หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
Thailand Tech Show 2025 นวัตกรรมไทย พร้อมใช้… เชื่อมต่อธุรกิจไทยสู่อนาคต
Thailand Tech Show 2025 นวัตกรรมไทย พร้อมใช้… เชื่อมต่อธุรกิจไทยสู่อนาคต กลับมาอีกครั้ง! กับงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับชาติ ภายใต้ อว.แฟร์: Sci Power for Future Thailand 9–17 สิงหาคม 2568 โซน D: Valley of Growth | Hall 1 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรม Thailand Tech Show 2025 (TTS2025)  ในงานมหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ (อว. แฟร์: Sci Power for Future Thailand) ณ. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน และยกระดับผู้ประกอบการจากการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม เพิ่ม High Value และต่อยอดธุรกิจและ/หรือเกิดธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเติบโตได้เร็ว เพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย รูปแบบการจัดงานนำเสนอในรูปแบบตลาดกลางเทคโนโลยี ผู้ซื้อพบผู้ขาย โดย นำผลงานวิจัยที่พร้อมถ่ายทอดจากมหาวิทยาลัย และหน่วยงานวิจัยของรัฐทั่วประเทศ มานำเสนอ เพื่อให้นักธุรกิจ นักลงทุน ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจได้เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมนำไปต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ในงานคุณจะได้พบกับ…  National IP MARKETPLACE โอกาสทางธุรกิจกับนวัตกรรมที่พร้อมต่อยอดเชิงพาณิชย์ และการลงทุน เพื่อตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม ช่วยเสริมขีดความสามารถการแข่งขัน ให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน 340 ผลงาน จาก 31 หน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยภาครัฐ/ภาคเอกชน จากทั่วประเทศ  S & T Implementation for Sustainable Thailand นวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ อย่างยั่งยืนในมิติลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พร้อมนำเสนอแพลตฟอร์ม บริหารจัดการปัญหาเมือง Traffy Fondue สนุกกับ เกมบอร์ดยักษ์ “Bangkok Road”  โอกาสเจรจาจับคู่ธุรกิจ กับเจ้าของเทคโนโลยี  การบรรยายทิศทางเทคโนโลยีที่ต้องจับตามองสำหรับธุรกิจ : 10 Technologies to Watch โดย ศ.ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  กิตติกรรมประกาศความสำเร็จในการถ่ายทอดเทคโนโลยี   Investment Pitching การนำเสนอผลงานเด่นเทคโนโลยีต่อนักลงทุนเป้าหมาย และเปิดโหวตให้ลงคะแนนเสียง เพี่อคัดเลือกผลงานที่น่าลงทุนที่สุดและผลงานที่มีการนำเสนอดีที่สุด ผลงานเด่น ที่นำเสนอ Investment Pitching ในปีนี้ จำนวน 10 ผลงาน ได้แก่ นวัตกรรมแคลเซียมจากก้างปลา โดย ผศ.ดร.วัชระ ดำจุติ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี Pure Air Better Quality of Life โดย ดร.ศุภมาส ด่านวิทยากุล : ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สวทช. ชุดตรวจวัดโลหะและสารเคมีในน้ำสำหรับการใช้งานภาคสนาม (CHEM Sense) โดย ดร.วีรกัญญา มณีประกรณ์ : ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. เครื่องพิมพ์อาหารสามมิติแบบหลายหัวฉีดพร้อมเตาอบ โดย ดร.โพธิวัฒน์ งามขจรวิวัฒน์ : สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ระบบตรวจสอบย้อนกลับทุเรียนข้ามพรมแดน (Durian Trace) โดย ดร.สุพร พงษ์นุ่มกุล : ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สวทช. ชุดตรวจโรคกุ้งเพื่ออุตสาหกรรมกุ้ง (AquaDiag) โดย ดร.ณรงค์ อรัญรุตม์ : ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สวทช. โซลาร์เซลล์ที่ง่ายต่อการรีไซเคิล (SolaRE) โดย ดร.อมรรัตน์ ลิ้มมณี : ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ สวทช. Roxizyme -Microbial antioxidant enzyme โดย ดร.พิษณุ ปิ่นมณี : ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สวทช. FITKAN - เรา Young Fit โดย ดร.วินัย ชนปรมัตถ์ : ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สวทช. Pathumma Connect โดย ดร.ศราวุธ คงยัง : ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สวทช. พร้อมโอกาสในการเจรจาธุรกิจกับเจ้าของเทคโนโลยีโดยตรง ยกระดับธุรกิจด้วยงานวิจัยที่ “พร้อมใช้” เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย ลงทะเบียนฟรีเข้าร่วมงานได้ที่ >> https://www.mhesifair.com/ เข้าสู่เว็บไซต์ Thailand Tech Show >> https://www.thailandtechshow.com   วันที่ เวลา กิจกรรม 9 สิงหาคม 2568 10.30-11.30 น. สาธิตวิธีการใช้ strip test ตรวจโรคใบด่าง (BT) 14.00-15.00 น. สาธิตวิธีการใช้ strip test ตรวจโรคใบด่าง (BT) 10 สิงหาคม 2568 10.30-11.30 น. สาธิตวิธีการใช้ strip test ตรวจโรคใบด่าง (BT) 14.00-14.40 น. ส้อมวัดความเค็ม (NT) 14.40-15.20 น. ชุดตรวจโรคไต (NNT) 15.20-16.00 น. สาธิตวิธีการใช้ strip test ตรวจโรคใบด่าง (BT) 11 สิงหาคม 2568 10.00-11.00 น. สาธิตวิธีการใช้ strip test ตรวจโรคใบด่าง (BT) 11.00-12.00 น. ระบบเอนไซม์และจุลินทรีย์: เทคโนโลยีสะอาดสำหรับกระบวนการผลิตน้ำตาลเชิงหน้าที่ (BT) 14.00-15.00 น. สาธิตวิธีการใช้ strip test ตรวจโรคใบด่าง (BT) 13 สิงหาคม 2568 10.00-12.00 น. Humanoid Robot: Unitree G1 14.00-16.00 น. Humanoid Robot: Unitree G1 14 สิงหาคม 2568 10.00-10.40 น. ชีวภัณฑ์ไบโอเทค เพื่อผักผลไม้ปลอดภัย (BT) 10.40-11.20 น. Aquaculture Service and Research Platform (BT) 11.20-12.00 น. AquaDiag: ชุดตรวจโรคกุ้งด้วยเทคนิคแลมป์ (BT) 14.00-14.40 น. Open Innovation: Handy Sense B Farm (NT) 14.40-15.20 น. โสมไทย Black Ginger คุณค่าแห่งการชะลอวัย (NNT) 15.20-16.00 น. Workshop "คลีนิคน้ำ : น้ำดี น้ำปลอดภัย ให้ ChemSense บอกคุณ" (NNT) 15 สิงหาคม 2568 10.00-11.00 น. ร็อกซิไซม์ - เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระจากเชื้อจุลินทรีย์ (BT) 11.00-12.00 น. UNAI อยู่ไหน (NT) 14.00-15.00 น. ParaDough – ดินปั้นจากยางพารา (MT) 15.00-16.00 น. สีย้อมผ้าเชิงหน้าที่จากลิกนิน และกรรมวิธีการย้อมผ้าโดยการใช้สีย้อมผ้าจากลิกนิน (BT)
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงาน Asian Science Camp 2025
วันที่ 1 สิงหาคม 2568 : สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทรงเปิด Asian Science Camp 2025 ณ อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา โดยมีคณะผู้บริหารเฝ้ารับเสด็จฯ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา รองประธานมูลนิธิ สอวน.รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ กรรมการมูลนิธิ สอวน. ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม นายปรีดี ภูสีน้ำ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีกิตติคุณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รองศาสตราจารย์ ดร.พินิติ รตะนานุกูล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิ สอวน. รองศาสตราจารย์ เย็นใจ สมวิเชียร กรรมการมูลนิธิ สอวน. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ม.ร.ว.ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ กรรมการมูลนิธิ สอวน. และประธานคณะกรรมการดำเนินงาน เมื่อเสด็จเข้าห้องประชุม RSP Hall 1 (A305) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเอกสารประกอบการประชุม นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึก ในการนี้ รองประธานมูลนิธิ สอวน. กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วม Asian Science Camp 2025 Professor Tomiyoshi Haruyama ผู้แทน International Committee of the Asian Science Camp กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของ Asian Science Camp อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กราบบังคมทูลเบิกวิทยากร (Plenary speakers) และผู้แทนหน่วยงานเจ้าภาพร่วมเข้ารับพระราชทานของที่ระลึก จำนวน 17 ราย จากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสเปิด Asian Science Camp 2025 และทรงรับฟังการบรรยายพิเศษในหัวข้อ Creating paths to the commercialisation of antibody pharmaceuticals (เส้นทางสู่การพัฒนาแอนติบอดีเชิงพาณิชย์) โดย Prof. Dr. Sir Gregory P. Winter นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล สาขาเคมี ปี 2018 นักชีวเคมีจากสหราชอาณาจักร ผู้บุกเบิกเทคนิค Phage Display สำหรับพัฒนาแอนติบอดีสังเคราะห์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการผลิตยาชีวภาพสมัยใหม่ ภายหลังพิธีเปิดงาน เสด็จพระราชดำเนิน เพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการ ประกอบด้วย นิทรรศการเทิดพระเกียรติ แสดงราชกรณียกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่นำเสนอพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและพระเมตตาธิคุณที่มีต่อการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ ผ่านความร่วมมือระดับนานาชาติในโครงการสำคัญ อาทิ Thai-CERN, Thai-KATRIN, Thai-GS/FAIR, Thai-JUNO รวมถึง Thai-CAS ร่วมกับสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน เป็นต้น มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ( สอวน.) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิฯ ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดโครงการ Asian Science Camp (ASC) 2025 การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 70 พรรษา อีกทั้งยังมุ่งส่งเสริมเครือข่ายเยาวชนผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียให้ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และวัฒนธรรมในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ของภูมิภาค ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดกิจกรรมโครงการ ASC2025 ได้ดำเนินการคัดเลือกเยาวชนผู้มีความสามารถพิเศษในโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน (JSTP) และโครงการนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ (YSC) เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 มีผู้สมัครจำนวน 19 คน ผ่านการคัดเลือกจำนวน 10 คน โดยจัดอบรมเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี โอกาศเดียวกันนี้ ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วย ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานบริหารการวิจัยและพัฒนา และนางอติพร สุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และกิจกรรมด้านพัฒนากำลังคนของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. ได้นำเยาวชนผู้แทนประเทศไทยทั้ง 10 คน เฝ้ารับเสด็จฯ และเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม 2568 การส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนให้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมในระดับนานาชาติครั้งนี้ จะทำให้เยาวชนได้เพิ่มพูนศักยภาพ เป็นแรงกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจในพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มความสามารถต่อไปในอนาคต ซึ่งนับเป็นพันธกิจหลักด้านการพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. โครงการ Asian Science Camp (ASC) 2025 ถือเป็นงานค่ายวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติสำหรับเยาวชนในภูมิภาคเอเชีย ที่จัดขึ้นเพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปี พ.ศ.2568 ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยและเยาวชนจากประเทศอื่นๆ ในเอเชีย และการเข้าร่วมดำเนินงานของสวทช.ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่ง และนับเป็นแรงผลักดันสำคัญยิ่งต่อภารกิจของ สวทช. ในการส่งเสริมศักยภาพเยาวชนไทยในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมให้ก้าวไกลสู่ระดับนานาชาติ
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
รับสมัครทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2569
  สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.)ขอเชิญชวนผู้สนใจ รับฟังการเปิดรับสมัครทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2569ในวันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 13.30-15.00 น.ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยโปรแกรม Cisco Webexสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่https://www.nstda.or.th/r/4CH76ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการประกาศรับข้อเสนอการวิจัยเพื่อขอรับการสนับสนุนทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2569ได้ที่ https://nriis.go.th/www/NewsEventDetail.aspx?nid=12158หากมีข้อสงสัยในการลงทะเบียนหรือวันงาน สามารถสอบถามได้ที่02 564 7000 ต่อ 6433 (วนัสนันท์) / wanatsanan.sir@nstda.or.th02 564 7000 ต่อ 6425 (รัตนพร) / rattanaporn@nstda.or.thหมายเหตุ: หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ระบบจะส่ง link เข้าร่วมงานไปยังอีเมลตามที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้โดยอัตโนมัติ
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. เปิดตัว “ไผ่ตัดอายุ” นวัตกรรมยกระดับการปลูกไผ่ไทย สู่เศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืน
  (31 กรกฎาคม 2568) ณ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) จ. ระยอง - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้เปิดตัว “เทคโนโลยีระบบโซมาติกเอมบริโอเจเนซิสในการพัฒนาต้นไผ่ตัดอายุ” (Somatic Embryogenesis) นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมการปลูกไผ่ของไทยสู่เศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืน ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขั้นสูงที่สามารถผลิตต้นกล้าไผ่คุณภาพสูงจำนวนมากในเวลารวดเร็ว ที่สำคัญคือกระบวนการนี้สามารถพัฒนาต้นพันธุ์ไผ่ที่เริ่มอายุจากหนึ่งใหม่โดยสร้างเอมบริโอจากเซลล์และพัฒนาเป็นต้นสมบูรณ์ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ช่วยควบคุมวงจรชีวิตของไผ่อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการออกดอกแล้วทยอยตายทั้งกอพร้อมกันเป็นวงกว้าง ปัญหาใหญ่ที่เกษตรกรมักเผชิญเมื่อปลูกไผ่ที่ไม่ทราบอายุ นวัตกรรมนี้จะช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงต้นพันธุ์ไผ่ที่มีลักษณะเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ เนื้อไม้มีความสม่ำเสมอ และเติบโตเร็ว ส่งผลต่อการปลูกไผ่เพื่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ไม้ไผ่แปรรูป พลังงานไฟฟ้าชีวมวล เยื่อกระดาษ และนำไปใช้เป็นโครงสร้าง มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้ผู้ประกอบการนำงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. สายงานเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า EECi คือศูนย์กลางนวัตกรรมของประเทศไทย ที่มุ่งขับเคลื่อนงานวิจัย พัฒนา และต่อยอดเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมี “เทคโนโลยีชีวภาพ” เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก ภายใน EECi มีเมืองนวัตกรรมชีวภาพ (BIOPOLIS) ที่เน้นวิจัยและพัฒนาเพื่อเศรษฐกิจชีวภาพครบวงจร เช่น เกษตรสมัยใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีโซมาติกเอมบริโอเจเนซิสเพื่อพัฒนาไผ่ตัดอายุ ซึ่งไม่ใช่แค่การขยายพันธุ์ แต่เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไผ่ทั้งระบบ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรไทย ด้าน นางรังสิมา ตัณฑเลขา ผู้อำนวยการโปรแกรมอาวุโส ฝ่ายบริหารวิจัยเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ สวทช. เสริมว่า โครงการวิจัยไผ่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติในการส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน สวทช. มุ่งมั่นที่จะนำงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จริง สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกที่หันมาสนใจวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไผ่จึงมีศักยภาพสูงที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญในอนาคต และ ดร.ยี่โถ ทัพภะทัต นักวิจัย ทีมวิจัยนวัตกรรมโรงงานผลิตพืชสมุนไพร กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการจัดการแบบบูรณาการ ไบโอเทค สวทช. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ กล่าวว่า ทีมวิจัยได้พัฒนาระบบโซมาติกเอมบริโอเจเนซิส (Somatic Embryogenesis) สำหรับสร้างต้นอ่อนไผ่ (embryo) จากเนื้อเยื่อเจริญ ซึ่งเป็นการสร้างต้นโคลน (clonal plant) จากต้นแม่ที่มีลักษณะดีเด่น โดยเริ่มศึกษาจากการนำส่วนเนื้อเยื่อเจริญในส่วนดอกและตาข้างของไผ่ฟ้าหม่นและไผ่ซางหม่นที่ผ่านการคัดเลือก มาเพาะเลี้ยงบนอาหารเพาะเลี้ยงสูตรเฉพาะในห้องปฏิบัติการ ชักนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เนื้อเยื่อเจริญให้เป็นเอมบริโอและพัฒนาเป็นต้นสมบูรณ์ในที่สุด ต้นไผ่ที่ได้จากระบบดังกล่าว จะมีพันธุกรรมเหมือนต้นแม่แต่เกิดการตัดอายุ เริ่มวงจรชีวิตใหม่ เพราะเป็นเอมบริโอที่พัฒนาจากเซลล์ร่างกาย (somatic cell) มีการเริ่มโปรแกรมการพัฒนาจุดเจริญใหม่ ส่งผลให้ต้นที่พัฒนาจาก somatic embryo นี้ เป็นพันธุ์ไผ่ใหม่ที่รู้อายุเริ่มต้น ไม่พบการออกดอกเหมือนต้นแม่ซึ่งทยอยตายทั้งกอ ช่วยให้ไผ่คงสภาพการเจริญเติบโตทางลำต้นได้นานขึ้น ส่งผลให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในปัจจุบัน ทางทีมวิจัยประสบความสำเร็จแล้วในการพัฒนาพันธุ์ “ไผ่ฟ้าหม่นตัดอายุ” ที่มีลักษณะลำเปลาตรง เนื้อไม้หนาสม่ำเสมอ กิ่งแขนงน้อย ข้อเรียบ เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมไม้แปรรูป โครงสร้าง และอื่น ๆ ได้หลากหลาย ส่วน “ไผ่ซางหม่นตัดอายุ” กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาต้นเพื่อรอการประเมินผล ในด้านการต่อยอดและใช้ประโยชน์ของไผ่ตัดอายุนี้ สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพและส่งเสริมอุตสาหกรรมไผ่ของประเทศได้ในหลายด้าน เช่น การผลิตต้นพันธุ์คุณภาพสูงจำนวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการขยายพื้นที่เพาะปลูก การจัดการวงจรชีวิตไผ่ เพื่อควบคุมการเติบโต ลดการตายจากการออกดอกพร้อมกัน การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต เพื่อต้นพันธุ์ดี วงจรชีวิตควบคุมได้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและได้ผลผลิตสูงขึ้น รวมถึงยังสนับสนุนอุตสาหกรรมหลากหลาย ทั้งในด้านการใช้ไผ่เป็นพืชพลังงานชีวมวล เยื่อกระดาษ วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงอาหารและยา ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดคล้องกับนโยบายของประเทศในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน “สวทช. พร้อมสนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้ผู้ประกอบการนำงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจไผ่ ผู้ประกอบการและกลุ่มอุตสาหกรรมที่สนใจ สามารถติดต่อทีมวิจัยได้ที่เบอร์ 097-203-6632” ดร.ยี่โถ ทัพภะทัต กล่าวทิ้งท้าย
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. – สธ. ร่วมหารือแนวทางวิจัยด้านผู้สูงอายุและการแพทย์ เสริมความเข้มแข็งงานพัฒนาระบบสุขภาพ
 30 กรกฎาคม 2568 ณ อาคารเอ็มเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ดร.ณัฐนันท์ ทัดพิทักษ์กุล ผู้อำนวยการขับเคลื่อนแผนงานระบบสนับสนุนการเข้าถึงสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ได้ให้การต้อนรับแพทย์หญิงณัฏฐิญา ศิริธรรม รองผู้อำนวยการกองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และคณะเจ้าหน้าที่ เข้าเยี่ยมชมและหารือแนวทางความร่วมมือด้านงานวิจัยผู้สูงอายุและการแพทย์ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานวิจัยด้านผู้สูงอายุและการแพทย์ของทั้งสองหน่วยงาน รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับการนำเสนอผลงานวิจัยในงานประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan Sharing) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 15 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นอกจากนี้ยังได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือในการดำเนินงานร่วมกันในอนาคต คณะนักวิจัยจาก สวทช. และ 3 ศูนย์แห่งชาติ (เอ็มเทค, นาโนเทค, เนคเทค) รวมถึงตัวแทนบริษัทในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ได้ร่วมจัดแสดงผลงานวิจัยด้านผู้สูงอายุและการแพทย์ ได้แก่ การดูแลสุขภาพเชิงรุกและส่งเสริมสุขภาพ NIRUN – แพลตฟอร์มบริหารจัดการการดูแลผู้สูงอายุ รองรับทีมสหวิชาชีพ ไทยสุข (ThaiSook) – แอปแข่งขันสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง FITKAN – อุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามกิจกรรมทางกาย การเฝ้าระวังความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน ToiletSense – อุปกรณ์ตรวจจับความผิดปกติขณะใช้ห้องน้ำ MediAlarm – ตัวช่วยเตือนกินยา พร้อมปุ่มขอความช่วยเหลือ Gunther & Janine – ตรวจจับการล้ม/ท่าทางผิดปกติ แจ้งเตือนผู้ดูแล การช่วยเหลือการเคลื่อนไหวและดูแลผู้ป่วย KATHY – รถเข็นสระผมสำหรับผู้ป่วยติดเตียง RACHEL – ชุดบอดี้สูทช่วยเคลื่อนไหว ลดการบาดเจ็บ ROSS – อุปกรณ์พยุงหลังผู้ดูแล ลดการบาดเจ็บจากการยก CMEDHOIST – เครื่องยกผู้ป่วย ใช้งานได้โดยผู้ดูแลคนเดียว การแพทย์และการวินิจฉัย/รักษา AL-Strip / GO-Sensor Albumin Test – ชุดตรวจโรคไตด้วยตนเองและแบบเชิงปริมาณ OSSICURE Bone Graft – เครื่องมือแพทย์ฝังในใช้ทดแทนกระดูก SonoSein – แบบจำลองเต้านมฝึกคัดกรองมะเร็ง จากวัสดุรีไซเคิล DaVis – แพลตฟอร์มคัดกรองโรคลิ้นหัวใจรั่วด้วย AI OsseoPlan – ระบบวางแผนผ่าตัดขากรรไกรและใบหน้าด้วย AI วัสดุฝึกตัดเย็บแผล – จำลองผิวหนังสำหรับฝึกเย็บแผล นิ้วเทียมเฉพาะบุคคล – พิมพ์ 3 มิติ ปรับสรีระและสีผิว 3D Sole – แผ่นรองเท้าเฉพาะบุคคล ลดแรงกระแทก หลังจากนั้น คณะผู้เยี่ยมชมได้เข้าประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงานวิจัยที่จะนำไปเสนอในงาน Service Plan Sharing รวมถึงแนวทางความร่วมมือในอนาคต การเยี่ยมชมและหารือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านงานวิจัยระหว่าง สวทช. และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและการแพทย์ของประเทศไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น          
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายพิเศษ “เจาะลึกโครงการสำรวจอวกาศขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น”
          สวทช. ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายพิเศษ "เจาะลึกโครงการสำรวจอวกาศขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น" โดย ดร.ฟูจิโมโตะ มาซากิ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศและอวกาศยาน (ISAS) และผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) อย่าพลาดโอกาสพิเศษในการรับฟังข้อมูลเชิงลึกโดยตรงจากหนึ่งในภารกิจที่น่าจับตามองที่สุดแห่งยุค ดร.ฟูจิโมโตะ จะมาบรรยายถึงความสำเร็จและอนาคตของ โครงการฮายาบูซะ 2 (Hayabusa2) ที่ประสบความสำเร็จในการนำตัวอย่างจาก #ดาวเคราะห์น้อยริวกู (Ryugu) กลับมายังโลก พร้อมเผยรายละเอียดอันน่าตื่นเต้นของภารกิจ ยานสำรวจดวงจันทร์ของดาวอังคารในโครงการ  Martian Moons eXploration (MMX) ที่มีเป้าหมายเพื่อสำรวจดวงจันทร์โฟบอส (Phobos) อันเป็นปริศนา และเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทสำคัญของญี่ปุ่นในการป้องกันดาวเคราะห์ผ่าน โครงการป้องกันดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก (Asteroid Collision Avoidance Project) วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00-15.30 น. ณ ห้องบุษกร ชั้น 1 อาคารเนคเทค สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย กำหนดการ 13.30 – 14.00 น. ลงทะเบียน 14.00 – 14.05 น. กล่าวต้อนรับ โดย ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. 14.05 – 15.05 น.  บรรยายพิเศษ "เจาะลึกโครงการสำรวจอวกาศขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น JAXA" โดย ดร.ฟูจิโมโตะ มาซากิ 15.05 - 15.30 น. ช่วงถาม-ตอบ ลงทะเบียนฟรี (จำกัดจำนวน 50 ที่นั่ง เท่านั้น)  https://www.nstda.or.th/r/N2z6t จัดโดย องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) / สถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศและอวกาศ (ISAS) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ปฏิทินกิจกรรม
 
ผู้บริหาร สวทช. ร่วมบันทึกเทปโทรทัศน์ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยคณะผู้บริหารและผู้แทนบุคลากร เข้าร่วมบันทึกเทปโทรทัศน์ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 ณ สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ประกอบด้วย ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ นางสาววิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช.   ดร.มนัสชัย คุณาเศรษฐ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ดร.ปวีณ นราเมธกุล  ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ดร.ศุภวงศ์ วิชพันธุ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ดร.สิทธิสุนทร สุโพธิณะ รองผู้อำนวยการศูนย์ เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ และผู้แทนบุคลากรรวม 19 คน โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ได้กล่าวบทอาศิรวาทถวายพระพรชัยมงคลดังนี้ น้อมเกล้าอัญชุลี                    ดวงชีวีชนทั้งผอง จรรยา ธ เรืองรอง                 มิ่งขวัญของ ผองประชา กรกช ประณตแล้ว               เทิดขวัญแก้ว พระปิ่นฟ้า ดุจธาร ชโลมพา                  พสกชื่น รื่นชีวี ราษฎร์พร้อง ซ้องทั่วทิศ    น้อมดวงจิต สดุดี เทิด ธ พระพันปี                 นนทลี  ศรีพารา อัญเชิญ พรเทวัญ                เทพทิพย์ชั้น สวรรค์ฟ้า ขอ ธ พระมาตา                  ไร้โรคา สถาพร ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ศาสตราจารย์ ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ คณะผู้บริหารและบุคลากร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม บทอาศิรวาทประพันธ์โดย นายธนภัทร ศรีโมรา วิศวกรอาวุโส ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ในโอกาสอันสำคัญนี้ นับเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่คณะผู้บริหารและบุคลากรของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  มีต่อ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
แพลตฟอร์ม “นิรันดร์” ผู้ช่วยผู้บริบาลดูแลผู้สูงอายุในชุมชน
กระทรวง อว. โดย สวทช. ร่วมกับ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พม. โชว์ตัวอย่างความสำเร็จ “โครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน” ที่มีการนำเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม “นิรันดร์” ไปใช้เป็นเครื่องมือปฏิบัติงานของ “ผู้บริบาล” ในการบันทึกข้อมูลสุขภาพและกิจกรรมการดูแลผู้สูงอายุตามชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ โดยข้อมูลที่บันทึกมีความปลอดภัย อีกทั้งจะเป็นฐานข้อมูลที่สามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การดูแลผู้สูงอายุในภาพรวมของประเทศ เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนหรือพื้นที่ที่ห่างไกล โดยนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ไปช่วยให้การดูแลผู้สูงอายุเป็นไปอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
มิตซุย เคมิคอลส์ ประเทศญี่ปุ่น เข้าแสวงหาความร่วมมือกับ สวทช.
 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท Mitsui Chemicals, Inc. ประเทศญี่ปุ่น นำโดยคุณโทชิฮิโกะ โอโมเตะ กรรมการผู้จัดการอาวุโส และ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจใหม่ (New Business Incubation Center) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร. สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. ในการประชุมหารือและเยี่ยมชมโครงสร้างพื้นฐานด้านวิจัย ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย การเยี่ยมชมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาความร่วมมือในสาขายุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ วิทยาศาสตร์สุขภาพและชีวิต ยานยนต์และการขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) การประชุมเริ่มต้นด้วยการกล่าวต้อนรับและนำเสนอโดย ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค), คุณสิรินทร อินทร์สวาท รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และ ดร.สนัด วงศ์ทวีทอง รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยเนื้อหาครอบคลุมจุดแข็งของนาโนเทค เนคเทค และอุทยานวิทยาศาสตร์ฯ ตลอดจนแนวทางส่งเสริมความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่คุณฮิโรมุ คาเนโยชิ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยและพัฒนา Mitsui Chemicals สิงคโปร์ ได้แนะนำบริษัทฯ และยุทธศาสตร์ด้านการวิจัยและพัฒนา ในช่วงการหารือ สวทช. ได้เชิญชวนให้ Mitsui Chemicals พิจารณาการเข้ามาจัดตั้งฐานวิจัยและพัฒนาภายในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศนวัตกรรม โดยบริษัทจะสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านวิจัยที่ทันสมัยของ สวทช. การทำงานร่วมกับนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญของ สวทช. และเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน สวทช. อีกทั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยยังมีบริการสนับสนุนครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือวิจัยร่วมกัน การวิจัยแบบร่วมมือหรือสัญญาจ้างวิจัย และการเชื่อมโยงกับพันธมิตรในภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา นอกจากนี้ โครงการ Talent Mobility ของ สวทช. ยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนย้ายบุคลากรวิจัยไปทำงานกับภาคเอกชนเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและเร่งการถ่ายทอดเทคโนโลยีอีกด้วย การเยี่ยมชมครั้งนี้ยังรวมถึงการนำชมสถานที่และห้องปฏิบัติการสำคัญของ สวทช. เช่น ห้องปฏิบัติการวิจัยวัสดุเชิงประกอบขั้นสูงและสิ่งทอนาโน ของนาโนเทค ศูนย์ระบบไซเบอร์-กายภาพของเนคเทค และศูนย์วิจัยของผู้เช่าในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งเปิดโอกาสให้เห็นภาพรวมและศักยภาพในการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด การเยือนครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ สวทช. ในการส่งเสริมความร่วมมือระดับนานาชาติ และเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในภูมิภาค
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. เปิดตัวโครงการ ALA ประจำปี 2568 : เร่งเครื่องธุรกิจไทยสู่เชิงพาณิชย์ สร้างกลุ่มนวัตกรรมคุณภาพยกระดับเศรษฐกิจประเทศ
(30 กรกฎาคม 2568) ณ โรงแรม อัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) จัดกิจกรรมอบรม ALA Innovation Empowerment Series: พลิกโอกาสเทคโนโลยี สู่ความสำเร็จทางธุรกิจ และ Orientation โครงการเร่งการเติบโตของธุรกิจที่รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์ ประจำปี 2568 After-Licensing Acceleration Program (ALA) เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนเร่งการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากทรัพย์สินทางปัญญาของสวทช.โดยมี นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค สวทช.) และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) เป็นประธานกล่าวต้อนรับพร้อมชี้แจงภาพรวมโครงการ ALA 2025 ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากร นายเกียรติรัตน์ ทองผาย ผู้จัดการงานเร่งสร้างศักยภาพธุรกิจเทคโนโลยี ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) สวทช. นางสาวพรศิริ ทองเปรม ผู้ช่วยผู้จัดการงานสนับสนุนการวิจัยพัฒนาภาคเอกชน (PSR) สวทช. ดร.อำพล อาภาธนากร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ นายไกรกิติ ทิพกนก ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรม KCT Academy เข้าร่วมบรรยายในครั้งนี้ นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค สวทช.) และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) กล่าวว่า โครงการเร่งการเติบโตของธุรกิจที่รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์ หรือ After-Licensing Acceleration (ALA) ประจำปี 2568 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมให้เกิดการใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม สวทช. ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี แต่การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากยังขาดการสนับสนุนด้านการตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ และการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการ ALA จึงถือกำเนิดขึ้น โดยมุ่งหมาย “ไม่เพียงถ่ายทอดเทคโนโลยี แต่ต้องเร่งให้ธุรกิจเติบโต ด้วยการบ่มเพาะ เชื่อมโยง และเติมทุน” ผ่านแนวทาง 4C2i ได้แก่ Consulting, Community, Customer Link, Channel of Distribution, Innovation และ Investor ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพาธุรกิจนวัตกรรมให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ครั้งแรกของการเริ่มต้น เราคาดหวังว่าโครงการ ALA จะช่วยเร่งการเติบโตให้กับ 10 บริษัทที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก สวทช. และพร้อมจะก้าวสู่ตลาดด้วยศักยภาพที่เพิ่มขึ้น โดยเน้นการสนับสนุนใน 3 มิติหลัก ได้แก่ การปรับปรุงบรรจุผลิตภัณฑ์ การตลาดและสร้างแบรนด์ และการพัฒนาทักษะและเครือข่ายทางธุรกิจ และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เราคาดหวังให้เกิด “กลุ่มธุรกิจนวัตกรรมคุณภาพ” ที่สามารถยืนอยู่ได้ในตลาด และกลายเป็นต้นแบบการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยไทยสู่เชิงพาณิชย์ได้จริง สวทช. ในฐานะองค์กรหลักด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เราไม่ได้ทำหน้าที่เพียงสร้างเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการ ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประเทศ ผ่านการเชื่อมโยงภาควิจัย ภาคเอกชน และภาคนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ เรามีบริการครบวงจรสำหรับผู้ประกอบการ อาทิ การให้คำปรึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) การสนับสนุนการวิจัยร่วม (Matching Fund) โครงการสนับสนุนผู้ประกอบการในระดับต่าง ๆ การพัฒนาบุคลากรทางเทคโนโลยี การให้บริการห้องปฏิบัติการและเครื่องมือขั้นสูง และที่สำคัญคือ “การถ่ายทอดเทคโนโลยี” พร้อมการสนับสนุนเชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร ในโอกาสนี้ สวทช. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ ALA จะเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนสำคัญในการนำพาธุรกิจนวัตกรรมของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ไบโอเทคพัฒนา ‘เห็ดแครงสายพันธุ์ใหม่’ จากเห็ดพื้นบ้าน สู่แพลนต์เบสต์สัญชาติไทย
    เห็ดแครง (split gill) เป็นเห็ดสายพันธุ์ท้องถิ่นของประเทศไทยที่คนใต้นิยมนำมาทำอาหาร เช่น แกงคั่ว แกงเผ็ด คั่วกลิ้ง ลาบ หมก น้ำพริก เพราะเห็ดชนิดนี้นอกจากมีรสชาติเข้มข้นเฉพาะตัวเหมาะสำหรับทำอาหารรสจัดจ้านแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบมากถึงร้อยละ 17 ของน้ำหนักแห้ง มีไขมันต่ำ นอกจากนี้ยังมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารบีตากลูแคนที่มีคุณสมบัติทางยาเป็นส่วนประกอบ อย่างไรก็ตามแม้เห็ดแครงจะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายที่ครบถ้วน แต่ก็กลับยังไม่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในภูมิภาคอื่น ๆ นัก เนื่องจากเห็ดแครงตามธรรมชาติมีดอกค่อนข้างเล็ก สีเข้ม มีรสชาติขม และมีกลิ่นที่ค่อนแรง อีกทั้งยังกลายพันธุ์ได้ง่าย ทำให้ควบคุมคุณภาพผลผลิตได้ยาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับศูนย์รวมสวนเห็ดบ้านอรัญญิก พัฒนา “เห็ดแครงสายพันธุ์การค้า” ที่โดดเด่นทั้งเรื่องรสชาติ กลิ่น สี และขนาดของดอกเห็ด พร้อมต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบสต์ (plant-based food) โปรตีนทางเลือกจากวัตถุดิบไทย   ขาว อวบ อร่อย สายพันธุ์การค้าโดย สวทช. [caption id="attachment_71769" align="aligncenter" width="750"] ดร.อัมพวา ปินเรือน ทีมวิจัยปฏิสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ทางการเกษตร ไบโอเทค สวทช.[/caption] ดร.อัมพวา ปินเรือน ทีมวิจัยปฏิสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ทางการเกษตร ไบโอเทค สวทช. เล่าว่า  ทีมวิจัยเริ่มพัฒนาสายพันธุ์เห็ดแครงจากการเก็บรวบรวมพันธุ์เห็ดจากป่าชุมชนและสวนเกษตรทั่วประเทศไทย จนได้เห็ดแครงที่มีความแตกต่างกันถึง 121 สายพันธุ์ จากนั้นจึงนำมาคัดสรรหาสายพันธุ์ที่มีคุณลักษณะตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร คือ ดอกโต ขนาดดอกสม่ำเสมอ สีขาวนวล เนื้อสัมผัสดี ไม่เหนียว รสชาติกลมกล่อม ดอกสดไม่ติดรสขม กลิ่นไม่แรง นอกจากนี้ในด้านการผลิตยังต้องออกดอกได้รวดเร็วและทนทานต่อโรคด้วย “เพื่อให้ได้สายพันธุ์การค้าที่มีคุณสมบัติตรงตามต้องการ ทีมวิจัยได้ใช้เทคนิคแยกสปอร์เดี่ยว (single spore isolation) ของสายพันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกร่วมกับผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญด้านการเพาะเห็ดและผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมอาหารจากศูนย์รวมสวนเห็ดบ้านอรัญญิก ก่อนนำมาผสมพันธุ์ด้วยกระบวนการภายในห้องปฏิบัติการจนได้พันธุ์ลูกผสมที่มีลักษณะโดดเด่นตามต้องการ และมีความคงตัวทางพันธุกรรมสูง ไม่กลายพันธุ์ง่าย “ทีมวิจัยได้ร่วมกับสวนเห็ดบ้านอรัญญิกนำเห็ดแครงสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นไปเพาะในห้องเพาะเลี้ยงเพื่อทดสอบ ผลปรากฏว่าเห็ดแครงสายพันธุ์ที่พัฒนาให้ผลผลิตภายใน 21 วัน ต่างจากเห็ดแครงสายพันธุ์ทั่วไปที่ต้องใช้เวลา 35-45 วัน ที่สำคัญยังเก็บเกี่ยวดอกเห็ดแครงได้มากถึง 3 รอบ แตกต่างจากพันธุ์ทั่วไปที่เก็บผลผลิตได้เพียง 2 รอบ เท่านั้น นอกจากจะได้คุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการของภาคธุรกิจทั้งหมดแล้ว ยังมีอีกจุดเด่นที่สำคัญคือทนทานต่อโรคสูง ทำให้การทดสอบเพาะแบบอินทรีย์ได้ผลผลิต 100 เปอร์เซ็นต์”     ผลักดันวัตถุดิบไทยสู่อาหารแพลนต์เบสต์เพื่อความยั่งยืน [caption id="attachment_71768" align="aligncenter" width="750"] บุญโชค ไทยทัตกุล เจ้าของศูนย์รวมเห็ดบ้านอรัญญิก[/caption] บุญโชค ไทยทัตกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเห็ด เจ้าของศูนย์รวมเห็ดบ้านอรัญญิก เล่าถึงที่มาการทำวิจัยร่วมกับไบโอเทค สวทช. ว่า ศูนย์รวมเห็ดบ้านอรัญญิกให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาและส่งต่อองค์ความรู้อย่างยิ่ง ที่ผ่านมาจึงได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงไบโอเทค สวทช. วิจัยและพัฒนากระบวนการเพาะพันธุ์เห็ดนานาชนิด และพัฒนากระบวนการแปรรูปเห็ดให้เป็นอาหารและยาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เห็ดไทยมาโดยตลอด ซึ่งนอกจากการผลิตและจำหน่ายด้วยตัวเองแล้ว ยังเปิดให้ทุกคนที่สนใจทั้งจากในไทยและต่างประเทศเข้ามาเรียนรู้ เพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน “ในส่วนของเห็ดแครงที่ร่วมดำเนินการวิจัยกับไบโอเทค สวทช. ศูนย์ฯ ได้ร่วมกำหนดคุณลักษณะของเห็ดที่ต้องการ และทำหน้าที่ออกแบบกระบวนการเพาะเลี้ยงที่เหมาะสม โดยตั้งเป้าว่าจะนำเห็ดชนิดนี้มาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารแพลนต์เบสต์ เพื่อให้มีตลาดรองรับที่ชัดเจน จำหน่ายได้ทั้งดอกสด ดอกแห้ง และอาหารแปรรูป โดยศูนย์ฯ ได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตอาหารในระดับอุตสาหกรรมจากบริษัทไทย วัน ช้อยส์ โปรดักส์ จำกัด นำเห็ดแครงไปพัฒนาเป็นอาหารแพลนต์เบสต์แล้วหลายชนิด” เมนูอาหารจากเห็ดแครงที่ศูนย์รวมเห็ดบ้านอรัญญิกและบริษัทไทย วัน ช้อยส์ โปรดักส์ จำกัด รังสรรค์มีหลากหลาย เช่น ผัดกะเพรา คั่วกลิ้ง ผัดไทย แหนมเห็ด ข้าวเกรียบ ไปจนถึงการแปรรูปขั้นสูงอย่างเห็ดสามชั้น (เลียนแบบหมูสามชั้น) และเห็ดชาชู (เลียนแบบหมูชาชู) ที่ไม่เพียงหน้าตาเหมือนจนแยกยาก แต่รสชาติยังอร่อย รับประทานเพลินไม่แพ้กัน [caption id="attachment_71774" align="aligncenter" width="750"] คั่วกลิ้งเห็ดแครง[/caption] [caption id="attachment_71775" align="aligncenter" width="750"] ผัดไทยเห็ดแครง[/caption] [caption id="attachment_71776" align="aligncenter" width="750"] สามชั้นและชาชูเห็ดแครง[/caption] [caption id="attachment_71777" align="aligncenter" width="750"] แซนด์วิชเห็ดแครง[/caption] [caption id="attachment_71773" align="aligncenter" width="450"] ขวัญทอง ชุมนุมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทย วัน ช้อยส์ โปรดักส์[/caption] ขวัญทอง ชุมนุมพร ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตอาหารแพลนต์เบสต์ในระดับอุตสาหกรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทย วัน ช้อยส์ โปรดักส์ เล่าถึงที่มาของการเลือกนำเห็ดแครงและเห็ดนานาชนิดที่เป็นทรัพยากรท้องถิ่นของไทยมาทำอาหารแพลนต์เบสต์ว่า ปัจจุบันอาหารแพลนต์เบสต์ของไทยส่วนใหญ่ผลิตจากวัตถุดิบหลัก คือ ถั่วเหลืองและโปรตีนผงที่นำเข้าจากต่างประเทศ จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะผลิตอาหารแพลนต์เบสต์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยแทน “ในการผลิตนอกจากจะนำเห็ดแครงและเห็ดชนิดอื่น ๆ เช่น เห็ดนางรม เห็ดมิลก์กี้ มาใช้เป็นส่วนประกอบแล้ว ส่วนผสมอื่น ๆ ยังเลือกใช้วัตถุดิบจากในประเทศเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นมะพร้าว หัวไชเท้า กล้วยน้ำว้า ฯลฯ การนำวัตถุดิบในประเทศมาใช้นอกจากช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้วัตถุดิบไทย และสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรแล้ว ยังช่วยลดการนำเข้า และเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารด้วย “ตอนนี้นอกจากการพัฒนาสูตรอาหารต่าง ๆ ทางศูนย์ฯ และบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญเรื่องการออกแบบกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล และการจัดทำข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร (Carbon Footprint of Organization: CFO) เพื่อให้พร้อมนำผลิตภัณฑ์ไปบุกตลาดอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพในระดับนานาชาติ” ปัจจุบันไบโอเทค สวทช. กำลังเตรียมขึ้นทะเบียนเห็ดแครงสายพันธุ์ที่พัฒนากับกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรจากทั่วประเทศได้นำไปเพาะพันธุ์เพื่อสร้างรายได้ต่อไป โดยผู้ประกอบการที่สนใจเพาะเห็ดชนิดนี้ติดต่อสอบถามเพื่อเรียนรู้กระบวนการเพาะพันธุ์​ และลิ้มลองรสชาติอาหารจากเห็ดแครงได้ที่ศูนย์รวมเห็ดบ้านอรัญญิก จังหวัดนครปฐม เบอร์โทรศัพท์ 08 1318 3004 เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์ คลิปสั้นโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และอัครวุฒิ ตู้วชิรกุล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. ภาพประกอบโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
บทความ
 
ผลงานวิจัยเด่น
 
รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (National AI Program)
วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. เข้าร่วมประชุม ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบกลไกการขับเคลื่อนกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (National AI Program) ประกอบด้วย 4 กลไก ได้แก่ 1) จัดตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย 2) การสร้างเครือข่ายระหว่างหน่วยงานรัฐ บริษัทเอกชน และสถาบันการศึกษาในลักษณะของกลุ่มภาคีเครือข่าย (Consortium) 3) การเร่งรัดให้เกิดการดำเนินงานผ่านศูนย์รวมความเชี่ยวชาญเพื่อการพัฒนาประเทศ (Center of Excellence: CoE) และ 4) การจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนแผนด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ ภายใต้คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบงบประมาณสำหรับขับเคลื่อนตามกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 - 2570 ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท เพื่อสร้างระบบนิเวศ AI โดยรายชื่อ CoE ที่พิจารณาเห็นชอบในที่ประชุมเบื้องต้นประกอบด้วย 9 CoE ดังนี้ 1. ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการศึกษา (AI Excellence Center for Education) 2. ศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI Innovation Center for Creative Industry) 3. ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการเกษตร (AI Innovation Center for Agriculture) 4. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการท่องเที่ยว (AI Center of Excellence for Tourism) 5. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อสุขภาพและสุขภาวะ (AI Center of Excellence for Health and Wellness) 6. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการผลิต (AI Center of Excellence for Manufacturing) 7. กลุ่มภาคีเครือข่ายด้านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ภาษาไทย (ThaiLLM Consortium) 8. ศูนย์การประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ภาครัฐ (Government AI Computing Center) 9. ศูนย์สอบเทียบสมรรถนะและทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI Product Benchmarking and Testing Center) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้สนับสนุนการดำเนินงาน CoE ในส่วนที่ อว. มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน 4 CoE ประกอบด้วย ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการศึกษา (AI Excellence Center for Education) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อสุขภาพและสุขภาวะ (AI Center of Excellence for Health and Wellness) ภาคีเครือข่ายด้านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ภาษาไทย (ThaiLLM Consortium) และศูนย์สอบเทียบสมรรถนะ และทดสอบมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI Product Benchmarking and Testing Center) เพื่อเร่งขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ AI ให้เกิดการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง อว. มีความพร้อมทั้งในมิติด้านงานวิจัยและพัฒนา และการผลิตกำลังคนของประเทศผ่านมหาวิทยาลัยและสถานศึกษา ในการดำเนินการดังกล่าวได้ ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเสริมว่า นอกจากการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศให้มีความพร้อมในการใช้งาน AI ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการใช้งาน AI อย่างปลอดภัยและมีธรรมาภิบาลด้วย นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้พิจารณาการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ AI แห่งชาติ โดยเพิ่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นกรรมการ เพื่อรองรับการประยุกต์ใช้และการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภาคเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นระบบ และเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนของประเทศ
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์