หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉบับที่ 4 ประจำเดือน กรกฎาคม 2561
ข่าว ​สวทช. สนช. ร่วมกับ หัวเว่ย พัฒนานวัตกรรมไทยสู่เวทีโลก พิธีเปิดการแข่งขันออกแบบสร้างหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 11 เชฟรอนสานต่อโครงการ Enjoy Science : Young Makers Contest ปี 3 เปิดโครงการ Kidbright และ Fab Lab ต่อยอด สร้างสรรค์ เสริมทักษะนวัตกรรมเยาวชนไทย สวทช. ก.พาณิชย์ ม.หอการค้าไทย ผนึกใช้ วทน. พัฒนาสมุนไพรครบวงจร สวทช. หนุน วทน. เสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง ก.วิทย์ สวทช. ชูงานวิจัยเด่น เสริมแกร่งภูมิภาคอีสาน หนุน “โรงเรือนพลาสติกผลิตผักคุณภาพ” สวทช. หนุน SME งานเชื่อมไทยในพื้นที่ EEC สู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยนวัตกรรม มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศ​ฯ และ สวทช. ผนึกพันธมิตร เป็นเครือข่ายพัฒนาทักษะเยาวชนด้านอิเล็กทรอนิกส์และการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นาโนเทค สวทช. นำผปก.เครื่องสำอางและสมุนไพรไทยรุกตลาด งาน Mekong Beauty Show 2018 ”ดรีมเดอร์มา” ไมโครแครแคปซูลชะลอวัย คว้า 2 รางวัล ในงาน “นาสด้าอินเวสเตอร์เดย์ 2018”   บทความ 10 เทคโนโลยี ที่น่าจับตามอง   ปฏิทินกิจกรรม สวทช. ขอเชิญนักศึกษา นักวิจัย สมัครเพื่อคัดเลือกเข้าร่วมการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา เยอรมนี และการประชุม GYSS สิงคโปร์ เปิดรับข้อเสนอโครงการวิจัยในอวกาศ Call for Proposals for Microgravity Experiment สวทช. ขอเชิญผปก.สัมมนาเตรียมพร้อมสินค้าและบริการด้านอสังหาฯเพื่อผู้สูงอายุกลุ่มใหม่ กิจกรรมค่าย/อบรมเชิงปฏิบัติการ เปิดรับสมัคร    Download เอกสารฉบับเต็ม [12.8 MB] NSTDA Newsletter ปีที่ 4 ฉบับที่ 4 ประจำเดือนกรกฎาคม 2561 from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand  
จดหมายข่าว สวทช.
 
ศูนย์บ่มเพาะฯ สวทช. หนุนผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสร้างโอกาสพัฒนาธุรกิจ สู่เจ้าของธุรกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน
ณ อาคารซอฟต์แวร์พาร์ค แจ้งวัฒนะ - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี จัดปฐมนิเทศ “โครงการบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี รุ่นที่ 16 (SUCCESS 2018)” เพื่อแนะนำโครงการและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการและหน่วยงานพันธมิตร แก่ผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์/ไอที/ดิจิทัล/นาโนเทคโนโลยี/ไบโอเทคโนโลยี และอื่นๆ กว่า 40 รายที่เข้าร่วมโครงการ SUCCESS ประจำปี 2561 เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ และนำสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจที่เข้มแข็งอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. เปิดเผยว่า ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. ดำเนินโครงการบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี (SUCCESS) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดย SUCCESS 2018 เป็นโครงการสำหรับผู้บริหารกิจการ ผู้ประกอบกิจการซอฟต์แวร์และไอทีทุกประเภท เช่น ERP, Mobile, Enterprise, Digital content, IT Consultant, IT Services, E-learning, Game, Web ฯลฯ และผู้ประกอบการนาโนเทคโนโลยี ไบโอเทคโนโลยี และอื่นๆ (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. ขอเชิญชวนนิสิต นักศึกษา และนักวิจัย สมัครเพื่อคัดเลือกเข้าร่วมการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา ประเทศเยอรมนี และการประชุม Global Young Scientist Summit (GYSS) ประเทศสิงคโปร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับสนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระประสงค์ให้นิสิต นักศึกษา และนักวิทยาศาสตร์ ของไทย ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา และการประชุม Global Young Scientist Summit (GYSS) ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อเปิดโลกทัศน์ทางวิชาการ อีกทั้งได้มีโอกาสเรียนรู้ความก้าวหน้าทางวิทยาการใหม่ๆ จากประสบการณ์จริงของนักวิจัย และ/หรือนักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานทางวิทยาศาสตร์ในระดับสากล ในการนี้ สวทช. จึงขอเชิญชวนนิสิต นักศึกษา และนักวิจัย สมัครเข้าร่วมรับการคัดเลือกเพื่อเป็นผู้แทนประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในสาขาฟิสิกส์ ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม 2562 และการประชุม Global Young Scientist Summit (GYSS2019) ในสาขา เคมี ฟิสิกส์ แพทยศาสตร์หรือสรีรวิทยา คณิตศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ณ ประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างในวันที่ 20-25 มกราคม 2562 โดยมีกิจกรรมนำเสนอผลงาน บรรยายพิเศษและการเสวนากลุ่มย่อยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากนักวิทยาศาสตร์ผู้เคยได้รับรางวัลโนเบล (Nobel Laureate) และนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลชั้นนำของโลก สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2561 โดยสมัครออนไลน์ได้ที่ www.nstda.or.th/lindau/ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 0 2529 7100 ต่อ 77206 และ 77224 หรือ 081 006 5454 อีเมล pdys@nstda.or.th หรือ ดูรายละเอียดของกิจกรรมเพิ่มเติมที่ https://www.lindau-nobel.org/ และ https://www.gyss-one-north.sg/ เปิดรับข้อเสนอโครงการวิจัยในอวกาศ Call for Proposals for Microgravity Experiment สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขอเชิญท่านที่สนใจร่วมเสนอ งานวิจัยไปทดลองในอวกาศกับโครงการ “การทดลองในอวกาศและสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง - National Space Experiment NSE-II” ลักษณะงานวิจัยที่เปิดรับ เป็นงานวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ใช้คุณสมบัติของสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง สร้างผลการทดลองและองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากการทดลองบนโลก ปิดรับข้อเสนอโครงการ วันที่ 31กรกฎาคม 2561 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/jaxa-thailand/nse2018/ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ e-mail : nse@nstda.or.th สวทช. ขอเชิญผู้ประกอบการเข้าสัมมนาเตรียมพร้อมสินค้าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อผู้สุงอายุกลุ่มใหม่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ขอเชิญผู้ประกอบการ SME ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนนิติบุคคล (บจก. หจก. หสม. ร้านค้า สหกรณ์ หรือวิสาหกิจชุมชน) เข้าร่วมสัมมนาฟรี! หัวข้อ “ชนชราแห่งอนาคต : ความท้าทายในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อชนชราแห่งอนาคต” เพื่อรับทราบข้อมูลสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ ท้าทายโอกาสและศักยภาพของสังคมผู้สูงวัย ตั้งแต่โครงการอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึง Wearable gadget หรือ IOT Platform ในวันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.30 - 17.00 น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น M ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก กรุงเทพฯ รับจำนวนจำกัด 60 ท่านเท่านั้น สงวนสิทธิ์รับ 1 คน/นิติบุคคล หมดเขตภายใน 13 ก.ค. 61 ลงทะเบียนฟรีได้ที่อีเมล panita@nstda.or.th โทรสาร 0 2564 7082 สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2564 7000 ต่อ 1301, 1368, 1381 Big Rock Fab Lab Thailand :  กิจกรรม “สะเต็มศึกษาผ่านกิจกรรมออกแบบชิ้นงานด้วยโปรแกรมเครื่องพิมพ์ 3 มิติ” โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับโครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab) สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมชนวัดบางขัน 17-18 กรกฎาคม 2561 ณ บ้านวิทยาศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย กิจกรรมมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ตอน สนุกกับกิจกรรมมหาวิทยาลัยเด็ก สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น 19 กรกฎาคม 2561 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. กิจกรรมค่ายบูรณาการโครงงานวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ครั้งที่ 3 สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ โรงเรียนประทีปวิทยา และโรงเรียนสุทธิศาสน์วิทยา โดยกิจกรรมความรู้คู่ความสนุกกับการออกแบบทางวิศวกรรม ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab) สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 24-26 กรกฎาคม 2561 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. กิจกรรมฝึกอบรมเฉพาะทางเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตรหัวข้อ “การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขั้นพื้นฐาน (ไม้ดอกไม้ประดับ)” สำหรับนักเรียนโรงเรียนวัดราชโอรส จัดโดยฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ร่วมกับหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืช ศช. 26 กรกฎาคม 2561 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. อบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรเพื่อการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา “การนำแนวคิดสะเต็มศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา สำหรับครูระดับชั้นประถมศึกษา” STEM Approach Implementation in Schools for Elementary School Teachers หลักสูตรระดับกลาง 27-29 กรกฎาคม 2561 ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. เปิดรับสมัคร ประชาสัมพันธ์รับสมัครทุนโครงการการคัดเลือกผู้แทนเข้าร่วมการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา สาขาฟิสิกส์ และโครงการ Global Young Scientists Summit (GYSS) ประจำปี 2562 สนใจสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2561 โดยสมัครออนไลน์ได้ที่ www.nstda.or.th/lindau/ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 0 2529 7100 ต่อ 77206 และ 77224 หรือ 081 006 5454 อีเมล pdys@nstda.or.th หรือดูรายละเอียดของกิจกรรมเพิ่มเติมที่ https://www.lindau-nobel.org/ และ https://www.gyss-one-north.sg/
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – 10 เทคโนโลยี ที่น่าจับตามอง
10 เทคโนโลยี ที่น่าจับตามอง เป็นประจำทุกๆ ปี การเผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เป็นวาระสำคัญที่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปให้ความสนใจกับกิจกรรมนี้ของ สวทช. มากขึ้นทุกปี ปีนี้ก็เช่นกัน ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. บรรยายพิเศษ เรื่อง “10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจ (10 Technologies to Watch)” ซึ่งแนะนำ 10 เทคโนโลยีใหม่ที่จะส่งผลกระทบในช่วงเวลา 5-10 ปีในอนาคต เพื่อให้ผู้ประกอบการและคนทั่วไปกว่า 600 คนรับฟัง ภายใต้งาน Thailand Tech Show 2018 ที่ สวทช. จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เสริมแกร่งธุรกิจด้วยวิทย์และนวัตกรรม” เมื่อวันที่ 4-8 กรกฎาคมที่ผ่านา ณ ไบเทค บางนา เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และต่อยอดนวัตกรรมให้กับนักลงทุนเป้าหมายและผู้ประกอบการไทย ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) พัฒนากระบวนการผลิตให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน รวมทั้งการอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีที่จะพลิกชีวิตและธุรกิจของใครก็ได้ในทุกมิติ เมื่อเทคโนโลยี “เปลี่ยนวิถีชีวิต-พลิกธุรกิจ” 1. แบคทีเรียลดยุงพาหะ (Mosquito-targeted Wolbachia) ขณะนี้มีโครงการระดับนานาชาติที่นำแบคทีเรียชนิดหนึ่งคือ แบคทีเรียในสกุล โวลบาเชีย (Wolbachia) เข้าร่วมโปรแกรมระดับโลก World Mosquito Program หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า Eliminate Dengue รัฐบาลออสเตรเลียประกาศว่าการใช้ Wolbachia เป็นทางเลือกใหม่ที่ลดความเสี่ยงของการระบาดโรคไข้เลือดออก ซิก้า และชิกุนกุนยาได้ และมีต้นทุนต่ำคือ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยแค่ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อประชากรเท่านั้น ขณะที่ปี 2012 รัฐบาลสิงคโปร์ ทำโครงการทดสอบภาคสนาม ปล่อยยุงที่มี Wolbachia ออกสู่สิ่งแวดล้อมเพื่อศึกษาและประเมินความเสี่ยง มีบริษัท Startup ในสหรัฐที่ผลิตยุงแบบนี้ออกจำหน่ายด้วย เทคโนโลยีการกำจัดยุงด้วยแบคทีเรียนี้น่าจะเป็นทางเลือกสำคัญแบบหนึ่งในการกำจัดยุงในพื้นที่อื่นๆ ของโลก หรือแม้แต่ในประเทศไทยเอง 2. วัคซีนกินได้ (Edible Vaccine) วัคซีนรุ่นใหม่อาจจะใช้วิธีการกิน เช่น พืชอาหารต่างๆ การทำพืชวัคซีนแบบนี้ต้องนำสารพันธุกรรมของเชื้อโรคที่ไม่เกี่ยวกับการก่อโรคมาใส่เข้าไปในพืช พืชจึงเป็นดั่งโรงงานที่สร้างสารเหล่านี้ขึ้นมา โดยขั้นตอนนี้อาศัยแบคทีเรียพวก Agrobacterium นำสารพันธุกรรมเข้าไปในพืช เมื่อคัดเลือกพืชที่รับเอาสารพันธุกรรมดังกล่าวเข้าไปได้แล้ว ก็นำมาเพิ่มจำนวน และใช้รับประทานเป็นวัคซีนได้ต่อไป วิธีนี้มีข้อดีคือ ไม่ต้องใช้ไข่สดหรือสัตว์ในการผลิต จึงปลอดภัยจากการปนเปื้อนเชื้อโรค วัคซีนแบบใหม่จึงอาจจะใช้วิธีกินแทนที่จะฉีดแบบที่เราคุ้นเคยกันมานาน 3. เซลล์สำหรับทดสอบยา (Cell Line for Drug Testing) การนำเซลล์ผู้ป่วยมาทำให้เป็นสเต็มเซลล์แบบพิศษ iPSC จะสามารถนำมาทดสอบยาได้โดยตรง และได้คำตอบที่รวบรัดชัดเจนด้วยว่ายาที่ต้องการใช้ทำให้เซลล์ผู้ป่วยคนนั้นมีปฏิกิริยาทางลบหรือจะเกิดการแพ้ยาหรือไม่ ทั้งนี้มีบริษัทต่างๆ จำนวนหนึ่งที่พยายามหาวิธีสร้างเซลล์ iPSC จากผู้ป่วยจำนวนมาก เช่น ฝรั่งเศส ผนวกเอาเทคโนโลยี microfluidic cell culture ที่เพาะเลี้ยงเซลล์ในระบบที่มีการแลกเปลี่ยนสารอาหารและอากาศที่ไหลผ่านเซลล์โดยควบคุมอย่างละเอียดทุกอย่าง จนทำให้สเต็มเซลล์ เติบโต และเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในระยะต่างๆ ที่เหมาะกับการนำมาใช้ทดสอบความเป็นพิษของยาได้เป็นอย่างดี เทคนิคการเพาะเลี้ยงเซลล์จากสัตว์ หรือแม้แต่เซลล์จากผู้ป่วยนี้ จึงถือเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้การรักษาผู้ป่วยแบบจำพาะเจาะจงรายคน ดังเช่น โครงการชื่อ The Medlem Project ที่ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในยุโรปให้ยืนยาวขึ้นอีก 5-10 ปี และใช้ปรับปรุงกระบวนการรักษาอีกด้วย 4. การบำบัดส่วนบุคคล (Personalized Therapy) ด้วยความรู้เกี่ยวกับข้อมูลพันธุกรรม จากผลของการอ่านรหัสพันธุกรรมได้ ด้วยราคาที่ถูกลงมาก และมีวิธีการตรวจรักษาที่เจาะจงมากขึ้น ทำให้การป้องกันและรักษาโรคดีขึ้นจนถึงระดับที่บำบัดรักษาแบบจำเพาะกับคนๆ นั้น เกิดการรักษาแบบ Personalized Therapy หรือ เป็นการบำบัดส่วนบุคคลเลยทีเดียว หัวใจหลักของการรักษาแบบใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ มาจากความรู้เกี่ยวกับการสร้างสเต็มเซลล์อย่างง่ายๆ สเต็มเซลล์เป็นเซลล์ที่สามารถนำมาใช้ซ่อมแซม หรือสร้างทดแทนเนื้อเยื่อ หรืออวัยวะที่สึกหรอไปได้ ทั้งนี้นักวิจัยชาวญี่ปุ่น ชินยะ ยามานะกะ (Shinya Yamanaka) ค้นพบวิธีการสร้าง “ตั้งโปรแกรมใหม่” หรือ reprogramming cell ซึ่งช่วยเปลี่ยนเซลล์ร่างกายแบบอื่นๆ ที่มีจำนวนมาก เช่น เซลล์ผิวหนัง ให้กลายเป็น สเต็มเซลล์ได้ โดยการใส่ดีเอ็นเอจำเพาะไม่กี่ชิ้น เกิดเป็นสเต็มเซลล์แบบพิเศษที่เรียกว่า iPSC ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลจากการค้นพบนี้ในปี ค.ศ. 2012 ไม่เพียงแค่เราได้สเต็มเซลล์ของผู้ป่วยง่ายขึ้น เทคโนโลยีในการแก้ไขดีเอ็นเอที่ผิดปกติที่เรียกว่า เทคโนโลยีการดัดแปลงยีน หรือที่เรียกว่า CRIPR/Cas9 (คริสเพอร์แคส 9) จะทำให้สามารถแก้ไขโรคต่างๆ ได้ รวมทั้งโรคพันธุกรรมที่เดิมไม่เคยรักษาได้มาก่อนเลย ตัวอย่างโรคแรกๆ ที่มีการทดลองไปคือ โรคจอตาเสื่อม เป็นต้น 5. เข็มจิ๋วอัจฉริยะ (Intelligent Nano-Needle) หลายคนคงรู้จักเข็มจิ๋วจิ้มไม่เจ็บ หรือ Nano Needle ที่อาศัยลักษณะของเข็มที่เล็กมาก ทำให้เวลาใช้งาน ผู้ที่ถูกเข็มเหล่านี้จิ้มจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่เข็มเหล่านี้สามารถพัฒนาให้ฉลาดมากขึ้นและทำงานได้อเนกประสงค์ เช่น การเชื่อมต่อกับตัวรับสัญญาณ หรือ sensor ทำให้สามารถตรวจวัดการทำงานระบบต่างๆ ของร่างกายตามเวลาจริง (real time) ได้ เพื่อให้เห็นภาพ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคนี้ ที่ต้องการตรวจวัดระดับน้ำตาลอยู่ตลอดเวลา เพราะการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างกะทันหัน อาจก่ออันตรายร้ายแรงได้ ก็อาจต้องอาศัยเข็มแบบนาโนนี้แปะติดกับผิวหนังไว้ เข็มจิ๋วอัจฉริยะจึงไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่เข็มฉีดยา แต่กลายเป็น “ชุดวัดระดับน้ำตาล” ไปด้วยในตัว 6. วาล์วจิ๋วส่งยา (Nano-Valve) เทคโนโลยีนาโนพอร์ซีเควนซิ่ง (Nano-Pore Sequencing) ที่อาศัยช่องเล็กสุดๆ ระดับนาโน ที่เล็กกว่าเส้นผมของคนเราถึง 100,000 เท่า ในการอ่านรหัสพันธุกรรม แต่เทคโนโลยีนี้ จะมีสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นเมื่อนำความรู้ด้านนาโนเทคโนโลยีในการสร้าง “วาล์ว (valve)” หรือ ลิ้นปิดเปิดระดับนาโน ประกอบเข้ากับกับนาโนพอร์ ซึ่งจะเกิดเป็น “นาโนวาล์ว” ทำให้ได้ระบบนำส่งโมเลกุลหรือยาไปสู่เซลล์เป้าหมายและสามารถควบคุมการปลดปล่อย ณ ตำแหน่งเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอาจช่วยในการรักษาโรคได้ ทั้งนี้การควบคุมการปิด-เปิดของวาล์วนั้น ยังสามารถอาศัยกลไกการเปลี่ยนแปลง pH หรือ สารจำเพาะบางอย่างในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะเป้าหมาย เช่น เซลล์เนื้องอก หรือมะเร็ง มี pH หรือสารจำเพาะที่ต่างจากเซลล์ปกติ ทำให้วาล์วเปิด และปล่อยสารหรือยาที่อยู่ภายในออกมารักษาได้ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมได้จากภายนอกร่างกาย หรือภายนอกเซลล์ เช่น ใช้การกระตุ้นด้วยแสง ความร้อน หรือ สนามแม่เหล็ก จึงทำให้การออกฤทธิ์ของสารที่บรรจุไว้ในนาโนพอร์ มีความจำเป็นสูงมากในการรักษา “นาโนวาล์ว” จึงเป็นอีกทางหนี่งในการรักษาโรคในอนาคต 7. การพิมพ์โลหะ 3 มิติ (Metal 3D Printing) ปัจจุบันการพิมพ์โลหะ 3 มิติ มีการใช้เลเซอร์ (Laser) หรือลำแสงอิเล็กตรอน (Electron Beam) หลอมละลายผงโลหะเป็นชั้นๆ ชิ้นงานที่ได้มีความแข็งแรง ตกแต่งเพียงเล็กน้อยก็ใช้งานได้ทันที ด้วยเทคโนโลยีที่เบ็ดเสร็จในตัวเช่นนี้ คาดการณ์ว่าภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 จะมีเครื่องพิมพ์โลหะ 3 มิติ ไว้ใช้ตามออฟฟิศมากขึ้น โดยใช้วิธีพิมพ์แบบดันวัสดุ (Material Extrusion) ผงโลหะที่ผสมกับพอลิเมอร์จะถูกดันผ่านหัวฉีดขึ้นมาเป็นชั้นๆ โดยไม่ต้องใช้เลเซอร์หรือลำแสงอิเล็กตรอน และไม่มีผงโลหะส่วนเกิน ทำให้วางเครื่องประเภทนี้ในออฟฟิศได้เลย จุดเด่นคือพิมพ์ได้รวดเร็วขึ้น ราคาเครื่องพิมพ์ถูกลงโดยเฉพาะเพื่อพิมพ์ชิ้นส่วนโลหะ ที่ไม่ต้องการการผลิตจำนวนมากแต่ต้องมีความจำเพาะเจาะจง เช่น ในทางการแพทย์ ปัจจุบัน เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับภาคเอกชนทำงานวิจัยที่ประยุกต์ใช้การพิมพ์โลหะ 3 มิติ เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรม ทั้งวิธีการพิมพ์ที่ใช้เลเซอร์ หรือลำแสงอิเล็กตรอน และวิธีการพิมพ์ที่ต้องนำชิ้นงานไปเผาผนึกก่อนการใช้งาน 8. วัสดุดูดซับเสียงออกแบบได้ (Customized Sound Absorber) ปัญหาเสียงดังจากยานพาหนะ เครื่องมือ เครื่องจักร ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้ที่อยู่ใกล้เคียง “โฟมอะลูมิเนียม” เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในด้านการดูดซับเสียงได้ดี แข็งแรง ทนแรงกระแทก น้ำหนักเบา สวยงาม ไม่ลุกติดไฟ และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันนักวิจัยจากห้องปฏิบัติการโลหะวิทยาขั้นสูง หน่วยวิจัยโลหะ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. พัฒนาโฟมอะลูมิเนียมที่มีคุณสมบัติเด่น คือ ดูดซับเสียงที่ความถี่เสียงต่างๆ ได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ออกแบบโดยใช้วัสดุทรงกลมซึ่งสามารถทนอุณหภูมิสูง และมีพื้นผิวรูปแบบต่างๆ เป็นวัสดุที่ทำให้เกิดรูพรุนรูปแบบต่างๆ ภายในโฟมอะลูมิเนียมด้วย โดยผลทดสอบในห้องปฏิบัติการสามารถลดระดับเสียงดังลงได้จาก 90 เดซิเบล เป็น 64 เดซิเบล (การฟังเสียงดังระดับ 85 เดซิเบล ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้การรับฟังเสียงบกพร่องอย่างถาวรได้) วิธีการดังกล่าวมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าแบบเดิมถึง 50 % ช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้อีกด้วย 9. เทคโนโลยีไซเบอร์-ฟิสิคัล (Cyber-Physical Technology) ในโลกศตวรรษที่ 21 ลักษณะความเป็นเมืองใหญ่เป็นเทรนด์ที่เห็นได้ชัด โดย World Urbanization Prospects คาดว่า จำนวนประชากรโลกที่เป็นคนเมืองจะมีมากถึงร้อยละ 66 ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งจะเกิดผลดีต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมในเมือง แต่ก็อาจต้องการบริการที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบคมนาคม การจัดการทรัพยากร และสภาพแวดล้อม รวมทั้งความปลอดภัย เมืองกายภาพ หรือ physical city และเมืองไซเบอร์ หรือ cyber city จะเชื่อมโยงกันผ่านเครือข่ายเซนเซอร์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์หลากหลายชนิด เกิดความเป็น เมืองแบบไซเบอร์–ฟิสิคัล (Cyber–Physical City) โดยมีเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง หรือ ไอโอที (IoT) เป็นตัวช่วยสำคัญ ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่จำนวนมาก ทั้งธุรกิจบริการ มีตัวอย่างบ้างแล้ว เช่น ระบบบริการรถของอูเบอร์ (UBER), ร้านสะดวกซื้อที่ไม่มีแคชเชียร์ (Amazon Go) ปัจจุบัน สวทช. กำลังสร้างฐานเทคโนโลยีระบบนี้อยู่ผ่าน โครงการเน็ตพาย (NETPIE) และโครงการเมืองอัจฉริยะ (smart city) โดยร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นต้น 10. เทคโนโลยีแช็ตบอต (Chatbot Technology) ทุกวันนี้ โลกกำลังขยับจากยุคดิจิทัลเข้าสู่ยุคอัจฉริยะ (Intelligence Era) คนจำนวนมากมีเครื่องคอมพิวเตอร์พลังสูงพกติดตัว ในอนาคตอันใกล้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เหล่านี้ อาจะไม่ต้องพึ่งคีย์บอร์ด เมาส์ หรือทัชสกรีน แต่เป็นการสนทนาด้วยภาษาธรรมชาติ (Seamless Conversation) ผ่านเทคโนโลยีแช็ตบอต ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยให้มนุษย์พูดคุย สั่งงาน และสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้เฉกเช่นเดียวกับการสนทนากับคนด้วยกันเอง เทคโนโลยีแบบนี้มีหลายรูปแบบ เช่น ใช้ทำแช็ตบอตสำหรับบริการลูกค้า (Customer Service Chatbot) เช่น Line@ และ Siri และ Echo ระบบในหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ เช่น หุ่นยนต์ดินสอ ทั้งนี้หน่วยวิจัยวิทยาการสื่อสารของมนุษย์และคอมพิวเตอร์ (HCCRU) ศูนย์เนคเทค สวทช. ทำวิจัยส่วนประกอบต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว 20 ปีต่อเนื่อง ปัจจุบันมีระบบรู้จำเสียงพูดภาษาไทยที่รองรับคำศัพท์หลากหลาย มีระบบจัดการการสนทนา และระบบสังเคราะห์เสียงพูดที่เป็นธรรมชาติ และร่วมกับพันธมิตรเพื่อประยุกต์ใช้ในงานบริการลูกค้าแบบเฉพาะด้านอีกด้วย ดร.ณรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จะสังเกตได้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ เปลี่ยนแปลงก้าวหน้ารวดเร็วมาก และปราศจากพรมแดน ไม่ได้เป็นของชาติใดชาติหนึ่ง ประเทศไทยจึงสามารถมีส่วนร่วมในการคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ ดังที่ยกตัวอย่างเอาไว้ มากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนในการทำความเข้าใจทิศทางและแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่เพื่อเลือกพิจารณาลงทุนให้เหมาะสม เพราะเทคโนโลยีใกล้ชิดกับเราอย่างมากโดยคาดไม่ถึงในทุกมิติของชีวิต
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
สวทช. ระดมสมอง “บริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ”เพื่ออนุรักษ์การใช้ประโยชน์ “ทรัพยากรชีวภาพ” อย่างยั่งยืน
11 กรกฎาคม 2561 ที่ ห้องประกายเพชร โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า จ.สุราษฎร์ธานี: นางรังสิมา ตัณฑเลขา ผู้อำนวยการโปรแกรมการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวถึงการประชุมวิชาการ “การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5” ว่า สวทช. ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดการประชุมดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้นักวิจัย อาจารย์ นักวิชาการ และนักศึกษา ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ ส่งเสริมความร่วมมือในการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อการคุ้มครองป้องกัน และการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน ด้าน ศาสตราจารย์ ดร. สนิท อักษรแก้ว ประธานคณะกรรมการบริหารคลัสเตอร์ทรัพยากรชีวภาพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวเปิดการประชุมวิชาการ “การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ภายใต้หัวข้อ BioD5 plus: “People + Utilization + Sustainability” ว่า การประชุมครั้งนี้นับเป็นความร่วมมือที่สำคัญยิ่ง ที่จะนำความรู้จากทั่วประเทศมาเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – “ดรีมเดอร์มา” ไมโครแครแคปซูลชะลอวัย คว้า 2 รางวัล “ผลงานที่น่าลงทุนที่สุด-นำเสนอดีที่สุด” ในงาน “นาสด้าอินเวสเตอร์เดย์ 2018”
“ดรีมเดอร์มา” ไมโครแครแคปซูลชะลอวัย คว้า 2 รางวัล “ผลงานที่น่าลงทุนที่สุด-นำเสนอดีที่สุด” ในงาน “นาสด้าอินเวสเตอร์เดย์ 2018” 6 กรกฎาคม 2561 ที่ห้องภิรัช ฮอลล์ 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมนำเสนอผลงานวิจัยที่น่าลงทุนประจำปี 2561 หรือ “นาสด้า อินเวสเตอร์เดย์ (NSTDA Investors’ Day 2018)” ภายใต้งาน Thailand Tech Show 2018 ที่ สวทช. จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เสริมแกร่งธุรกิจด้วยวิทย์และนวัตกรรม” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และต่อยอดนวัตกรรมให้กับนักลงทุนเป้าหมายและผู้ประกอบการไทย ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) พัฒนากระบวนการผลิตให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน โดยในปีนี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Thai Tech Expo 2018 ที่กระทรวงวิทย์ฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 8 กรกฎาคม 2561 ที่ไบเทค บางนา ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเปิด NSTDA Investors’ Day 2018 ว่า ปีนี้ สวทช. ได้ตอบรับนโยบายรัฐบาล โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนาที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างคุณค่าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ผ่านกลไกการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ เสริมสร้างศักยภาพ ยกระดับผู้ประกอบการและนักลงทุน ร่วมกับเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในการขับเคลื่อนต่อยอดการใช้ผลงานวิจัยและนวัตกรรม สร้างการเชื่อมโยงให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงผลงานวิจัยเกิดเป็นธุรกิจเทคโนโลยีที่มีมูลค่าได้ง่ายขึ้น สำหรับปีนี้กิจกรรม NSTDA Investors’ Day จัดขึ้นเป็นปีที่ 9 แล้ว โดยครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนและประชาชนทั่วไปกว่า 600 คน เข้าร่วมฟังการนำเสนอผลงานของนักวิจัยต่อนักลงทุนซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 12 ผลงาน จาก สวทช. 5 ผลงาน และจากหน่วยงานพันธมิตรของ สวทช. อีก 7 ผลงาน ส่วนใหญ่ผลงานที่นำเสนอปีนี้ ประกอบด้วย นวัตกรรมด้านอุปกรณ์การแพทย์ นวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุ นวัตกรรมเพื่อการเกษตร และนวัตกรรมด้านเวชสำอาง ซึ่งผลโหวตจากนักลงทุนและประชาชนปรากฎว่าผลงาน “ดรีมเดอร์มา” ไมโครแคปซูลชะลอวัย ของ ดร.สรวง สมานหมู่ นักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. สามารถคว้าทั้ง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลที่น่าลงทุนที่สุดได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท จากการโหวตของนักลงทุนและผู้เข้าร่วมงาน และยังได้รับรางวัลผลงานที่นำเสนอได้ดีที่สุดอีก 1 รางวัล มูลค่า 7,000 บาท โดยได้รับการสนับสนุนรางวัลจาก บริษัทไมโครอินโนเวต จำกัด ผู้สนับสนุนรางวัล เพื่อเป็นกำลังใจต้อนรับน้องใหม่เข้าสู่นิคมธุรกิจเทคโนโลยีร่วมกัน  ทั้งนี้ ดร.สรวง สมานหมู่ นักวิจัยไบโอเทค เจ้าของ“ดรีมเดอร์มา” ไมโครแครแคปซูลชะลอวัย เปิดเผยภายหลังได้รับรางวัลว่า งานวิจัยนี้เป็นผลงานที่มีโอกาสทางธุรกิจและการตลาดมากๆ เพราะ สวทช. เป็นหน่วยงานวิจัยระดับประเทศและเป็นหน่วยงานที่เปิดให้ทั้งนักลงทุนและประชาชนที่สนใจสินค้านวัตกรรม มาร่วมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและต่อยอดผลงานสู่เชิงพาณิชย์ทุกท่าน “ด้วยจุดเด่นต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ดรีมเดอร์มา ทั้งเรื่องการใช้สารออกฤทธิ์จากพืชตามธรรมชาติ รวมทั้งการควบคุมการออกฤทธิ์ผ่านไมโครแคปซูลที่ช่วยทำให้สารออกฤทธิ์ค่อยๆ ทำงานทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง จึงช่วยทำให้ได้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งกระบวนการผลิตสารต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมและเข้ากับแนวโน้มของประเทศและของโลกได้เป็นอย่างดี” ดร.สรวง ระบุ สำหรับผลงานวิจัย ดรีมเดอร์มา (Dream Derma) เป็นนวัตกรรมไมโครแคปซูลแบบหลายชั้น ประกอบด้วยพอลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติเข้าได้กับเนื้อเยี่อของร่างกาย โดยไมโครแคปซูลดังกล่าวสามารถกักเก็บและปลดปล่อยสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการเลียนแบบการทำงานของเอพิเดอร์มอลโกรทแฟคเตอร์ จึงช่วยชะลอริ้วรอยจากอายุที่เพิ่มขึ้น ผ่านกระบวนการกระตุ้นการสร้างสารจำพวกคอลลาเจนและอีลาสติน จึงไปช่วยเสริมการเจริญเติบโตของเส้นเลือด ช่วยสมานแผลและฟื้นฟูจากเซลล์ที่ถูกทำลายจากการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ทำให้ออกฤทธิ์คล้ายกับช่วยชะลอวัย สารธรรมชาติที่เลียนแบบการทำงานของเอพิเดอร์มอลโกรทแฟคเตอร์ในไมโครแคปซูลยังถูกควบคุมการปลดปล่อยได้อย่างยาวนานมากขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารเข้าสู่ร่างกาย และลดอาการแพ้ได้อีกด้วย ดรีมเดอร์มา ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ โดยเทคโนโลยีการผลิตช่วยทำให้มั่นใจว่าปราศจากการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ และยังช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ การออกฤทธิ์ของโมเลกุล และลดอาการแพ้ได้อีกด้วย   ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้ผลงานวิจัย ดรีมเดอร์มา (Dream Derma) เป็นผลงานที่โดนใจนักลงทุนจนได้รับผลโหวตมากที่สุดและเป็นเอกฉันท์ เนื่องจากปัจจุบันผู้คนใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพกันมาก เมื่อรวมกับแนวโน้มการก้าวเข้าไปสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงทำผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัย (Anti-Aging) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากไปด้วย สินค้าและบริการกลุ่มเวชสำอางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราเฉลี่ยมากกว่า 6% ต่อปี ประเมินกันว่าเวชสำอางในหมวดนี้ มีมูลค่าทางการตลาดมากกว่า 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017 โดยผู้บริโภคนิยมผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มาจากสารธรรมชาติมากกว่า สำหรับประเทศไทย กำลังเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging Society)แล้ว ทำให้โอกาสของตลาดผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทชะลอวัยเปิดกว้างออกด้วยเช่นกัน
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – นาโนเทค สวทช. นำผู้ประกอบการเครื่องสำอางและสมุนไพรไทยรุกตลาด CLMV นำร่องในงาน Mekong Beauty Show 2018
นาโนเทค สวทช. นำผู้ประกอบการเครื่องสำอางและสมุนไพรไทยรุกตลาด CLMV นำร่องในงาน Mekong Beauty Show 2018 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) นำผู้ประกอบการเครื่องสำอางและสมุนไพรไทยที่สกัดด้วยนาโนเทคโนโลยี ร่วมแสดงในงาน Mekong Beauty Show 2018 งานสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติด้านเครื่องสำอางและความงาม ภายใต้บูธ Thailand Pavilion ณ นครโฮจิมินท์ ประเทศเวียดนาม เมื่อกลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมเข้าพบกงสุลใหญ่เพื่อรับฟังแลกเปลี่ยนแนวทางทำธุรกิจในเวียดนาม และเยี่ยมชมโรงงานรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) เพื่อสัมผัสบรรยากาศจริงและศึกษาธุรกิจก่อนปูทางลุยตลาดกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะเวียดนาม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12062-20180702-mekong-beauty-show-2018
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ และ สวทช. ผนึกกำลัง ม.ธรรมศาสตร์ และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นเครือข่ายพัฒนาเยาวชน ในโครงการพัฒนาทักษะด้านอิเล็กทรอนิกส์และการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ และ สวทช. ผนึกกำลัง ม.ธรรมศาสตร์ และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเป็นเครือข่ายพัฒนาเยาวชน ในโครงการพัฒนาทักษะด้านอิเล็กทรอนิกส์และการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 22 มิถุนายน 2561 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในการเป็นเครือข่ายที่ปรึกษาทางวิชาการ และเป็นวิทยากรพัฒนาครูและนักเรียน รวมถึงให้ความช่วยเหลือกับนักเรียนในภูมิภาคต่างๆ เพื่อพัฒนาผลงานสิ่งประดิษฐ์และโครงงานคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับระบบสมองกลฝังตัว การสร้างชิ้นงาน 3 มิติ และ Internet of Things พร้อมจัดเวทีนำเสนอผลงานนักเรียนและสามเณรมากกว่า 120 โครงงานภายใต้งาน “Show & Share 2018 : สิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัว” เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหา และเรียนรู้กระบวนการทำงานโครงงานที่เป็นทักษะจำเป็นในศตวรรษที่ 21 พร้อมสร้างโอกาสให้นักเรียน-สามเณรได้ศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์/วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในโควต้ารับตรงหรือโควต้าพิเศษ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12054-20180622-mou
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – สวทช. หนุน SME งานเชื่อมไทยในพื้นที่ EEC ปรับตัวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยนวัตกรรมและการยกระดับงานเชื่อม เพิ่มโอกาสแข่งขันทางการตลาด และพร้อมเป็นผู้ประกอบการอัจฉริยะ
สวทช. หนุน  SME งานเชื่อมไทยในพื้นที่ EEC ปรับตัวสู่อุตสาหกรรม ด้วยนวัตกรรมและการยกระดับงานเชื่อม เพิ่มโอกาสแข่งขันทางการตลาด และพร้อมเป็นผู้ประกอบการอัจฉริยะ 21 มิ.ย. 61 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดสัมมนา “ทิศทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมงานเชื่อมไทยกับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก” โดยมีผู้ประกอบการเจ้าของกิจการ ผู้จัดการโรงงานในอุตสาหกรรมงานเชื่อมเขตพื้นที่ EEC (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) กว่า 60 คน ร่วมสัมมนา เพื่อรับทราบเทคโนโลยีการเชื่อมขั้นสูงและแนวโน้มเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อใช้ในการผลิตและสร้างนวัตกรรม รวมถึงเตรียมความพร้อมการเป็นผู้ประกอบการอัจฉริยะ (Smart SME) ด้านงานเชื่อมในเขตพื้นที่ EEC ด้วยการยกระดับมาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์ การผลิตด้วยกระบวนการเชื่อม และการส่งออกผลิตภัณฑ์โลหะแปรรูป เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจแข่งขันได้ในตลาด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12052-20180621itap
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – ก.วิทย์ สวทช. ชูงานวิจัยเด่น เสริมแกร่งภูมิภาคอีสานผู้ว่าอุบลฯ หนุน “โรงเรือนพลาสติกผลิตผักคุณภาพ” ดันผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ 2 แสนไร่ ภายในปี 64
ก.วิทย์ สวทช. ชูงานวิจัยเด่น เสริมแกร่งภูมิภาคอีสาน ผู้ว่าอุบลฯ หนุน “โรงเรือนพลาสติกผลิตผักคุณภาพ” ดันผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ 2 แสนไร่ ภายในปี 64 15 มิถุนายน 2561 ที่โรงแรม สุนีย์แกรนด์ โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น จ.อุบลราชธานี : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดงานประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการและแสดงผลงานวิจัย “สวทช. – วิทย์สัญจร” ครั้งที่ 1 จังหวัดอุบลราชธานี ภายใต้แนวคิด “วิจัยเข้มแข็ง เสริมแกร่งภูมิภาค” เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัยของ สวทช. และเครือข่ายพันธมิตรออกสู่สังคม ให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอดทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงสาธารณประโยชน์ โดยมี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ดร.อภิชัย สมบูรณ์ปกรณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ดร.ฐิตาภา สมิตินนท์ รองผู้อำนวยการ สวทช. อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรม หอการค้า ผู้ประกอบการ นักวิจัย เกษตรกร คณาจารย์ นักเรียน และประชาชนในภาคอีสานตอนล่าง เข้าร่วมงาน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12045-20180615
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – สวทช. หนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง
สวทช. หนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สนับสนุนการมีส่วนร่วมและเรียนรู้ของชุมชนบ้านหนองมัง ตำบลโนนกลาง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี ผ่านการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการปลูกพืชจาก สวทช. เกิดการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง ผลิตพืชผักอินทรีย์ที่มีคุณภาพ สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และส่งต่อความรู้สู่ชุมชนอื่นผ่านศูนย์เรียนรู้วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ ตำบลโนนกลาง นางสาววิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ รองผู้อำนวยการ สวทช. และผู้อำนวยการ สท. กล่าวว่า สวทช. เริ่มทำงานร่วมกับชุมชนบ้านหนองมังตั้งแต่ปี 2549 พัฒนาเป็นชุมชนหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ โดยมุ่งให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวิถีการทำเกษตร นำความรู้และเทคโนโลยีการปลูกพืชที่เหมาะสมส่งเสริมให้ชุมชน พัฒนาเรียนรู้ร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาท้องถิ่นในการปลูกพืชแบบดั้งเดิมและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีเกษตรชุมชนเกิดกระบวนการเรียนรู้ แก้ไขปัญหา และพัฒนาการทำเกษตรอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน และสามารถเป็นต้นแบบสู่ชุมชนอื่นๆ ได้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12044-20180614-itap
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.4 – สวทช. ก.พาณิชย์ ม.หอการค้าไทย ผนึกใช้ วทน. พัฒนาสมุนไพรครบวงจร ดันส่งออกต่างประเทศ
สวทช. ก.พาณิชย์ ม.หอการค้าไทย ผนึกใช้ วทน. พัฒนาสมุนไพรครบวงจร ดันส่งออกต่างประเทศ 11 มิถุนายน 2561: ณ โถงชั้น1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และนางวรรณภรณ์  เกตุทัต รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การส่งเสริมผู้ประกอบการสมุนไพรครบวงจร” เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการสมุนไพรอย่างครบวงจรในรูปแบบ เครือข่ายสนับสนุนการทำงาน (Networking) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12039-20180611-mou
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย