ผลการค้นหา :

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.4 – สวทช. ติวเข้มเกษตรกรรุ่นใหม่สู่ “ผู้ประกอบการเมล็ดพันธุ์” หนุนไทยสู่ศูนย์กลางเมล็ดพันธ์ุโลก
สวทช. ติวเข้มเกษตรกรรุ่นใหม่สู่ “ผู้ประกอบการเมล็ดพันธุ์” หนุนไทยสู่ศูนย์กลางเมล็ดพันธ์ุโลก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสถาบันการศึกษาและบริษัทผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ ริเริ่ม“โครงการผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่” ติวเข้มเสริมความรู้ พัฒนาทักษะ และสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวสู่อาชีพผู้ประกอบการเมล็ดพันธุ์ เพื่อสร้างรายได้ให้ครอบครัวและชุมชนอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ของโลก (Seed Hub) ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ปัจจุบันไทยส่งออกเมล็ดพันธุ์เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน มีมูลค่าการส่งออกไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งไทยมีความได้เปรียบเรื่องสภาพภูมิอากาศที่หลากหลาย สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งเกษตรกรไทยมีทักษะฝีมือในการผลิตเมล็ดพันธุ์ซึ่งเป็นงานเกษตรปราณีต ประเทศไทยจึงมีศักยภาพที่จะเป็น “ศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ของโลก” (Seed Hub) ได้ สวทช. ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ และบริษัทผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ 6 แห่ง จัดทำ “โครงการพัฒนาทักษะผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่” รุ่นที่ 1 เมื่อปี 2559 (ระยะเวลา 3 ปี) เพื่อสร้างผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ เกิดเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์หรือการบ่มเพาะผู้ประกอบการด้านเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่โดยผ่านการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ในด้านธุรกิจเมล็ดพันธุ์ เทคนิคการผลิตเมล็ดพันธุ์จากภาคเอกชน เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ความรู้ด้านกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จด้วยดี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11186-20170605-seed-hub
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.4 – ITAP สวทช. สภาหอการค้าฯ อวดโฉมผู้ประกอบการผักและผลไม้ไทยได้ ThaiGAP ในงาน THAIFEX2017
ITAP สวทช. สภาหอการค้าฯ อวดโฉมผู้ประกอบการผักและผลไม้ไทยได้ ThaiGAP ในงาน THAIFEX2017 ในงาน THAIFEX 2017 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำผู้ประกอบการผักและผลไม้ไทยที่เข้าร่วมโครงการ “การยกระดับและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการด้านสินค้าผักและผลไม้ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ AEC ด้วย ThaiGAP” แสดงผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ThaiGAP ในงาน THAIFEX 2017 พร้อมมุ่งเดินหน้าหนุนผู้ประกอบการผักและผลไม้ไทยให้ได้รับมาตรฐาน ThaiGAP และ Primary ThaiGAP เพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคด้วยความปลอดภัยของสินค้า เกษตร และที่สำคัญเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรไทยแข่งขันได้ในอาเซียนและตลาดโลก ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 - ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 30 รายที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ThaiGAP และระหว่างเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 2 รายที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Primary ThaiGAP โดยผลิตผลทางเกษตรที่เข้าร่วมโครงการล้วนมาจากผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ที่หลากหลายกว่า 70 ชนิด อาทิ เมล่อน มะละกอ มะพร้าวน้ำหอม แคนตาลูป แตงโม กล้วยหอม พริก ทุเรียน มังคุด เงาะ และมะเขือเทศ เป็นต้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5289-20170531-thaifex-2017
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉบับที่ 3 ประจำเดือน มิถุนายน 2560
ข่าว
สวทช. ส่งมอบเครื่องบิน Cozy Mark IV แก่ ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. ติวเข้มธุรกิจซอฟต์แวร์
นักเรียนไทยเจ๋ง! คว้ารางวัลเหรียญเงิน-ทอง จากเวทีโลก I-SWEEEP 2017 สหรัฐอเมริกา
ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จัดสัมมนา Smart IT for Smart Industry
ITAP สวทช. ร่วมกับ TCELS จัดสัมมนายกระดับผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์
นักวิจัยนาโนเทค สวทช. ได้รับทุนนักวิจัยหญิงออสเตรเลีย-เอเปค ประจำปี 2560
ก.วิทย์ฯ สวทช. ทีเซล วช. ผนึก สธ. นำร่อง 6 โรงพยาบาลหนุนใช้ "เดนตีสแกน 2.0"
ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. เดินหน้าสร้างนักศึกษา สู่สตาร์ทอัพ เสนอแนวคิดนวัตกรรมดิจิทัล
สวทช. - ศาลปกครอง ขยายความร่วมมือสารนิเทศด้านกฎหมาย การเมือง และการปกครอง
สวทช. สสวท. เชฟรอน และคีนัน จับมือพันธมิตรจัดงาน "ครบ 5 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย"
บทความ
เดนตีสแกน 2.0 ตอบโจทย์งานทันตกรรม 360 องศา
ปฏิทินกิจกรรม
กิจกรรมค่าย
Download เอกสารฉบับเต็ม [10.0 MB]
NSTDA Newsletter ปีที่ 3 ฉบับที่ 3 ประจำเดือนมิถุนายน 2560 from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
จดหมายข่าว สวทช.

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ปฏิทินกิจกรรม
• กิจกรรมค่ายบูรณาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล ระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. • กิจกรรมอบรมเชิงปฎิบัติการเรื่อง STEM Career สาหรับครู อาจารย์ ระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. • กิจกรรมผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา สาขาเคมี ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 25-30 มิถุนายน 2560 ณ เมืองลินเดา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี • กิจกรรมค่ายหนึ่งวัน สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในวันที่ 27 มิถุนายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. • บรรยายพิเศษจาก NSTDA Scholarships Society (ชมรมนักเรียนทุน สวทช.) เรื่อง “ถอดบทเรียนชีวิตและประสบการณ์ กูรูเซรามิกส์ สู่สังเวียนธุรกิจ กับความสุขเรียบง่าย” โดย ดร.คชินท์ สายอินทวงศ์ ศิษย์เก่าโครงการทุน TGIST ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านเซรามิกส์ เจ้าของเว็บไซต์ www.thaiceramicsociety.com อาจารย์พิเศษภาควิชาวัสดุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในวันที่ 14 มิถุนายน 2560เวลา 09:30 - 11:00 น. ณ ห้องประชุม 405 อาคารศูนย์ประชุม (TSP-CC) ชั้น 4 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. โดยฝ่ายพัฒนาบัณฑิตและนักวิจัยและชมรมนักเรียนทุน สวทช. • กิจกรรมนาเสนอความก้าวหน้าผลงานศึกษาวิจัยเพื่อปริญญานิพนธ์โครงการ YSTP และรายงานความก้าวหน้างานวิจัยเพื่อวิทยานิพนธ์โครงการ TGIST และ NUI-RC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2560 เวลา 12:30 - 16:00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 3 และชั้น 4 อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (TSP-CC) โดยฝ่ายพัฒนาบัณฑิตและนักวิจัย • กิจกรรมมอบใบประกาศนียบัตรแด่นักศึกษาทุนที่สำเร็จโครงการศึกษาวิจัยเพื่อปริญญานิพนธ์โครงการ YSTP ประจำปี 2559 ในวันที่ 14 มิถุนายน 2560 เวลา 16:00 - 16:30 น. ณ ห้องประชุม 405 อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (TSP-CC) โดยฝ่ายพัฒนาบัณฑิตและนักวิจัย • งานแสดงความยินดีและปฐมนิเทศนักเรียนทุนระยะยาว ประจำปี 2560 และ กิจกรรม "ชุมนุมสมาชิก JSTP 2560” ระหว่างวันที่ 25-28 มิถุนายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี และ บาลิออส รีสอร์ท เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง • ประกาศผลโครงการ STEM Workforce หรือโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร STEM (Science, Technology Engineering, and Mathematics) เพื่อการวิจัยและพัฒนา สำหรับภาคอุตสาหกรรม สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ที่สนใจทำงานวิจัยหรือแก้ไขโจทย์ปัญหาในภาคเอกชนเป็นเวลา 6-12 เดือน โดยในระหว่างทาวิจัยจะได้รับทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายรายเดือนตามระยะเวลาที่ทำงานวิจัย ดูรายละเอียดโครงการได้ที่ http://www.nstda.or.th/stemworkforce
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – เดนตีสแกน 2.0 ตอบโจทย์งานทันตกรรม 360 องศา
เดนตีสแกน 2.0 ตอบโจทย์งานทันตกรรม 360 องศา
“ในชีวิตผมจะไม่ทำอะไรที่ไม่มั่นใจเด็ดขาด เครื่องซีที สแกนเนอร์ (CT Scanner) ก็เช่นกัน ผมมั่นใจในทีมวิจัย มั่นใจในองค์ความรู้ที่มี มั่นใจใน สวทช. และมั่นใจว่าเราจะทำอะไรต่อไปเพื่อให้ประเทศไทย แข่งขันกับประเทศอื่นได้”
ถ้อยปรารภจาก ศ. ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ นักวิจัยอาวุโสและที่ปรึกษาสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในฐานะผู้อำนวยการโครงการเดนตีสแกน 2.0 (DENTiiScan 2.0) เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สำหรับงานทันตกรรม ซึ่งเป็นผลงานวิจัยและพัฒนาของ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สังกัด สวทช. นักวิจัยใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนา เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบลำแสงทรงกรวยสำหรับงานทันตกรรมและศัลยกรรมบริเวณช่องปากและใบหน้า ได้สำเร็จและนำไปใช้งานในคนไข้เป็นที่ประจักษ์รายแรกของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “เดนตีสแกน (DENTiiScan)” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงช่วยให้เห็นความสูงความหนาและความกว้างของกระดูกขากรรไกร รวมทั้งคลองเส้นประสาทอย่างชัดเจน ทันตแพทย์สามารถวางแผนก่อนการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมได้อย่างแม่นยำ สถานพยาบาลนำไปใช้ทดลองรักษาผู้ป่วยอย่างได้ผลแล้วนับพันคน
ศ. ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สำหรับงานทันตกรรม อธิบายว่า เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์นี้ผู้ค้นพบ 2 คน ได้รับรางงวัลโนเบลเมื่อ ค.ศ. 1979 สมัยที่ตนเองเป็นอาจารย์ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เมื่อราวกลางยุค ค.ศ. 1980 สามารถเข้าใจในคณิตศาสตร์การสร้างภาพตัดขวางของร่างกายจนสามารถเขียนซอฟต์แวร์และพัฒนาสร้างเครื่องทดสอบกับวัตถุขนาดเล็กและหนูได้ การวิจัยและพัฒนานี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตรดีเด่น พ.ศ. 2534 จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ แต่ไม่สามารถสร้างเพื่อใช้ในมนุษย์ได้เพราะหาชิ้นส่วนที่มีขนาดเหมาะสมมาประกอบไม่ได้ ในตอนนั้นหากประเทศไทยต้องการใช้อุปกรณ์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scanner) ก็ต้องซื้อทั้งชุดราคาแพงมาก หลักร้อยล้านบาท ไม่มีใครเขาขายแยกชิ้นส่วนให้เรามาประกอบใส่ซอฟต์แวร์ของเราเอง จนกระทั่งเมื่อ 10 กว่าปีมานี้ เริ่มมีการขายแยกชิ้นที่เราต้องการ จึงได้ชวน ดร. เสาวภาคย์ ธงวิจิตรมณี นักวิจัยจากเนคเทค สวทช. มาเป็นหัวหน้าโครงการส่วนซอฟต์แวร์ ทีมนักวิจัยและวิศวกรจากเนคเทคสามารถจำลอง (simulate) การทำงานของซอฟต์แวร์สร้างภาพตัดขวางของร่างกายบนคอมพิวเตอร์ได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งการพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนต่างๆ ของเครื่องเดนตีสแกนและซอฟต์แวร์แสดงภาพสามมิติ (Viewer Software)
“จากนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของนักวิจัยด้านกลศาสตร์ จึงชวน ดร.กฤษณ์ไกรพ์ สิทธิเสรีประทีป นักวิจัยจากเอ็มเทค สวทช. มาเป็นหัวหน้าโครงการส่วนฮาร์ดแวร์ เพื่อดูว่าชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ต้องใช้อะไรบ้าง ต้องสั่งซื้อ แหล่งกำเนิดรังสีเอกซ์ และฉากรับรังสี มาประกอบให้หมุน 360 องศา และนำไปออกแบบโครงสร้างของเครื่อง ทีมนักวิจัยและวิศวกรจากเอ็มเทค สามารถสร้างปรับปรุงแก้ไขการหมุนของเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์จนมีความเที่ยงตรงสอดคล้องกับการทำงานของซอต์แวร์ได้ภาพที่แม่นยำชัดเจนได้ จนในที่สุดเราก็สร้างเครื่องเดนตีสแกนรุ่น 1.0 ระดับห้องปฏิบัติการได้สำเร็จเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2551(ตรงกับวันที่มีพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิคที่กรุงปักกิ่งโดยบังเอิญ!!) การทำงานเป็นทีมที่เข้มแข็งระหว่างเนคเทคและเอ็มเทคได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนนำมาสู่เครื่องเดนตีสแกนรุ่น 1.1 และเดนตีสแกนรุ่น 2.0 ในปัจจุบัน ที่มีขนาดเล็กลงและใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่าเดิมมาก”
สำหรับเครื่อง “เดนตีสแกน” ทั้งสองรุ่นนั้น มีหลักการทำงานโดยใช้รังสีเอกซ์ที่มีลำรังสีแบบทรงกรวยและฉากรับรังสีชนิดแบนราบ (Flat Panel Detector) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกัน อุปกรณ์ทั้งสองจะหมุนไปพร้อมๆ กันรอบผู้ป่วย 1 รอบครบ 360 องศาใช้เวลา 18 วินาที (ช่วงนี้เปิดรังสีเอกซ์) แล้วหมุนกลับตำแหน่งเดิมที่จุดเริ่มต้น (ช่วงนี้ปิดรังสีเอกซ์) เพื่อเก็บข้อมูลดิบบริเวณช่องปากและขากรรไกรของผู้ป่วยในแต่ละองศา แล้วป้อนให้ซอฟต์แวร์ประมวลผลสร้างเป็นภาพสามมิติ และทำการแสดงผลภาพสามมิติต่อไป
ศ. ดร.ไพรัช กล่าวว่า โดยปกติ เมื่อเราถ่ายภาพเอกซเรย์ของศีรษะที่องศาใดองศาหนึ่งจะเห็นภาพดำมืดไปหมดเพราะกะโหลกจะดูดซับพลังงานเอกซเรย์แทบทั้งหมด (ต่างจาการถ่ายภาพบริเวณหน้าอกที่เราเห็นปอดได้) แต่หากเราถ่ายศีรษะทุกองศาให้ครบ 360 องศาแล้วเอาภาพที่ถ่ายได้ในแต่ละองศาป้อนเข้าไปในอัลกอริทึมที่เขียนจากคณิตศาสตร์ เราจะได้ภาพตัดขวางของศีรษะเป็นชั้นๆ บางเป็นมิลลิเมตร แล้วนำแต่ละชั้นมาประกอบเป็นภาพ 3 มิติของกะโหลกศีรษะได้ จากนั้นแพทย์สามารถจะมองมุมไหนของภาพศีรษะได้
“เรื่องของความแม่นยำและความปลอดภัย ทีมวิจัยยังได้ทดสอบความเที่ยงตรงของภาพว่าตรงกับของจริง ทั้งนี้เพื่อความแม่นยำในการผ่าตัดของแพทย์ ส่วนรังสีก็ต้องมีการวัดปริมาณรังสีที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เพราะการทำเรื่องเครื่องมือที่ใช้กับคนไข้ เป็นเรื่องที่พิถีพิถันมาก ต้องไม่ให้เกิดอันตรายต่อคนไข้
ช่วงแรกทีมวิจัยได้ทดลองจากแฟนทอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อจำลองศีรษะมนุษย์ จากนั้นใช้หัวหมูสดถ่ายภาพ 3 มิติ แล้วสัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นำกระต่ายมาให้ทดสอบ สัตวแพทย์ท่านนี้ ปลูกถ่ายกระดูกเข้าไปในกระต่าย แล้วเมื่อท่านปลูกถ่ายเสร็จท่านก็อยากถ่ายดูว่ากระดูกที่ปลูกไปเรียบร้อยไหม ซึ่งเครื่องของเราก็สามารถถ่ายออกมาเห็นภาพได้ชัดเจน เป็นการทดลองในสัตว์มีชีวิตครั้งแรก จากนั้นเราก็ปรึกษากับแพทย์ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการทดลองด้านจริยธรรมเพื่อนำเครื่องไปใช้ประโยชน์กับมนุษย์” ศ. ดร.ไพรัช อธิบาย
เครื่องเดนตีสแกน ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทางรังสีจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ความปลอดภัยทางระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) ผ่านการทดสอบในมนุษย์ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์พร้อมใบรับรอง นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 13485 (ระบบบริหารจัดการคุณภาพเครื่องมื่อแพทย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559
สวทช. เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณวิจัยและพัฒนาต้นแบบเครื่องเดนตีสแกน 1.1 จากนั้นนำไปทดลองใช้ที่คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์ทันตกรรมเอสดีซี ประชาชื่น กรุงเทพ และ รพ. ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ปัจจุบันพัฒนาเป็นรุ่นที่ 2 เรียกว่า เครื่องเดนตีสแกน 2.0 ทดสอบการให้บริการที่ศูนย์ถ่ายภาพซีดีเอสของเอกชนเป็นเวลา 1 ปี สำหรับในปี พ.ศ. 2560 นี้ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนผ่านบัญชีสิ่งประดิษฐ์ 2 เครื่อง ในสถานพยาบาล 2 แห่ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) สนับสนุนการนำไปเผยแพร่ใช้งานอีก 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 6 แห่ง ได้แก่ 1) สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ 2) รพ. สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จ. ชลบุรี 3) รพ. เชียงรายประชานุเคราะห์ 4) รพ. แพร่ 5) รพ. สุราษฎร์ธานี และ 6) รพ. สกลนคร
เครื่อง “เดนตีสแกน” ทั้งสองรุ่น ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ฝีมือคนไทย มีคุณภาพทัดเทียมสากล ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการบริการจากเครื่องมือทางด้านทันตกรรมที่ปลอดภัย ทันสมัย เป็นประโยชน์ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตคนไทย
“คนไทยมีความสามารถไม่แพ้ประเทศอื่น ทั้งนักกีฬาที่สามารถขึ้นอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงนักวิจัยไทยกลุ่มนี้ด้วย ทว่าสิ่งสำคัญคือ การมีนโยบายพรัอมกลไกการเชื่อมต่อผลงานของนักวิจัยไปสู่เอกชนได้ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลแรกที่เข้าใจและจริงจังเรื่องนี้โดยได้ริเริ่มกลไกลบัญชีสิ่งประดิษฐ์และบัญชีนวัตกรรมเชื่อมต่อผลงานวิจัยและพัฒนาที่ประสบความสำเร็จออกสู่เอกชนโดยใช้หน่วยงานภาครัฐเป็นตลาด นโยบายดังกล่าวนี้หากปฎิบัติให้จริงจังทำนองเดียวกับที่ประเทศอื่นได้ทำมาก่อนก็จะสามารถดึงภาคเอกชนเข้ามาลงทุนการผลิตได้ เพราะมั่นใจว่ามีตลาดภาครัฐรองรับ ผมเชื่อว่าเราจะขยายผลการใช้ เดนตีสแกน 2.0 สู่โรงพยาบาลใหญ่และโรงพยาบาลในชนบททั่วทุกภูมิภาคของประเทศผ่านบัญชีทั้งสองนี้ได้”
“การที่ พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีได้กรุณาเดินทางมากระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เพื่อเป็นประธานการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อผลักดันผลงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมไทยสู่การใช้งานระหว่าง 2 กระทรวงนี้ จากนั้นพรัอมด้วยพร้อมด้วย ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เดินทางไปเยี่ยมชมการทำงานของเครื่อง DentiiScan 2.0 ที่สถาบันทันตกรรม กระทรวงสาธารณสุข ย่อมแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลนี้ที่จะสนับสนุนการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมไปสู่การใช้งานจริงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มีสุขภาวะที่ดี ลดการสูญเสียเงินตราของประเทศต่อไป” ศ. ดร.ไพรัชกล่าวทิ้งท้าย
“ผมมีส่วนร่วมอยู่โครงการนี้มาแต่ต้น เราก็ช่วยกันปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นตลอด จนกระทั่งเมื่อทดลองใช้เครื่องพบว่าความแม่นยำประมาณ 98 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้ ไม่ต่างจากต่างประเทศที่เป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำ และคนไข้ปลอดภัยแน่ๆ เพราะหลังจากที่นำมาใช้ในงานทันตกรรมรากฟันเทียม ผลงานวิจัยเราก็ยืนยันว่า ภาวะแทรกซ้อนที่เนื่องจากการมองไม่เห็นหรือที่จะไปทำอันตรายอวัยวะที่สำคัญๆ เท่ากับศูนย์เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลการใช้งานจริงจากการใช้งานเดนตีสแกน” - รศ. ทพ.ดร.ปฐวี คงขุนเทียน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
“เครื่องเดนตีสแกนหากเรื่องประโยชต่อคนไข้ผมว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ผมเข้าใจ สวทช. ที่นักวิจัยพยายามทำงานวิจัยให้ดีที่สุดและให้ใช้งานได้จริง เพื่อให้ประเทศชาติมีผลงานที่เป็นของคนไทย ซึ่งรัฐบาลต้องช่วย โดยเข้าไปเสริมแรงนักวิจัยไทย เช่น หากเครื่องเดนตีสแกน ลงไปที่หน่วยงานของรัฐ รัฐบาลต้องให้นโยบายว่าหน่วยงานของรัฐต้องใช้ นอกจากนี้ควรให้เงินสนับสนุน สวทช. ลงขันกับโรงพยาบาลคนละ 1 ล้านบาท ที่เหลือรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณวิจัยได้ นักวิจัยก็จะผลิตงานวิจัยใช้ได้จริงเพิ่มขึ้น และไปสู่จุดที่คนไข้ได้ใช้มากขึ้น ช่วยให้คนไทยเข้าถึงการรักษาโดยง่ายในราคาที่ถูกลงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” - ทพ.ยุวบูรณ์ จันทร์แจ่มจรูญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
-สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย อาทิตย์ ลมูลปลั่ง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.-
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
บทความ

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – สวทช. สสวท. เชฟรอน และคีนัน จับมือพันธมิตรจัดงาน “ครบ 5 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย”
สวทช. สสวท. เชฟรอน และคีนัน จับมือพันธมิตรจัดงาน "ครบ 5 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย" สร้างแรงบันดาลใจ ปลูกแนวคิดวิทยาศาสตร์สู่เยาวชน 2 มิถุนายน 2560 - บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ปทุมธานี: สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดงานครบ 5 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี จัดขึ้นโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ร่วมกับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และมหาวิทยาลัยเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของไทย และเป็นการวางรากฐานระยะยาวเพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กราบบังคมทูลว่า โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย เป็นโครงการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริให้ สวทช. สสวท. และมหาวิทยาลัยเครือข่ายในประเทศไทย 8 แห่ง ริเริ่มดำเนินการนำร่องในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายถึงมัธยมศึกษาตอนต้นทำกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่หลากหลาย โดยมีอาจารย์ นักวิจัย และพี่เลี้ยงนักศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอก คอยดูแลให้คำแนะนำในการทำกิจกรรม และได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2555 ต่อมา ในปี พ.ศ. 2559 โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ทำให้การดำเนินงานได้ขยายเครือข่ายสู่สังคมและสาธารณะในวงกว้างมากขึ้น โดยเพิ่มมหาวิทยาลัยในภูมิภาค อีกจำนวน 10 แห่ง ทำให้มีหน่วยงานรวมทั้งสิ้น 21 หน่วยงาน มีกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาโดยคณาจารย์และนักวิจัยนักวิชาการไทย จำนวน 63 กิจกรรม โดยมีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมโครงการมากกว่า 30,000 คน ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสะเต็ม (Science Technology Engineering and Mathematics Education: STEM) เป็นการต่อยอดหลักสูตรโดยบูรณาการการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง และการประกอบอาชีพในอนาคต ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กราบบังคมทูลเบิกผู้แทนจากมหาวิทยาลัยเครือข่าย ผู้แทนจาก สสวท. บริษัทเชฟรอน ประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และ สวทช. จำนวน 22 คน เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย และฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “Learning in an Extracurricular Learning Center (มหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในห้องทดลองมหาวิทยาลัย)” โดย ศาสตราจารย์ ดร.รูดอล์ฟ เฮอร์แบส จากทอยโทแล็บ มหาวิทยาลัยบีเลเฟลด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเสด็จฯ เปิดนิทรรศการ “5 ปีมหาวิทยาลัยเด็ก: ปลูกแนวคิดวิทยาศาสตร์สู่เยาวชน” พร้อมทอดพระเนตรการจัดกิจกรรมการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเด็กนักเรียนในโครงการ อาทิ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวทางพระราชดำริ “เกษตรทฤษฎีใหม่” มหัศจรรย์พืชเปลี่ยนสีได้ คลอโรฟิลล์แยกร่าง สิ่งประดิษฐ์จากหลอดแอลอีดี และประดิษฐ์กล้องเพอริสโคป เป็นต้น “โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจของ สวทช. ในการพัฒนากำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งโครงการมหาวิทยาลัยเด็กฯ นี้จะเน้นเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเยาวชนในระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น โดยเด็กจะได้เรียนรู้และเปิดโลกวิทยาศาสตร์ที่นอกเหนือจากตำราในห้องเรียน ได้รู้จักการนำวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน สามารถนำไปประยุกต์และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดประโยชน์ในมิติต่างๆ ทางสังคม ผ่านกิจกรรมการทดลองโดยมีนักวิจัยหรือผู้เชี่ยวชาญเป็นพี่เลี้ยงที่คอยให้คำแนะนำปรึกษาอย่างใกล้ชิด” ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล กล่าวเพิ่มเติม นายแบรด มิดเดิลตัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอนเอเชียเซ้าท์ จำกัด กล่าวว่า “เชฟรอนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือ สะเต็ม แก่เยาวชน เพื่อพัฒนา ‘พลังคน’ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ การสนับสนุนโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทยของเชฟรอน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต’ ที่เชฟรอนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนส่งเสริมการศึกษาในสาขาสะเต็มผ่านการเรียนรู้ในระบบการศึกษาและกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพื่อให้เยาวชนเห็นว่าการศึกษาในสาขานี้เป็นเรื่องสนุกน่าสนใจ เกิดแรงบันดาลใจและสนใจในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพในด้านนี้เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2558 เชฟรอนประเทศไทยได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 17 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย และได้ขยายขอบเขตการดำเนินโครงการไปสู่มหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงเยาวชนทั่วประเทศ” นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธาน สถาบันคีนันแห่งเอเซีย ในฐานะหน่วยงานบริหารโครงการ Chevron Enjoy Science กล่าวว่า “ในปี 2560 โครงการ Chevron Enjoy Science ได้ตั้งเป้าหมายในการขยายการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยเด็กประเทศไทยไปสู่เยาวชนอีกกว่า 6 พันคนทั่วประเทศ พร้อมจัดอบรมแก่คณาจารย์และบุคลากรของสถาบันการศึกษาและหน่วยงานพันธมิตร เพื่อพัฒนาและสร้างเสริมศักยภาพในการออกแบบและดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทยให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยตั้งเป้าจัดการอบรมให้แก่บุคลากรปีละประมาณ 50 คน” การจัดงานครบ 5 ปีมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทยในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 มิถุนายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยภายในงานประกอบด้วยการบรรยายพิเศษโดยวิทยากรจากทอยโทแล็บ มหาวิทยาลัยบีเลเฟลด์ / การแสดงนิทรรศการโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย / การจัดฐานการทดลองกิจกรรมโครงการมหาวิทยาลัยเด็กสำหรับนักเรียน จำนวน 20 ฐาน อาทิ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวทางพระราชดำริ “เกษตรทฤษฎีใหม่” มหัศจรรย์พืชเปลี่ยนสีได้ และประดิษฐ์เครื่องกรองน้ำอย่างง่าย เป็นต้น / กิจกรรมอบรมฝึกปฏิบัติการให้แก่อาจารย์ในมหาวิทยาลัยเครือข่าย โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ ได้แก่ ข้าว และสิ่งแวดล้อม และการจัดพิมพ์หนังสือ "คู่มือกิจกรรมมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย: สนุกวิทย์ ปลูกแนวคิดวิทยาศาสตร์สู่เยาวชน" สนใจกิจกรรมในโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ได้ที่ www.childrensuniversity.in.th หรือ โทร. 0-2564-7000 ต่อ 77214 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11161-20170601
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – สวทช. – ศาลปกครอง ขยายความร่วมมือสารนิเทศด้านกฎหมาย การเมือง และการปกครอง
สวทช. - ศาลปกครอง ขยายความร่วมมือสารนิเทศด้านกฎหมาย การเมือง และการปกครอง เพื่อการเข้าถึงข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรม 30 พฤษภาคม 2560 ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ : สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STKS) และ สํานักหอสมุดกฎหมายมหาชน สํานักงานศาลปกครอง ร่วมกันจัดการสัมมนาวิชาการ “การบริการสารสนเทศแบบเปิด : ร่วมมือ ผสานใจ เพื่อ ตอบรับไทยแลนด์ 4.0” ระหว่างวันที่ 30 – 31 พฤษภาคม 2560 เพื่อเผยแพร่ความรู้และ นำเสนอความก้าวหน้าของโครงการระบบสื่อ สาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม บรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 และขยายความร่วมมือ จนเกิดเป็นความร่วมมือเพิ่มเติมในกลุ่มเครือข่ายห้องสมุดกฎหมาย การเมือง และการปกครอง นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือกับศาลปกครองครั้งนี้ เนื่องจากเป็นด้านที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย การเมือง และการปกครอง หน่วยงานด้านศาลและกระบวนการยุติธรรมหลายๆ หน่วยงานเข้ามาร่วมด้วยก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะเรื่องกฎหมายเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกๆ คน ทั้งในระดับบุคคล และสิทธิต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละคน มีความจำเป็นที่หน่วยงานของรัฐ และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันทำสื่อการเรียน การสอนที่น่าสนใจ ซึ่งยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆ อีกมาก ลำพัง สวทช. ไม่สามารถมีความรู้ด้านกฎหมายได้ ดังนั้นวันนี้เป็นโอกาสดีที่ศาลปกครอง ศาลยุตธรรม หรือองค์กรด้านสิทธิมุษยชน ที่มีเนื้อหาหลากหลายรูปแบบมาร่วมกันแชร์ความรู้ให้ประชาชน ซึ่ง สวทช. มีหน้าที่รวบรวมและทำสื่อกลางให้เป็นรูปเป็นร่างและมีความน่าสนใจมากขึ้น หากประชาชนมีโอกาสได้เข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ สิทธิเบื้องต้นส่วนบุคคลว่ามีอะไรบ้าง สามารถเข้าไปค้น ได้ในเว็บไซต์ ในรูปแบบที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน หนังสือที่หาอ่านได้ง่าย ซึ่งมีการรวบรวมอย่างเป็นหมวดหมู่และอยู่ในรูปแบบปลอดลิขสิทธิ์อีกด้วย” อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5288-20170530-open-data
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. เดินหน้าสร้างนักศึกษา สู่สตาร์ทอัพ จัดเวทีนำเสนอแนวคิดนวัตกรรมดิจิทัล
ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. เดินหน้าสร้างนักศึกษา สู่สตาร์ทอัพ จัดเวทีนำเสนอแนวคิดนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อคว้าทุนต่อยอดผลงานใช้ได้จริง ณ ศูนย์ C-Asean 29 พ.ค. 60 - เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดกิจกรรม Demo Day นำเสนอแนวคิดผลงาน 9 ทีมสุดท้ายใน “โครงการพัฒนาทักษะการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจเริ่มต้น (Digital Innovation Startup Apprentice)” หวังเป็นเวทีสร้างประสบการณ์นำเสนอผลงานอย่างเป็นทางการ รวมถึงสร้างทักษะแก่นักศึกษาตรี-โท-เอก รวมถึงที่จบใหม่ และนักพัฒนาอิสระ ให้สามารถสร้างนวัตกรรมดิจิทัลเชิงพาณิชย์ และพร้อมเติบโตเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามแนวนโยบาย Thailand 4.0 ได้ต่อไป ผลทีมวอชอีซี่ (WASH’s Easy) จาก ม.ขอนแก่น ทีมปิ่นโต (Pinto) จาก ม.รังสิต และทีม (ฮัพพี่สเปซ) Huppy.Space จาก มจพ. เป็น 3 ทีมที่คว้าเงินสนับสนุนสำหรับผลงานที่สามารถต่อยอดเชิงธุรกิจได้ จำนวนทีมละ 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ โดยมี นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. เป็นผู้มอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5286-20170529-demo-day
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ก.วิทย์ฯ สวทช. ทีเซล วช. ผนึก สธ. นำร่อง 6 โรงพยาบาลทั่วประเทศหนุนใช้ “เดนตีสแกน 2.0” เครื่องแรกฝีมือคนไทย
ก.วิทย์ฯ สวทช. ทีเซล วช. ผนึก สธ. นำร่อง 6 โรงพยาบาลทั่วประเทศหนุนใช้ “เดนตีสแกน 2.0” เครื่องแรกฝีมือคนไทย ตอบโจทย์ทันตกรรมสามมิติ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนไทย 29 พฤษภาคม 2560 ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร 1 ชั้น 2 กระทรวงสาธารณสุข: พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและสักขีพยานในการลงนามระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เพื่อร่วมผลักดันผลงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมไทยสู่การใช้งานจริง ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มีสุขภาวะที่ดี ลดการสูญเสียเงินตราของประเทศ โดยมี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เข้าร่วมด้วย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยในสังกัด สวทช. ได้ทุ่มเทแรงกายและใจเพื่อผลิตผลงานวิจัยเครื่องเดนตีสแกน 2.0 ด้านงานทันตกรรมแบบ 3 มิติ ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างช่องปากและขากรรไกรของผู้ป่วยแบบ 360 องศา ลดความผิดพลาดในการผ่าตัดในช่องปากของผู้ป่วยได้ ที่สำคัญคือ เป็น นวัตกรรมที่ผลิตได้โดยคนไทย และมี คุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล นอกจากนี้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยา ศาสตร์ (ทีเซล) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนงบประมาณผลิตเครื่องเดนตีสแกน 2.0 จำนวน 6 เครื่อง โดยในปี 2560 นี้พร้อมนำไปติดตั้งและใช้ประโยชน์ในสถานพยาบาล 6 แห่ง ได้แก่ สถาบันทันตกรรมกรมการแพทย์ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.แพร่ รพ.สกลนคร รพ.สุราษฎร์ ธานี และ รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ผู้ประกอบการที่ขอรับสิทธิอนุญาตผลิตใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5285-20170529-dentiiscan
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – นักวิจัยนาโนเทค สวทช. ได้รับทุนนักวิจัยหญิงออสเตรเลีย-เอเปค ประจำปี 2560
นักวิจัยนาโนเทค สวทช. ได้รับทุนนักวิจัยหญิงออสเตรเลีย-เอเปค ประจำปี 2560 เพื่อพัฒนาวัคซีนรักษามะเร็งปากมดลูก ร่วมกับนักวิจัย ม.ควีนส์แลนด์ ดร.มัตถกา คงขาว นักวิจัยห้องปฏิบัติการนาโนเวชสำอาง หน่วยวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อชีวิตและสุขภาพ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับทุนนักวิจัยหญิงออสเตรเลีย-เอเปค ประจำปี พ.ศ. 2560 เพื่อทำวิจัยในหัวข้อ “An development of a new delivery system for HPV vaccine candidates against cervical cancer” หรือการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ในการรักษามะเร็งปากมดลูก จากรัฐบาลออสเตรเลีย (Australia-APEC Women in Research Fellowship) กำหนดสิงหานี้ เดินหน้าทำวิจัยร่วมกับศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ตั้งเป้าให้วิธีรักษามะเร็งโดยใช้วัคซีนเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษามะเร็งปากมดลูกต่อไป ดร.มัตถกา คงขาว เปิดเผยว่า “งานวิจัยที่ได้รับทุน คือเรื่อง “The development of a new delivery system for HPV vaccine candidates against cervical cancer” เป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ในการรักษามะเร็งปากมดลูก เนื่องจากในปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่ก่อให้เกิดการตายของผู้หญิงทั่วโลกเป็นอันดับที่ 2 การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการผ่าตัดร่วมกับการให้เคมีบำบัดซึ่งเป็นวิธีรักษาทั่วไปของโรคมะเร็ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อการรักษาต่ำ หรือแม้กระทั่งตอบสนองในช่วงแรกและเกิดการกลับมาใหม่ของมะเร็ง ดังนั้น การหาวิธีการรักษามะเร็งปากมดลูกวิธีใหม่ จึงยังเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจของนักวิจัยด้านมะเร็ง โดยมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุเกือบ 100% มาจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า HPV หรือ Human papilloma virus ฉะนั้น การรักษาโดยใช้วัคซีนเพื่อไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เพิ่มขึ้นเพื่อทำลายไวรัสเหล่านี้หรือภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษามะเร็งประเภทนี้ นอกจากนี้ วัคซีนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูกที่มีอยู่ท้องตลาดขณะนี้เป็นวัคซีนที่ใช้ในการป้องกัน แต่ยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ในการรักษาเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดมะเร็งเหล่านี้” “งานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นการทำงานร่วมกับ Professor Istvan Toth จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ (The University of Queensland) ในการพัฒนาวัคซีนสำหรับการรักษามะเร็งปากมดลูก พร้อมทั้งออกแบบระบบนำส่ง เพื่อนำส่งวัคซีนที่ได้ไปยังเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส HPV ของมะเร็งปากมดลูกอย่างจำเพาะเจาะจง และยังเป็นการริเริ่มการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดในการต่อต้านและรักษามะเร็งปากมดลูกอีกด้วย โดยมีกำหนดจะเดินทางไปทำวิจัยที่ออสเตรเลียในเดือนสิงหาคมนี้” อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5276-20170524
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ITAP สวทช. ร่วมกับ TCELS จัดสัมมนายกระดับผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์
ITAP สวทช. ร่วมกับ TCELS จัดสัมมนายกระดับผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์ เตรียมความพร้อมด้านออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 18 - 19 พฤษภาคม 2560 ณ โรงแรมโนโวเทล สุขุมวิท 20 กรุงเทพฯ - โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS จัดสัมมนาเรื่อง “Design Control for Medical Devices” โดยเป็นหัวข้อสัมมนาครั้งที่ 3 ภายใต้ซีรีส์การสัมมนา “การยกระดับต่อยอดเครื่องมือทางการแพทย์ไทยในยุค Thailand 4.0 (The Transformation of Medical Device Industry for Thailand 4.0)” เพื่อให้ความรู้และรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมทั้งการทำ workshop และการนำ Design Control ไปประยุกต์ใช้จริง ตลอดจนรับคำปรึกษาทางด้านเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดธุรกิจ แก่ผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้เกี่ยวข้อง กว่า 100 คนตลอด 2 วันเต็ม โดยมีผู้อำนวยการโปรแกรม ITAP สวทช. และรองผู้อำนวยการ TCELS กล่าวเปิดงานสัมมนา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5268-20170519-design-control-for-medical-devices
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จัดสัมมนา Smart IT for Smart Industry
ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จัดสัมมนา Smart IT for Smart Industry ใช้ไอทีแก้ปัญหาธุรกิจของผู้ประกอบการ ในงาน INTERMACH 2017 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ที่ศูนย์แสดงนิทรรศการและสินค้าไบเทค บางนา - ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจซอฟต์แวร์ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดสัมมนาเรื่อง “Smart IT for Smart Industry” แก่ผู้ประกอบการที่สนใจการพัฒนาระบบไอทีเพื่อแก้ปัญหาธุรกิจกว่า 50 คน โดยกิจกรรมสัมมนาเริ่มต้นด้วยการบรรยายหัวข้อเรื่อง “การใช้ซอฟต์แวร์ด้าน PLC, Sensor, SCADA, Microcontroller ที่ใช้ในระบบควบคุมอัตโนมัติ เพื่อรองรับกับยุค Industry 4.0” โดย ผศ.ดร.ชานินทร์ จูฉิม สาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์, รองผู้อำนวยการสถาบันสหกิจศึกษาและพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ต่อด้วยการบรรยายหัวข้อเรื่อง “วิธีบริหารโครงการอุตสาหกรรมด้วย Delta Project Management” โดย คุณทีปกร ศิริวรรณ Senior Director บริษัท นิรมิตกรุ๊ป จำกัด จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ซักถามในประเด็นที่ต้องการพัฒนาและแก้ไขในการดำเนินธุรกิจ พร้อมนี้ ซอฟต์แวร์พาร์ค พาผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ร่วมออกบูธนำเสนอซอฟต์แวร์ ในงาน INTERMACH 2017 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 20 พฤษภาคม 2560 ที่ไบเทค บางนา
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย