางทีเราได้ทำสิ่งใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครเคยทำ หรือยังไม่มีงานวิจัยใดๆ หรือยังไม่มีผลิตภัณฑ์ในตลาด ทำให้เรามีช่องทางหรือโอกาสที่จะถูกนำไปใช้และเผยแพร่
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับผมก็คือ “เพื่อนร่วมงาน” คิดว่าเราควรสร้างสัมพันธไมตรีในการทำงาน ผมมองว่าตัวงานสำคัญระดับหนึ่ง แต่ว่าเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในทีมเดียวกันสำคัญมากที่สุด ถ้าเรารู้สึกไม่มีความสุขเราก็ไม่สามารถทำงานได้ ก็เลยคิดว่าเราควรสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อที่จะทำงานได้อย่างมีความสุข
วันนี้ของ ดร.เฉลิมพล แม้จะประสบความสำเร็จจากงานที่ทำแล้วระดับหนึ่ง แต่การเรียนรู้เพื่อทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตนเองและสร้างผลงานใหม่ๆ ยังคงมีอยู่เสมอจากนักวิจัยหนุ่มคนนี้
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
บทความ
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.10 – ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. เปิดรับสมัครนักเรียนระดับ ม.ปลาย-สายวิทย์ฯ ร่วมกิจกรรมเยี่ยมชม สวทช. เพื่อเป็นแรงบันดาลใจสู่เส้นทางอาชีพนักวิทยาศาสตร์ ฟรี!! เปิดรับสมัครนักเรียนระดับ ม.ปลาย-สายวิทย์ฯ ...สมัครมาเป็นหมู่คณะ หรือมาในนามโรงเรียน (ไม่เกิน 60 คน) กิจกรรมจัดครึ่งวัน ฟรี!!!! ไม่มีค่าใช้จ่าย บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มุ่งหวังให้เยาวชนเกิดความตระหนักถึงความสาคัญของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้จัดกิจกรรม “แรงบันดาลใจสู่เส้นทางอาชีพนักวิทยาศาสตร์” เพื่อเปิดรับสมัครครูและนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิทยาศาสตร์ จากโรงเรียนทั่วประเทศที่สนใจ เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานวิจัยด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. โดยได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและศูนย์วิจัยแห่งชาติ สวทช. ให้เข้าเยี่ยมชมผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ ที่สามารถตอบปัญหาท้าทายระดับประเทศ และผลงานการสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปต่อยอดออกสู่ตลาดได้จริง พร้อมเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้ของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงความรู้และประโยชน์ที่ได้รับ นำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน โรงเรียนที่สนใจ สามารถดูวันเวลาที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตามภาพตารางวันจัดกิจกรรมที่ให้มานี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร โทรศัพท์ 0 2529 7100 ต่อ 77226 (คุณปรมาภรณ์) หรืออีเมล poramaporn@nstda.or.th
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.10 – ก.วิทย์ สวทช. มอบแอปดูแลสุขภาพด้วยตนเอง MyHealth Thailand ส่งความสุขปีใหม่ 2560
ก.วิทย์ สวทช. มอบแอปดูแลสุขภาพด้วยตนเอง MyHealth Thailand ส่งความสุขปีใหม่ 2560 30 ธันวาคม 2559 : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ส่งมอบแอปพลิเคชัน MyHealth Thailand โปรแกรมติดตามสุขภาพส่วนบุคคลสำหรับประชาชน ดาวน์โหลดใช้งานฟรี! เนื่องจากสภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประชาชนจึงควรมีโปรแกรมแบบง่ายๆ สำหรับการดูแลสุขภาพ และประเมินผลสุขภาพพร้อมคำแนะนำในเบื้องต้น สำหรับ MyHealth Thailand เป็นเครื่องมือเพื่อใช้ในการบันทึก ติดตาม และวิเคราะห์รายการที่ควรตรวจสุขภาพ พร้อมทั้งประเมินผลสุขภาพและ รับคำแนะนำเบื้องต้น สามารถติดตาม และวิเคราะห์สุขภาพส่วนบุคคลและใช้ เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างผู้ใช้งาน และผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบและสมาร์ทโฟน ประกอบด้วย เป็นเครื่องมือติดตามและส่งเสริม สุขภาพส่วนบุคคล สามารถบันทึกและ แปลผลข้อมูลสุขภาพ จากผลการตรวจ สุขภาพ ผลการวัดขนาดรูปร่าง ผลการวัดองค์ประกอบในร่างกาย แสดงกราฟเพื่อดูแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสรีระและสุขภาพ วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพเบื้องต้นและส่งต่อให้กับผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ นักโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลต่อไป ใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างผู้ใช้และผู้เชี่ยวชาญผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการให้คำปรึกษา นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ภาพรวมสุขภาพของบุคลากรในองค์กรอีกด้วย แอปพลิเคชัน MyHealth Thailand นี้ได้นำไปขยายผลให้กับหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น โครงการ Happy Work Place โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Play Store https://play.google.com/store/apps/details?id=th.in.myhealth
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.10 – นักวิจัย มหิดล – มจธ. คว้าทุนนักวิจัยแกนนำ ปี 2559 จาก ก.วิทย์ฯ สวทช.
นักวิจัย มหิดล - มจธ. คว้าทุนนักวิจัยแกนนำ ปี 2559 จาก ก.วิทย์ฯ สวทช. ด้วยโครงการวิจัย “การรักษามะเร็งด้วยวิธีเพิ่มภูมิคุ้มกัน และเครือข่ายวิจัยนวัตกรรมอาหารและพลังงาน” 28 ธันวาคม 2559 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดแถลงข่าวประกาศผลผู้ได้รับทุนนักวิจัยแกนนำประจำปี 2559 พร้อมลงนามในสัญญามอบทุนกว่า 40 ล้านบาท ให้กับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล และคณะวิจัยในโครงการการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการรักษามะเร็งด้วยวิธีการเพิ่มภูมิคุ้มกัน และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในโครงการเครือข่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการค้าและการผลิตอาหารและพลังงานอย่างยั่งยืน โดยมี ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธาน ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และแสวงหากลไกที่จะเอื้อให้นักวิจัยทำงานวิจัยและพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นให้มีการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยไปพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากยิ่งขึ้น สำหรับโครงการทุนนักวิจัยแกนนำของ สวทช. เป็นกลไกที่ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องในการให้ทุนวิจัยขนาดใหญ่ เพื่อให้นักวิจัยที่มีขีดความสามารถสูงทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ การดำเนินการของโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวเป็นแนวทางที่ได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง ก่อให้เกิดแรงจูงใจและมีผลงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงต่อทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม และขอแสดงความยินดีกับผู้บริหารของทั้งสองสถาบัน ตลอดจนผู้รับทุนนักวิจัยแกนนำและคณะเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งขอเชิญชวนให้ผู้เกี่ยวข้องร่วมมือร่วมใจกันช่วยสนับสนุน ส่งเสริม กลุ่มนักวิจัยแกนนำนี้ ให้มีความคล่องตัวในการทำงาน เพื่อให้ทีมวิจัยสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจนบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ ตลอดจนช่วยผลักดันกลุ่มวิจัยที่มีศักยภาพทั้งสองกลุ่มนี้ให้มีโอกาสแสดงผลงานและความสามารถ เพื่อก้าวจากนักวิจัยชั้นนำของประเทศ สู่การเป็นนักวิจัยระดับแนวหน้าของโลก พร้อมทั้งช่วยสร้างบุคลากรวิจัยมืออาชีพและผลิตกำลังคนระดับสูงด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ ให้กับประเทศต่อไป ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับทุนนักวิจัยแกนนำประจำปี 2559 จำนวน 2 ท่าน ได้แก่ ศ. นพ.สุรเดช หงส์อิง คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จากโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนานวัตกรรมเพื่อการรักษามะเร็งด้วยวิธีการเพิ่มภูมิคุ้มกัน” เป็นนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานวิจัยโดดเด่นทางด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา มีความสนใจการศึกษานวัตกรรมการรักษาโรคมะเร็งด้วยแนวทางใหม่ๆ เพื่อพัฒนามาตรฐานการรักษาในประเทศไทยให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ ภายใต้โครงการนี้ คณะผู้วิจัยจะพัฒนาวิธีการรักษาโรคมะเร็งโดยใช้ความรู้ทางด้านภูมิคุ้มกันวิทยา เพื่อนำไปใช้จริงในทางคลินิกสำหรับรักษาโรคมะเร็งในผู้ป่วยเด็ก ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงมาตรฐานการรักษาที่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับงานวิจัย และมาตรฐานการรักษาผู้ป่วย ให้มีคุณภาพในระดับสากล รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติด้วยการเปิดรับผู้ป่วยจากต่างประเทศที่จะเข้ามารักษาในประเทศไทยอีกด้วย ผู้ที่ได้รับทุนอีกท่านหนึ่งคือ ศ. ดร.แชบเบียร์ กีวาลา บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จากโครงการวิจัย เรื่อง “เครือข่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการค้า และการผลิตอาหารและพลังงานอย่างยั่งยืน” เป็นนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ และมีผลงานซึ่งได้รับการยอมรับในด้านการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร โครงการที่ได้รับทุนนี้ คณะผู้วิจัยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายด้านอาหารและพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน โดยใช้หลักการประเมินความยั่งยืนตลอดวัฏจักรชีวิตที่สามารถนำไปใช้สนับสนุนการผลิตการค้า และการส่งออกของภาคอุตสาหกรรม โดยการสร้างเครือข่ายวิจัยที่บูรณาการความเชี่ยวชาญของนักวิจัย ในหลากหลายสาขาวิชา รวมถึงผลักดันผลการวิจัยไปสู่นโยบายภาครัฐ และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทนได้อย่างแท้จริง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5120
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.10 – มหกรรมไม้สักและของดีเมืองแพร่ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2559
มหกรรมไม้สักและของดีเมืองแพร่ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2559 “Phrae Furniture City 2016” 23 ธันวาคม 2559 เวลา 19.00 น. นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ เข้าเยี่ยมชมโรงงานต้นแบบสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ไม้สักคุณภาพสูง ณ วิทยาลัยชุมชนแพร่ อ.สูงเม่น จ.แพร่ ที่เป็นศูนย์สาธิตการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้สักร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โดยมีการจัดแสดงผลงานเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก ที่ได้นำเอาอัตลักษณ์การทำไม้ของจังหวัดแพร่ที่ได้รับการถ่ายทอดจากในอดีตนำมาผสมผสาน สร้างจุดเด่นในชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์งานไม้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 งานมหกรรมไม้สักและของดีเมืองแพร่ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2559 “Phrae Furniture City 2016” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2559 ถึง 1 มกราคม 2560 ณ บริเวณย่านการค้า น้ำทอง - ค่างาม อำเภอสูงเม่น - อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ตามยุทธศาสตร์เมืองแห่งไม้สัก Furniture City ของจังหวัดแพร่
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.10 – ก.วิทย์ฯ โดย นาโนเทค สวทช. เดินหน้าผลักดันนวัตกรรม เพื่อธุรกิจสิ่งทอไทยสู่สากล
ก.วิทย์ฯ โดย นาโนเทค สวทช. เดินหน้าผลักดันนวัตกรรม เพื่อธุรกิจสิ่งทอไทยสู่สากล กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดสัมมนา “NANOVATION นวัตกรรมเพื่อธุรกิจสิ่งทอไทย” ร่วมกับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ผ้าเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน เสื้อผ้า เครื่องประดับ และสิ่งทอพื้นบ้าน เพื่อรวบรวมข้อมูลทางการตลาดและโอกาสในการผลักดันนวัตกรรมไปสู่ธุรกิจสิ่งทอไทยให้เติบโตในระดับชาติและนานาชาติได้อย่างยั่งยืน คาดจะส่งผลให้เกิคความร่วมมือเป็นโครงการในรูปแบบต่างๆ หรือใช้บริการของเครือข่ายโรงงานต้นแบบสิ่งทอ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/4990-nanovation
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.10 – เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายฯ จัดการประชุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวัสดุ MSAT-9
เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายฯ จัดการประชุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวัสดุ MSAT-9 เพื่อแลกเปลี่ยนและร่วมมือด้านงานวิจัยเทคโนโลยีวัสดุ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ ได้แก่ สมาคมวิจัยวัสดุ ชมรมทันตชีววัสดุแห่งประเทศไทย สมาคมการกัดกร่อนโลหะและวัสดุไทย และสมาคมการสึกหรอและการหล่อลื่นไทย จัดการประชุมวิชาการนานาชาติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวัสดุ ครั้งที่ 9 หรือ MSAT-9 ในวันที่ 14-15 ธันวาคม 2559 ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ มีผู้สนใจเข้าร่วมการประชุมจำนวนกว่า 600 คน ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ทำให้เกิดความร่วมมือด้านการวิจัย ตลอดจนแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การวิจัยในสาขาเทคโนโลยีวัสดุ โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยปาร์คเกอร์ไรซิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จํากัด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/4991-msat-9
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย


