หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 ประจำเดือน เมษายน 2559 (ฉบับที่ 13)
ข่าว ก.วิทย์ฯ โดย สวทช. ผนึกกำลังพันธมิตร โชว์นวัตกรรมระบบราง พัฒนาโดยคนไทย สวทช. ก.วิทย์ฯ จับมือ มทร.ธัญบุรี ขยายเครือข่าย ITAP หนุน SME ในพื้นที่ภาคกลาง ITAP สวทช. หนุน SME สร้างผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ โชว์ในงาน TIFF2016 ก.วิทย์ฯ จับมือ 11 หน่วยงาน หนุนจัดงาน Startup Thailand 2016 เพื่อผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ก.อุตสาหกรรม ร่วมกับ 4 หน่วยงาน ดันผู้ประกอบการไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนนอก ITAP สวทช. แถลงผลงานรอบ 5 เดือน เดินหน้าเคียงข้าง SMEs ซอฟต์แวร์พาร์ค จับมือ เว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ฯ จัดประกวด “สุดยอดแอนิเมชั่น เงินออมสร้างชาติ” ชิงทุนการศึกษา เอกชนขานรับร่วมงาน CEO Innovation Forum 2016 พร้อมเปิดตัวมาตรการยกเว้นภาษี 300% ก.วิทย์ฯ โดย สวทช. เปิดตัว “บัญชีนวัตกรรมไทย” สร้างโอกาสผู้ประกอบการไทย เข้าถึงตลาดภาครัฐ ศาลปกครองเปิดช่องทางการเรียนรู้ ผ่านระบบสื่อสาระออนไลน์ เพื่อการเรียนรู้ทางไกล เฉลิมพระเกียรติฯ มทร.ล้านนา ผนึกกำลัง สวทช. ร่วมวิจัยและขยายผลสู่ชุมชน อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี   บทความ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2559   ปฏิทินกิจกรรม หากคุณคือ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ งาน Startup Thailand 2016 ตอบโจทย์ธุรกิจแนวใหม่ สถาบันวิทยาการ สวทช. (NSTDA Academy) เปิดหลักสูตรการอบรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และไอที ประจำเดือนเมษายน - ต้นพฤษภาคม 2559    Download เอกสารฉบับเต็ม [13.2 MB]   .
จดหมายข่าว สวทช.
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – บทความ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ทรงเป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2559
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิด งานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2559 สวทช. จัดงานประชุมวิชาการประจำปี 2559 ในโอกาสครบรอบ 25 ปี เพียบพร้อมด้วยกิจกรรมการประชุมวิชากการ การสัมมนา-เสวนา หลากหลายหัวข้อ เปิดบ้าน สวทช.ให้เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิจัย นิทรรศการโชว์ผลงานวิจัยเด่น สวทช. และการรับสมัครงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2559 (NSTDA Annual Conference 2016 : NAC2016) ภายใต้หัวข้อ “25 ปี สวทช. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่ออนาคตเศรษฐกิจและสังคมไทย” ที่จัดระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 2 เมษายน 2559 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ ที่ปรึกษาอาวุโสผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวบังคมทูลรายงานว่า สวทช. เป็นหน่วยงานในกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2534 นับถึงปัจจุบันมีการดำเนินงานมาแล้ว 25 ปี สร้างผลงานวิจัยที่เพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย อาทิ สายพันธุ์ข้าวดอกมะลิ 105 ทนน้ำท่วม ชุดตรวจไข้หวัดนก เครื่องรบกวนสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคง เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติสำหรับการผ่าตัดฟันเครื่องแรกของประเทศไทย ฟิล์มบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดอายุผลิตผลสด เครื่องกรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเทคโนโลยีไส้กรองนาโน เป็นต้น และมีบทบาทในการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในโครงการตามพระราชดำริ สำหรับนักวิจัยรุ่นใหม่และเยาวชนทุกช่วงชั้น รวมถึงการเสริมสร้างการเรียนการสอนให้แก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความบกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา และ สวทช. ยังได้สร้างพื้นฐานในการก่อตั้งหลายหน่วยงานที่มีพันธกิจเฉพาะทาง อาทิ สถาบันอาหาร สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูง บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท เลิร์นเทค จำกัด และ บริษัท ที–เน็ต จำกัด เป็นต้น สำหรับปีงบประมาณ 2558 ที่ผ่านมา สวทช. มีผลงานที่เป็นองค์ความรู้ ได้แก่ สิ่งตีพิมพ์ ทรัพย์สินทางปัญญา และผลงานที่ได้รับการถ่ายทอดเชิงพาณิชย์และสาธารณประโยชน์จำนวนมาก คำนวณได้ว่ามีมูลค่าการลงทุนจากกิจกรรมของ สวทช. 9,580 ล้านบาท ได้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 18,900 ล้านบาท และ สวทช. ยังได้ดำเนินการผลักดันนโยบายระดับชาติที่สำคัญ ได้แก่ มาตรการทางภาษี 300% และบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนสนใจลงทุนวิจัยและพัฒนามากขึ้น สวทช. ได้จัดการประชุมประจำปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยและพัฒนาที่ สวทช. ได้สนับสนุนและดำเนินการโดยนักวิจัยของ สวทช. ทั้ง 4 ศูนย์แห่งชาติ ได้แก่ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี เครือข่ายภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆ ทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคการผลิตและบริการ นายทวีศักดิ์  กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กราบบังคมทูลเบิกผู้เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรในโครงการส่งเสริมการพัฒนา ศักยภาพบุคลากรทางการวิจัยที่ สวทช. ให้การสนับสนุนและส่งเสริม เพื่อให้เกิดบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถที่จะนำทรัพยากรต่างๆ มาประยุกต์ให้เกิดนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ได้แก่ คณะนักวิจัยโครงการทุนนักวิจัยแกนนำ โครงการทุน NSTDA Chair Professor และโครงการทุน PTT NSTDA Chair Professor / ผู้ชนะเลิศการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 18 และเกษตรกรผู้ชนะการประกวดนวัตกรรมชาวบ้านด้านการเกษตร จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสเปิดงานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2559 พร้อมเสด็จฯ ไปทรงตัดแถบแพรเปิดนิทรรศการ “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย” ต่อจากนั้นทรงทอดพระเนตรนิทรรศการผลงานในโซนเทิดพระเกียรติ อาทิ โครงการระบบสื่อสาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 การพัฒนาทักษะคอมพิวเตอร์ของเยาวชนบ้านพินิจสู่การสร้างสรรค์การ์ตูนไลน์ การพัฒนาศักยภาพคนพิการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย โครงการมหาวิทยาลัยเด็กประเทศไทย และโรงเรียนต้นแบบด้านการศึกษาสำหรับชุมชนชายขอบ เป็นต้น และความก้าวหน้าของผลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. อาทิ การพัฒนายาต้านมาลาเรีย P218 ตัวพายึดเกาะเยื่อเมือก เพื่อผลิตภัณฑ์ในช่องปาก ซอฟต์แวร์ทันระบาด รู้ทันเหตุการณ์ไข้เลือดออก อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ไบโอเซนเซอร์ กระจกเปลี่ยนสีอัจฉริยะสำหรับกรองแสงและความร้อน และเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เป็นต้น นอกเหนือจากการประชุม/สัมมนาทางวิชาการ และการแสดงนิทรรศการแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมเปิดบ้าน สวทช. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนได้เข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิจัยและวิเคราะห์ทดสอบ และการรับสมัครงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี S&T Job Fair กว่า 2,000 อัตราจากภาครัฐและบริษัทชั้นนำกว่า 100 หน่วยงาน
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – มทร.ล้านนา ผนึกกำลัง สวทช. ร่วมวิจัยและขยายผลสู่ชุมชน
​มทร.ล้านนา ผนึกกำลัง สวทช. ร่วมวิจัยและขยายผลสู่ชุมชน อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี     สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) : ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. ลงนามความร่วมมือร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.ล้านนา) โดย รศ. ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดี มทร.ล้านนา ในการพัฒนา “จากพันธุกรรม สู่นวัตกรรม เพื่อชุมชน” เพื่อร่วมกันยกระดับหน่วยบริหารจัดการเชื้อพันธุกรรมให้มีศักยภาพและมาตรฐานสูงขึ้น รวมทั้งร่วมกันพัฒนาและสร้างงานวิจัยนวัตกรรมบนฐานความรู้ และภูมิปัญญา อันจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของเกษตรกร ชุมชน และผู้ประกอบการในการผลิตภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมให้มีความเข้มแข็งและเกิดความยั่งยืน ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “สวทช. ให้ความสำคัญต่อการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนฐานเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านการเกษตรและอาหารซึ่งเป็นฐานสำคัญของประเทศ และเกี่ยวข้องประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ การดำเนินงานของ สวทช. จำเป็นต้องมีพันธมิตรร่วมทาง และให้ความสำคัญใน 4 พันธกิจ ทั้งด้านการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม การพัฒนาด้านกำลังคน การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนและเกษตรกร ตัวอย่างความร่วมมือที่ผ่านมาระหว่าง สวทช. และ มทร.ล้านนา ที่สามารถสร้างผลกระทบต่อสังคม ชุมชนและภาคอุตสาหกรรม เช่น ความร่วมมือในการพัฒนาพันธุ์ข้าวเหนียว กข6 ต้านทานโรคไหม้ “ธัญสิริน” ซึ่งศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ร่วมกับกรมการข้าว และ มทร.ล้านนา พัฒนาพันธุ์ข้าวเหนียวต้านทานโรคไหม้ โดยใช้เครื่องหมายโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับยีนต้านทานโรคไหม้และคุณภาพหุงต้ม ร่วมกับการปรับปรุงพันธุ์แบบวิธีมาตรฐาน ได้พันธุ์ข้าวเหนียว กข6 ต้านทานโรคไหม้ ที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่นาน้ำฝนในเขตภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคไหม้ ซึ่งได้ร่วมกันขยายผลในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตเมล็ดพันธุ์พืช ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน กลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์บ้านสามขา อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และกลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ ต.เต่างอย อ.เต่างอย จ.สกลนคร เป็นต้น” ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต่อว่า “นอกจากการขยายผลและถ่ายทอดเทคโนโลยีในเรื่องข้าวแล้ว ยังมีการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีในเรื่องอื่นๆ เช่น ข้าวไร่  ข้าวสาลี  ถั่วเหลือง และการผลิตพริกเพื่อลดต้นทุน เป็นต้น รวมทั้งความร่วมมือในด้านการบริหารจัดการเชื้อพันธุกรรมพืชในวงศ์แตง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเครือข่ายหน่วยบริหารจัดการเชื้อพันธุกรรมภายใต้ คลัสเตอร์เมล็ดพันธุ์ของประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ทั้งความมั่นคงด้านอาหารและเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมเมล็ด พันธุ์ไทย โดยหน่วยบริการเชื้อพันธุกรรมมีหน้าที่เก็บรวบรวมเชื้อพันธุกรรมพืชวงศ์แตง เช่น แตงกวา ฟักทอง ทำการประเมินเชื้อพันธุกรรมและให้บริการแก่นักปรับปรุงพันธุ์ทั้งภาครัฐและ เอกชน เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นพันธุ์การค้า และนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ทั้งนี้ นอกจากด้านการวิจัยและพัฒนา การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านหน่วยบริหารจัดการเชื้อพันธุกรรมแล้ว ยังได้ร่วมกันพัฒนาบุคลากรของประเทศ อาทิ การสร้างนักปรับปรุงพันธุ์รุ่นใหม่ โดยจัดฝึกอบรมนักปรับปรุงพันธุ์และจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ในด้านการจัดการน้ำ และธาตุอาหารพืช เป็นต้น” ด้าน รศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านาเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยนวัตกรรมเพื่อชุมชน” มหาวิทยาลัยมีองค์ความรู้ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมีสถาบันวิจัยและพัฒนา สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร และสถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน โดยมีพันธกิจที่มุ่งเน้นการสร้างงานวิจัยองค์ความรู้และนวัตกรรมในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่การให้บริการทางวิชาการเพื่อชุมชน โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ มทร.ธัญบุรี, มทร.กรุงเทพ, มทร.ตะวันออก, มทร.สุวรรณภูมิ, มทร.ศรีวิชัย, มทร.พระนคร, มทร.อีสาน, มทร.รัตนโกสินทร์ และ มทร.ล้านนา ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการ Research for Community ให้เกิดความเข้มแข็งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง และชุมชน เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้ ทรัพยากรทั้งด้านบุคคลและวัสดุอุปกรณ์อย่างมีคุณค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาชุมชน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมซึ่งจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนการนำความรู้และเทคโนโลยีไปขยายผลสู่เกษตรกรในวงกว้างและขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพของ ชชุมชน”   ทั้งนี้  ความร่วมมือระหว่าง สวทช. และ มทร.ล้านนา ในการร่วมกันพัฒนา “จากพันธุกรรม สู่นวัตกรรม เพื่อชุมชน” มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อพัฒนาสังคม ชุมชน และเกษตรไทยให้เข้มแข็งและมีความยั่งยืน และสร้างความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรไทยต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน ดังนี้ 1. เพื่อยกระดับหน่วยบริหารจัดการเชื้อพันธุกรรมที่ได้จัดตั้งขึ้นมาแล้ว ให้มีศักยภาพและมาตรฐานที่สูงขึ้นในระดับชาติและระดับนานาชาติ 2. เพื่อพัฒนาและสร้างงานวิจัยนวัตกรรมบนฐานความรู้ และภูมิปัญญา ที่เหมาะสมกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก ที่ชุมชนและภาคเอกชนสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาขีดความสามารถด้านการผลิตเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก 3. เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของเกษตรกร ชุมชน และผู้ประกอบการ ในการผลิตภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมด้วยการเพิ่มพูนความรู้ที่เหมาะสมและทันสมัย 4. เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัย นักวิชาการ และนักศึกษา ให้มีความรู้ในวิชาการด้านการพัฒนาเกษตร อุตสาหกรรม ให้ก้าวหน้า ทันสมัย และตระหนักในความเป็นสังคมภาคเกษตรของไทยให้คงอยู่ตลอดไป
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – ศาลปกครองเปิดช่องทางการเรียนรู้ ผ่านระบบสื่อสาระออนไลน์
ศาลปกครองเปิดช่องทางการเรียนรู้กฎหมายปกครอง ผ่านระบบสื่อสาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกล เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ   ​ อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ - นายอติโชค ผลดี รองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง เปิดเผยว่า แผนยุทธศาสตร์ศาลปกครอง (ฉบับที่ 4) ซึ่งศาลปกครองได้ประกาศใช้เป็นกรอบทิศทางการดำเนินงานในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2558 - 2561 ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การพัฒนารูปแบบ กลไก การประสานและบูรณาการความสัมพันธ์และความร่วมมือทางวิชาการกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ โดยกำหนดให้สำนักงานศาลปกครองดำเนินการส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐและสถาบันการศึกษานำเนื้อหาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับหลักกฎหมายปกครอง กระบวนการยุติธรรมทางปกครอง และการอำนวยความยุติธรรมทางปกครองไปปรับใช้ในการจัดอบรมหรือจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น โอกาสนี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ริเริ่มจัดทำโครงการระบบสื่อสาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกล เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในวโรกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 โดยเป็นการพัฒนาระบบออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ขนาดใหญ่เพื่อให้ได้สื่อสาระเพื่อครูในการนำไปใช้สร้างสื่อการสอน และเป็นระบบ e-learning เพื่อการเรียนรู้ทางไกลสำหรับนักเรียนทั่วราชอาณาจักร ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและ WIFI และได้เชิญหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อจะได้มีสื่อสาระการเรียนรู้ที่หลากหลายเข้าถึงกลุ่มประชาชนได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น สำนักงานศาลปกครองพิจารณาเห็นว่า โครงการสื่อสาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกลฯนี้ เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และประชาชนจำนวนมาก และสามารถประชาสัมพันธ์กฎหมายปกครองและศาลปกครองไปสู่สาธารณชนได้ จึงได้กำหนดวัตถุประสงค์การร่วมโครงการเพื่อจะเผยแพร่ข้อมูลความรู้ สร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับกฎหมายปกครอง ศาลปกครอง และกระบวนการยุติธรรมทางปกครองให้กับเยาวชน บุคลากรทางการศึกษา หน่วยงานของรัฐ และประชาชนทั่วไป อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศโดยใช้เทคโนโลยีทางการ ศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพการเรียน การสอนไปยังนักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ บุคลากรในหน่วยงานของรัฐ และประชาชนทุกภาคส่วน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/21939-nstda
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – ก.วิทย์ โดย สวทช. เปิดตัว “บัญชีนวัตกรรมไทย”
ก.วิทย์ โดย สวทช. เปิดตัว “บัญชีนวัตกรรมไทย” สร้างโอกาส ผู้ประกอบการไทย เข้าถึงตลาดภาครัฐ ยกระดับสู่สากล     กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง เปิดตัว ‘บัญชีนวัตกรรมไทย’ เข้าถึงตลาดภาครัฐ สร้างโอกาสผู้ประกอบการไทย หนึ่งในกลไกภาครัฐที่หนุนให้ผลงานวิจัยจากความรู้ของคนไทย มีโอกาสนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับและยกระดับสู่สากล โดยอาศัยกลไกการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐเป็นตัวนำ ชึ่งเป็นมาตรการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ ที่เป็นผลงานนวัตกรรมให้กับภาครัฐได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของไทยให้สามารถผลิตสู่เชิงพาณิชย์อย่างมีคุณภาพและมาตรฐานในระดับที่เชื่อถือได้ ตลอดจนทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ล่าสุดประกาศขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยแล้ว 26 ผลงาน เตรียมจ่อขึ้นบัญชีอีกหลายสิบผลงานเร็วๆ นี้ โดยสามารถขึ้นทะเบียนนวัตกรรมไทยได้สูงสุดเป็นเวลา 8 ปี ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “ผลงานวิจัยขึ้นหิ้งที่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ ขาดกลไกเชื่อมโยงระหว่างผลงานวิจัยและนวัตกรรมกับการแปลงผลงานไปสู่เชิงพาณิชย์ รวมทั้งขาดการสร้างตลาดภาครัฐเพื่อรองรับนวัตกรรมที่พัฒนาโดยภาคเอกชน  คณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ (คพน.) ซึ่งมีท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เป็นประธาน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา เพื่อให้มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมของประเทศที่สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ รวมทั้งต้องมีการกำกับดูแลการวิจัยพัฒนา และการสร้างนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสรรค์สังคมไทย รวมทั้งสร้างความยั่งยืน มั่นคง และมั่งคั่งให้แก่ประเทศในระยะยาว จึงเป็นที่มาของนโยบาย ‘บัญชีนวัตกรรมไทย’ ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐเป็นเครื่องมือทางนโยบายในการสนับสนุน และส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการนำผลงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมไทย มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของไทยให้สามารถผลิตสู่เชิงพาณิชย์ อย่างมีมาตรฐานในระดับที่เชื่อถือได้ ตลอดจนทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดย สวทช. เป็นหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และบริการที่ขอขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เชื่อถือได้ และมอบหมายสำนักงบประมาณเป็นหน่วยตรวจสอบราคาของผลิตภัณฑ์และบริการที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อยแล้ว หากได้มาตรฐานและเป็นไปตามข้อกำหนดแล้วจึงประกาศรายการผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นๆ ขึ้นใน “บัญชีนวัตกรรมไทย” ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “มาตรการการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ ประกอบการไทย ในการนำผลงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมไทย มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของไทยให้สามารถผลิตสู่เชิงพาณิชย์อย่างมีมาตรฐาน ในระดับที่เชื่อถือได้ ตลอดจนทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการใช้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐเป็นเครื่องมือทางนโยบายในการส่งเสริมการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมของประเทศ หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย สามารถดำเนินการได้โดยเริ่มจากเตรียมแบบคำขอขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยและเอกสารประกอบต่างๆ ให้ครบถ้วน จากนั้นส่งมายัง สวทช. ซึ่ง สวทช. โดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย และคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผลงานนวัตกรรมที่ขอขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย จะพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติผลงานนวัตกรรมไทยตามหลักเกณฑ์ 4 ข้อ ได้แก่ 1) เป็นนวัตกรรมที่เป็นผลมาจากงานวิจัยและพัฒนาของคนไทยอย่างมีนัยสำคัญ 2) เป็นนิติบุคคลไทยที่มีผู้ถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 51 หรือองค์กรภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการผลิตและจำหน่าย 3) ผ่านการรับรองมาตรฐานบังคับ 4) มีผลการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เมื่อคณะกรรมการฯ มีมติรับรอง สวทช. จะนำส่งรายละเอียดผลงานที่ผ่านการพิจารณาแล้วให้สำนักงบประมาณ ดำเนินการตรวจสอบราคาผลิตภัณฑ์และบริการ และจัดทำประกาศบัญชีนวัตกรรมไทย ซึ่งขณะนี้มีผลงานนวัตกรรมที่ยื่นแบบคำขอฯ มายัง สวทช. แล้วทั้งสิ้น 87 ผลงาน และที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการฯ แล้วจำนวนทั้งสิ้น 34 ผลงาน โดย ณ วันนี้ (28 มี.ค. 59) สำนักงบประมาณได้ประกาศขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยเรียบร้อยแล้ว จำนวน 26 ผลงาน” รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีนวัตกรรมไทย สามารถดูได้ที่ http://www.innovation.go.th/ ​
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – เอกชนขานรับร่วมงาน CEO Innovation Forum 2016 พร้อมเปิดตัวมาตรการยกเว้นภาษี 300%
เอกชนขานรับร่วมงาน CEO Innovation Forum 2016 พร้อมเปิดตัวมาตรการยกเว้นภาษี 300% ขับเคลื่อนประเทศสู่นวัตกรรม   ​ 25 มีนาคม 2559 : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ร่วมกันจัดงาน “CEO Innovation Forum 2016 และเปิดตัวมาตรการยกเว้นภาษี 300% สำหรับการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม” โดยมี ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธาน ภายในงานมีการเสวนาพิเศษ หัวข้อ “การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม” โดย ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์  คุณวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คุณกานต์ ตระกูลฮุน ประธานร่วมคณะทำงานร่วมประชารัฐ ด้านการยกระดับนวัตกรรมและผลิตภาพ พร้อมเปิดตัวมาตรการยกเว้นภาษี 300% ขับเคลื่อนประเทศสู่นวัตกรรม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/21935-ceo-innovation-forum-2016
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – ซอฟต์แวร์พาร์ค จับมือ เว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ฯ จัดประกวด “สุดยอดแอนิเมชั่น เงินออมสร้างชาติ”
​ซอฟต์แวร์พาร์ค จับมือ เว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม จัดประกวด “สุดยอดแอนิเมชั่น เงินออมสร้างชาติ” ชิงทุนการศึกษารวมกว่า 200,000 บาท ซอฟต์แวร์พาร์ค ร่วมกับ บริษัท เว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม จำกัด จัดประกวด “สุดยอด แอนิเมชั่น เงินออมสร้างชาติ” ดึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ผ่านสื่อแอนิเมชั่น ภายใต้แนวคิดของการกระตุ้นและปลูกฝังให้คนไทยมีพฤติกรรมการออมเงินตั้งแต่วัยเยาว์ เห็นความสำคัญของการออมเพื่อการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและครอบครัว ป้องกันความเสี่ยงที่จะก้าวเข้าสู่ภาวะเกษียณ ทั้งนี้ โครงการ Software Park – WealthMagik Animation Award จะเริ่มเปิดให้นิสิต นักศึกษา สมัครเข้าร่วมส่งผลงานประกวดตั้งแต่วันที่ 1 – 30  เมษายน 2559 โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนและศึกษาข้อมูลรายละเอียดได้ที่  www.WealthMagik.com/AnimationAward และ www.swpark.or.th  และประกาศผลผู้ชนะเลิศในเดือน ตุลาคม 2559 หรือสอบถามโทร. 0-2861-4830 ต่อ 629
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – ITAP สวทช. แถลงผลงานรอบ 5 เดือน เดินหน้าเคียงข้าง SMEs
ITAP สวทช. แถลงผลงานรอบ 5 เดือน เดินหน้าเคียงข้าง SMEs ให้ยั่งยืนเติบโตด้วยวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม ITAP หรือโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงผลงานในรอบ 5 เดือน (ตุลาคม 2558 - กุมภาพันธ์ 2559) ชี้ ITAP ช่วยเหลือ SME ปลดล็อคข้อจำกัดทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งสร้างเครือข่าย ITAP ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยถึง 17 แห่งแล้ว ประกาศพร้อมเดินหน้าทำงานสอดคล้องนโยบายรัฐบาลสนับสนุน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวกระโดดต่อไป ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการสร้างความเข้มแข็งของ SME ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยอนุมัติให้ ITAP สนับสนุน SME จำนวนมากขึ้นเป็น 2 เท่า (จาก 400 โครงการในปีก่อนหน้า เป็น 800 โครงการ) ในลักษณะโครงการนำร่องในปี 2559 ภายในระยะเวลา 5 เดือน นับตั้งแต่ตุลาคม 2558 จนถึงกุมภาพันธ์ 2559 ITAP ได้ดำเนินกิจกรรมสำรวจความต้องการและวินิจฉัยให้คำปรึกษาเบื้องต้นแก่ SME ทั่วประเทศจำนวนมากถึง 662 ราย (จากแผนที่กำหนดไว้ 650 ราย) และดำเนินกิจกรรมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกรวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ แก่ SME ทั่วประเทศอีกจำนวนมากถึง 393 ราย (จากแผนที่กำหนดไว้ 380 ราย) แสดงให้เห็นว่าในระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา ITAP สามารถช่วยเหลือ SME ในการปลดล็อคข้อจำกัดทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมทั้งก่อให้เกิดการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจำนวนมากกว่า 555.4 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนจากภาครัฐร้อยละ 23 และการลงทุนจากภาคเอกชน (SME) ร้อยละ 77 โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศไม่ต่ำกว่า 3,421 ล้านบาท โดยภาคเอกชนได้รับผลประโยชน์ 8.5 เท่าจากเงินลงทุนภายในระยะเวลา 1 ปี แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของ ITAP ในการช่วยเหลือ SME และประเทศไทย นอกจากนั้น ITAP ยังทำงานสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต ตาม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย 5 อุตสาหกรรมเดิมที่ต้องต่อยอด ได้แก่ 1) ยานยนต์สมัยใหม่ 2) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3) การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4) การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5) การแปรรูปอาหาร และ 5 อุตสาหกรรมใหม่สำหรับอนาคต ได้แก่ 1) หุ่นยนต์ 2) การบินและโลจิสติกส์ 3) เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 4) ดิจิทัล และ 5) การแพทย์ครบวงจร” ​ “เพื่อให้การสนับสนุน SME ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศไทย ITAP มีเครือข่ายที่เกิดจากความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ตั้งอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 10 แห่งก่อนปี 2559 ได้แก่ 1) สวทช.ภาคเหนือ 2) มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 4) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 5) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 6) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 7) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 8) มหาวิทยาลัยศิลปากร 9) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ 10) สถาบันไทย-เยอรมัน รวมทั้งขยายความร่วมมือเพิ่มเติมอีก 7 แห่งในปี 2559 ได้แก่ 1) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 2) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 3) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 4) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 5) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 6) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ 7) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย รวมเป็นเครือข่ายความร่วมมือของ ITAP มากถึง 17 แห่ง ซึ่งจะช่วยเป็นกำลังในการสนับสนุน SME ให้ครอบคลุมทั่วถึงมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ITAP ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่ให้การสนับสนุน SME (เช่น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME BANK เป็นต้น) เพื่อส่งต่อ SME ตามความต้องการและความสามารถในการสนับสนุนของหน่วยงานนั้นๆ เพื่อให้ SME ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่องและครบวงจรตลอดห่วงโซ่คุณค่า” ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล กล่าว
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – ก.อุตสาหกรรม ร่วมกับ 4 หน่วยงาน ดันผู้ประกอบการไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนนอก
ก.อุตสาหกรรม ร่วมกับ 4 หน่วยงาน ดันผู้ประกอบการไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนนอก พร้อมชูไอเดีย “Green SMEs” ในเวทีโลก​ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ผนึกกำลังกับ 3 หน่วยงานหลักด้านการวิจัยและเทคโนโลยีของไทย ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดึงองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (องค์การ ยูนิโด) ดำเนินโครงการ GEF UNIDO Cleantech Programme for SMEs in Thailand เพื่อคัดเลือก SMEs กลุ่ม Start-up เข้าร่วมฝึกอบรมและนำเสนอผลงาน ผ่านการประกวดนวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด ชิงเงินทุนพัฒนากิจการกว่า 60,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,100,000 บาท และมีโอกาสเจรจาธุรกิจร่วมลงทุนด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาดในงาน Cleantech Open เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/21912-greensmes
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – ก.วิทย์ฯ จับมือ 11 หน่วยงาน หนุนจัดงาน Startup Thailand 2016
ก.วิทย์ฯ จับมือ 11 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน หนุนจัดงาน Startup Thailand 2016 เพื่อผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ​ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จับมือ 11 หน่วยงานภาครัฐและเอกชนลงนามบันทึกความร่วมมือ ประกอบด้วยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เครือข่ายประชารัฐ ภาคเอกชน และประชาคมสตาร์ทอัพไทย จัดงาน Startup Thailand 2016 ระหว่างวันที่ 28 เมษายน 2559 – 1 พฤษภาคม 2559 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ตามนโยบายของรัฐบาล จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ (คพน.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2559 ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติมอบหมายให้กระทรวงวิทย์ฯ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดทำโครงการ National Campaign Startup Thailand เพื่อเป็นการระดมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ของประเทศให้มารวมตัวกัน โดยมี ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานความร่วมมือทั้ง 11 หน่วยงาน ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า กระทรวงฯ มีนโยบายที่จะตอบโจทย์รัฐบาลด้วยการจับมือกับหน่วยงานภาครัฐ 11 หน่วยงาน สนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ โดยการจัดงาน Startup Thailand 2016 ระหว่างวันที่ 28 เมษายน 2559 – 1 พฤษภาคม 2559 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยการส่งเสริม สนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจและสร้างตลาดใหม่ (Scalable) สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด (High growth) ด้วยการระดมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ของประเทศให้มารวมตัวกัน เปิดโอกาสให้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่พร้อมให้การสนับสนุนทางการเงิน ตลอดจนสร้างความตระหนักและความตื่นตัวให้กับทุกคนในสังคมในการเป็นผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา นักเรียนอาชีวะ ผู้ที่จบการศึกษาและทำงานมาระยะหนึ่ง เกษตรกรยุคใหม่ ผู้บริหารองค์กร บริษัท หน่วยงานภาครัฐต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัยที่มีการบ่มเพาะให้บริการหรือมีกิจกรรมส่งเสริม startup และผู้ประกอบการ SMEs อันจะช่วยผลักดันให้เกิดสังคมแห่งผู้ประกอบการขึ้นในประเทศไทยและส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน งานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Startup Unite” ซึ่งเป็นการรวบรวม Startup และหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับ Startup ทุกภาคส่วนเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยเน้นการใช้สินค้าและบริการของ Startup ในการจัดงาน อาทิ การใช้แอปพลิเคชันของ Startup นอกจากนี้ยังมีการเสวนาและปาฐกถาพิเศษจากทั้งในและต่างประเทศ เช่น “วิสัยทัศน์และพลังสร้างชาติด้วย Startup Thailand” โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “การขับเคลื่อน Startup Thailand : ฐานเศรษฐกิจใหม่ของไทย” โดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และการเสวนา “โอกาสของการเติบโตของ Startup ไทยในเวทีโลก” เป็นต้น พร้อมด้วยนิทรรศการแสดงผลงานจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคการเงิน/การธนาคารมหาวิทยาลัยinternational showcase และ future of industry startup ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้รับความรู้อย่างเต็มที่ และเกิดแรงบันดาลใจสร้างธุรกิจให้ก้าวหน้าและสร้างรายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – ITAP สวทช. หนุน SME สร้างผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ โชว์ในงาน TIFF2016
ITAP สวทช. หนุน SME สร้างผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ พร้อมอวดโฉมในงาน TIFF2016 ณ งาน TIFF2016 อิมแพ็คเมืองทองธานี - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  ร่วมกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย จัดพิธีเปิดนำเสนอผลิตภัณฑ์ต้นแบบ โครงการ “อัพไซคลิ่ง : สร้างคุณค่าให้วัสดุเหลือใช้ด้วยการออกแบบ (Upcycling : Value Creation with Design)” โดยการแปลงเศษวัสดุหรือขยะที่เหลือทิ้งจากการผลิตที่มีจำนวนมหาศาลในโรงงาน สู่แนวคิด ‘การบริหารจัดการกับขยะ’ เป็น ‘การออกแบบเพื่อเพิ่มมูลค่าอย่างยั่งยืน’ ผลิตให้เป็นผลิตภัณฑ์ของตกแต่งบ้านดีไซน์เท่ สวยงาม ไม่เหมือนใคร พร้อมอวดโฉมผลงานที่ได้สร้างสรรค์โดยผู้ประกอบการ 5 ราย กว่า 30 ชิ้น ในงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ 2559 (TIFF 2016) ระหว่างวันที่ 9 - 13 มีนาคม 2559 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็คเมืองทองธานี นับเป็นอีกหนึ่งแรง ‘ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ’ ตามนโยบายของรัฐบาล อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/21909-tiff2016
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.1 – สวทช. ก.วิทย์ จับมือ มทร.ธัญบุรี ขยายเครือข่าย ITAP หนุน SME ในพื้นที่ภาคกลาง
​สวทช. ก.วิทย์ จับมือ มทร.ธัญบุรี ขยายเครือข่าย ITAP หนุน SME ในพื้นที่ภาคกลาง เติบโตยั่งยืนด้วยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. ลงนามความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) โดย รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดี มทร.ธัญบุรี ในการดำเนินงานเครือข่ายโปรแกรม ITAP ในพื้นที่ภาคกลาง กล่าวคือ มหาวิทยาลัยฯ จะนำกลไก ITAP ไปใช้ในการสนับสนุน SME  ซึ่งประโยชน์ที่ภาคอุตสาหกรรมและประเทศจะได้รับ คือ จะเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้การสนับสนุนแก้ไขปัญหา และทำวิจัยพัฒนา ที่ครอบคลุมหลากหลายสาขามากขึ้น เข้าถึงเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยได้มากขึ้น และจะมีจำนวน SME ที่ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/news/21892-itap
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย