หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – ‘ปะการังทนร้อน’ ทางรอดโลกวิกฤติ
‘ปะการังทนร้อน’ ทางรอดโลกวิกฤติ ทั่วโลกสูญเสียปะการังไปแล้ว50%ในช่วง 30ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าในปี2050 แนวปะการังอาจตายลงเกือบทั้งหมด อุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ก่อให้เกิด ‘ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว’ที่กำลังสร้างหายนะให้แก่แนวปะการังทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ไทยเร่งศึกษา‘ความหลากหลายพันธุกรรม’เฝ้าระวังปะการังไทยเสี่ยงสูญพันธุ์และใช้เครื่องหมายโมเลกุล (DNA marker) ทำนาย ‘ปะการังทนร้อน’หนึ่งในทางรอดของปะการังท่ามกลางวิกฤติโลก วันที่ 22 พฤษภาคม ของทุกปี องค์การสหประชาชาติประกาศให้เป็น ‘วันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ (International Day of Biological Diversity)’เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาคมโลกต่างตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ แต่นับวันสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติกลับเลวร้ายลงทุกที ล่าสุดรายงานประเมินสถานการณ์โลกด้านความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศวิทยาระบุว่า พืชและสัตว์ราว 1 ล้านสายพันธุ์ จากทั้งหมด 8 ล้านสายพันธุ์ทั่วโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์!และนั่นรวมถึง ‘ปะการัง’ ไม่เพียงแค่การลักลอบจับปะการัง การทำประมงมากเกินความจำเป็นจะเป็นภัยคุกคามต่อปะการังแล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน คือตัวแปรสำคัญที่ก่อให้เกิด ‘ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching)’ ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายให้แก่แนวปะการังและระบบนิเวศทางทะเลทั่วโลก และสถานการณ์ยังคงมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น และนั่นคือสัญญาณเตือนภัยต่อมนุษย์   น้ำทะเลร้อน ปะการังฟอกขาว ‘เมษา องศาเดือด’ ที่ผ่านมา อุณหภูมิที่พุ่งสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ทำเอาหลายคนบ่นอุบว่าอากาศช่างร้อนเสียเหลือเกิน แม้แต่น้ำประปาก็ยังได้ใช้น้ำอุ่นกันถ้วนหน้าโดยที่ไม่ต้องเสียเงินติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเสียด้วยซ้ำ แต่มนุษย์เองยังสามารถหลบแดด เปิดเครื่องทำความเย็นช่วยคลายร้อนได้ แต่สำหรับปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่ต้องแช่อยู่ในน้ำทะเลที่แสนอุ่นทั้งวันคงไม่อาจทานทนได้ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว คือ ภาวะที่ปะการังมีสีซีดจางจนมองเห็นเป็นสีขาว ซึ่งเป็นผลมาจากการสูญเสียสาหร่าย Symbiodinium สาหร่ายขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการัง โดยปกติสาหร่ายซึ่งมีสีน้ำตาลจะอยู่ร่วมกับปะการังแบบพึ่งพากัน ปะการังให้ที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย ขณะที่สาหร่ายสังเคราะห์แสงแบ่งอาหารและคาร์บอนให้แก่ปะการังเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตและสร้างโครงสร้างหินปูน ซึ่งปะการังได้อาหารจากสาหร่ายมากถึง 70% ของพลังงานทั้งหมด ขณะเดียวกันสาหร่ายยังมีส่วนสร้างสีสันที่สวยงามให้แก่ปะการัง เพราะปกติเนื้อเยื่อของปะการังเป็นเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เท่านั้น แต่เมื่ออุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น สาหร่ายจะผลิตอนุมูลอิสระ (free radical) ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นพิษต่อเนื้อเยื่อของปะการัง ปะการังจึงขับสาหร่ายออกจากเนื้อเยื่อเพื่อลดปริมาณอนุมูลอิสระในเซลล์ ปะการังจึงเหลือเพียงเนื้อเยื่อใสๆ เผยให้เห็นสีขาวของโครงสร้างหินปูนที่อยู่ภายใน จนเป็นที่มาของ ‘ปะการังฟอกขาว’ การสูญเสียสาหร่ายไม่ได้เพียงพรากสีสันไปจากปะการังเท่านั้น แต่การฟอกขาวเป็นระยะเวลานาน ทำให้ปะการังขาดอาหาร และมีโอกาสตายสูง เดือดร้อนทำไม แค่ปะการังตาย? แนวปะการังไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม สร้างความเพลิดเพลินหรือไว้เซลฟี่สวยๆ ใต้ทะเลเท่านั้น แต่แนวปะการังเป็นทั้งแหล่งผลิตอาหารและสร้างอาชีพที่สำคัญของมวลมนุษยชาติ แม้ว่าแนวปะการังจะครอบคลุมพื้นที่แค่ 1% ของพื้นที่ใต้ทะเลทั้งหมด แต่ว่าสิ่งมีชีวิตในทะเลประมาณ 25% ใช้ประโยชน์จากปะการัง ทั้งเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และที่หลบภัยของสัตว์ทะเลจำนวนมาก อีกทั้งยังมีประชากรกว่า 500 ล้านคนบนโลกที่ต้องอาศัยพึ่งพาประโยชน์จากแนวปะการัง มีการประมาณการว่ามูลค่าที่ได้จากแนวปะการังทั่วโลกนั้นสูงกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี การสูญเสียแนวปะการังที่ใช้เวลาเติบโตนานนับ 100 ปี ในชั่วพริบตา ย่อมหมายถึงการสูญหายของสัตว์ทะเลจำนวนมาก ปลาในมหาสมุทรเกือบครึ่งหากินในแนวปะการังแทบทั้งสิ้น และแน่นอนเราจะขาดแคลนแหล่งอาหาร มีคนอีกจำนวนมากที่ต้องตกงานและขาดรายได้จากการทำประมงและการท่องเที่ยว ท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ศึกษาพันธุกรรม เฝ้าระวังปะการังสูญพันธุ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมมือกับศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศึกษาวิจัย ‘กระบวนการตอบสนองของปะการังต่อการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำทะเลและการประเมินความหลากหลายทางพันธุกรรมของปะการังในน่านน้ำไทยเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ท้องทะเลอย่างยั่งยืน’ ดร.วิรัลดา ภูตะคาม นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. เริ่มต้นศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของปะการัง เนื่องจากประเทศไทยไม่เคยมีการศึกษามาก่อน และความหลากหลายทางพันธุกรรมถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์ เช่น หากปะการังเขากวางที่เหลืออยู่ในทะเลไทยมีความหลากหลายทางพันธุกรรมน้อยมาก หรืออาจเปรียบเทียบได้ว่าโลกของเราเหลือแค่กลุ่มคนเอเชียเท่านั้น เมื่อเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติรุนแรงที่มีผลจำเพาะต่อปะการังเขากวางหรือคนเอเชีย สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้จะมีโอกาสตายทั้งหมดหรือสูญพันธุ์ ในงานวิจัยเริ่มศึกษาจากปะการังโขด (Porites lutea) เนื่องจากเป็นปะการังชนิดเด่นและเป็นโครงสร้างหลักของแนวปะการังในทะเลไทย ที่สำคัญมีแนวโน้มอยู่รอดได้เมื่อเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว โดยศึกษาตัวอย่างปะการังโขดจาก 16 เกาะ ที่กระจายอยู่ในอ่าวไทยและอันดามัน ผลวิจัยเบื้องต้นพบว่า ความหลากหลายทางพันธุกรรมของปะการังโขดในทะเลฝั่งอันดามันมีน้อยกว่าทางฝั่งอ่าวไทย นั่นคือหากเกิดการฟอกขาวหรือโรคระบาดที่มีผลต่อปะการังโขดในฝั่งอันดามันจะมีโอกาสเสี่ยงสูญพันธุ์ได้ ทั้งนี้ยังได้เตรียมศึกษาปะการังสกุลอื่นๆ เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังผิวเกล็ดน้ำแข็ง และปะการังลายดอกไม้ เพื่อสร้างฐานข้อมูลความหลากหลายทางพันธุกรรมปะการังของประเทศ สำหรับเฝ้าระวังปะการังสายพันธุ์ต่างๆ ที่อาจเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และอาจเป็นหนทางสู่การอนุรักษ์ฟื้นฟู เช่น นำปะการังมาผสมเทียมแบบอาศัยเพศ เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรม สร้างโอกาสในการอยู่รอดมากขึ้น ปะการังทนร้อน หนทางรอดภาวะฟอกขาว ทีมวิจัยยังได้ศึกษาลงลึกถึงระดับยีนเพื่อหา ‘ปะการังทนร้อน’ ด้วยการสกัดสารพันธุกรรมอาร์เอ็นเอ (RNA) เพื่อศึกษาการแสดงออกของยีนต่างๆ เมื่อเกิดการฟอกขาว และเปรียบเทียบระหว่างปะการังโคโลนีที่ทนร้อนกับฟอกขาวว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองต่ออุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นต่างกันหรือไม่ ผลการวิจัยเบื้องต้นพบยีนที่แสดงออกแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ยีนส่วนใหญ่มีการแสดงออกสูงขึ้น เช่น กลุ่มยีนที่มีบทบาทในการกำจัดปริมาณอนุมูลอิสระที่สาหร่าย Symbiodinium ผลิตมากผิดปกติไปในช่วงที่อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น นอกจากนี้ยังพบยีนอีกหลายตำแหน่งที่แสดงออกแตกต่างกัน ซึ่งทีมวิจัยอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูล และค้นหาเครื่องหมายโมเลกุล (DNA marker) ที่สัมพันธ์กับลักษณะการทนต่อการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำทะเล หรือความทนร้อนของปะการัง สำหรับใช้คัดเลือกปะการังพ่อแม่พันธุ์ที่ทนร้อน เพื่อขยายพันธุ์ ก่อนทำการย้ายปลูกกลับสู่ทะเล ช่วยให้การฟื้นฟูมีประสิทธิภาพ ได้ปะการังที่ทนต่อสภาวะภูมิอากาศที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในอนาคต แม้การใช้เทคโนโลยีจีโนมิกส์มาช่วยในการอนุรักษ์ฟื้นฟูปะการังมีบทบาทสำคัญและอาจเป็นความหวังต่อป้องกันการสูญพันธุ์ของปะการังบางสายพันธุ์ได้ แต่สิ่งที่จะนำไปสู่การอนุรักษ์ความหลากหลายของปะการังและสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ได้ดีที่สุด คือความร่วมมือและพยายามอย่างจริงจังในการหันกลับมาดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เรียบเรียง : วัชราภรณ์ สนทนา ฝ่ายเผยแพร่วิทยาศาสตร์ สวทช. ภาพ : ดร.ลลิตา ปัจฉิม, วุฒิชัย เหมือนทอง งานวิจัย : กระบวนการตอบสนองของปะการังต่อการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำทะเลและการประเมินความหลากหลายทางพันธุกรรมของปะการังในน่านน้ำไทยเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ท้องทะเลอย่างยั่งยืน โดย ดร.วิรัลดา ภูตะคาม และคณะวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช.
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
ชวนเมกเกอร์รุ่นใหม่ ประชันไอเดียสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน โครงการ Enjoy Science: Young Makers Contest ปี 4
• เชิญชวนเมกเกอร์รุ่นใหม่ระดับนักเรียน-นักศึกษาทั้งสายสามัญและอาชีวศึกษา เข้าร่วมสุดยอดงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ภายใต้หัวข้อ “Social Innovations: นวัตกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน” • ชิงเงินรางวัลและทริปเปิดประสบการณ์เมกเกอร์ในงาน Maker Faire ระดับโลก ณ สหรัฐอเมริกา• ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่เฟซบุ๊ก Enjoy Science: Young Makers Contest 5 มิถุนายน 2562 – โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต นำโดย บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด จับมือพันธมิตรหลัก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ สานต่อโครงการ “Enjoy Science: Young Makers Contest ปี 4” เชิญชวน ‘เมกเกอร์’ หรือนักสร้างสรรค์นวัตกรรมรุ่นใหม่ ระดับนักเรียน-นักศึกษาทั้งสายสามัญและอาชีวศึกษา ร่วมประกวดสิ่งประดิษฐ์ในหัวข้อ “Social Innovations: นวัตกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน” เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในสังคม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมและชุมชนให้ดีขึ้น ชิงรางวัลใหญ่ทริป ร่วมงาน Maker Faire มหกรรมแสดงผลงานของเหล่าเมกเกอร์ระดับโลก ณ สหรัฐอเมริกา และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – ไบโอเทค สวทช. จับมือ ศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเปิดตัว AmiBase (ASEAN Microbial Database) ฐานข้อมูลจุลินทรีย์อาเซียน
ไบโอเทค สวทช. จับมือ ศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เปิดตัว AmiBase (ASEAN Microbial Database) ฐานข้อมูลจุลินทรีย์อาเซียน 23พฤษภาคม 2562 กรุงเทพฯ: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดย ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (ASEAN Centre for Biodiversity: ACB) เปิดตัว “ฐานข้อมูลจุลินทรีย์อาเซียน หรือ AmiBase (ASEAN Microbial Database) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีการรวบรวมข้อมูลของจุลินทรีย์ที่ค้นพบในอาเซียนไว้มากกว่า30,000 ชนิด ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้มีประโยชน์ในการสร้างนวัตกรรม เพื่อพัฒนาทางเทคโนโลยีชีวภาพในภูมิภาค ให้ก้าวไปสู่เศรษฐกิจฐานชีวภาพ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมากแห่งหนึ่งของโลกโดยเฉพาะความหลากหลายของจุลินทรีย์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และถือเป็นรากฐานความสำคัญของเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมด้านอาหาร การแพทย์ การเกษตร และพลังงาน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพให้ทันกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งทางกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดยไบโอเทค สวทช. ได้ผนึกกำลังผสานความร่วมมือกับเครือข่ายอาเซียนด้านการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์(ASEAN Network on Microbial Utilization: AnMicro) กับ ACB ดำเนินโครงการพัฒนาและจัดตั้งศูนย์ข้อมูลจุลินทรีย์แห่งอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากกองทุนอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (ASEAN Science, Technology and Innovation Fund) นำไปสู่การพัฒนา AmiBase เพื่อเป็นฐานข้อมูลสนับสนุนนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์และผู้สนใจในการศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ การพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.nstda.or.th/th/news/12573-20190523-acb
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – สวทช. จับมือ สพภ. ผนึกพันธมิตรทั่วประเทศ จัดงานประชุมวิชาการด้านความหลากหลายทางชีวภาพครั้งแรกของไทย
สวทช. จับมือ สพภ. ผนึกพันธมิตรทั่วประเทศ จัดงานประชุมวิชาการ ด้านความหลากหลายทางชีวภาพครั้งแรกของไทย 22พฤษภาคม 2562 : สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงานประชุมวิชาการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ(International Conference on Biodiversity 2019: IBD2019)จัดขึ้นระหว่างวันที่22 – 24 พฤษภาคม 2562 ณ ชั้น 22-23เซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ จัดโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ สพภ. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรด้านความหลากหลายทางชีวภาพ อาทิ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมป่าไม้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และศูนย์ความเป็นเลิศด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันยกระดับงานวิจัยและอนุรักษ์ รวมทั้งการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพจากความหลากหลายทางชีวภาพ อันจะมีประโยชน์อย่างสูงในการส่งมอบทรัพยากรที่มีคุณค่าให้กับประเทศ สร้างความมั่นคั่ง และยั่งยืนต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.nstda.or.th/th/news/12572-20190522-ibd2019
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – นาโนเทค สวทช. จับมือ สัตวแพทย์ จุฬาฯ พัฒนานาโนวัคซีนแบบแก้แช่โรคระบาดพร้อมสร้างภูมิคุ้มกัน
นาโนเทค สวทช. จับมือ สัตวแพทย์ จุฬาฯ พัฒนานาโนวัคซีนโรคระบาดพร้อมสร้างภูมิคุ้มกัน ณันต์ธชัยฟาร์ม อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ - ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมผลงานวิจัยของนาโนเทค ที่ดำเนินการร่วมกับ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ พัฒนานวัตกรรมนาโนวัคซีน ในรูปของอนุภาคนาโนที่มีคุณสมบัติเกาะติดเยื่อเมือกแบบแช่ ทดแทนการฉีดแบบเดิมสำหรับควบคุมโรคติดเชื้อในปลานิล แก้ปัญหาโรคระบาดในอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงปลานิล สามารถใช้ได้กับปลาทุกขนาด ครั้งละจำนวนมาก ต้นทุนต่ำ ประหยัดเวลาและแรงงาน อีกทั้งช่วยให้ปลาแข็งแรง ลดการใช้ยาและสารเคมี ได้เนื้อปลาที่ปลอดภัยกับผู้บริโภค สะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเลี้ยงปลาและผู้บริโภคโดยตรง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.nstda.or.th/th/news/12569-20190517
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – นาโนเทค สวทช. ร่วมกับภาคเอกชน เดินหน้านำนาโนเทคโนโลยี ไฮโดรเจลอาหารลูกกุ้งสูตรไร้ปลาป่น
นาโนเทค สวทช. ร่วมกับภาคเอกชน เดินหน้านำ นาโนเทคโนโลยีไฮโดรเจลอาหารลูกกุ้งสูตรไร้ปลาป่น จ.ฉะเชิงเทรา - ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมผลงานวิจัยของนาโนเทค ที่ดำเนินการร่วมกับ บริษัทบานตะไท จำกัด ในการพัฒนานวัตกรรมไฮโดรเจลอาหารลูกกุ้งสูตรไร้ปลาป่น ที่ ‘ชุติกาญจน์ฟาร์ม’ ฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกกุ้งต้นแบบโดย บริษัทไทยยูเนี่ยน แฮชเชอรี่ จำกัด ที่ใช้สูตรเลี้ยงลูกกุ้งดังกล่าว ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้พัฒนาสูตรอาหารเลี้ยงลูกกุ้งแบบไร้ปลาป่น ใช้เทคโนโลยีการกักเก็บสารสำคัญในโครงสร้างแบบเจล เพิ่มความสามารถดูดซึมให้กับลูกกุ้ง ยืดอายุให้ไม่เน่าเสียเร็ว และกระตุ้นการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารตามข้อกำหนด EUที่ลดการใช้ปลาป่นเป็นอาหารสัตว์น้ำ พร้อมเดินหน้าต่อยอดนวัตกรรมช่วยเกษตรกรไทยสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ เข้าถึงตลาดใหม่และขายได้ในราคาสูงขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.nstda.or.th/th/news/12565-20190516
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – เด็กไทยสร้างชื่อ คว้า 8 รางวัล การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ Intel ISEF 2019
เด็กไทยสร้างชื่อ คว้า 8 รางวัล การประกวดโครงงาน วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ Intel ISEF 2019 งานIntel International Science and Engineering Fair ถือเป็นการประกวดผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปีนี้ (Intel ISEF 2019)  จัดเป็นครั้งที่ 70 ระหว่างวันที่12-17 พฤษภาคม 2562 ณ เมืองฟินิกส์ มลรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา มีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ มีจำนวนมากถึง1,886 คน ประเทศไทยได้ส่งผลงานเยาวชนไทยเข้าร่วม17 โครงงาน โดยการสนับสนุนของหลายหน่วยงาน ได้แก่ สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) มูลนิธิอินเทล ธนาคารไทยพาณิชย์ ผลการแข่งขัน ปรากฏว่าเยาวชนไทยสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติด้วยการคว้ารางวัลรวม 8 รางวัล ได้แก่ 5รางวัลใหญ่แกรนด์อวอร์ด (Grand Awards) และรางวัลพิเศษ(Special Award) อีก 3 รางวัล อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากhttps://www.nstda.or.th/th/news/12563-20190517intel-isef-2019
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – เปิดตัวแชมป์ FameLab Thailand 2019
เปิดตัวแชมป์ FameLab Thailand 2019 11พฤษภาคม 2562 : บริติช เคานซิล ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ(สอวช.) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดอะ สแตนดาร์ด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และEURAXESS จัดเวทีการประกวด “FameLab Thailand Competition 2019” ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.nstda.or.th/th/news/12553-20190511-famelab-thailand
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – สวทช. เปิด “แปลงวิจัยมอสิงโต” อุทยานฯเขาใหญ่ เผย “ชะนี” คือนักกระจายเมล็ดพันธุ์
สวทช. เปิด “แปลงวิจัยมอสิงโต” อุทยานฯเขาใหญ่ เผย “ชะนี” คือนักกระจายเมล็ดพันธุ์ ทีมวิจัย สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร เปิดแปลงวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพถาวรมอสิงโต ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบชะนีช่วยกระจายพันธุ์ไม้ทั่วผืนป่า ขณะที่หมีและช้างมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกระจายเมล็ดพันธุ์ขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มพันธุ์ไม้ดูดซับคาร์บอน ระบุแปลงมอสิงโตเป็นแปลงที่สองของโลกที่มีการติดตามศึกษาเถาวัลย์ พบเป็นแหล่งอาหารสำรองชั้นดีให้แก่สัตว์ป่ายามขาดแคลนอาหาร ที่สำคัญพบต้นเงาะป่า-ไก่ฟ้าพญาลอ เริ่มมีการกระจายตัวไปเจริญเติบโตบริเวณที่สูงขึ้น คาดอาจเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเยี่ยมชม ‘แปลงวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพถาวรมอสิงโต’ มีพื้นที่ประมาณ190 ไร่ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2539 ถือเป็นแปลงศึกษานิเวศวิทยาถาวรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งทีมวิจัยได้ลงพื้นที่ติดตามสำรวจกว่า 20 ปี มีการศึกษานิเวศวิทยาประชากรและชีววิทยาของชะนี ความหลากหลายของพรรณไม้ เถาวัลย์ ความสัมพันธ์ระหว่างพืชและสัตว์ รวมถึงการติดตามศึกษาพลวัตป่าแปลงวิจัยมอสิงโต จากสภาพอากาศและสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.nstda.or.th/th/news/12552-20190509-biotec
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.3 – สวทช. จับมือ สสว. ย้ำ SME ชูแนวคิด วัสดุเหลือใช้ สู่กำไรที่มองไม่เห็น
สวทช. จับมือ สสว. ย้ำ SME ชูแนวคิด วัสดุเหลือใช้ สู่กำไรที่มองไม่เห็น สวทช. จับมือ สสว. จัดกิจกรรมอบรมสัมมนา ในหัวข้อ“พลิกความคิด...วัสดุเหลือใช้ สู่กำไรที่มองไม่เห็น” ภายใต้งานพัฒนาองค์ความรู้สำหรับ SME (Knowledge Center) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้ได้รับข้อมูล องค์ความรู้ และสาระต่างๆ ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจต่อไป นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)เปิดเผยว่า งานสัมมนาครั้งนี้ เกิดจาก สวทช. หน่วยงานที่มีบทบาทในการผลิตผลงานวิจัยและพัฒนาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับภาคอุตสาหกรรมไทยได้เห็นถึงปัญหาและความต้องการในเรื่องการบริหารจัดการและการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม จึงเกิดแนวความคิดต้องการนำเทคโนโลยีและงานวิจัยและพัฒนาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการนำวัสดุเหลือทิ้งไปใช้ประโยชน์ในรูปพลังงาน หรือแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “พลิกความคิด” เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนในท้ายที่สุด ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งของรัฐบาลที่มีแนวคิดในการเร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “BCG” โดย B ย่อมาจาก Bioeconomyหรือ เศรษฐกิจชีวภาพ C ย่อมาจาก Circular economy ก็คือ เศรษฐกิจหมุนเวียน และ G ย่อ มาจาก Green economy นั่นคือ เศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นจะนำแนวคิดเศรษฐกิจทั้งสามมาหลอมรวมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และตอบรับการดำเนินธุรกิจตามหลัก Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.nstda.or.th/th/news/12515-20190430-knowledge-center
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉบับที่ 3 ประจำเดือนมิถุนายน 2562
ข่าว สวทช. จับมือ สสว. ย้ำ SME ชูแนวคิด วัสดุเหลือใช้ สู่กำไรที่มองไม่เห็น สวทช. เปิด “แปลงวิจัยมอสิงโต” อุทยานฯเขาใหญ่ เผย “ชะนี” คือนักกระจายเมล็ดพันธุ์ เปิดตัวแชมป์ FameLab Thailand 2019 เด็กไทยสร้างชื่อ คว้า 8 รางวัล การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ Intel ISEF 2019 นาโนเทค สวทช. ร่วมกับภาคเอกชน เดินหน้านำนาโนเทคโนโลยี ไฮโดรเจลอาหารลูกกุ้งสูตรไร้ปลาป่น นาโนเทค สวทช. จับมือ สัตวแพทย์ จุฬาฯ พัฒนานาโนวัคซีนโรคระบาดในปลาพร้อมสร้างภูมิคุ้มกัน สวทช. จับมือ สพภ. ผนึกพันธมิตรทั่วประเทศ จัดงานประชุมวิชาการด้านความหลากหลายทางชีวภาพครั้งแรกของไทย ไบโอเทค สวทช. จับมือ ศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเปิดตัว AmiBase ฐานข้อมูลจุลินทรีย์อาเซียน   บทความ “ปะการังทนร้อน” ทางรอดโลกวิกฤติ   ปฏิทินกิจกรรม ขอเชิญ SME ร่วมสัมมนา “เพิ่มโอกาสธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ขอเชิญ ผู้ประกอบการอาหารไทย ศึกษาดูงานอาหารฟังก์ชั่น ที่ใต้หวัน กิจกรรมค่าย/กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ    Download เอกสารฉบับเต็ม [7.4 MB] NSTDA Newsletter ปีที่ 5 ฉบับที่ 3 ประจำเดือนมิถุนายน 2562 from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand  
จดหมายข่าว สวทช.
 
สวทช. จับมือ ปตท. ผลักดันวิทย์ฯ ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน
4 มิถุนายน 2562 ณ ห้องพลังไทย อาคาร 1 ชั้น 3 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) : ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ คุณชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงนามความร่วมมือในโครงการ “การนำผลงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ถ่ายทอดสู่การใช้ประโยชน์” โดยมีคุณวิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ รองผู้อำนวยการ สวทช. คุณกฤษณ์ อิ่มแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคุณณภัค กรรณสูต ผู้จัดการฝ่ายสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน การลงนามความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงานในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดการนำเอาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ของ สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร ไปใช้สร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน ซึ่งที่ผ่านมา สวทช. โดยสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (AGRITEC) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการเร่งรัดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรให้เกษตรกรนำไปใช้ได้อย่างทั่วถึง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างมูลค่า เสริมรายได้ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรและชุมชน ได้เข้าร่วมประชุมหารือความร่วมมือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจเพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทพลังงานไทยข้ามชาติชั้นนำที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนระยะยาว สร้างความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ มีความพร้อมในหลายๆ ด้านทั้งงานวิชาการ เทคโนโลยี บุคลากร มีศักยภาพในการส่งต่อความรู้ไปสู่ชุมชน จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือดังกล่าว (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์