หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.2 – ปฏิทินกิจกรรม
โครงการ YSTP หรือโครงการสร้างปัญญาวิทย์ ผลิตนักเทคโน เปิดรับไฟล์ข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับทุนการศึกษาวิจัยเพื่อปริญญานิพนธ์ (Senior Project) สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีสุดท้ายที่มีความประสงค์ที่จะฝึกวิจัยใน สวทช. ภายใต้การดูแลให้คำแนะนำของนักวิจัย สวทช. และมีโอกาสได้ใช้เครื่องมือในห้องปฏิบัติการของ สวทช. เพื่อเป็นนักวิจัยคุณภาพในอนาคต โดยนักศึกษาผู้ขอรับทุนและอาจารย์ที่ปรึกษาต้องมีโครงการความร่วมมืองานวิจัยกับนักวิจัยสวทช. อย่างแท้จริง และนักวิจัย สวทช. เท่านั้นที่จะเป็นผู้ส่งใบสมัครให้นักศึกษาได้ โดยจะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2560 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ http://www.nstda.or.th/ystp​ และส่งไฟล์ใบสมัครได้ที่ piyawat@nstda.or.th    โครงการ STEM Workforce หรือโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร STEM (Science, Technology Engineering, and Mathematics) เพื่อการวิจัย​และพัฒนาสำหรับภาค อุตสาหกรรม เปิดรับใบสมัคร รอบสอง สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ที่สนใจทำงานวิจัยหรือแก้ไขโจทย์ปัญหาในภาคเอกชนเป็นเวลา 6-12 เดือน โดยในระหว่างทำวิจัยจะได้รับทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายรายเดือนตามระยะเวลาที่ทำงานวิจัย โดยดูรายละเอียดโครงการได้ที่ http://www.nstda.or.th/stemworkforce เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 (ประกาศผลเดือนมิถุนายน 2560)   กิจกรรม HRD knowledgesharing ครั้งที่ 8  “Subject Sciece learning activities and education system in Finland” โดย ดร.เอวา ลิซา เนมิเนน (Eeva-Liisa Nieminen)  นักการศึกษาและอาจารย์จากสถาบันลูมา ประเทศฟินแลนด์ ในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2560 เวลา 09.00-11.00 น. ณ ห้องบรรยาย 1 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช.   กิจกรรมนำเสนอผลงานความก้าวหน้า กิจกรรมปฐมนิเทศผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการพัฒนาทักษะผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 24-26 พฤษภาคม 2560 ณ จ.เชียงใหม่ กิจกรรมฝึกอบรมเฉพาะทางเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตรหัวข้อ “มหัศจรรย์สารพันธุกรรมดีเอ็นเอขั้นพื้นฐาน” สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์ฯ รุ่นที่ 16 : ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จัดโดยฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ร่วมกับหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืช ศช.   กิจกรรมอบรมครูหลักสูตร Investigating Wind Energy ระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช.   กิจกรรมฝึกอบรมเฉพาะทางเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตรหัวข้อ “การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขั้นพื้นฐาน (ไม้ดอกไม้ประดับ)” สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์ฯ ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จัดโดยฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ร่วมกับหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืช ศช.   กิจกรรมฝึกอบรมเฉพาะทางเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตรหัวข้อ “การเพาะเลี้ยงกล้วยไม้เบื้องต้น” สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์ฯ ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จัดโดยฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ร่วมกับหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืช ศช.   กิจกรรมเตรียมความพร้อมครั้งที่ 3 การพัฒนาศักยภาพทักษะภาษาอังกฤษในการนำเสนองานวิจัย โครงการนักศึกษาภาคฤดูร้อนเดซีและโครงการนักศึกษาภาคฤดูร้อนเซิร์น ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 25-26 พฤษภาคม 2560 ณ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี   กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ นักเรียนที่ได้เหรียญรางวัลโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ประจำปี พ.ศ. 2559 วิชาคณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช.   ค่ายสนุกคิดกับกิจกรรมวิทย์สู่การคิดโครงงาน (From fun science activities to science projects) สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2560 ณ ห้องออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช.   กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รุ่นที่ 20 ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 24-26 พฤษภาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง  
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.2 – “KidBright” จากบอร์ดสมองกลฯ สู่ผลงานสร้างสรรค์…ผ่านจินตนาการวัยทีน
“KidBright” จากบอร์ดสมองกลฯ สู่ผลงานสร้างสรรค์...ผ่านจินตนาการวัยทีน วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่มนุษย์พัฒนาขึ้นทำให้ “โลกโซเชียล”เข้ามาเชื่อมต่อกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ส่งผลให้หลายสิ่งในการใช้ชีวิตง่ายขึ้น ทั้งในแง่ของการสื่อสารระหว่างกัน การเรียนรู้เทคโนโลยีจากทั่วทุกมุมโลกผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่หลากหลาย แต่คงจะดีไม่น้อยหากใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี มาส่งเสริมการเรียนรู้ให้เยาวชนได้ต่อยอดจินตนาการไปสู่ความจริงได้ ซึ่งล่าสุด ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมหน่วยงานพันธมิตร เล็งเห็นถึงความสำคัญของการคิดเชิงระบบและการคิดเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นระบบการคิดที่สำคัญและจำเป็นในการปลูกฝังให้กับเยาวชนโดยเฉพาะในช่วงวัยเรียน จึงจัด โครงการบัวหลวงเพื่อ KidBright มอบชุด KidBright ให้แก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งจัดประกวดการประยุกต์ใช้บอร์ด KidBright ในหัวข้อ "ตามรอยพ่อแบบพอเพียง ด้วย KidBright" เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร โครงการดังกล่าว มีการอบรมเชิงปฏิบัติการบอร์ดส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์สมองกลฝังตัว (KidBright Board) โดย ดร.อภิชาติ อินทรพานิชย์ และทีมนักวิจัย รวมทั้งยังมีการบรรยาย“สร้างแรงบันดาลใจ...สู่การสร้างต้นแบบ” จาก ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการศูนย์เนคเทค และนักวิจัยอีกหลายท่าน เพื่อให้น้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับฟังพร้อมกับสร้างสรรค์ผลงานนำมาแสดงในงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. 2560 (ครั้งที่ 13) ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการศูนย์เนคเทค กล่าวว่า KidBright คือระบบสมองกลฝังตัวผ่านบอร์ด ที่หน่วยปฏิบัติการวิจัยอิเล็กทรอนิกส์และระบบทางชีวการแพทย์ ร่วมมือกับ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและถ่ายทอดเทคโนโลยี เนคเทค สวทช. พัฒนาขึ้นเพื่อกระตุ้นศักยภาพการคิดเชิงระบบ และเชิงสร้างสรรค์ในเด็กวัยเรียนผ่านการเรียนรู้แบบ “เรียนและเล่น” หรือ "Learn and Play" บอร์ดถูกออกแบบให้มีการแสดงผลและเซนเซอร์แบบง่าย ซึ่งจะทำงานสอดคล้องกับชุดคำสั่งควบคุมการทำงาน โดยผู้เรียนสามารถออกแบบและสร้างชุดคำสั่งแบบ Block-structured programing ผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ภายใต้ระบบปฎิบัติการ Android รองรับการทำงานแบบ Event-driven programming & Multitasking รวมทั้งการเชื่อมต่อเซนเซอร์ที่หลากหลาย โดยชุดคำสั่งถูกส่งไปยังบอร์ดสมองกลฝังตัวผ่านเครือข่ายไร้สาย ทำให้ใช้งานได้ง่ายไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อสาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับโรงเรียนที่ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยงานส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และนักเรียนที่สนใจ นับเป็นการเปิดโลกการเรียนรู้ที่เยาวชนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้โดยง่าย สำหรับผลการประกวดนั้น รางวัลที่ 1 ได้แก่ ผลงาน “เก็บหอมรอมริบ” (กระปุกออมสินอัตโนมัติ) จากน้องๆ โรงเรียนราชินี ซึ่ง “น้องแพรวา” ด.ญ. กัลยลักษณ์ ฉิมโฉม อายุ14 ปี นักเรียน ม.2 ตัวแทนทีม กล่าวว่า ด้วยสังคมยุคปัจจุบัน ผู้คนฟุ่มเฟือยในการใช้เงิน ทีมจึงมีการพูดคุยกันว่า ควรหาวิธีออกแบบเครื่องออมเงินอัติโนมัติ เพื่อกระตุ้นการออมเงิน “หลักการทำงาน คือ ใช้บอร์ด KidBright ที่มีเซนเซอร์แจ้งเตือนอย่างง่าย ใช้ในการแจ้งเตือนยอดการออมเงินตามที่ตั้งเป้าไว้ เมื่อหยอดเงินเข้าไปในกระปุกออมสินอัตโนมัติ USB ที่เชื่อมต่อกับ LED จะทำงานแจ้งเตือนเมื่อหยอดเงินได้ตรงตามยอดที่ตั้งเป้าการออมไว้ และยังช่วยสำรองไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรีสำรองได้อีกด้วย” นอกจากนี้โรงเรียนราชินี ยังคว้ารางวัลที่ 3 มาครองอีกรางวัล จากผลงานเซนเซอร์แยกขยะ โดย “น้องตาหวาน” ด.ญ.พลอยชมพู ศรีสกุลวิวัฒน์ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม. 2 ตัวแทนทีม กล่าวว่า ใช้บอร์ด KidBright โดยอาศัยเซนเซอร์แยกขยะโลหะออกจากขยะอื่นๆ ซึ่งทีมได้แนวคิดมาจากการเห็นขยะประเภทกระป๋องน้ำอัดลม บริเวณโรงเรียนอยู่เป็นประจำ จึงคิดว่าควรนำโลหะจากกระป๋องน้ำอัดลมมารีไซเคิล “ลักษณะการทำงาน เซนเซอร์จะทำหน้าที่แยกโลหะออกจากขยะประเภทอื่นๆ เมื่อมีการทิ้งขยะจะมี 2 ช่องในการแยกขยะโลหะ กับขยะประเภทอื่นๆ โดยเซนเซอร์จะตรวจจับโลหะจากการทิ้งขยะ เช่น กระป๋องน้ำอัดลม เมื่อเซนเซอร์ตรวจจับได้จะยกไม้กั้นขึ้นเพื่อนำขยะโลหะไปยังภาชนะรองรับ” น้องตาหวาน กล่าวว่า อยากให้เนคเทค ช่วยพัฒนาบอร์ด KidBright ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกระดับ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ได้อีกขั้นหนึ่งในอนาคต สำหรับ รางวัลที่ 2 ได้แก่ ผลงาน “การควบคุมระบบพ่นหมอกในโรงเรือนเพาะเห็ดนางฟ้าด้วย KidBright” จากโรงเรียนชิตใจชื่น โดย “น้องตอง” ด.ญ.จิตราภร จิตกุล อายุ 14 นักเรียนชั้น ม.2 ตัวแทนทีม อธิบายว่า ผลงานมีการประยุกต์ใช้ เซนเซอร์วัดความชื้นที่ใส่เข้าไปในโรงเรือนเพาะเห็ดนางฟ้า เพื่อทำการตรวจจับค่าความชื้น และส่งมาที่บอร์ด KidBright ซึ่งทำหน้าที่รับข้อมูล จากนั้นสั่งการมาที่อุปกรณ์ต่างๆ เช่น หากความชื้นไม่เพียงพอ ก็สั่งการแบบอัตโนมัติมาที่ปั๊มน้ำ เพื่อทำหน้าที่เปิด-ปิดน้ำ ทำให้ผู้พัฒนาได้เรียนรู้ว่า หากค่าความชื้นไม่ถึง 80 % จะมีการสั่งการให้พ่นน้ำไปยังโรงเรือนเพาะเห็ดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้อุปกรณ์ดังกล่าวเหมาะกับระบบเกษตรที่หลากหลาย ที่ต้องมีการรดน้ำต้นไม้โดยอาจจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามชนิดของต้นไม้ นอกจากนั้นแล้วยังประยุกต์ใช้กับการเลี้ยงสัตว์ ทั้งการเลี้ยงสุกร การเลี้ยงโคนม ได้อีกด้วย น้องตอง ยังบอกว่า นอกจากผลงานที่ได้รางวัลที่ 2 ซึ่งเป็นกำลังใจให้กับการศึกษาหาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ต่อไปแล้ว ยังมีความประทับใจกับการร่วมโครงการนี้อย่างมากจนทำให้เปลี่ยนทัศนคติตนเองไปอย่างสิ้นเชิง “ตอนแรกก่อนเข้าร่วมโครงการนี้ หนูไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีเลย คิดแต่ว่า อุ้ย! คนจะสร้างเทคโนโลยีต้องเก่งระดับเทพเท่านั้นถึงจะทำได้ แต่เมื่อเข้าร่วมอบรมแล้ว พี่ๆ นักวิจัยมีการให้ความรู้เทคโนโลยี ปูพื้นฐานให้เราซึ่งเมื่อรับฟังแล้วมันไม่ยากเลย ขอแค่เรามีความตั้งใจทุกคนก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้” น้องตอง เล่าความประทับใจทิ้งท้าย การส่งเสริมการเรียนรู้เยาวชน ผ่านเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์ จึงเป็นการเปลี่ยนจินตนาการสู่ผลงานสร้างสรรค์ ซึ่งน้องๆ ยังได้พิสูจน์สมมุติฐานด้วยตนเองผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สู่ผลงานที่ใช้ได้จริงอีกด้วย
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.2 – “กุ้งกุลาดำโอเมก้า” ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ
“กุ้งกุลาดำโอเมก้า” ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ หลายๆ คนคงเคยได้ยินหรืออาจจะรับประทานอาหารเสริมที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีชื่อว่าโอเมก้า-3 และ โอเมก้า-6 มาแล้ว ซึ่งกรดไขมันกลุ่มนี้มีสรรพคุณในด้านการมองเห็น การพัฒนาเซลล์ประสาทและสมองของมนุษย์ นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์และควบคุมระดับไขมันในเลือด และยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและหน้าที่ของเกล็ดเลือด จึงเป็นไขมันที่มีประโยชน์ในการลดอันตรายของโรคทางเดินหายใจ โรคไขมันในเส้นเลือด และโรคหัวใจ  ปัจจุบันในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้าในรูปแบบอาหารเสริมเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำมันตับปลา หรือน้ำมันสกัดจากเมล็ดพืชอย่างอีฟนิ่งพริมโรส เรฟซีด ซึ่งนอกจากจะมีการนำมาใช้เป็นสารเสริมในอาหารมนุษย์ เช่น การเติมดีเอชเอ (DHA; Docosahexaenoic acid) หรือ อีพีเอ (EPA; Eicosapentaenoic acid) ลงไปในนมผงเด็ก ยังมีการนำไปใช้เป็นอาหารเสริมในสัตว์ เช่น ปลาแซลมอน หรือ ไก่ไข่ ทำให้มีการสะสมโอเมก้าในเนื้อสัตว์หรือในไข่ไก่ เพื่อเป็นการเสริมสารอาหารให้แก่ผู้ที่รับประทาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) มีคลังจุลินทรีย์ที่เก็บรวบรวมจุลินทรีย์จากแหล่งต่างๆ ไว้มากกว่า 80,000 สายพันธุ์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานวิจัยด้านต่างๆ ได้ ตลอดจนการให้บริการจุลินทรีย์และชีววัสดุที่มีการบริหารจัดการชีววัสดุ ข้อมูล และกฎหมายชีวภาพที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพได้มาตรฐาน เพื่อสร้างเสริมศักยภาพที่สำคัญของประเทศในการเป็นผู้นำอาเซียนในด้านทรัพยากรชีวภาพ ดร.พนิดา อุนะกุล นักวิจัยห้องปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพของรา หน่วยวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพและชีววัสดุ ไบโอเทค กล่าวว่า “เชื้อ Aurantiochytrium limacinum เป็นจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในบริเวณป่าโกงกางและป่าชายเลน ซึ่งนักวิจัยไปเก็บตัวอย่างและนำมาเก็บรวบรวมและรักษาไว้ที่คลังจุลินทรีย์ของไบโอเทค โดยจุลินทรีย์ชนิดนี้สามารถผลิตกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่าง DHA และ EPA ได้ในปริมาณมาก ซึ่งจากการพิสูจน์แล้ว พบว่าเป็นกรดไขมันชนิดเดียวกันกับที่ใช้ผสมในนมผงทารก และใช้เป็นอาหารเสริมในสัตว์ ซึ่งถ้านำมาทดแทนการนำเข้ากรดไขมันโอเมก้า-3 จากต่างประเทศ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดต้นทุนแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์อีกด้วย” คุณนุชจรี พิสมัย นักวิชาการฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเกษตรและชุมชน สถาบันการจัดการเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตร สวทช. เสริมว่า “ที่ผ่านมา สวทช. ได้มีการนำงานวิจัยและองค์ความรู้ด้านต่างๆ ไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรมาโดยตลอด ซึ่งจากงานวิจัยจุลินทรีย์ที่สามารถผลิตกรดไขมันโอเมก้า-3 นี้ก็มีแนวคิดที่จะนำมาเป็นสารเสริมในอาหารเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เพื่อทำให้กุ้งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้าที่เป็นสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ ซึ่งก็ได้บริษัท ภูเก็ตกรีนชริมป์ จำกัด ร่วมนำไปทดสอบผสมกับอาหารเพื่อใช้สำหรับเลี้ยงกุ้งในฟาร์ม”  ด้าน คุณศักดิ์สหกรณ์ คงสมุทร เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งกุลาดำ และเจ้าของไอทีฟาร์ม กล่าวว่า “บริษัท ภูเก็ตกรีนชริมป์ จำกัด  เป็นผู้ดูแลด้านการตลาดให้กับฟาร์มในกลุ่มไอทีฟาร์มในจังหวัดภูเก็ต พังงา ซึ่งได้ร่วมนำเอาจุลินทรีย์สร้างกรดไขมันโอเมก้า-3 มาผสมกับอาหารเลี้ยงกุ้งในสัดส่วนจุลินทรีย์ 5 กรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม แล้วนำไปให้กุ้งกินก่อนการจับกุ้งจากบ่อเป็นเวลา 45 วัน พบว่าสัดส่วนของ DHA และ EPA ในตัวกุ้งมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่ากุ้งที่กินอาหารปกติ” คุณศักดิ์สหกรณ์ ให้ข้อมูลต่อไปว่า “การประสบความสำเร็จในการเลี้ยงกุ้งกุลาดำนั้น ปัจจัยสำคัญนอกจากการคัดเลือกอาหารที่มีสารอาหารเหมาะสมในการเลี้ยงกุ้งกุลาดำแล้ว การบริหารจัดการฟาร์มอย่างเป็นระบบ การเตรียมบ่อที่ดี และการเลือกใช้พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์กุ้งที่มีคุณภาพต้านทานโรคก็มีความสำคัญเช่นกัน” ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งในประเทศไทยเลี้ยงกุ้งขาวเป็นหลัก ตลาดกุ้งกุลาดำจึงปรับตัวไปเป็นตลาดพรีเมี่ยม เนื่องจากคุณลักษณะในด้านรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากกุ้งขาว จึงยังมีความต้องการบริโภคของตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศอยู่ ซึ่งปัจจุบันกุ้งกุลาดำที่ขายปลีกในประเทศไทยมีน้อยมาก การสร้างจุดเด่นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับกุ้งกุลาดำนับเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้น “กุ้งกุลาดำโอเมก้า” นับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับการผลิตกุ้งพรีเมี่ยมซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริโภคกุ้งของกลุ่มผู้รักสุขภาพ
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.2 – ผู้เชี่ยวชาญ ตปท. ยก “ไบโอเทค-สวทช.” เป็นผู้นำเทคโนโลยีชีวภาพ แนะสร้างเครือข่ายวิจัยลุ่มน้ำโขง เพื่อเป็นผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์
ผู้เชี่ยวชาญ ตปท. ยก ไบโอเทค-สวทช. เป็นผู้นำเทคโนโลยีชีวภาพ แนะสร้างเครือข่ายวิจัยลุ่มน้ำโขง เพื่อเป็นผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์ เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.ฌ็อง-มาร์แซล ริโบท์ (Dr.Jean-Marcel Ribaut) อดีตผู้อำนวยการ Generation Challenge Program (GCP) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการ Integrated Breeding Platform (IBP) จากประเทศเม็กซิโก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาพันธุ์พืชทนแล้ง เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุม International Advisory Board กับคณะผู้บริหารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  ในโอกาสนี้ ดร.ฌ็อง-มาร์แซล ริโบท์ กล่าวถึง ไบโอเทค สวทช. ว่า เป็นองค์กรวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่ไม่เพียงทำงานวิจัยและพัฒนาได้ดีในระดับเอเชียเท่านั้น แต่คุณภาพของงาน ยังสามารถเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชีวภาพในระดับโลกด้วย เนื่องจากไบโอเทค สวทช. มีแนวคิดในการใช้งานวิจัยประยุกต์เชิงพาณิชย์ เช่น การพัฒนาพันธุ์พืชและสัตว์น้ำเศรษฐกิจ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ไบโอเทค สวทช. ควรใช้โอกาสนี้แสดงความเป็นเลิศทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพให้มากขึ้น โดยปรับการวิจัยให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล นับเป็นโอกาสที่จะแสดงศักยภาพในการวิจัย ซึ่งเชื่อมั่นว่าไบโอเทค สวทช. ทำได้และจะส่งผลดีต่อเป้าหมายการวิจัยในปีต่อๆ ไปด้วย  สำหรับโครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโดยเทคโนโลยีเครื่องหมายดีเอ็นเอสำหรับประเทศลุ่มน้ำโขง โดยหน่วยปฏิบัติการค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าว (หน่วยวิจัยร่วมระหว่างไบโอเทคกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ที่ได้ริเริ่มดำเนินโครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโดยเทคโนโลยีเครื่องหมายดีเอ็นเอสำหรับประเทศลุ่มน้ำโขง (Molecular Rice Breeding Program for the Mekong Region) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา สหภาพเมียนมาร์ และ ประเทศไทย นั้น ดร.ฌ็อง-มาร์แซล ริโบท์ ได้แสดงทัศนะ ในฐานะผู้ให้ทุนสนับสนุนจากองค์กรนานาชาติ Generation Challenge Programme (ตั้งแต่ปี 2550-2555) ประมาณ 10 ล้านบาท แก่ ไบโอเทค สวทช. ว่า ขอชื่นชม ไบโอเทค สวทช. และพันธมิตรวิจัยในประเทศไทย ที่ผลักดันโครงการดังกล่าว จนประสบผลสำเร็จอย่างมาก โดย ดร.ธีรยุทธ ตู้จินดา นักวิจัยไบโอเทค ได้พัฒนาโครงการต่อเนื่องกับ 3 ประเทศนี้ (ลาว กัมพูชา พม่า) ทั้งการทำวิจัยปรับปรุงพันธุ์อย่างต่อเนื่อง การทดสอบพันธุ์ และการอบรมให้ความรู้กับนักวิจัยในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมากขึ้น ซึ่งการจัดฝึกอบรมแบบปฏิบัติจริงนี้ ทำให้นักปรับปรุงพันธุ์ที่ได้รับการอบรมมีความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้โมเลกุลเครื่องหมายดีเอ็นเอในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวอย่างแท้จริง สามารถนำไปปฏิบัติได้ และขณะเดียวกันได้พัฒนาสายพันธุ์ข้าวที่มีลักษณะตรงตามความต้องการของแต่ละประเทศของผู้เข้ารับการฝึกอบรมนั้นๆ “เรารู้สึกยินดีที่ได้เป็นผู้สนับสนุน เนื่องจากโครงการนี้ตอบสนองความต้องการในหลายๆ ด้าน ด้านหนึ่งคือการสร้างชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice) แม้การฝึกอบรมจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงสำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้โมเลกุลเครื่องหมายดีเอ็นเอในการคัดเลือกให้นักปรับปรุงพันธุ์ในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง แต่เนื่องจากประเทศลาว กัมพูชา และพม่า ยังขาดความพร้อมด้านเครื่องมือ และห้องปฏิบัติการด้านดีเอ็นเอ ดังนั้นประเทศไทยถือเป็นพี่ใหญ่ในด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีองค์ความรู้ในภูมิภาคนี้ การเผยแพร่ความรู้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ประเทศไทยต้องทำ และผมคิดว่านี่เป็นอีกกลยุทธ์ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติด้วย” ดร.ฌ็อง-มาร์แซล ริโบท์ กล่าวย้ำด้วยว่า ก้าวต่อไปของโครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวในเขตแม่น้ำโขง น่าจะเป็นการสนับสนุนด้าน Bio-infomatic เพื่อทำข้อมูลเป็นดิจิทัล ซึ่งเป็นการบูรณาการ platform วิจัยพันธุ์ หรือ Integrated Breeding Platform ที่จะเป็นเครื่องมือในการช่วยนักวิจัยพันธุ์พืช ให้มีระบบการบริหารงานวิจัยพันธุ์ (Breeding Management System: BMS) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เก็บข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถบันทึกลงบนเซิร์ฟเวอร์และระบบคลาวด์ ทำให้คนในพื้นที่เพาะปลูกใช้ข้อมูลเหล่านี้ได้ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ไทยเข้าไปช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ก็สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างนักวิจัยและ นักวิจัยพันธุ์พืช เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบุคลากรในองค์กร สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้มีความเข้มแข็งด้านเมล็ดพันธุ์ และยังเป็นการปฏิวัติด้านการเกษตรด้วยดิจิทัล ซึ่งจะส่งเสริมให้การใช้โมเลกุลเป้าหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้การจะทำเช่นนั้นได้ต้องขึ้นอยู่กับทรัพยากรของประเทศไทยด้วย ต้องคำนึงถึงทรัพยากรในเรื่องการบริหารข้อมูล (Data Management) และเรื่องอื่นๆ ซึ่งต้องมีเพียงพอและเหมาะสม ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับนักวิจัยและสำหรับประเทศไทย
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.2 – เอ็มเทค สวทช. จับมือ พพ. ขยายผลเทคโนโลยี H-FAME แก่ผู้ผลิตไบโอดีเซลในประเทศ 2 ราย
เอ็มเทค สวทช. จับมือ พพ. ขยายผลเทคโนโลยี H-FAME เพิ่มคุณภาพไบโอดีเซล ระดับโรงงานสาธิต 28 เมษายน 2560 ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ - กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แถลงข่าวความคืบหน้าและลงนามความร่วมมือโครงการ “สนับสนุนการเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันไบโอดีเซลให้สูงขึ้น” โดยใช้กระบวนการ H-FAME ระดับโรงงานสาธิตในประเทศไทย จากโครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น แก่ผู้ผลิตไบโอดีเซลในประเทศ 2 ราย คือ บจก.บางจากไบโอฟูเอล และ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคัล เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการผลักดันการเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในอนาคต ดร.อารี ธนบุญสมบัติ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. กล่าวว่า “ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ หรือเอ็มเทค เป็นหน่วยงานภายใต้ สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีหน้าที่หลักในการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยออกไปใช้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ และสร้างคุณค่าให้แก่สังคม โดยโครงการ “สนับสนุนการเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันไบโอดีเซลให้สูงขึ้น” ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ผ่านกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) โดยการนำเทคโนโลยี H-FAME ซึ่งต่อยอดจากโครงการร่วมวิจัย ไทย-ญี่ปุ่น (JST-JICA SATREPS) ที่สามารถผลิตไบโอดีเซลคุณภาพสูง มาขยายผลให้เป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อสนับสนุนให้มีการใช้ไบโอดีเซลในสัดส่วนที่สูงขึ้น” “ที่ผ่านมาโครงการได้มีการประชุมผู้เกี่ยวข้องและชี้แจงรายละเอียดต่างๆ และมีขั้นตอนการดำเนินการที่สำคัญคือการคัดเลือกตัวแทนโรงงานไบโอดีเซลเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี H-FAME จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด (BBF) และบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) โดยหลังจากนี้ทั้ง 2 โรงงานจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี H-FAME เพื่อผลิตไบโอดีเซลที่มีคุณสมบัติทางเชื้อเพลิงที่สูงกว่าเชื้อเพลิงไบโอดีเซลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้สอดรับกับข้อเสนอของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ต้องการให้มีการปรับคุณภาพของไบโอดีเซล หากจะต้องมีการใช้สัดส่วนการผสมไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้น และเพื่อความมั่นใจกับทุกภาคส่วน โดยโครงการนี้จะมีการนำร่องโดยนำเชื้อเพลิง B10 ที่ผสมด้วยไบโอดีเซลคุณภาพสูงไปทดลองใช้กับรถยนต์ของหน่วยงานของรัฐ และจะมีการแถลงผลการดำเนินงานในโอกาสต่อไป” ดร.อารี ธนบุญสมบัติ กล่าว ดร.นุวงศ์ ชลคุป นักวิจัยอาวุโสและหัวหน้าโครงการวิจัยฯ เอ็มเทค สวทช. กล่าวว่า “คณะกรรมการทำงานขับเคลื่อนโครงการฯ ได้พิจารณาจากผู้ประกอบการผลิตไบโอดีเซลในประเทศ ที่มีความพร้อมผ่านตามเกณฑ์ประเมิน โดยทีมวิจัยจะร่วมกับโรงงานสาธิตที่ได้รับคัดเลือกนี้ ในการศึกษาเทคโนโลยี H-FAME เชิงเทคนิคการผลิตและประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ จนกระทั่งสามารถผลิตไบโอดีเซลคุณภาพสูงหรือ H-FAME ออกมาใช้งานได้จริง เชื้อเพลิง H-FAME จะถูกผสมกับดีเซลในสัดส่วนร้อยละ 10 หรือที่เรียกว่า B10 ซึ่งจะมีการตรวจสอบคุณภาพเชื้อเพลิงให้ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานกรมธุรกิจพลังงาน และนำไปทดสอบกับรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล นอกจากนี้ โครงการจะทำการสุ่มเก็บตัวอย่างเชื้อเพลิงไบโอดีเซลและน้ำมันดีเซลในระบบจัดเก็บและระบบจัดจำหน่าย เพื่อตรวจวัดคุณภาพตามเกณฑ์ที่ประเมินไว้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์และผู้บริโภคในการใช้เชื้อเพลิง B10 ต่อไป
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.2 – ก.วิทย์ฯ สวทช. โชว์ผลงานวิจัยบัญชีนวัตกรรม, EECi
ก.วิทย์ฯ สวทช. โชว์ผลงานวิจัยบัญชีนวัตกรรม, EECi พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารจากผลงานวิจัย กุ้งกุลาดำโอเมก้า 3 ตอบโจทย์รัฐบาลนำประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 27 เมษายน 2560 : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดนิทรรศการโชว์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ได้แก่ EECi, บัญชีนวัตกรรม ผลงานเยาวชน NSC, มิวอาย และ DEN-STEP พร้อมคัดผลงานวิจัยด้านอาหารเสิร์ฟข้าวหอมชลสิทธิ์ กุ้งกุลาดำโอเมก้า 3 และมะเขือเทศสมูทตี้ มะคาเดเมีย และเบเกอรีจากฟลาวแป้งมันสำปะหลัง นำเสนอนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3 ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. ได้นำเสนอผลงานวิจัยได้แก่ โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECI) คือโครงการยกระดับและพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นการสร้างพื้นที่ที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมอย่างสมบูรณ์แบบ หรือเป็นเมืองนวัตกรรม (Innovation City) เป็นต้นแบบของการพัฒนางานวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในลักษณะองค์รวม ที่เน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันตามแนวทางประชารัฐมีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน บัญชีนวัตกรรม ส่งเสริมให้มีการพัฒนานวัตกรรมภายในประเทศ เพื่อรองรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรม ได้แก่ นวัตกรรมด้านการแพทย์ (บจ.ออโธพีเซีย) เช่น ชุดดามกระดูกภายนอกบริเวณข้อศอกชนิดปรับมุมและปรับยืดได้, พื้นสังเคราะห์ ประเภท B ผสมเม็ดยางธรรมชาติ (บจ.ทาโคเทค), วัสดุฝังในบริเวณกะโหลกศีรษะและใบหน้าเฉพาะบุคคล (บจ.คัสตอมไมซ์ เทคโนโลยี จำกัด), ชุดแหวนกันซึม ปกค. 25 ขนาด 155 มม.เอ็ม 198 (บจ.อาร์มี่ซัพพลาย จำกัด) พร้อมผลงานเยาวชน NSC และต่อกล้าให้เติบใหญ่ ได้แก่ Perfect KINOKO เครื่องรดน้ำเห็ดอัตโนมัติ และซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน ทอ-ไอ-ยอ-ไท พร้อมผลงานที่ได้รับรางวัลจาก Geneva ได้แก่ มิวอาย -เลนส์พอลิเมอร์กำลังขยายสูงพัฒนาเพิ่มเติมจากรุ่น S ใช้ติดกับกล้องของสมาร์ตโฟนและมีแท่นวางตัวอย่างที่ออกแบบพิเศษให้หมุนปรับได้ 3 แกน เป็นนวัตกรรมกล้องจุลทรรศน์ดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา สำหรับทุกคน เครื่องเอสพีอาร์แบบภาพและระบบฟลูอิดิกแบบหลายช่องวัด (SPR Imager with a multichannel fluidic delivery system) และ DEN-STEP -ผลิตภัณฑ์ชุดตรวจวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกชนิดแรกที่ตรวจหาโปรตีน NS1 ของเชื้อไวรัสเด็งกี่พร้อมกับการแยกชนิด หรือซีโรทัยป์ของไวรัสเด็งกี่ซึ่งมีทั้งหมด 4 ชนิด ได้ทันที นอกจากนี้ยังได้นำผลงานวิจัยด้านอาหารมาจัดตรียมอาหารไว้สำหรับเสิร์ฟด้วยเมนูอาหารจากผลงานวิจัยของ สวทช. เช่น ข้าวหอมชลสิทธิ์ ที่พัฒนาสายพันธุ์จากการผสมระหว่างข้าวทนน้ำท่วม IR57514 และข้าวพันธุ์ดอกมะลิ 105 จนได้ข้าวที่มีผลผลิตสูงเมื่อนำมาหุงมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน พร้อมด้วยกุ้งกุลาดำโอเมก้า 3 ผัดพริกเกลือกับผักรวมอบกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งกุ้งกุลาดำโอเมก้า 3 นี้ เป็นสายพันธุ์ท้องถิ่นของจังหวัดภูเก็ต และพังงา ผลงานวิจัยและพัฒนาโดย สวทช. ที่พัฒนาให้เป็นกุ้งกุลาดำโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นต่อมนุษย์ทั้งในแง่ของการพัฒนาเซลล์ประสาทและสมอง รวมทั้งการป้องกันและควบคุมโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และเป็นสินค้าในระดับพรีเมี่ยมของคนรักสุขภาพ และสมูทตี้จากมะเขือเทศพันธุ์ดี ผลงานวิจัยของ สวทช. ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ได้พัฒนาสายพันธุ์ทั้ง 4 สี คือ แดง เหลือง ส้ม น้ำตาลม่วง ปลอดภัยต่อสุขภาพ รสชาติอร่อย เสิร์ฟพร้อมเบเกอรีที่ผลิตจากฟลาวแป้งมันสำปะหลังที่ได้รับการพัฒนากระบวนการผลิตจนได้ฟลาวแป้งไซยาไนด์ต่ำปลอดภัยต่อสุขภาพที่สำคัญลดการใช้แป้งสาลีในการทำเบอเกอรีต่างๆ ด้วย ขณะเดียวกันก็ได้รับการสนับสนุนจากวิสาหกิจชุมชน อ.นาแห้ว จ.เลย คือ  มะคาเดเมียอบเกลือ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดย สวทช. ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลด้วยการนำ วทน. มาพัฒนาประเทศเพื่อก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง นำประเทศสู่ Thailand 4.0
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.2 – ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จับมือผู้จัดงาน CommunicAsia 2017 ประเทศสิงคโปร์
ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จับมือผู้จัดงาน CommunicAsia 2017 ประเทศสิงคโปร์ นำ Startup ไอทีไทยโชว์ศักยภาพในเวทีระดับโลกที่สิงคโปร์หวังขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคและระดับโลก 20 เมษายน 2560  กรุงเทพฯ - เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  กระทรวงพาณิชย์ จะนำตัวแทนนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ไอทีและซอฟต์แวร์ของประเทศไทยเข้าร่วมงาน CommunicAsia 2017 ซึ่งเป็นงานอุตสาหกรรมด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จัดที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 23 - 25 พ.ค. นี้ โดยพาวิลเลียนของประเทศไทย จะนำเสนองานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ 12 บริษัท ที่เป็นโซลูชั่นสำหรับองค์กร ด้านการศึกษา สื่อ โลจิสติกส์และเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร  “จากนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลไทย ที่มุ่งหมายให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากประเทศรายได้ปานกลางสู่ประเทศที่มีรายได้ที่สูง การพัฒนาไปสู่ digital Thailand ในด้านต่างๆ จึงมีความสำคัญ นักพัฒนาซอฟต์แวร์คือผู้ที่เป็นพลังสำคัญที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทยเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้ในบทบาทของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการสนับสนุนและส่งเสริมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของไทย ผลักดันและเปิดโอกาสให้นักธุรกิจกลุ่มสตาร์ทอัพหรือผู้ประกอบการด้านซอฟต์แวร์หน้าใหม่ได้แสดงผลงานธุรกิจของตนในต่างประเทศในระดับสากล เพื่อทำให้เกิดการตกลงซื้อขายและจับคู่ธุรกิจในด้านต่างๆ อันจะนำไปสู่การเติบโต การเรียนรู้และการสร้างรายได้ และก่อให้เกิดการขยายอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในระดับสากล” นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้อำนวยการซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. กล่าว “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เข้าร่วมงานอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี ด้วยเหตุที่อุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยมีการขยายตัวข้ามพรมพรมแดนประเทศ CommunicAsia จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสำหรับผู้พัฒนาเทคโนโลยีไทยให้ก้าวสู่ภูมิภาคเอเชียใต้ นำไปสู่การเติบโต การยอมรับ และการนำเทคโนโลยีของไทยไปใช้" นายวิกเตอร์ หว่อง ผู้อำนวยการโครงการด้านการสื่อสาร UBM Singapore Exhibition Services กล่าว ในงาน CommunicAsia และ BroadcastAsia 2017 จะมีผู้เข้าร่วมแสดงงาน 1,700 รายจาก 58 ประเทศ และ 38 พาวิลเลียนนานาชาติ นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดของบริษัท และรัฐบาลที่ต้องการก้าวทันยุคดิจิทัลเนื้อที่แสดงงานครอบคลุมเต็ม 65,000 ตารางเมตร ของ Marina Bay Sands และ Suntec Singapore คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานราว 48,000 ราย
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 ประจำเดือน เมษายน 2560
ข่าว ​สวทช. คว้า 2 รางวัล ตราสัญลักษณ์มาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย รองนายกสมคิด เยี่ยมกระทรวงวิทย์ฯ พร้อมผลักดันโครงการพัฒนาประเทศ 7 หน่วยงานรัฐ จับมือสร้างเครือข่ายแคร์ฟู๊ด สวทช. จับมือ นาฟรี (NAFRI) สถาบันวิจัยจาก สปป.ลาว สวทช. จัดงานประชุมวิชาการ ประจำปี 2560 : NAC2017 ITAP สวทช. ผนึก ไคสท์ (KAIST) มหาวิทยาลัยชั้นนำจากเกาหลีใต้ Haydale Technologies Thailand ศูนย์วิจัยแห่งแรกในเอเชีย นาโนเทค สวทช. ผนึก วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬา ก.วิทย์ จับมือ 50 หน่วยงาน สนับสนุน EECi ยกระดับอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ   บทความ นักวิจัย เอ็มเทค สวทช. สร้างนวัตกรรม “กระดูกและข้อโลหะต้นแขนเทียมส่วนบน” เพื่อผู้ป่วยมะเร็งกระดูก   ปฏิทินกิจกรรม กิจกรรมสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กิจกรรมฝึกอบรมเฉพาะทางเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตร กิจกรรมวิทยาศาสตร์ประจำเดือนเมษายน 2560 เปิดรับสมัคร    Download เอกสารฉบับเต็ม [8.81 MB] NSTDA Newsletter ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนเมษายน 2560 from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
จดหมายข่าว สวทช.
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.1 – รองนายกสมคิด เยี่ยมกระทรวงวิทย์ฯ พร้อมผลักดันโครงการพัฒนาประเทศ
รองนายกสมคิด เยี่ยมกระทรวงวิทย์ฯ พร้อมผลักดันโครงการพัฒนาประเทศ 16 มีนาคม 2560 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางเข้าตรวจเยี่ยมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เยี่ยมชมนิทรรศการของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงวิทย์ฯ ตลอดจนแผนดำเนินงานของกระทรวงในอนาคต พร้อมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูง โดยมี ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รศ. นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ  ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำเยี่ยมชมโครงการของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ต้องการขับเคลื่อนในปี 2560-2561 ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ส่วน ซึ่งได้นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุน อันได้แก่ EECi, Innovation Museum, Start Up, Food Innopolis, และวิทยาศาสตร์ฐานราก EECi โครงการยกระดับและพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นการสร้างพื้นที่ที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมอย่างสมบูรณ์แบบ หรือ เป็นเมืองนวัตกรรม (Innovation City) เป็นต้นแบบของการพัฒนางานวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในลักษณะองค์รวม ที่เน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันตามแนวทางประชารัฐ มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันเพื่อก่อประโยชน์สูงสุด ด้วยการรวมศูนย์ห้องปฏิบัติการและสนามทดสอบนวัตกรรม (Fabrication Laboratory & Test-bed Sandbox) ศูนย์รับรองมาตรฐานนวัตกรรมทางด้านระบบและอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยจัดตั้งเป็นเขตทดสอบนวัตกรรมอัจฉริยะของประเทศที่ผ่อนปรนกฎระเบียบที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ตลอดจนการเป็นชุมชนการจ้างงานผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีระดับสูงของทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป Innovation Museum พิพิธภัณฑ์นวัตกรรมในอนาคต โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ แหล่งเรียนรู้ทาง วทน. ที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ด้าน STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ซึ่งจะช่วยพัฒนากระบวนการคิด วิเคราะห์ การใช้เหตุผล นำไปสู่การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมต่อไปในอนาคต โดยการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์นวัตกรรมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ Innovation World ซึ่งผู้เข้าชมจะได้พบนิทรรศการแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และ Job World ทำหน้าที่เหมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึ่งจะมีการสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ชม โดยให้ความรู้และทดลองทำงานในสายอาชีพต่างๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Start Up เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โดยงานนี้เป็นการรวมตัวของกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีพลวัต มีการนำเสนอมาตรการส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัพในรูปแบบบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาชน รวมถึงหน่วยงานพันธมิตรในต่างประเทศ ที่จะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของสตาร์ทอัพในประเทศไทย และเพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของรัฐบาลในการขับเคลื่อนและบ่มเพาะ“นักรบเศรษฐกิจใหม่” (New Economic Warrior) และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ตลอดจนเป็นการสร้างความต่อเนื่องของกิจกรรมดังกล่าวให้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง Food Innopolis เมืองนวัตกรรมอาหาร โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ พื้นที่แห่งนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและนวัตกรรมอาหารมูลค่าสูง ด้วยการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทชั้นนำของโลก โดยภายในบูทเป็นการจัดแสดงผลงานหรือผลิตภัณฑ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้รักการกินเพื่อสุขภาพ ผู้เป็นเบาหวาน ผู้ต้องการควบคุมน้ำหนัก และผู้ต้องการควบคุมระดับไขมันในเลือด,ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำการเกษตรและปศุสัตว์ เน้นการใช้สารสกัดจากธรรมชาติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พื้นฐาน 3 ประการ คือ อาหารปลอดภัย  ความมั่นคงทางด้านอาหาร  และความมั่นคงทางด้านเกษตรกรรม เป็นต้น วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อฐานราก โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)  เป็นการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ไปพัฒนาชุมชนเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชาชนในประเทศไทย โดยจะมีโครงการนำร่อง เพื่อให้แนวคิดดังกล่าวเป็นรูปธรรม วท. ได้มอบหมายให้ วว. เป็นหน่วยงานแกนหลักบูรณาการดำเนินงานกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และสถาบันการศึกษา ในการสร้างความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ โดยใช้กลุ่มลูกค้าของธนาคารการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ด้าน วทน. มุ่งเน้นการพัฒนาพืชหลักทางการเกษตร 9 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง มะม่วงน้ำดอกไม้ กาแฟ มะเขือเทศ อ้อย และปศุสัตว์ ไก่ไข่และโคเนื้อ จากความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจต่อวงการเกษตรกรรมในด้านของการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังจะทำให้ห่วงโซ่อุปทาน มีความเข้มแข็ง สามารถทำการเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.1 – ปฏิทินกิจกรรม
กิจกรรมสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับเด็กและเยาวชน ระดับ ม.ปลาย รุ่นที่ 20 สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสาขาเคมี ในวันอังคารที่ 18 เมษายน 2560 ณ อาคาร สวทช. โยธี โดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง กิจกรรมสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับเด็กและเยาวชน ระดับ ม.ปลาย รุ่นที่ 20 สาขาฟิสิกส์ ในวันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2560 ณ อาคาร สวทช. โยธี โดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง กิจกรรมสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับเด็กและเยาวชน ระดับ ม.ปลาย รุ่นที่ 20 สาขาชีววิทยา-เกษตร  ในวันพุธที่ 26 เมษายน 2560 ณ ห้องประชุมอาคารวชิรานุสรณ์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง กิจกรรมฝึกอบรมเฉพาะทางเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตรหัวข้อ “มหัศจรรย์สารพันธุกรรมดีเอ็นเอ ขั้นพื้นฐาน” สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์ฯ รุ่นที่ 15 : ระหว่างวันที่ 18-22 เมษายน 2560 และ รุ่นที่ 16 : ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช.  จัดโดยฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ร่วมกับหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืช ศช. กิจกรรมฝึกอบรมเฉพาะทางเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตรหัวข้อ “การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขั้นพื้นฐาน (ไม้ดอกไม้ประดับ)” สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์ฯ ในวันที่ 20 เมษายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จัดโดย ฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ร่วมกับหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืช ศช.   กิจกรรมวิทยาศาสตร์ประจำเดือนเมษายน 2560  ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนสำหรับเยาวชน A DAY IN SCIENCE ตอน เขื่อน (DAM) ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ ประเทศไทย สวทช.  รอบที่ 1 ในวันที่ 19 เม.ย. 2560, รอบที่ 2 ในวันที่ 24 เม.ย. 2560, รอบที่ 3 ในวันที่ 28 เม.ย. 2560 กิจกรรม The 3rd International STEM Education for Teachers : Inspired by Fun hands - on with Science, Technology, Engineering and Mathematics  ระหว่างวันที่ 18-22 เมษายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กิจกรรม The 4th International STEAM Camp Inspired by Fun hands-on with Science, Technology, Engineering, Arts and Mathematics ระหว่างวันที่ 18-22 เมษายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร และพิพิธภัณฑ์และแหล่งการเรียนรู้ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น กิจกรรมเตรียมความพร้อมด้านวิชาการ เรื่องฟิสิกส์อนุภาค สำหรับผู้แทนประเทศไทย โครงการนักศึกษาภาคฤดูร้อนเดซีและเซิร์น ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน 2560 ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กรุงเทพฯ กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ นักเรียนที่ได้เหรียญรางวัลโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ ประจำปี พ.ศ. 2559 วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช.    เปิดรับสมัคร เปิดรับสมัครกิจกรรมค่าย STEAM Summer Camp สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างวันที่ 25-27 เมษายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร จ.ปทุมธานี เขื่อนขุนด่านปราการชล และศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก ในวันที่ 28 มีนาคม 2560 ทาง www.nstda.or.th/sciencecamp/ โครงการ STEM Workforce หรือ โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร STEM (Science, Technology Engineering, and Mathematics) เพื่อการวิจัยและพัฒนาสาหรับภาคอุตสาหกรรม  จะเปิดรับสมัครนักศึกษาทุนรอบที่สอง ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 15 พฤษภาคม 2560 โดยรับสมัครนิสิต/นักศึกษาผู้มีสัญชาติไทย ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก และมีความสนใจทาโครงงานวิจัย/งานวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้รับค่าใช้จ่ายรายเดือนเป็นระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี (หมวดเดียว ปริญญาโทเดือนละ 10,000 บาท ปริญญาเอกเดือนละ 12,000 บาท) ผู้ที่สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครทุนได้ที่ http://www.nstda.or.th/stemworkforce โครงการสร้างปัญญาวิทย์ผลิตนักเทคโน หรือ โครงการ YSTP (Young Scientist and Technologist Program)  เปิดให้ดาวน์โหลดใบสมัครล่วงหน้าทางเว็บไซต์ของโครงการ ให้นิสิต/นักศึกษาระดับปริญญาตรีปีสุดท้าย(ในปีการศึกษา 2560) อาจารย์ และนักวิจัย สวทช. ที่สนใจสมัครขอรับทุนได้มีโอกาสศึกษาข้อมูลและหาเครือข่ายความร่วมมือวิจัยสาหรับปริญญานิพนธ์ล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัวสำหรับการส่งใบสมัครขอรับทุนในช่วงเปิดรับสมัคร(ในเดือนพฤษภาคม 2560)  ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและดาวน์โหลดใบสมัครล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไปที่ www.nstda.or.th/ystp
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.1 – นักวิจัย เอ็มเทค สวทช. สร้างนวัตกรรม “กระดูกและข้อโลหะต้นแขนเทียมส่วนบน” เพื่อผู้ป่วยมะเร็งกระดูก
นักวิจัย เอ็มเทค สวทช. สร้างนวัตกรรม “กระดูกและข้อโลหะต้นแขนเทียมส่วนบน” เพื่อผู้ป่วยมะเร็งกระดูก นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่นักวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ร่วมกับ หน่วยเนื้องอกกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่ออ่อน กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท คอสโม เมดิเทค จำกัด ได้ร่วมมือกันวิจัยและพัฒนา “กระดูกและข้อโลหะต้นแขนเทียมส่วนบน” จนเป็นผลสำเร็จ ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งกระดูกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ผลงานชิ้นนี้ทีมวิจัยได้ร่วมกันระดมสมองจากกลุ่มศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ อนุสาขาเนื้องอกกระดูกและเนื้อเยื่ออ่อน ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย จำนวน 35-40 คน เพื่อร่วมกันพัฒนาต้นแบบกระดูกต้นแขนเทียมส่วนบนสำหรับผู้ป่วยมะเร็งกระดูกในประเทศไทยและประสบความสำเร็จผ่านการทดสอบการใช้งานทางคลินิกในผู้ป่วยมะเร็งกระดูกจำนวน 10 ราย ใน 3 โรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการจริยธรรมวิจัยในมนุษย์ของทั้ง 3 แห่ง มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และมีผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ไม่มีโรคแทรกซ้อนแต่ประการใด สวทช. ในฐานะองค์กรวิจัยและพัฒนาที่ขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มีเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยให้เข้มแข็ง ด้วยนวัตกรรมของไทย เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับบริการทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล ในราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ความสำเร็จในการพัฒนากระดูกและข้อโลหะต้นแขนส่วนบนนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนานวัตกรรมด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งจากกลุ่มศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ นักวิจัย และผู้ผลิต ร่วมกันผลิตผลงานวิจัยให้เป็นสินค้านวัตกรรมที่นำไปสู่การใช้งานอย่างแท้จริง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการแพทย์ไทย ดร.กวิน การุณรัตนกุล นักวิจัยห้องปฏิบัติการอุปกรณ์การแพทย์ หน่วยวิจัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ซึ่งอยู่ในทีมวิจัย กล่าวว่า นวัตกรรม “กระดูกและข้อโลหะต้นแขนเทียมส่วนบน” เหมาะกับคนไข้กลุ่มปฐมภูมิ ที่พบว่าเป็นมะเร็งกระดูกแขนเหนือข้อศอก ซึ่งจะพบมากในกลุ่มเด็กและเยาวชน หากตรวจพบแล้วสามารถรักษาก่อนที่จะลามไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ จะใช้วิธีการเปลี่ยนเอา“กระดูกและข้อโลหะต้นแขนส่วนบน” ไปใส่แทนกระดูกแขนที่เป็นมะเร็ง ซึ่งต้องตัดกระดูกส่วนที่เป็นมะเร็งออก วิธีการนี้จะช่วยให้คนไข้อยู่ได้นานขึ้น ลดการเสียชีวิต และสามารถกลับมาเรียนจนจบได้ มีอาชีพการงานที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในสังคม อย่างไรก็ตามตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เอ็มเทค สวทช. และ รพ. เลิดสิน ร่วมกันออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าวขึ้นมา และต้องการผู้ผลิตตามสเปกที่ต้องการ โดย บริษัท คอสโม เมดิเทค จำกัด ให้ความสนใจในการผลิตอุปกรณ์ดังกล่าว และร่วมมือในการผลิตตามที่ทีมวิจัยต้องการ ใช้เวลาประมาณ 1 ปีเศษ จึงสามารถขึ้นรูปต้นแบบอุปกรณ์ “กระดูกและข้อโลหะต้นแขนเทียมส่วนบน” ได้ และสามารถผลิตออกมาใช้กับผู้ป่วยมะเร็งกระดูกต้นแขนส่วนบนได้ในที่สุด สำหรับกระดูกเทียมท่อนแขนส่วนบนนี้ ถือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่คนไข้ไม่สามารถเบิกได้จาก สปสช. ที่ผ่านมาต้องซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ชิ้นนี้นำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพง โดยมีราคาเริ่มต้นประมาณ 150,000 บาท ดังนั้นจึงมีคนไข้จำนวนมากที่ไม่สามารถจ่ายได้ หากเราสามารถผลิตได้ภายในประเทศและมีต้นทุนต่ำ ก็จะช่วยเหลือคนไข้ได้มาก โดยเฉพาะคนไข้เด็กที่มีโอกาสผ่าตัดใส่กระดูกและข้อโลหะต้นแขนส่วนบน แล้วรักษาหายและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงานโดยไม่เป็นภาระกับสังคม ที่สำคัญยังมีแขน แม้ว่าจะขยับได้ไม่ 100% แต่ก็ยังมีแขนที่ขยับใช้งานได้ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพการใช้ชีวิตของคนไข้หลังการรักษาได้ สำหรับวัสดุที่ใช้ทำ “กระดูกและข้อโลหะต้นแขนเทียมส่วนบน” มีทั้งโคบอล โคเมียม อัลลอย์ ส่วนแกนกลางของอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมกับกระดูกจริงของผู้ป่วยมะเร็งกระดูก ทำจากวัสดุไททาเนียม มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน แต่เบา และเข้ากับร่างกายได้ดี ไม่เกิดการต่อต้าน ซึ่งขณะนี้ได้ทดลองนำไปใช้กับผู้ป่วยมะเร็งกระดูกแล้ว 10 ราย พบว่าไม่มีการติดเชื้อ หรือปัญหาการหลุดของชิ้นส่วนแต่อย่างใด เป็นที่พอใจของแพทย์และผู้ป่วยเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของการวิจัย ถือเป็นการสะสมองค์ความรู้เรื่องวัสดุทางการแพทย์ โดยเฉพาะเรื่องการทำชิ้นส่วนเทียมที่ใช้กับร่างกายมนุษย์ ซึ่งหากทำชิ้นนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในอนาคตเมื่อมีองค์ความรู้มากขึ้น ก็สามารถทำชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น ข้อเข่า สะโพก ที่มีความยากขึ้นมาอีกระดับหนึ่งได้ ปริมาณการใช้ของผู้ป่วยก็จะเพิ่มมากขึ้น คนไข้มีโอกาสได้ใช้งานในราคาที่เข้าถึงได้ หากนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาแพงงานวิจัย “กระดูกและข้อโลหะต้นแขนเทียมส่วนบน” ของ สวทช. นี้ ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ที่ส่งเสริมนวัตกรรมในประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรม 1 ใน 10 อุตสาหกรรม New S- Curve เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่ง สวทช. ทำงานวิจัยได้ตอบโจทย์ประเทศด้วยการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ใช้ประโยชน์ได้จริงและสามารถลดการพึ่งพาเทคโนโลยีการนำเข้าจากต่างประเทศ สร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมการแพทย์อย่างยั่งยืน
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.1 – ก.วิทย์ จับมือ 50 หน่วยงาน สนับสนุน EECi ยกระดับอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ
ก.วิทย์ จับมือ 50 หน่วยงาน สนับสนุน EECi ยกระดับอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วย วทน. หนุนไทยแลนด์ 4.0 5 เมษายน 2560 - ณ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนามความร่วมมือสนับสนุนการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi : Eastern Economic Corridor of Innovation) ร่วมกับภาคเอกชน สถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวม 50 หน่วยงาน ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) หนุนไทยแลนด์ 4.0 โดย คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงภาคตะวันออก ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และให้เกียรติร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5203-20170405-eeci
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย