หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.12 – สวทช. จัดกิจกรรม “วิทย์ในวัด” สำหรับครูและสามเณรจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม
สวทช. จัดกิจกรรม "วิทย์ในวัด" สำหรับครูและสามเณรจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ "วิทยาศาสตร์ในวัด" สำหรับครูและสามเณรนักเรียนจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาจากภาคเหนือ ในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 29 โรงเรียน เมื่อวันที่ 28-29 มกราคม 2560 ณ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย พระมหาวุฒิชัย วชิระเมธี (ว.วชิรเมธี) กล่าวเปิดการอบรม "วิทยาศาสตร์ในวัด" ครั้งนี้ว่าถือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างมาก ที่เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้สามเณรศึกษาพุทธศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง เพราะพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ในทุกกระบวนการ โดยเริ่มต้นจากการฝึกสังเกต การตั้งคำถามหรือสมมติฐาน การหาคำตอบด้วยเหตุและผล จนสามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งกระบวนการแสวงหาสัจธรรมของพระพุทธองค์ก็เริ่มต้นจากหลักคิดทางวิทยาศาสตร์เช่นกัน และเป้าหมายสูงสุดของการเรียนวิทยาศาสตร์คือการนำความรู้ที่ได้ไปใช้แก้ปัญหาชีวิตทั้งต่อตนเองและผู้อื่น นำไปสู่การออกแบบนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อทำให้มีคุณภาพชีวิตและสังคมที่ดีขึ้น  อาจารย์ผ่องพรรณ เอกอาวุธ ผู้เชี่ยวชาญจากไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้เป็นการจัดในรูปแบบ active learning ที่สามเณรจะได้รับความรู้จากสภาพแวดล้อมในวัด โดยมีวิทยากรพี่เลี้ยงจาก สวทช. นำกิจกรรมที่สามารถซักถามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ตลอดการอบรม นอกจากนี้ยังสามารถนำความรู้กลับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และสามารถเป็นวิทยากรแกนนำการจัดค่ายวิทยาศาสตร์ในวัดที่โรงเรียนของตนเองได้ด้วย                                     นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิชาการและกิจกรรมพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ สวทช. ในฐานะผู้เขียนหนังสือ "วิทยาศาสตร์ในวัด" กล่าวว่า วิทยาศาสตร์ช่วยพัฒนาความคิดเป็นเหตุและเป็นผล มีกระบวนการค้นหาความจริงในธรรมชาติอย่างมีหลักการ ในขณะที่ธรรมะช่วยหล่อหลอมจิตใจให้เป็นคนดี หลุดพ้นจากความชั่ว ซึ่งการนำครู พระอาจารย์และสามเณรมาอบรมก็เปรียบเสมือนเป็นธรรมะทูตทางวิทยาศาสตร์ที่นำความรู้ไปต่อยอดและพัฒนาต่อไป โดยได้ดึงเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือมาสร้างเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์แบบสนุกและเข้าใจง่าย จำนวน 5 กิจกรรม เช่น  - "ฟังเสียงระฆังในวัด" กับกิจกรรมการเรียนรู้คลื่นเสียงและแหล่งกำเนิดเสียง  - "ต้นโพธิ์...ต้นไม้ยอดฮิตของวัด" กับกิจกรรมการลอกลายใบไม้ - "จิตกรรมบนผนังอุโบสถ" กับกิจกรรมการวาดภาพศิลปะจากลิ่มนม - "เก็บบัวไหว้พระ" กับกิจกรรมการเคลือบพื้นผิวด้วยวัสดุต่างๆ และ "ทำไมอุโบสถถึงเย็น" กับกิจกรรมการเรียนรู้แหล่งกำเนิดพลังงานและการอนุรักษ์พลังงาน   ส่วนกิจกรรมปิดท้ายในยามค่ำคืน ได้รับเกียรติจาก รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) บรรยายความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ในหัวข้อ "ดาราศาสตร์กับปฏิทิน" พร้อมนำสามเณรและครูร่วมกิจกรรมดูดาวกับทีม สดร. ที่แนะนำถึงวิธีการสังเกตกลุ่มดาวต่างๆ ด้วยตาเปล่า และศึกษาวิธีการดูดาวผ่านกล้องดูดาวด้วย
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.12 – ITAP สวทช. มุ่งสร้างผู้ประกอบการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย ตามมาตรฐาน Primary ThaiGAP
ITAP สวทช. มุ่งสร้างผู้ประกอบการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย ตามมาตรฐาน Primary ThaiGAP สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) เดินหน้ามุ่งสร้างผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ หนุนเกษตรกรไทยให้พัฒนาระบบการผลิตทางการเกษตรตามมาตรฐาน Primary ThaiGAP ล่าสุดจัดอบรมเชิงปฏิบัติการแก่ผู้ประกอบการและเกษตรกรภาคใต้ ณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีมหาวิทยาลัยในพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย ม.สงขลานครินทร์ ม.ทักษิณ และ ม.ราชภัฎสงขลา ให้การสนับสนุนประสานเกษตรกรร่วมเข้ารับฟังมาตรฐานกับการสร้างจุดแข็งให้กับสินค้าเกษตรไทย พร้อมส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรที่มีการพัฒนาศักยภาพ เข้าสู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าเบื้องต้นเกษตรกรภาคใต้อย่างน้อย 8 รายเข้าร่วมโครงการ Primary ThaiGAP อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.nstda.or.th/news/22491-primary-thaigap  
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 2 ฉบับที่ 11 ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2560 (ฉบับที่ 23)
ข่าว ​งานวิจัยจากไบโอเทค สวทช. ได้รับรางวัล PTT Innovative Idea Awards ระดับ Silver สวทช. ร่วมกับสถานทูตญี่ปุ่น ส่งทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ JENESYS 2016 รอบ 2 รมว.วิทย์ เยี่ยม สวทช. พร้อมให้นโยบายเน้นงานวิจัยตอบโจทย์รัฐบาลสร้างอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง ก.วิทย์ฯ สวทช. เปิดบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร จัดงานตะลุยวันเด็ก 2560 ก.วิทย์ สวทช. ผนึก ทีเซล หนุน SMEs ยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ สวทช. จัดบรรยายพิเศษ งานวิจัย 0 บาท เยาวชน ร.ร.สตรีพัทลุง เยี่ยมชม สวทช. สวทช. ผนึกกำลังเชฟรอนและพันธมิตร จัดงานเมกเกอร์แฟร์ ปี 2 ก.วิทย์ สวทช. พร้อมนำองค์ความรู้ด้านวทน. หนุนไทยสู่ “เศรษฐกิจชีวภาพ” สวทช. ดึงกูรูเกาหลีพบครูแกนนำสะเต็มไทย นักวิจัย สวทช. คว้า 16 รางวัลจาก วช.   บทความ ภกญ.ดร.จิตติมา พิริยะพงศา จากเภสัชกรหญิง สู่การเป็นนักวิจัยด้านชีวสารสนเทศ​   ปฏิทินกิจกรรม กิจกรรมด้านพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เดือนกุมภาพันธ์ 2560 เปิดรับสมัครกิจกรรมปี 2560    Download เอกสารฉบับเต็ม [2.86 MB] NSTDA Newsletter ปีที่ 2 ฉบับที่ 11 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2560 (ฉบับที่ 23) from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
จดหมายข่าว สวทช.
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – สัมภาษณ์ ภกญ.ดร.จิตติมา พิริยะพงศา
ภกญ.ดร.จิตติมา พิริยะพงศา เภสัชกรหญิง ผู้ผันตัวสู่การเป็นนักวิจัยด้านชีวสารสนเทศ จนมีผลงานได้รับรางวัลมากมาย จากคำนำหน้าด้านสาขาวิชาชีพที่ใช้คำว่า “เภสัชกรหญิง” แต่ชีวิตต้องพลิกผันเมื่อค้นพบตัวเองว่ามีความรักและชอบด้านงานวิจัย จึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางวิชาชีพมาเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัยเต็มตัว จนผลงานวิจัยเด่นด้านชีวสารสนเทศ (Bioinformatics) ได้รับรางวัลมากมาย ได้แก่ “รางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่ดีเด่น” ปี 2558  หรือ รางวัล 2015 TRF-OHEC-Scopus Young Researcher Awards จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักพิมพ์ Elsevier ผู้จัดทำฐานข้อมูลวารสารวิชาการนานาชาติ Scopus ได้รับทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” (For Women in Science) และรางวัลจาก สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นต้น นักวิจัยที่เราจะมาพูดคุยในจดหมายข่าว สวทช. ฉบับนี้ ก็คือ ภกญ.ดร.จิตติมา พิริยะพงศา หรือ ดร.จิง นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการชีวสถิติและสารสนเทศ (BSI) หน่วยวิจัยเทคโนโลยีจีโนม (GTU) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) สวทช. ถาม : อยากทราบเหตุผลที่ ดร.จิง เปลี่ยนเส้นทางวิชาชีพจากเภสัชกรมาเป็นนักวิจัยด้านชีวสารสนเทศและมาทำงานที่ สวทช.ได้อย่างไรคะ ตอบ : แรกเริ่มเลยจิงเรียนจบปริญญาตรีที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ และในสายทางการแพทย์พอจบแล้วต้องมีการทำงานใช้ทุน ตอนนั้นได้ไปทำงานใช้ทุนที่สถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม ในตำแหน่งเป็นนักวิจัย ซึ่งพอได้ทำงานที่นี่แล้วได้สัมผัสว่า งานนักวิจัยเป็นอย่างไร ก็เลยเริ่มรู้สึกว่าเป็นงานที่เหมาะกับเรา เพราะเป็นงานที่มีอิสระ และเราสามารถบริหารจัดการกับโครงการของเรา จัดการเวลาของเราได้  หลังจากทำงานได้สองปีก็เริ่มอยากเรียนต่อ ซึ่งตอนนั้น จิงได้ทุนขององค์การเภสัชกรรมไปเรียนต่อแล้ว แต่ก็ลองศึกษารายละเอียดทุนของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย โดยพยายามหาทุนที่จบกลับมาได้ทำงานเป็นนักวิจัย  ก็เห็นว่ามีที่ สวทช. ที่จะได้ทำงานเป็นนักวิจัย  ตอนนั้น สวทช. เปิดให้ทุนสาขาหนึ่งคือ ชีวสารสนเทศ ซึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน เป็นสาขาที่แทบไม่มีใครรู้จักเลย ยังไม่มีใครเรียนจบมาทางด้านนี้ เราก็เลยรู้สึกว่าน่าสนใจ เพราะถ้าเรียนจบกลับมาก็น่าจะทำประโยชน์อะไรได้เยอะ แต่เราก็ต้องเปลี่ยนสายการเรียนไปเลย ต้องไปเรียนด้านคอมพิวเตอร์เพิ่มอีก เนื่องจากว่าชีวสารสนเทศเป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์สองสาขา คือ คอมพิวเตอร์ และชีววิทยา เป็นการนำความรู้ทางคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้กับงานวิจัยทางด้านชีววิทยา ซึ่งก็มีลักษณะงานหลากหลาย ทั้งในด้านการเก็บรวบรวม วิเคราะห์ คำนวณ ประมวลผลข้อมูล และพัฒนาเครื่องมือทางคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยทำนายแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นก่อนการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการ หรือช่วยให้งานวิจัยก้าวหน้าได้เร็วขึ้น เราคิดว่าเป็นสาขาที่น่าสนใจ และถ้าเรามีความพยายามมากพอ เราก็น่าจะเรียนได้ ดังนั้นจึงได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ Georgia Institute of Technology ในประเทศสหรัฐอเมริกา และเมื่อเรียนจบก็กลับมาใช้ทุนที่ BIOTECค่ะ และเลือกทำงานที่ห้องปฏิบัติการชีวสถิติและสารสนเทศ (BSI) ซึ่งเป็นแล็บ Bioinformatics โดยตรง นับตั้งแต่วันที่เริ่มงานจนถึงวันนี้ก็เจ็ดปีกว่าแล้วค่ะ ถาม : งานวิจัยที่ได้รับรางวัลนี้เป็นเรื่องกี่ยวกับอะไรคะ ตอบ : เป็นงานวิจัยเรื่อง “การใช้ชีวสารสนเทศในการศึกษากลไกการทำงานของไมโครอาร์เอ็นเอและโรคในมนุษย์” (Application of bioinformatics for studying microRNA gene regulation and human diseases) ค่ะ งานวิจัยนี้ใช้ชีวสารสนเทศ หรือ Bioinformatics มาศึกษากลไกใหม่ในการทำงานของ microRNA ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็กๆ ในร่างกายของเราที่ทำหน้าที่ควบคุมการแสดงออกของยีนผ่านการจับกับตำแหน่งเป้าหมายบนยีน จากการศึกษาที่ผ่านมานั้น พบว่า การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปของ microRNA มีความเกี่ยวข้องกับโรคต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็งด้วยค่ะ ดังนั้น จึงมีการนำความรู้ด้าน microRNA มาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ รวมทั้งในการเกษตรเพื่อปรับปรุงคุณลักษณะทางการเกษตรที่ต้องการด้วย  วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ คือ ศึกษาการทำงานของ microRNA ผ่านการจับกับบริเวณของยีนที่เรียกว่า promoter  ซึ่งเป็นกลไกใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีการทดลองทางห้องปฏิบัติการมากนัก โดยการนำชีวสารสนเทศ ซึ่งเป็นการทดลองในคอมพิวเตอร์ มาใช้ในการทำนายตำแหน่งเป้าหมายของ microRNA ที่อยู่บนลำดับเบส promoter ของยีนทุกตัวในจีโนมของมนุษย์ จากนั้น จึงนำข้อมูลตำแหน่งเป้าหมายที่ได้จากการทำนาย มาเชื่อมโยงเข้ากับข้อมูลจีโนมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครื่องมือทางคอมพิวเตอร์อื่นๆ และจัดทำเป็น public database ที่ชื่อว่า microPIR ซึ่งเปิดให้ใช้งานฟรีที่ http://www4a.biotec.or.th/micropir และถือเป็นฐานข้อมูลแบบบูรณาการแหล่งแรกของข้อมูลตำแหน่งเป้าหมายของ microRNA บนยีน promoter ซึ่งนักวิจัยที่ศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ สามารถใช้ข้อมูลจาก database ในการคัดกรองตำแหน่งเป้าหมายของ microRNA ที่ตรงกับความสนใจก่อนนำไปศึกษาต่อในเชิงลึก ซึ่งก็จะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทดลองในห้องปฏิบัติการได้ รวมทั้งเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการดำเนินวิจัย และยังช่วยกระตุ้นให้งานวิจัยในหัวข้อนี้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น องค์ความรู้ที่ได้ก็อาจนำไปสู่แนวคิดในการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ในการรักษาโรค ผ่านการควบคุมการแสดงออกของของยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคได้ในอนาคต ตอนนี้มีฐานข้อมูล microPIR เวอร์ชั่น 2 สำหรับการศึกษาเชิงเปรียบเทียบระหว่างตำแหน่งเป้าหมายของไมโครอาร์เอ็นเอในจีโนมมนุษย์และจีโนมหนูด้วยนะคะ สำหรับงานวิจัยเรื่องนี้ก็ได้รับทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” (For Women in Science) ประจำปี 2556 ด้วย นอกจากนี้ผลงานวิจัยชิ้นนี้ยังได้รับเลือกเป็น Research Highlight บนเว็บไซต์ A-IMBN (Asia-Pacific International Molecular Biology Network) research อีกด้วย ถาม : ทราบว่า ดร.จิง ได้รับรางวัล “นักวิจัยรุ่นใหม่ดีเด่น ปี 2015” ด้วย รางวัลนี้เป็นอย่างไรคะ ตอบ : เนื่องจากจิงเคยได้รับทุนส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่จาก สกว. มาก่อนจำนวน 2 ทุนค่ะ จากข้อมูลที่ได้รับ รางวัลนี้จะคัดเลือกจากนักวิจัยที่ได้รับทุน สกว. ซึ่งมีผลงานจากโครงการที่ได้รับทุนอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม ทั้งในด้านคุณภาพของผลงานวิจัยและผลกระทบต่อวงการวิชาการและสังคมด้วย เท่าที่เข้าใจนะคะเค้าจะดูจากจำนวนบทความวิชาการที่เราตีพิมพ์ รวมทั้งจำนวนครั้งที่ถูกนำไปอ้างอิงทางวิชาการ (Citation) และก็ดูที่คุณภาพของผลงานวิจัยเราจาก H-index ด้วยค่ะ การมอบรางวัลอันนี้ก็เพื่อให้นักวิจัยรุ่นใหม่ๆ อย่างเรามีกำลังใจในการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพสูงต่อไปค่ะ ถาม : รางวัลที่ได้รับจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มีอะไรบ้าง ตอบ : รางวัลที่ได้รับ ก็คือ “รางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ” จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มีรางวัลวิทยานิพนธ์ ระดับดีเด่น สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา ปี 2552 เรื่อง “จุดกำเนิดและวิวัฒนาการของยีนในยูคาริโอตจากทรานสโปซอน” และต่อมาก็ได้รับรางวัลผลงานวิจัยระดับดี ประจำปี 2558 เรื่อง “วิวัฒนาการทางพันธุกรรมของยีนโออาร์เอฟ 5 และยีนเอ็นเอสพี 2 ของเชื้อไวรัสพีอาร์อาร์เอสในฝูงสุกรที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสพีอาร์อาร์เอสสายพันธุ์รุนแรง” (Genetic evaluation of ORF5 and Nsp2 genes of PRRSV in a swine herd following an acute outbreak with highly pathogenic PRRSV) สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา เป็นงานวิจัยร่วมกับอาจารย์จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  งานวิจัยนี้ศึกษาว่า หลังจากที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสพีอาร์อาร์เอสสายพันธุ์รุนแรงที่สร้างความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรในประเทศไทยแล้ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสพีอาร์อาร์เอสที่มีอยู่เดิมในฟาร์มสุกรหรือไม่ ประโยชน์ของงานวิจัยนี้ก็คือ สามารถนำไปใช้ในการสร้างโมเดลจำลองกลไกการวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสตัวนี้ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการควบคุมโรคในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรในประเทศไทยต่อไปค่ะ ถาม : ทำงานเยอะขนาดนี้ มีแรงบันดาลใจอะไรในการทำงานคะ ตอบ : แรงบันดาลใจของจิงมีค่อนข้างหลากหลาย แล้วแต่งานค่ะ บางงานนั้นเลือกทำเพราะว่าความชอบล้วนๆ เลย ไม่มีเหตุผลอื่นมารองรับ บางงานอาจจะไม่เคยทำมาก่อน แต่เราคิดว่าเรามีทักษะที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ เป็นงานที่มีประโยชน์และมี Impact ต่อประเทศ ก็ทำให้มีแรงบันดาลใจที่อยากจะทำ แต่แรงบันดาลใจโดยรวมก็คือ เมื่อเราได้ทำงานวิจัย แล้วสิ่งที่ทำมีประโยชน์กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ อาจจะเห็นผลกระทบชัดเจนในวันนี้ หรืออีกนานมากในอนาคต ซึ่งอาจจะเป็นองค์ความรู้ที่ทำให้ต่อยอดงานวิจัยไปได้ แค่นี้เราก็รู้สึกว่าเราภูมิใจแล้ว ทำเต็มที่ตามศักยภาพที่เรามี ทำให้ดีที่สุด และรักในสิ่งที่ทำ รับผิดชอบให้ดีที่สุด และทำงานแบบกัดไม่ปล่อยค่ะ ถาม : มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงานอย่างไรบ้าง และมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรคะ ตอบ : ปัญหาหลักๆ ในการทำงานก็จะเป็นเรื่องกำลังคนค่ะ เพราะในประเทศไทยคนเรียนด้านชีวสารสนเทศ ค่อนข้างน้อย มีหลักสูตรที่เปิดสอนก็ค่อนข้างน้อย และคนที่เรียนจบด้านนี้ส่วนหนึ่งก็อาจจะไปทำงานด้านอื่นอีก ถ้าเทียบความก้าวหน้าของชีวสารสนเทศในประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ของเขาอาจจะไปไกลกว่าเราเยอะ ตรงนี้ทำให้เมื่อเราหาคนที่จบด้านนี้โดยตรงไม่ได้ เราก็ต้องแก้ปัญหาโดยการรับคนที่จบด้านอื่นที่ใกล้เคียงอย่างเช่นคอมพิวเตอร์ หรือวิศวะมาแทนและเทรนความรู้ด้านชีววิทยาให้ ซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาในการเทรนอยู่บ้างกว่าจะมีประสบการณ์ในการทำงานค่ะ   ดร.จิตติมา พิริยะพงศา เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ที่ค้นพบว่าตัวเองชอบอะไร แล้วทำตามความฝันที่ตัวเองต้องการ จนประสบความสำเร็จ... รางวัลต่างๆ ที่ได้รับ คงเป็นสิ่งยืนยันได้ดีระดับหนึ่งถึงคุณค่าของผลงาน เป็นกำลังใจที่ดีให้แก่คนทำงาน แต่สิ่งสำคัญอันเป็นความภาคภูมิใจของเจ้าตัวยิ่งกว่านั่นก็คือ ผลงานวิจัยที่ทำ สามารถนำไปช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมได้นั่นเอง
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – นักวิจัย สวทช. คว้า 16 รางวัลจาก วช.
นักวิจัย สวทช. คว้า 16 รางวัลจาก วช.​ ด้วยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้มอบรางวัลให้แก่นักวิจัยที่อุทิศตนในการวิจัยที่เกิดประโยชน์ในเชิงวิชาการ เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการ โดยในปีนี้ นักวิจัย สวทช. ได้รับรางวัลผลงานวิจัย รางวัลวิทยานิพนธ์ ประจำปี 2559 และรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2560 จำนวนทั้งสิ้น 16 รางวัล นอกจากนี้ยังมีนักวิจัยอีกหนึ่งท่านได้รับรางวัล “TRF-OHEC-Scopus Researcher Awards” จาก สกว. ร่วมกับ สำนักพิมพ์เอลเซอร์เวียร์ (Elsevier) อีกด้วย ตามรายละเอียดดังนี้ รางวัลผลงานวิจัย ประจำปี 2559 รางวัลระดับดีมาก มี 2 รางวัล ได้แก่ ผลงานวิจัยเรื่อง “ซีรีน ไฮดรอกซีเมธิลทรานเฟอร์เรส เป้าหมายยาใหม่สำหรับโรคมาลาเรีย” (Serine Hydroxymethylatransferase as a Novel Drug Target for Malaria) สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช โดย ดร.อุบลศรี เลิศสกุลพาณิช และคณะ ผลงานวิจัยเรื่อง “พัฒนากระบวนการผลิตโฟมไททาเนียมบริสุทธิ์แบบเซลล์เปิดโดยใช้กระบวนการชุบสารแขวนลอยกับต้นแบบโฟมพอลิเมอร์” (Fabrication of Open-Cell Commercially Pure Titanium Foam Using Slurry Impregnated Polymeric Foam) สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย โดย ดร.อัญชลี มโนนุกุล นายปฐมภูมิ ศรีกุดเวียน จาก MTEC  ร่วมกับ Mrs.MakikoTange และนายนิพนธ์ เด็นหมัด รางวัลระดับดี มี 1 รางวัล ได้แก่ ผลงานวิจัยเรื่อง “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอาร์เอ็นเออินเทอร์เฟียแรนซ์เพื่อจัดการปัญหาโตช้าในกุ้งกุลาดำที่เกิดจากไวรัสแหลมสิงห์” (RNAinterferencetechnology for practicalmanagementofaslowgrowth virus (Laem-Singh virus, LSNV) in black tigershrimpcultivation) สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา โดย ดร.วรรณวิมล ศักดิ์เสมอพรหม ดร.เพทาย จรูญนารถ และนางสาวสโรชา จิตรากร จากห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพกุ้ง BIOTEC ร่วมกับ นางสาวฐิติพร ธรรมสอน   รางวัลวิทยานิพนธ์ ประจําปี 2559   รางวัลระดับดีเด่น มี 1 รางวัล ได้แก่ วิทยานิพนธ์ เรื่อง “ลักษณะทางจีโนมของการแสดงออกของยีนที่มีไลน์-1 โดยโปรตีนอาร์โกนอต” (Genomic Characteristics of Argonaute Proteins Mediate Genes Containing LINE-1 Expression) สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา โดย ดร.ชุมพล งามผิว จากหน่วยวิจัยเทคโนโลยีจีโนม BIOTEC           รางวัลระดับดีมาก มี 2 รางวัล ได้แก่ วิทยานิพนธ์ เรื่อง “การปรับเปลี่ยนกระบวนการเมตาโบลิซึมในการผลิตสารทุติยภูมิของต้นแพงพวยฝรั่ง แบบบูรณาการด้วยวิธีชีวสังเคราะห์ (synthetic biology) และเคมีสังเคราะห์ (synthetic chemistry)” (Reprogramming Alkaloid Biosynthesis in Catharanthus roseus :Synthetic Biology in Plants) สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช โดย ดร.วีรวัฒน์ รังกุพันธุ์ จากหน่วยวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพและชีววัสดุ BIOTEC  วิทยานิพนธ์ เรื่อง “การศึกษาประสิทธิภาพในการทำงานของรีเซพเตอร์กลุ่มลิแกนด์เกทต์-ไอออนแชแนล ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างของโปรตีน, ปฏิสัมพันธ์ระหว่างลิแกนด์และรีเซพเตอร์, และการสื่อสารกับรีเซพเตอร์โปรตีนชนิดอื่น” (Probing the Roles of Receptor Structure, Drug-Receptor Interactions, and Receptor Crosstalk in Ligand-Gated Ion Channel Function) สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช โดย ดร.วัลย์รติ ลิ่มอภิชาต จากหน่วยวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยทางชีวภาพ BIOTEC รางวัลระดับดี มี 3 รางวัล ได้แก่ วิทยานิพนธ์ เรื่อง “การศึกษากลศาสตร์และการไหลของโลหิตเพื่อการออกแบบพาหะนำส่งยาชนิดพุ่งเป้าสำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดแข็งตัว” (Exploring the Impact of Hemodynamic and Hemorheology in the Design of Carrier for Vascular-Targeted Drug Delivery in Atherosclerosis) สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย ดร.คทาวุธ นามดี จากหน่วยวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อชีวิตและสุขภาพ NANOTEC วิทยานิพนธ์ เรื่อง “การศึกษาการสังเคราะห์โลหะออกไซด์นาโนไวร์ที่มีสมบัติเฉพาะทางเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์นาโนที่มีองค์ประกอบของสารอินทรีย์และอนินทรีย์” (Fundamental Study of Functional Metal Oxide Nanowires Towards Organinc-Inorganic Nanodevices) สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช โดย ดร.อรรณพ คล้ำชื่น จากหน่วยมาตรวิทยานาโนวิเคราะห์และวิศวกรรม NANOTEC วิทยานิพนธ์ เรื่อง “การประยุกต์ใช้อนุภาคนาโนแม่เหล็กติดฉลากดีเอ็นเอสำหรับการวิเคราะห์ทางชีวภาพและชีวการแพทย์” (DNA-conjugated Magnetic Nanoparticles for Bio-analytical and Medical Applications) สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช โดย ดร.สุวัสสา บำรุงทรัพย์ จากหน่วยวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อชีวิตและสุขภาพ NANOTEC   รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2560   รางวัลระดับดีเด่น มี 3 รางวัล ได้แก่ ผลงานเรื่อง "เครื่องเอสพีอาร์แบบภาพและระบบฟลูอิดิกแบบหลายช่องวัด" (SPR Imager with a Multichannel Fluidic Delivery System) สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ โดย นายอาโมทย์ สมบูรณ์แก้ว จาก NECTEC และคณะ  ผลงานเรื่อง "แผ่นปิดแผลที่เคลือบด้วยสารสกัดสมุนไพร" (Polyester Containing Herbal Extracts Dressings) สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย ภญ.อรทัย ล้ออุทัย จาก NANOTEC และคณะ  ผลงานเรื่อง "หมึกนำไฟฟ้ากราฟีน" (Graphene Conductive Ink) สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย โดย ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ จาก NECTEC และคณะ รางวัลระดับดีมาก มี 1 รางวัล ได้แก่ ผลงานเรื่อง "Amp-Gold ชุดตรวจแบคทีเรียเชื้อก่อโรคตับตายเฉียบพลันสาเหตุหนึ่งของโรคกุ้งอีเอ็มเอส" (Amp-Gold Sensitive Visual Detection Kit of AHPND Bacteria) สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา โดย นางวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย นายณรงค์ อรัญรุตม์ นางสาวจันทนา คำภีระ และนายศราวุฒิ ศิริธรรมจักร จากหน่วยวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยทางชีวภาพ BIOTEC   รางวัลระดับดี มี 1 รางวัล ได้แก่ ผลงานเรื่อง "จมูกอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะเพื่อวัดคุณภาพกลิ่นในอากาศ" (Smart Electronics Nose with Internet of Things Technology for Environmental Oder Management) สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ โดย ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ นายทวี ป๊อกฝ้าย นายณัฐพล วัฒนวิสุทธิ์ และนางสาวขวัญดารา มธุรส จากศูนย์นวัตกรรมการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อินทรีย์ NECTEC   รางวัลประกาศเกียรติคุณ มี 2 รางวัล ได้แก่ ผลงานเรื่อง "มะเขือเทศรับประทานผลสดลูกเล็กที่ต้านทานต่อโรคใบหงิกเหลือง" (Cherry Tomato Resistant to Yellow Leaf Curl Disease) สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา โดย ดร.อรวรรณ ชัชวาลการพาณิชย์ นางสาวอัญจนา บุญชด และนางสาวเบญจรงค์ พวงรัตน์ จากหน่วยวิจัยไวรัสวิทยาและเทคโนโลยีแอนติบอดี BIOTEC ร่วมกับ ผศ.ถาวร โกวิทยากร ผลงานเรื่อง "เลนส์มิวอาย นวัตกรรมใหม่ของกล้องจุลทรรศน์แบบพกพา" (MuEye Lens : A Novel Development of Portable Microscope) สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย โดย ดร.อัชฌา กอบวิทยา และคณะ จากหน่วยวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ NECTEC นอกจากนี้ยังมี ดร.ขจรศักดิ์ เฟื่องนวกิจ จาก NANOTEC ซึ่งได้สร้างผลงาน “ตัวเร่งปฏิกิริยานาโนเพื่อการผลิตสารเคมีชีวภาพและเชื้อเพลิงชีวภาพชั้นสูง” และได้รับรางวัล TRF-OHEC-Scopus Researcher Awards จาก สกว. ร่วมกับ สำนักพิมพ์เอลเซอร์เวียร์ (Elsevier) ในฐานะนักวิจัยรุ่นกลางที่มีผลงานโดดเด่น โดยมีผลงานวิจัยจากโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก สกว. ในระดับดีเยี่ยม ทั้งคุณภาพของงานวิจัย ตลอดจนผลกระทบต่อวงวิชาการและสังคม
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – สวทช. ดึงกูรูเกาหลีพบครูแกนนำสะเต็มไทย
สวทช. ดึงกูรูเกาหลีพบครูแกนนำสะเต็มไทย  ยกระดับการเรียนการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา​ 23 ม.ค. 60 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยสำนักพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และฝ่ายกลยุทธ์บุคคลและพัฒนาองค์กร สำนักงานกลาง จัดงาน HRD Knowledge Sharing ครั้งที่ 7 ในหัวข้อ "Thinking Power ขุมพลังทางความคิดจากสาธารณรัฐเกาหลี" การบรรยายพิเศษด้านการสร้างกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ สร้างผลงาน คิดค้นนวัตกรรม รวมถึงการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างประสบความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Lee Chung Koog (นายลีชุงกุ), Vice Chairman of the organizing committee for World Mathematical Olympiad วิทยากรผู้มีชื่อเสียงจากการทำงานด้านการศึกษาและการพัฒนาระบบความคิด จากสาธารณรัฐเกาหลี เป็นวิทยากรแนะนำแก่ครูแกนนำผู้สอนสะเต็มศึกษา และบุคลากร สวทช. กว่า 100 คน   อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5121
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – ก.วิทย์ สวทช. พร้อมนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนุนไทยสู่ “เศรษฐกิจชีวภาพ”
​ก.วิทย์ สวทช. พร้อมนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนุนไทยสู่ “เศรษฐกิจชีวภาพ” 23 มกราคม 2560 : โครงการสานพลังรัฐ ด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (D5 : New S-Curve) จัดพิธีลงนามความร่วมมือสร้างเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) สานพลังร่วมกัน 4 หน่วยงาน ระหว่าง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงพลังงาน,  กระทรวงอุตสาหกรรม และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ปตท. โดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน   ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวถึง การขับเคลื่อน Bioeconomy ที่ยั่งยืนด้วยการใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนวัตกรรมว่า หลักการของเศรษฐกิจชีวภาพมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความยั่งยืน เศรษฐกิจชีวภาพจึงเป็นรูปแบบการพัฒนาที่สอดคล้องตามกระบวนทัศน์ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs “เศรษฐกิจชีวภาพ” เป็นทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งอนาคตของทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ที่นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบชีวภาพและทรัพยากรชีวภาพที่มีอยู่มากของแต่ละประเทศ ด้วยการนำความรู้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีชีวภาพและนวัตกรรมมาพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมการผลิตและบริการในด้านต่างๆ เช่น การเกษตรและอาหาร พลังงาน สุขภาพการแพทย์ รวมถึงการวิจัยพัฒนา ผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตใหม่ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5022-new-s-curve
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – สวทช. ผนึกกำลังเชฟรอนและพันธมิตร จัดงานเมกเกอร์แฟร์ ปี 2
สวทช. ผนึกกำลังเชฟรอนและพันธมิตร จัดงานเมกเกอร์แฟร์ ปี 2​   ต่อยอดความสำเร็จวัฒนธรรมแห่งการประดิษฐ์และสร้างสรรค์ วางรากฐานประเทศไทย 4.0     กรุงเทพฯ 21 มกราคม 2560 - บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมกับ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และพันธมิตร จัดงานมหกรรมแสดงผลงานและสิ่งประดิษฐ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ “Bangkok Mini Maker Faire ปี 2” ทำของมาอวด ”รวมพล “เมกเกอร์” หรือนักสร้างสรรค์และนักประดิษฐ์ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศกว่าร้อยชีวิต เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมเมกเกอร์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อันเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 มกราคม ที่ผ่านมา ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเดอะสตรีท รัชดา    งาน Bangkok Mini Maker Faire ปี 2 จัดแสดงผลงานนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ของเมกเกอร์จากทั่วประเทศไทย กว่า 60 บูธ พร้อมด้วยกิจกรรมน่าสนใจเพื่อให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ในวัฒนธรรมเมกเกอร์ อาทิ เวิร์กชอปสำหรับผู้รักการเรียนรู้ในด้านต่างๆ ทั้งการใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ การทำงานศิลปะบนผืนผ้า ไปจนถึงการประกอบโดรน การแข่งขันหุ่นยนต์เห่ย การโชว์ขบวนพาเหรดแห่งแสงไฟและเสียงดนตรี นอกจากนั้น ยังมีการประกาศผลการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับเมกเกอร์ ในระดับนักเรียน-นักศึกษาสายสามัญและอาชีวศึกษา ในรายการ “Enjoy Sciences : Young Makers Contest” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต โดยในครั้งนี้ได้กำหนดหัวข้อ “นวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุและผู้พิการ” ผู้ชนะจะได้รับรางวัลทุนการศึกษา ตลอดจนทริปเข้าร่วมงาน Maker Faire ในสหราชอาณาจักรและประเทศญี่ปุ่น รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ซึ่งการประกวดในปีนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากอีกสองพันธมิตรสำคัญคือ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)   อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5012-bangkok-mini-maker-faire2
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – เยาวชน ร.ร.สตรีพัทลุง เยี่ยมชม สวทช.
​เยาวชน ร.ร.สตรีพัทลุง เยี่ยมชม สวทช. 19 ม.ค. 60) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยคุณสุภาภรณ์ ศรอำพล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหารบ้าน วิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. ให้การต้อนรับคณะครูและ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 4-5 โรงเรียนสตรี พัทลุง จังหวัดพัทลุง ในโอกาสเข้าเยี่ยมชม สวทช.   โดยกิจกรรมเริ่มต้นด้วยการชมนิทรรศการมหัศจรรย์ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย การเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพด้านพืช จากนั้นได้เข้าไปสัมผัสกับศูนย์วิจัยแห่งชาติ สวทช. ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค)  นอกจากนี้ น้องๆ ยังได้รับฟังการบรรยาย พิเศษ "แรงบันดาลใจสู่เส้นทางอาชีพ...นักวิจัย" โดย  ดร.กันตพัฒน์ จันทร์แสนภักดิ์ นักวิจัยห้องปฏิบัติการวัสดุนาโนเฉพาะทางและโครงสร้างพื้นผิวนักวิจัย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. ด้วย    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5122
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – สวทช. จัดบรรยายพิเศษ งานวิจัย 0 บาท
สวทช. จัดบรรยายพิเศษ งานวิจัย 0 บาท สู่การศึกษากลไกการทำงานของสมอง พร้อมนำเสนอความก้าวหน้าผลงานวิจัยนักศึกษาทุน สวทช.     18 ม.ค. 60 ณ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี - ฝ่ายพัฒนาบัณฑิตและนักวิจัย และชมรมนักเรียนทุน สวทช. (NSTDA Scholarships Society) จัดกิจกรรมพิเศษและนำเสนอความก้าวหน้าผลงานวิจัยของนักเรียนทุน สวทช. โดยมี คุณจันทร์ธิรา มงคลวัย ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบัณฑิตและนักวิจัย สวทช. กล่าวต้อนรับและเปิดงาน    กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการบรรยายพิเศษ เรื่อง “งานวิจัยศูนย์บาท สู่การศึกษากลไกการทำงานของสมอง” โดย ผศ. ดร.วสุนันท์ ชุ่มเชื้อ อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญ จากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีประสบการณ์ในการดูแลเด็กพิเศษด้วยอาชาบำบัด และดนตรีบำบัด และยังเป็นศิษย์เก่านักศึกษาทุน TGIST มาเผยเส้นทางประสบการณ์ในอาชีพ กว่าจะประสบความสำเร็จ ที่เริ่มต้นงานวิจัยแบบไม่มีงบประมาณวิจัยเลย แต่สามารถทำงานวิจัยได้ ด้วยแนวคิดที่ว่า “งานวิจัยศูนย์บาท มีเพื่อนเหมือนมีแขนมีขา” กล่าวคือ การมีเพื่อน มีเครือข่าย และคอนเนคชั่นต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งทุกคนควรสร้างโอกาสให้ตนเอง เพราะทุกคนสามารถพัฒนาตนเองได้     นอกจากนี้ อาจารย์ยังเล่าถึงเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับที่มาในการศึกษากลไกการทำงานของสมองว่า จุดเริ่มต้นมาจากลูกศิษย์ที่เป็นครูสอนเปียโนมาถามงาน ทำให้เกิดไอเดียวิจัยพัฒนาสมองขึ้นมาที่ใช้แค่เสียงดนตรี การร้องเล่น เต้นรำ และสัตว์เลี้ยง เข้ามาช่วยพัฒนาสมอง ตลอดจนกระบวนการคิดวิเคราะห์ของตนเอง โดยอาจารย์เริ่มจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทั้งอาชาบำบัด ฝึกขี่ม้า และเรียนเปียโน จนสามารถสอบถึงขั้นที่เป็นครูสอนเปียโนได้ ซึ่งปัจจุบันอาจารย์เองมีผลงานวิจัยต่างๆ แล้วกว่า 30 ผลงาน
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – ก.วิทย์ สวทช. ผนึก ทีเซล หนุน SMEs ยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์
​ก.วิทย์ สวทช. ผนึก ทีเซล หนุน SMEs ยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์   เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากล   17 มกราคม 2560 โรงแรมโนโวเทล สุขุมวิท 20 : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเซล (TCELS) จัดสัมมนา “การยกระดับต่อยอดเครื่องมือทางการแพทย์ไทยในยุค Thailand 4.0” (The Transformation of Medical Device Industry for Thailand 4.0 : “Software validation for medical devices”) เพื่อขยายผลและยกระดับเทคโนโลยีทางการแพทย์ของไทยให้สามารถพัฒนาเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ ที่ต้องการจะยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มุ่งสู่การยอมรับในระดับสากลมากขึ้น   อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5018-tcels-smes-medical-device
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.11 – ก.วิทย์ฯ สวทช. เปิดบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร จัดงานตะลุยวันเด็ก 2560
ก.วิทย์ฯ สวทช. เปิดบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร จัดงานตะลุยวันเด็ก 2560​   สนุกวิทย์ รู้คิด ตามรอยอัจฉริยภาพพ่อหลวงของคนไทย   11 มกราคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งมอบความสุขในเทศกาลวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2560 ในงาน “ตะลุยวันเด็ก! บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” ในหัวข้องาน "สนุกวิทย์ รู้คิด ตามรอยอัจฉริยภาพพ่อหลวงของคนไทย" ระหว่างวันที่ 11-12 มกราคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี เผยยอดตอบรับมีน้องๆ เยาวชนเข้าร่วมงานรวม 2 วันมากกว่า 5,000 คน  เพื่อร่วมชมการแสดงของเพื่อนเยาวชนด้วยกัน และเล่นสนุกตามฐานกิจกรรมกว่า 20 ฐาน พิเศษกว่า 10 ฐานกับเกมส์เพื่อเรียนรู้และซึมซับพระอัจฉริยภาพพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ของไทย โดยพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ดร.อ้อมใจ ไทรเมฆ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานสนับสนุนมากมาย   สำหรับกิจกรรมเด่นภายในงาน “ตะลุยวันเด็ก! บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ประจำปี 2560” ประกอบด้วยกิจกรรมมากมายที่ให้ทั้งความสนุก และเปิดโอกาสการเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างสนุกสนาน อาทิ กิจกรรมเถ้าแกลบพอเพียง ตามรอยพ่อ เด็กๆ จะได้เรียนรู้การนำของเหลือทิ้งเช่น เถ้าแกลบ มาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าช่วยลดขยะ และเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกในการรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมโครงการของพ่อ ใครน้อ...ตอบได้? ให้เด็กๆ แข่งกันกันทายภาพต่างๆ ที่เป็นภาพของโครงการในพระราชดำริ เพื่อหาผู้ชนะที่ตอบได้มากที่สุด กิจกรรม Power of King เป็นเกมส์สนุกๆ ที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้โครงการตามพระราชดำริฯ และพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 5 ฐานกิจกรรม ประกอบด้วย ดาวฝนหลวง พระมหาชนก หนูเยี่ยมงาน กังหันชัยพัฒนา และกีฬาของพ่อ กิจกรรมมาชั่ง (หัว) มันกันเถอะ เป็นกิจกรรมนำหัวมันสำปะหลังมาชั่งน้ำหนักให้ได้ตามบัตรที่จับขึ้นมา เช่น จับได้บัตรตัวเลข 5 กับบัตรที่มีเครื่องหมายมากกว่า แสดงว่าน้องๆ ต้องหยิบมันสำปะหลังมาวางลงบนตราชั่งให้มีน้ำหนักมากกว่า 5 กิโลกรัม โดยน้องสามารถหยิบจำนวนมันสำปะหลังได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อน้องๆ เล่นเกมเสร็จ พี่ๆ จะอธิบายถึงว่าเพราะเหตุใดเราจึงต้องชั่งหัวมัน เชื่อมโยงไปถึงพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่มีพระราชดำริในการจัดตั้งโครงการชั่งหัวมัน ที่จังหวัดเพชรบุรี  กิจกรรมนักวิทย์น้อย ตามรอยพระราชา มี 4 ฐานย่อย ได้แก่ โครงการพลังงานทดแทน (กังหันลม) โครงการแก้มลิง โครงการฝนเทียม และโครงการเลี้ยงกบในพระราชดำริเรียนรู้ชีวิตกบ กิจกรรมทฤษฎีใหม่ ไร่พอเพียง เป็นการเรียนรู้ทฤษฎ๊ใหม่ตามแนวพระราชดำริฯ ได้แก่ บ้านพอเพียง ปลูกพืชผักเป็นอาหาร แหล่งน้ำใช้สอย เลี้ยงสัตว์น้อยใหญ่ และปลูกข้าวกันเถอะ   อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5011
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย