ผลการค้นหา :
ที่ปรึกษา (อดีตผู้บริหาร) และพนักงาน สวทช. ได้รับรางวัลในงานเชิดชูเกียรติด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ และงานเครือข่ายพลังสื่อสารวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ภายใต้โครงการ THAILAND SCIENCE COMMUNICATION AWARDS AND NETWORK 2025
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ศ.ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในงาน THAILAND SCIENCE COMMUNICATION AWARDS AND NETWORK 2025 โดยมี นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรี รมว.อว. นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รักษาการแทน ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM และผู้บริหารหน่วยงานเครือข่ายสื่อสารวิทยาศาสตร์ เข้าร่วม พร้อมมอบรางวัล Science Communication Award 2025 ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ปี 2568 (NST Fair 2025) ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ซึ่งทุกวันนี้สังคมไทยพึ่งพาวิทยาศาสตร์ในหลากหลายมิติ ทั้งด้านสุขภาพ เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจนวัตกรรมใหม่ เช่น การเงิน ดิจิทัล AI ซึ่งมีบทบาทมากขึ้น ทั้งงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ที่บางอย่างก็อาจเข้าใจได้ยากสำหรับประชาชน แต่นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ หรือ การสื่อสารวิทยาศาสตร์ ล้วนเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยให้สังคม ประชาชน เยาวชนได้เรียนรู้ เข้าใจ และเท่าทันสิ่งใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย และประชาคมโลก พร้อมรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.....
“นักวิทยาศาสตร์ต้องคิดถึงสังคมและประชาชน” — ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ประธานมูลนิธิสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
การสื่อสารเรื่องวิทยาศาสตร์ให้เข้าใจนั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์มักเต็มไปด้วยความซับซ้อนและศัพท์เฉพาะ แต่ในยุคปัจจุบัน สื่อสมัยใหม่ได้พัฒนาไปอย่างมาก โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียที่เปิดพื้นที่ให้ผู้คนเข้าถึงความรู้ได้หลากหลายช่องทาง เช่น หากเราสนใจเรื่องควอนตัม และมีพื้นฐานอยู่บ้าง การค้นคว้าเพิ่มเติมผ่าน YouTube ก็สามารถช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหาได้ลึกซึ้งขึ้นอย่างน่าทึ่ง
การสื่อสารวิทยาศาสตร์จึงมีสองด้านสำคัญ ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร ผู้สื่อสารต้องมีความสามารถในการถ่ายทอดเนื้อหาให้เข้าใจง่าย โดยไม่ลดทอนสาระสำคัญ ขณะเดียวกัน ผู้รับสารก็ต้องมีความตั้งใจและเปิดใจเรียนรู้ เพราะแม้เราจะพยายามอธิบายให้เรียบง่ายเพียงใด หากเนื้อหาถูกลดทอนมากเกินไป ก็อาจไม่เกิดความรู้ที่แท้จริงได้ ดังนั้น การสื่อสารที่ดีควรอยู่ในจุดสมดุล—เข้าใจง่าย แต่ยังคงคุณค่าทางวิชาการไว้ครบถ้วน
"ท้ายที่สุด สิ่งที่ทำให้วิทยาศาสตร์น่าสนใจและเข้าถึงใจผู้คน คือการได้เห็นข้อเท็จจริง ได้สัมผัสของจริงจากผู้ที่ลงมือทำจริง เพื่อให้เยาวชนเข้าใจว่า นักวิทยาศาสตร์ไทยทำอะไร และมีบทบาทอย่างไรต่อสังคม การเป็นนักวิทยาศาสตร์จึงไม่ใช่แค่การค้นคว้าในห้องแล็บ แต่ต้องคิดถึงประชาชน คิดถึงสังคม และที่สำคัญต้องช่วยลดช่องว่างแห่งความเข้าใจในสังคมไทย" ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช กล่าว
“รางวัลแห่งความทุ่มเท เพื่อสื่อสารวิทยาศาสตร์ให้เข้าถึงใจคนไทย”
รางวัล Science Communication Award 2025 ถือเป็นรางวัลที่ NSM ได้มอบให้กับองค์กร บุคลากร และผลงานที่มีความโดดเด่น ถือเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน ที่ทุกท่านได้อุทิศตน และเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจสำหรับนักสื่อสารวิทยาศาสตร์รุ่นต่อ ๆ ไป
✨ปีนี้ รางวัลการสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่น แบ่งเป็น 4 ประเภท
รางวัลเกียรติยศด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้แก่
🏆 รายชื่อผู้ได้รับรางวัล Science Communication Award 2025
แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่:
🔹 รางวัลเกียรติยศด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์
- ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์
อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช.
- ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์
อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช.
- รศ.ดร.กำจัด มงคลกุล
🔹 รางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่น
- ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
- ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์
ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่วิทยาศาสตร์ สวทช.
- ดร.แทนไท ประเสริฐกุล
- ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา
- นายกรทอง วิริยะเศวตกุล
🔹 รางวัลองค์กรสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่น
- สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
- สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย
- องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
🔹 รางวัลผลงานสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่น
- รายการ The Secret Sauce
- รายการ ดูให้รู้ - Dohiru
- Facebook Page: วิทย์สนุกรอบตัว
- รายการ ความ (ไม่) รู้รอบตัว
- YouTube Channel: KongGreenGreen
คณะจัดงานหวังว่าเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ THAILAND SCIENCE COMMUNICATION AWARDS AND NETWORK 2025 ครั้งนี้ จะสามารถยกระดับการสื่อสารวิทยาศาสตร์ให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น สร้างแรงจูงใจให้เกิดการผลิตผลงานที่มีคุณภาพ และที่สำคัญคือจะทำให้เกิดความร่วมมือและแรงกระเพื่อมด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ให้เป็นที่รู้จักในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายสานพลังความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการรู้วิทยาศาสตร์ของสังคมไทยต่อไป ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสังคมไทยที่มีความตระหนักรู้และเข้าใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน
หมายเหตุ
ภาพและข่าวโดย องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
อว. จัดพิธีปิดงาน “อว. แฟร์” – มหกรรมวิทย์ฯ อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมมอบโล่ขอบคุณหน่วยงานร่วมจัดงาน
(วันที่ 17 สิงหาคม 2568) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ : นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานพิธีปิดงาน “มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ” หรือ “อว.แฟร์ 2025 : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” และงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2568” (NST Fair 2025) พร้อมมอบโล่แก่หน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้กระทรวง อว. เพื่อแสดงความขอบคุณในการร่วมจัดงานครั้งนี้ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ร่วมในพิธี
ในโอกาสนี้ ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นตัวแทนหน่วยงาน สวทช. ขึ้นรับมอบโล่จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.
โดย นางสาวสุดาวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันผนึกกำลังจัดงานในครั้งนี้ ทำให้งานเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์และความมุ่งมั่น ทำให้ประชาชนและเยาวชนได้รับแรงบันดาลใจกลับไป โดยในปีนี้กระทรวง อว. ร่วมกับภาคีเครือข่ายกว่า 100 หน่วยงาน นำเสนอจัดนิทรรศการและกิจกรรมมากมาย ที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาคนและสหวิทยาการเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต
“ความสำเร็จของงานในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ดิฉันขอขอบคุณอีกครั้งและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตเราจะได้ร่วมกันจัดงานดี ๆ อย่างนี้ให้เกิดขึ้นอีก จากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เพื่อจะได้ร่วมกันขับเคลื่อนงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของประเทศให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าว
งาน "อว. แฟร์" ได้จัดขึ้นเพื่อแสดงศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมของประเทศไทย และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ซึ่งตลอดการจัดงานได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก ทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
10 Technologies to Watch 2025: เหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel)
อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงทั่วโลก (direct global CO2 emission) ราว 7% ถือว่าสูงที่สุดในบรรดาอุตสาหกรรมหนักทั้งหมด ซึ่งเหล็กเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้าง และเป็นวัสดุพื้นฐานให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิตรถยนต์ ไฟฟ้า ทั้งนี้พบว่าในปี 2022 มีกำลังการผลิตเหล็กทั่วโลกมากถึง 1,885 ล้านตัน และคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ถ้าทำได้ จะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนที่มหาศาลเพียงใด ?
ปัจจุบันนี้มีความพยายามที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมดังกล่าวให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหภาพยุโรป จึงนำมาสู่แนวคิด “เหล็กกล้าสีเขียวหรือเหล็กกล้ารักษ์โลก (green steel)” คือ เหล็กที่ผลิตโดยใช้กระบวนการและเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด การรีไซเคิลวัสดุ และกระบวนการที่มีความยั่งยืน
เปลี่ยนจากกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมที่เป็นกระบวนการผลิตแบบ BF-BOF ที่ใช้เตาหลอมแบบ blast furnace (BF) และ basic oxygen furnace (BOF) วิธีการนี้เริ่มใช้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 แต่ยังนิยมใช้มากถึง 70.6%
กระบวนการแบบใหม่เป็น “กระบวนการผลิตแบบ DRI-EAF (Direct Reduce Iron–Electric Arc Furnace)” ซึ่งเป็นการนำไฮโดรเจนสีเขียว (green hydrogen) เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตเหล็กพรุน (Direct Reduce Iron: DRI) ก่อนนำมาหลอมรวมกับเศษเหล็กในเตาหลอมไฟฟ้าระบบอาร์ก (Electric Arc Furnace: EAF) ที่ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนตลอดกระบวนการผลิตจนได้ เหล็กกล้าปลอดฟอสซิล (fossil-free steel) ในกระบวนการผลิต ซึ่งสามารถลดการปล่อย CO2 ต่อการผลิตเหล็ก 1 ตันให้เหลือแค่ 200-600 กิโลกรัม
มีโรงงานเหล็กกล้ารักษ์โลกที่ใช้งานจริงแล้วในหลายประเทศ เช่น บริษัท Stegra เดิมชื่อ H2 Green Steel ในเมืองโบเดน ประเทศสวีเดน บริษัท Boston Metal ในเมืองโวเบิร์น รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และบริษัท ArcelorMittal ซึ่งมีทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ สำหรับประเทศไทย มีการลงทุนจากบริษัทต่างชาติคือ บริษัทเมอแรนติ กรีน สตีล (ประเทศไทย) จำกัด ที่จังหวัดระยอง โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มต้นผลิตได้ราวต้นปี 2029 เทคโนโลยีเหล็กกล้ารักษ์โลกจึงเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับกระบวนการผลิตเหล็กกล้าไปพร้อมกับสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมให้กับโลกนี้
📌 อ่านข้อมูลฉบับเต็มและข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่: https://www.nstda.or.th/r/BtQWQ
📌 รับชมการบรรยายได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=8cAv6AEX55c
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
สวทช. ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการเกษตรแปรรูป การแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง เร่งการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน
(วันที่ 6 สิงหาคม 2568) ณ ห้องเลอเบลแอร์ โรงแรมอมารี ดอนเมืองแอร์พอร์ต กรุงเทพ: สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี จัดกิจกรรมปฐมนิเทศโครงการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการเกษตรแปรรูปการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง เพื่อเร่งการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน (From Food 2 Good Health Accelerate) โดยมี นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. กล่าวต้อนรับและเปิดกิจกรรมพร้อมชี้แจงภาพรวมโครงการ From Food 2 Good Health Accelerate
นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบ การธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งอนาคต ทั้งในภาคการเกษตรสร้างมูลค่า และอุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร โครงการนี้จึงมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่มุ่งหวังให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีศักยภาพสูงและสามารถแข่งขันได้ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นอย่างยั่งยืน โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา สวทช. โดยฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีได้ริเริ่มจัดทำโครงการที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง โครงการที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จัก อาทิ โครงการเถ้าแก่น้อยเทคโนโลยี (Young Technopreneurs) - โครงการสร้างผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ (Startup Voucher) - โครงการบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี (SUCCESS) - โครงการแปลงร่างธุรกิจสู่การเติบโตสูงด้วยนวัตกรรม (Innovation Growth Hacker) และ โครงการเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการไทยเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (IDEx) ซึ่งผลการดำเนินงานได้พิสูจน์แล้วว่า โครงการเหล่านี้ได้นำจุดแข็งของระบบสนับสนุนจาก สวทช. ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านเงินทุน องค์ความรู้ เทคโนโลยี และเครือข่ายความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจเทคโนโลยีให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ในปี 2568 สวทช. จึงได้ริเริ่มโครงการ From Food 2 Good Health Accelerate ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป การแพทย์และสุขภาพ รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการธุรกิจด้วยการส่งเสริม SME ให้ใช้ประโยชน์จาก Digital Transformation, Green Transition และ Soft Power โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
“โครงการนี้ได้ออกแบบกิจกรรมที่ครอบคลุมทุกมิติเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นการจัด Workshop เพื่อพัฒนาศักยภาพและถ่ายทอดองค์ความรู้เฉพาะด้าน การให้คำปรึกษาธุรกิจเชิงลึกแบบตัวต่อตัว (Coaching & Mentoring) ตลอดจนการสนับสนุนด้านการตลาดเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เช่น การพาออกบูธนิทรรศการและการจับคู่ธุรกิจ ที่สำคัญ โครงการนี้ยังมีการสนับสนุนเงินทุน (ในรูปแบบ Matching Fund) สูงถึง 500,000 บาทต่อราย สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการขยายธุรกิจ ดิฉันขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในวันนี้ทุกท่าน ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นที่โดดเด่นของทุกท่านอย่างแท้จริง” นางศันสนีย์ กล่าว
ทั้งนี้กิจกรรมปฐมนิเทศ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน ที่มาแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Innovations in Food, Cosmetics and Medical Fields แนวคิดการทำธุรกิจให้ยั่งยืน กลยุทธ์การนำสินค้าเข้าสู่ช่องทาง Modern Trade และมาตรการส่งเสริมด้านการเงินและภาษี ซึ่งจะช่วยพาผู้ประกอบการของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บุคลากร สวทช. รับรางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2568 (Thailand Science Communication Award 2025)
(14 สิงหาคม 2568) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์: ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีประกาศเจตจำนงของเครือข่ายพลังสื่อสาร วิทยาศาสตร์เครือข่ายระดับประเทศ ในงาน THAILAND SCIENCE COMMUNICATION AWARDS AND NETWORK 2025 พร้อมมอบรางวัล Science Communication Award 2025 แก่บุคลากรหรือองค์กรที่ขับเคลื่อนด้านสื่อสารวิทยาศาสตร์ สู่สาธารณะได้อย่างโดดเด่น โดยมี นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการ รมว.อว. นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM และผู้บริหารหน่วยงานเครือข่ายสื่อสารวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมงาน โดยรางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่น เป็นรางวัลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติ ยกย่อง และเป็นกำลังใจให้กับบุคคลที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ในการขับเคลื่อนและส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์สู่สังคมในวงกว้างได้อย่างยอดเยี่ยม
โอกาสนี้ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เข้ารับรางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2568 (Thailand Science Communication Award 2025) โดยในปีนี้คณะกรรมการได้มีมติมอบรางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ดีเด่นให้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีผลงานอันโดดเด่น จำนวนทั้งสิ้น 5 ท่าน ดังต่อไปนี้
ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
ดร.แทนไท ประเสริฐกุล
นายกรทอง วิริยะเศวตกุล
สำหรับ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ เป็นนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งในฐานะนักเขียน นักแปล และวิทยากรผู้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนให้น่าสนใจและเข้าถึงได้ง่าย การได้รับรางวัลในครั้งนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จและความทุ่มเทในการทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกของวิทยาศาสตร์และประชาชนตลอดมา
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. BID คว้ารางวัล “The Best of TED Fellow ภาคกลาง” ในเวที TED Fellow Awards 2025
(14 สิงหาคม 2568) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์: ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล TED Fellow Awards 2025 ให้กับหน่วยงานที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมในแต่ละภูมิภาค พร้อมเปิดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวง อว. โดย TED Fund นำโดย ดร.วันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. กับ 4 เครือข่ายพันธมิตรของ TED Fund และการลงนาม MOU กับธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และบริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด โดยมีนางสาวไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้จัดการกองทุน TED Fund สื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก ภายใต้การจัดงาน อว. แฟร์ 2025
ทั้งนี้ นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) เป็นผู้แทน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) ขึ้นรับรางวัล “The Best of TED Fellow ภาคกลาง” ในพิธีมอบรางวัล TED Fellow Awards 2025 จัดโดยกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
สำหรับศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) สวทช. ได้รับการยกย่องจากการดำเนินโครงการและกิจกรรมที่มุ่งสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมครบวงจร ตั้งแต่การบ่มเพาะความรู้ การให้คำปรึกษาเชิงลึก ไปจนถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายการตลาดและการลงทุน ส่งผลให้สตาร์ตอัปในโครงการมีความพร้อมแข่งขันได้ในตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
“พลอย ธนิกุล” ผู้ช่วยรัฐมนตรี อว. เข้ารับหน้าที่วันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง เพื่อความเป็นสิริมงคล
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันแรก โดยได้ประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง อว. เพื่อความเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติงาน
นางสาวพลอย โดยเริ่มต้นจากการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกรมวิทยาศาสตร์บริการ จากนั้นได้ถวายความเคารพพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) บริเวณหน้าอาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ถนนโยธี ต่อมา ได้เดินทางไปยังอาคารอุดมศึกษา 2 ถนนศรีอยุธยา เพื่อสักการะศาลพระภูมิชัยมงคล ก่อนกลับมายังอาคารพระจอมเกล้าเพื่อกราบไหว้พระพุทธรูป ณ ห้องทำงานผู้ช่วยรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเริ่มปฏิบัติงานอย่างเป็นทางการ
ในโอกาสนี้ ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เป็นตัวแทนผู้บริหารร่วมให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดีกับ นางสาวพลอย อย่างอบอุ่น พร้อมร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
การเข้ารับตำแหน่งของผู้ช่วยรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมขับเคลื่อนนโยบายและภารกิจด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ โดย สวทช. ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนการดำเนินงานของผู้ช่วยรัฐมนตรีอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวง เพื่อร่วมกันพัฒนาและยกระดับประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอย่างยั่งยืน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
กระทรวง อว. โดย วช. มอบรางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ Internationally Outstanding Inventors Awards Ceremony ย้ำงานวิจัยต้องใช้ประโยชน์จริง ผลักดันนักวิจัยไทยสู่เวทีโลก
(เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2568) นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติ ( internationally Outstanding Inventors Awards Ceremony) โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. ผู้บริหารหน่วยงาน นักประดิษฐ์ นักวิจัยที่ได้รับรางวัล เข้าร่วมงาน ณ เวทีกลาง ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ
นายวิเชียร กล่าวว่า ขอชื่นชมนักประดิษฐ์นักวิจัยทุกท่าน ที่ได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ นักประดิษฐ์ นักวิจัยของไทยเป็นอีกส่วนสำคัญในการเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิจัยและนวัตกรรม กิจกรรมการประกวดสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยในกลไกที่เกิดขึ้นนี้เป็นรูปแบบที่ส่งเสริมและสนับสนุนโอกาสให้แก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยได้มีแรงบันดาลใจ การเพิ่มทักษะสมรรถนะ ทั้งในด้านการประดิษฐ์และนวัตกรรมไทยได้พัฒนาไปสู่มาตรฐานสากลอย่างเป็นที่ยอมรับ กิจกรรมนี้เป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงงานวิจัยและนวัตกรรมไทยกับโอกาสใหม่ๆ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การตลาด และความร่วมมือระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นช่องทางสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงผู้คิดค้นกับภาคธุรกิจและพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการผลักดันให้ผลงาน สามารถต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี
“กระทรวง อว. พร้อมสนับสนุนให้กิจกรรมการประกวดนี้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ทั้งใน ด้านนโยบาย การประสานความร่วมมือ และการส่งเสริมศักยภาพของนักประดิษฐ์และนักวิจัยในทุกมิติ เพื่อให้ผลงานของคนไทยสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ขอให้ความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ภายใต้การดำเนินการของ วช. เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและมีบทบาทเชิงรุกบนเวทีนวัตกรรมโลก” เลขานุการ รมว.อว. กล่าว
ด้าน ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีนักวิจัยที่มีความสามารถและศักยภาพสูงอยู่มากมาย ทุกคนต่างเข้าใจตรงกันว่า “งานวิจัย” คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ หากเราต้องการก้าวข้ามจากประเทศรายได้ปานกลาง ไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง การผลักดันงานวิจัยและนักวิจัยรุ่นใหม่จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การผลักดันเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ งานวิจัยเหล่านี้ต้องถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง และต่อยอดไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน จนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ หากงานวิจัยยังคงถูกจำกัดอยู่เพียงภายในประเทศ ก็จะไม่สามารถสร้างอิมแพคเชิงเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเต็มที่
“ กระทรวง อว. มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้งานวิจัยของไทยตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก และส่งเสริมให้เกิดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี พร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศวิจัยที่เอื้อต่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์และการพัฒนาเชิงสังคม งานวิจัยต้องใช้ทั้งเวลา ความทุ่มเท และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราจึงจะสามารถขับเคลื่อนผลงานวิจัยไปสู่การสร้างคุณค่าที่แท้จริง เพื่ออนาคตของประเทศไทยบนเวทีโลกอย่างภาคภูมิ” ปลัดกระทรวง อว. กล่าว
โอกาสนี้ ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ นาโนเทค สวทช. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเพื่อนพนักงาน ร่วมแสดงความยินดีกับนักวิจัย สวทช. จากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) 2 ผลงาน ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) 1 ผลงาน และจากโครงการการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ (YSC) 1 ผลงาน ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานเป็นนักวิจัยไบโอเทค โดยนักวิจัยที่เข้ารับมอบรางวัลในครั้งนี้ ได้แก่
ดร.เบญจรัตน์ บรรเทิงสุข นักวิจัยไบโอเทค ในฐานะหัวหน้าคณะผู้ประดิษฐ์/ผู้วิจัยของผลงานเรื่อง “EcoXOS: กระบวนการผลิตไซโลโอลิโกแซ็กคาไรด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ซึ่งได้รับรางวัลเหรียญทอง (Gold Medal) จากเวทีนานาชาติ The 36th International Invention, Innovation & Technology Exhibition (ITEX 2025) ระหว่างวันที่ 29 - 31 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย
ทีมวิจัยนำโดย ดร.เบญจรัตน์ บรรเทิงสุข (หัวหน้าคณะทีมวิจัย) รองศาสตราจารย์ ดร.หทัยกาญจน์ เลกากาญจน์ นางสาวเกดสุดา เอี้ยววิริยะสกุล นางสาวภาวรินทร์ บลทอง นายดารัณ โปร่งจิต นางสาวเกตุวดี บุญญาภากร ดร.ศรีสกุล ตระการไพบูลย์ และ ดร.วีระวัฒน์ แช่มปรีดา ได้ร่วมกันพัฒนาผลงานวิจัยโดยมุ่งเน้นกระบวนการผลิตไซโลโอลิโกแซ็กคาไรด์ (XOS) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีศักยภาพสูงสำหรับนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะเป็นพรีไบโอติก
ดร.วันเสด็จ เจริญรัมย์ นักวิจัยไบโอเทค ในฐานะผู้วิจัยผลงานเรื่อง “ทีบี - ไลโอแอมป์ – ชุดตรวจวัณโรคแบบผงแห้งจากการป้ายลิ้นหรือใช้เสมหะ” ซึ่งได้รับรางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal) จากเวทีนานาชาติ The 50th International Exhibition of Inventions Geneva 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 13 เมษายน 2568 ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ผลงานวิจัย “TB - LyoAmp: ชุดตรวจวัณโรคแบบผงแห้งจากการป้ายลิ้นหรือใช้เสมหะ” เป็นผลงานวิจัยของคณะวิจัยไบโอเทคจากทีมวิจัยเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพและการตรวจวัด กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการค้นหาสารชีวภาพ ประกอบด้วย ดร.วันเสด็จ เจริญรัมย์ นางวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย นางสาวญาดา องค์ชาญชัย และนางสาวมัลลิกา แก้วโยธา ร่วมกับคณะวิจัยจากคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สหราชอาณาจักร มหาวิทยาลัยนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น และ SLH - NU Research and Training Collaborating Center โรงพยาบาลซานลาซาโร ประเทศฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ ดร.วันเสด็จ เจริญรัมย์ ยังได้รับอีก 1 รางวัล ในฐานะที่ปรึกษาโครงงานวิจัยเรื่อง “iTB Scanner: เครื่องตรวจเชื้อวัณโรคด้วยกล้องจุลทรรศน์อัจฉริยะ” โครงการการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ (YSC) ซึ่งได้รับรางวัลเหรียญทองแดง (Bronze Medal) จากเวทีนานาชาติ The 50th International Exhibition of Inventions Geneva 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 13 เมษายน 2568 ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
โครงงานวิจัยนี้พัฒนาโดย นักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี คือ นายปีระกา พวงทอง และนายปัณธร ขุนโหร ภายใต้การดูแลของอาจารย์วิเชียร ดอนแรม โดยมี ดร.วันเสด็จ เจริญรัมย์ นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพและการตรวจวัด กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการค้นหาสารชีวภาพ ไบโอเทค และ นพ.แธนธรรพ์ แสงภู่ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดระยอง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาร่วม
ดร.อภิชัย จอมเผือก นักวิจัยเนคเทค ในฐานะผู้วิจัยของผลงานเรื่อง “วัสดุเส้นใยคาร์บอนนำไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงจากกากอุตสาหกรรมและยางรถยนต์หมดสภาพ สำหรับอุตสาหกรรมกักเก็บพลังงาน” ซึ่งได้รับรางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal) จากเวทีนานาชาติ The 50th International Exhibition of Inventions Geneva 2025 ระหว่างวันที่ 29 - 31 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ทีมวิจัยประกอบด้วย ดร.อภิชัย จอมเผือก ดร.นพดล นันทวงศ์ และ ดร.อุไรวรรณ ไหววิจิตร ทีมวิจัยเทคโนโลยีเซนเซอร์แสงไฟฟ้าเคมี (OEC) กลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ (SSDRG)
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
“DIGITAL INCOME CREATOR: สร้างรายได้จากงานออกแบบด้วย CANVA และ AI TOOLS” (Creative Income with Design : CID) รุ่นที่ 1
📢เปลี่ยนไอเดียเป็นรายได้! หลักสูตรสุดฮิตสำหรับยุคดิจิทัล🚀
🚨สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สวทช. ขอชวนคุณเข้าร่วมหลักสูตรสุดปัง!!!
“DIGITAL INCOME CREATOR: สร้างรายได้จากงานออกแบบด้วย CANVA และ AI TOOLS”
(Creative Income with Design : CID) รุ่นที่ 1
📌 หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ
✨ ไม่ต้องมีพื้นฐานการออกแบบ
✨ ใช้ AI & Canva สร้างสื่อพร้อมขาย
✨ ฝึกทำจริง + อัปโหลดขายได้เลย!
✨ เรียนรู้การสร้างรายได้ออนไลน์แบบ Passive Income
✨ ขายบน Shutterstock, Adobe Stock, Freepik และอีกมากมาย
📲 สมัครด่วนก่อนเต็ม!
🆙ดูรายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ https://www.career4future.com/cid/
📅 19 กันยายน 2568
🕙เวลา 09.00 – 16.00 น.
📍ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพ หรือเทียบเท่า
💼ค่าลงทะเบียน ท่านละ 5,500 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) หน่วยงานภาครัฐ ท่านละ 5,140.19 บาท
**ราคานี้รวมอาหารว่าง และอาหารกลางวัน
👉สอบถามข้อมูล
📲08 5289 2669 (คุณใหม่)
📧E-Mail : bas@nstda.or.th
💥แล้วพบกันนะคะ 🙏🥰
ปฏิทินกิจกรรม
10 Technologies to Watch 2025: ไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ (Turquoise Hydrogen)
ภาคอุตสาหกรรมประเภทที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ยาก (Hard-to-Abate) ที่ใช้ไฮโดรเจนในกระบวนการผลิต เช่น ปิโตรเลียม เหล็ก กำลังมองหาไฮโดรเจนทางเลือกมาใช้แทนไฮโดรเจนแบบดั้งเดิมที่ผลิตจากฟอสซิลและมีคาร์บอนฟุตพรินต์สูง โดยประเทศไทยมีแผนและความพร้อมที่จะเริ่มให้มีการใช้ไฮโดรเจนเชิงพาณิชน์ในภาคพลังงาน ตั้งแต่ปี 2030 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ไฮโดรเจนมีหลายประเภท แตกต่างกันตามกระบวนการผลิต วัตถุดิบที่ใช้ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว (green hydrogen) ผลิตด้วยกระบวนการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (electrolysis) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงสุด นับเป็นไฮโดรเจนที่สะอาดที่สุด แต่ต้นทุนยังสูง ไฮโดรเจนสีน้ำเงิน (blue hydrogen) แม้ยังใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาผลิต แต่ใช้เทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (CCUS: Carbon Capture Utilization and Storage) เข้ามาช่วย จนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึงร้อยละ 70-90 อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี CCUS ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและการพัฒนา
จากข้อจำกัดของสองเทคโนโลยีดังกล่าว ไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ (turquoise hydrogen) จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าจับตา และเหมาะกับประเทศไทยที่ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในสัดส่วนสูง เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซธรรมชาติผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมอย่างระบบท่อก๊าซได้ โดยนำมาผ่านการแยกสลายด้วยความร้อน (methane pyrolysis) ให้ไฮโดรเจนโดยไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ แถมยังให้ผลพลอยได้เป็นผงคาร์บอนที่นำไปใช้ต่อได้อีก และใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่าการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว
ปัจจุบันการผลิตไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ก้าวหน้าไปมาก เช่น บริษัท Monolith สหรัฐอเมริกา เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้แล้ว ด้วยเทคโนโลยีพลาสมาความร้อนสูง ได้ไฮโดรเจนและผงคาร์บอนปริมาณสูง ลดก๊าซเรือนกระจกได้สูงถึงร้อยละ 99 แม้มีข้อจำกัดเรื่องการใช้พลังงานและระบบที่ซับซ้อนก็ตาม
ส่วนบริษัท Graphitic สหรัฐอเมริกา กลุ่มบริษัท BASF/TNO/KIT จากประเทศเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ และบริษัท Mitsubishi Heavy Industries (MHI) จากประเทศญี่ปุ่น ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตต่างกัน ยังอยู่ในระดับโรงงานต้นแบบ แต่ก็ได้ผลที่ค่อนข้างดี
ขณะที่ประเทศไทย ENTEC สวทช. ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งช่วยสนับสนุนการผลิตไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ได้ ตั้งแต่การผลิตไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำจากก๊าซชีวภาพและของเสียจากอุตสาหกรรมเกษตร, พัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ไพโรไลซิสพลังงานต่ำต้นแบบ, เชื่อมโยงเทคโนโลยีกับระบบพลังงานไฮโดรเจน พร้อมการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม (LCA) และเศรษฐศาสตร์
นอกจากนี้ยังร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษาทดสอบเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนจากโครงสร้างพื้นฐานที่ไทยมีและสร้างบุคลากรด้านไฮโดรเจน
📌 อ่านข้อมูลฉบับเต็มและข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่: https://www.nstda.or.th/r/BtQWQ
📌 รับชมการบรรยายได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=8cAv6AEX55c
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
เลขาธิการ สปสช. เยี่ยมชมผลงานวิจัย สวทช. ด้านการแพทย์-สิ่งแวดล้อม ในงาน Thailand Tech Show 2025
(วันที่ 14 สิงหาคม 2568) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย นาโนเทค สวทช. ให้การต้อนรับ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และทีมงาน เข้าเยี่ยมชมผลงานวิจัยและพัฒนาด้านการแพทย์ภายในงาน Thailand Tech Show 2025 (TTS2025) โซน D: Valley of Growth เทคโนโลยีที่พร้อมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์
ทั้งนี้เลขาธิการ สปสช. ให้ความสนใจเยี่ยมชมผลงานและสอบถามทีมงานจาก สวทช. ในโซน National IP Marketplace ตลาดกลางทรัพย์สินทางปัญญาระดับชาติ อาทิ เข็มขนาดไมโครเมตรชนิดละลายน้ำได้สำหรับการรักษาและตรวจวินิจฉัยโรค, ถุงมือยางธรรมชาติโปรตีนต่ำ enR/Prox (เอ็นอาร์โปรเอ็กซ์), ‘DuoEye’ เครื่องอ่านสารเคมีปนเปื้อนในน้ำแบบพกพา และชุดตรวจคุณภาพน้ำ Chem Sense, ชุดทำนายความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีจากพยาธิใบไม้ตับในคน เป็นต้น
สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมผลงาน สวทช. ภายในงาน Thailand Tech Show 2025 (TTS2025) โซน D: Valley of Growth จัดอยู่ภายใต้งาน “อว.แฟร์ 2025 : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” งานมหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ
เชิญชวนประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ นักวิจัย ผู้ประกอบการ และผู้สนใจทุกท่าน ร่วมสร้างอนาคตของประเทศไทยในงาน “อว.แฟร์ 2025” และ “NST Fair 2025” ระหว่างวันที่ 9–17 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
“อว.แฟร์ 2025” จัดที่ฮอลล์ 1–4 ชั้น G
“NST Fair 2025” จัดที่ฮอลล์ 5–6 ชั้น LG
เข้าร่วมงานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.mhesifair.com และ Facebook: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. ร่วมงานมอบโล่รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ปี 2568
13 สิงหาคม 2568 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อว. เป็นประธานในพิธีและมอบโล่รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ประจำปี 2568 จัดโดย มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมูลนิธิเอสซีจี โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ศ.ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้ที่ได้รับรางวัลเข้าร่วมงานแถลงข่าว ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
นางสาวสุดาวรรณ ได้กล่าวชื่นชมมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการจัดให้มีรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรตินักวิทยาศาสตร์ผู้มีผลงานโดดเด่นแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่จะช่วยสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะสร้างองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นภายในประเทศ และนำผลงานเหล่านั้นไปต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ทุกท่าน ตนเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป
ขณะที่ ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า รางวัลดังกล่าวถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ โดยผู้ได้รับรางวัลในแต่ละปีล้วนเป็นนักวิจัยที่มีผลงานโดดเด่น ได้รับการคัดเลือกอย่างเข้มข้นจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณาจากผลงานวิทยาศาสตร์พื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ผู้ได้รับรางวัลต้องเป็นผู้ที่ทุ่มเทอุทิศตนให้กับงานวิจัยด้วยจิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่น มีบุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอที่เป็นที่ยอมรับในแวดวงวิทยาศาสตร์ ตลอดจนมีจิตสำนึกในการสร้างองค์ความรู้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง อันเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อไป
ด้าน ศ.ดร.จำรัส กล่าวว่า ผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2568 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 400,000 บาท ได้แก่ ศาสตราจารย์ (เชี่ยวชาญพิเศษ) ดร. ทันตแพทย์หญิง สิริพร ฉัตรทิพากร ภาควิชาชีววิทยาช่องปาก และวิทยาการวินิจฉัยโรคช่องปาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ หน่วยสรีรวิทยาระบบ ประสาท ภายใต้ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากผลงานวิจัย “พยาธิสรีรวิทยาของระบบประสาทด้านการบกพร่องการเรียนรู้และความจำ: จากแบบจำลอง สัตว์สู่การศึกษาทางคลินิก” งานวิจัยเชิงลึกที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเซลล์ไปจนถึงผู้ป่วยทางคลินิก โดยมุ่งศึกษา พยาธิสภาพของสมองในผู้ที่มีภาวะบกพร่องด้านการเรียนรู้และความจำ หรือภาวะสมองเสื่อม ซึ่งเกิดจากสาเหตุ หลากหลาย เช่น ภาวะอ้วนลงพุง ภาวะชราภาพ ภาวะหัวใจขาดเลือด และการใช้ยาเคมีบำบัด งานวิจัยยังมุ่งเน้นการ ค้นหาวิธีการรักษาใหม่และตัวบ่งชี้ชีวภาพ (biomarkers) ที่สามารถนำไปใช้ในทางคลินิกได้ โดยใช้หลักการวิจัยแบบ องค์รวม “จากเซลล์สู่ผู้ป่วยทางคลินิก (cell-to-bedside)” ซึ่งเชื่อมโยงงานวิจัยพื้นฐานด้านชีววิทยาระดับโมเลกุล ระบบไฟฟ้าสมอง และกลไกการเรียนรู้และความจำ เข้ากับการประยุกต์ใช้จริงในผู้ป่วย ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่และ เป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับการป้องกันและรักษาภาวะสมองเสื่อมในอนาคต
หนึ่งในงานวิจัยที่โดดเด่นคือ การศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างภาวะอ้วนลงพุงกับการเสื่อมของสมอง การบริโภคอาหารไขมันสูงต่อเนื่องเป็นเวลานานทำให้เกิดการสูญเสียความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ (gut dysbiosis) มีการกระตุ้นการอักเสบในทางเดินอาหาร การสะสมของไขมันในร่างกาย นำไปสู่ภาวะอักเสบ ระดับต่ำทั่วร่างกาย (systemic low-grade inflammation) ภาวะดื้อต่ออินซูลินทั้งในร่างกายและในเซลล์ ประสาท ความผิดปกติของไมโทคอนเดรียในเซลล์สมอง การทำงานผิดปกติของเซลล์ไมโครเกลียในสมอง ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้และความจำ การมีภาวะอ้วนลงพุงเรื้อรังยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์ในสมอง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของภาวะสมองเสื่อม ที่สำคัญงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า การลดภาวะอ้วน ลงพุง ไม่ว่าจะโดยการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร หรือการใช้ยาต้านเบาหวาน สามารถฟื้นฟูการทำงาน ของสมอง และช่วยเสริมการเรียนรู้และความจำได้อย่างมีนัยสำคัญ
รางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2568 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลท่านละ 100,000 บาท ได้แก่ 1. ดร. สมาพร ติญญนนท์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) “ผู้พัฒนาการสังเกตการณ์ และสร้างอุปกรณ์ดาราศาสตร์ เพื่อศึกษาวิวัฒนาการและการสิ้นอายุขัยของดาวฤกษ์มวลมาก” และ 2. ดร. ศิรสิทธิ์ ศรีนวลปาน ศูนย์ความเป็นเลิศด้านความหลากหลายของจุลินทรีย์และการใช้ประโยชน์ อย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ “ผู้คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของสาหร่ายและไซยาโน แบคทีเรียในด้านการเกษตร อาหาร พลังงานและสิ่งแวดล้อม”
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์


