ผลการค้นหา :
สวทช. ลงพื้นที่ร่วมกับกระทรวง อว. มอบถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัยใน จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มอบหมายให้ ดร.วันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. และ ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. พร้อมด้วยคณะบุคลากรจากสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมอบถุงยังชีพ ทั้งข้าวสารกว่า 10,000 กก. น้ำดื่ม 2,000 แพ็ก และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2,000 แพ็ก ส่งถึงมือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เสนา โดยมี ผศ.ดร.สุวุฒิ ตุ้มทอง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ นางสาวอารินทร์ แสงทอง นายอำเภอเสนา และประชาชนจากตำบลบ้านกระทุ่ม และตำบลหัวเวียง ให้การต้อนรับและรับมอบสิ่งของ
โอกาสนี้ บุคลากรและพนักงานของ สวทช. กระทรวง อว. ได้เข้าร่วมนำถุงยังชีพมอบให้กับประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจในเขตเทศบาลตำบลหัวเวียง ประกอบด้วย ประชาชนหมู่ที่ 1, 2, 3 – 5, และ 6 - 13 ตำบลหัวเวียง ประชาชนหมู่ที่ 1 – 10 ตำบลบ้านกระทุ่ม อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดย สวทช. ขอส่งความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีกำลังใจที่เข้มแข็งและผ่านวิกฤตการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
ถุงยังชีพที่มอบให้กับประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้ อาทิ ข้าวสารจำนวน 100 ถุง ได้รับบริจาคภายใต้ “โครงการ สวทช. รวมใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ทั้งภายในและภายนอก สวทช. สำหรับนำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. นำคณะสำนักงบประมาณ เยี่ยมชมผลงานวิจัยสัตว์น้ำ หนุนเกษตรยั่งยืน ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำโดย ดร.นวลวรรณ สงวนศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. และ ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. พร้อมด้วยคณะนักวิจัย นำคณะจาก สำนักงบประมาณ นำโดย นางสาวเบญจมาศ มหาวงศ์ขจิต ผู้อำนวยการส่วนงบประมาณกระทรวงการอุดมศึกษาฯ 1 ลงพื้นที่เยี่ยมชมศักยภาพงานวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ของ สวทช. ในด้านอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและเกษตรอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ “การเพิ่มศักยภาพการผลิตและมูลค่าสินค้าเพื่อเกษตรอุตสาหกรรมและการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน (Pre-Battle : Area Based)” โดยวันแรกของการลงพื้นที่ (9 ตุลาคม 2568) ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้นำเยี่ยมชมผลงาน “การใช้ วทน. ส่งเสริมการพัฒนาและการผลิตกุ้งทะเลเพื่ออุตสาหกรรม” และ “ความร่วมมือในการใช้โคพีพอดเลี้ยงม้าน้ำวัยอ่อน” เพื่อให้คณะสำนักงบประมาณได้เห็นภาพการนำ วทน. ไปใช้จริงในการพัฒนาภาคการผลิตสำคัญของประเทศ รวมถึงเพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทของ สวทช. ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนและผู้ประกอบการ
การใช้ วทน. ส่งเสริมการพัฒนาและการผลิตกุ้งทะเลเพื่ออุตสาหกรรม
สวทช. โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตบางพระ จังหวัดชลบุรี และเครือข่าย ได้นำคณะสำนักงบประมาณ เข้าเยี่ยมชมการใช้ วทน. เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการผลิตกุ้งทะเลเพื่ออุตสาหกรรมในฟาร์มสุขสมบูรณ์ จ.ฉะเชิงเทรา ของนางสาวอารีรัตน์ ดำริมุ่งกิจ โดยฟาร์มบ่อเลี้ยงกุ้งดังกล่าว ได้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ได้แก่ การเตรียมบ่อเลี้ยงโดยคำนึงถึงการบำบัดสารประกอบไนโตรเจนในน้ำเสียด้วยกระบวนการทางชีวภาพ การใช้ลูกกุ้งทะเลคุณภาพสูงปลอดโรค การตรวจเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคระหว่างการเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ การใช้ probiotics เสริมสุขภาพบ่อเลี้ยงและสุขภาพกุ้ง และการเข้าร่วมในโครงการการลดการใช้ยาปฏิชีวนะ
โดยได้นำเข้าไปพัฒนาวิธีการจัดการเชื้อก่อโรคในบ่อเลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เกิดเป็นแนวทางการตรวจเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดการรักษาระบบนิเวศในพื้นที่ และสร้างภูมิคุ้มกันที่จะสามารถรับมือกับปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ผลผลิตยั่งยืนและมั่นคง
ความร่วมมือในการใช้โคพีพอดเลี้ยงม้าน้ำวัยอ่อน
สวทช. โดยไบโอเทค ได้นำคณะสำนักงบประมาณ เข้าเยี่ยมชมที่ฟาร์มบุญสว่าง (ฟาร์มม้าน้ำ และปลากะพง) จ.ฉะเชิงเทรา ของคุณสุทธิ มะหะเลา ซึ่งทีมวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพทางทะเล ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตโคพีพอด (Copepod) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแพลงก์ตอนสัตว์ขนาดเล็กที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะกรดไขมันจำเป็น DHA, EPA และ ARA โดยทีมวิจัยพบว่า โคพีพอดเป็นอาหารมีชีวิตที่มีขนาดและคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมต่อการอนุบาลลูกม้าน้ำวัยอ่อน ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มอัตราการรอดของสัตว์น้ำ เกิดเป็นโครงการแพลตฟอร์มการผลิตโคพีพอดโอเมก้าสูง สู่การใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาอาหารฟังก์ชันสำหรับสัตว์น้ำวัยอ่อน สนับสนุนอุตสาหกรรมสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งได้มีการพัฒนาต้นแบบการผลิตโคพีพอดโอเมก้าสูงระดับฟาร์ม และถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เกษตรกร พร้อมจัดตั้งแพลตฟอร์มอาหารสัตว์น้ำวัยอ่อนโคพีพอดโอเมก้าสูงเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยี และมีการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการนำเทคโนโลยีการผลิตโคพีพอดโอเมก้าสูง ไปใช้ประโยชน์เพื่อเพาะเลี้ยงม้าน้ำเชิงพาณิชย์
กิจกรรมสำนักงบประมาณ เยี่ยมชมผลงานวิจัย สวทช. ภายใต้โครงการ Area Based กำหนดจัดขึ้นด้วยกัน 2 วัน ในวันแรกที่ จ.ฉะเชิงเทรา ในงานด้านอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ และวันที่สอง ที่ จ.จันทบุรี ในงานด้านการยกระดับการผลิตไม้ (ทุเรียน) ด้วยเกษตรสมัยใหม่ เพื่อให้เห็นภาพของการขับเคลื่อนงานวิจัยที่สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. กระทรวง อว. ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2568
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2568 ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธี โดยมี นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวง อว. นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. นำคณะผู้บริหารกระทรวง อว. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ร่วมกันบำเพ็ญกุศลสวดพระพุทธมนต์อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลฯ
ในโอกาสนี้ ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เข้าร่วมพิธีฯ จากนั้นประธานในพิธี เริ่มประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ อาราธนาศีล และสวดพระพุทธมนต์ รวมถึงการประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป มีการกรวดน้ำรับพร เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
วันนวมินทรมหาราช วันที่ 13 ตุลาคม เป็นวันสำคัญแห่งการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นดั่งแสงนำทางของปวงชนชาวไทย โดยคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี ว่า "วันนวมินทรมหาราช" ซึ่งแปลว่า วันที่ระลึกถึงพระมหาราชรัชกาลที่ 9 ผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีแก่พสกนิกรชาวไทยตลอดรัชสมัย 70 ปีที่ทรงครองราชย์
การเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่แสดงถึงการรวมพลังแห่งความจงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดย สวทช. ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างยั่งยืนตามพระราชดำรัสที่ทรงกล่าวไว้ว่า “ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเจริญของบ้านเมือง เราจึงควรสนับสนุนให้มีการค้นคิดเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาวะและความต้องการของประเทศขึ้นใช้เองอย่างจริงจัง ถ้าเราสามารถค้นคิดได้มากเท่าไร ก็จะเป็นการประหยัด และช่วยให้สามารถนำไปใช้ในงานต่าง ๆ ได้กว้างขวางยิ่งขึ้นเท่านั้น” (พระราชดำรัส พระราชทานเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และครบรอบ 120 ปี หว้ากอ)
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ผนึกกำลัง! รับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน สู่ “พลังงานสะอาด” แห่งอนาคต
สวทช. โดย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จัดสัมมนาวิชาการสรุปผลการดำเนินงานโครงการ Capability Building for Energy Transition (2025) ซึ่งเป็นหลักสูตรการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีพลังงานสมัยใหม่ เพื่อยกระดับศักยภาพบุคลากร กกพ. ให้เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศ ที่จะมุ่งสู่ “พลังงานสะอาดใหม่” แห่งอนาคต 🌱⚡
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
ENTEC สวทช. เปิดเวที Hydrogen ASEAN Workshop สร้างกรอบความร่วมมือพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนระดับภูมิภาค
วันที่ 8 ตุลาคม 2568 โรงแรมเมอร์เคียว สุขุมวิท กรุงเทพฯ : ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับคณะอนุกรรมการวิจัยพลังงานอย่างยั่งยืน (SCSER) ภายใต้คณะกรรมการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (COSTI) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ Hydrogen ASEAN Workshop ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้การประชุม CAS-ANSO International Conference on Microbial Power ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก Alliance of International Science Organizations (ANSO) โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. กล่าวเปิดงาน
การประชุมมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคนิค การวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนในภูมิภาคอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำด้านพลังงานสะอาดของเอเชีย โดยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างประเทศสมาชิกจะช่วยสร้างระบบนิเวศไฮโดรเจนที่เชื่อมโยงตั้งแต่ระดับนโยบาย การวิจัย ไปจนถึงการประยุกต์ใช้เชิงอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในภูมิภาค พร้อมทั้งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง การสร้างงานใหม่ และการถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs)
ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. กล่าวว่า ไฮโดรเจนไม่ใช่พลังงานแห่งอนาคตที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในระดับโลก สำหรับภูมิภาคอาเซียน ไฮโดรเจนคือโอกาสในการสร้างระบบพลังงานที่หลากหลาย ลดการปล่อยคาร์บอน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยลำพัง ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกับประเทศคู่เจรจาอย่างญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในด้านนี้ การจัดเวิร์กชอปในครั้งนี้จึงมิได้เป็นเพียงเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญสู่การวางรากฐาน Hydrogen ASEAN Framework เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน เสริมสร้างศักยภาพบุคลากร และกำหนดทิศทางนโยบายร่วมระหว่างประเทศสมาชิกและพันธมิตร โดยมี ENTEC สวทช. ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการวิจัยด้านพลังงานสะอาดในระดับภูมิภาค มุ่งผลักดันให้ไฮโดรเจนมีบทบาทอย่างเป็นรูปธรรมในระบบพลังงานของอาเซียน
“เราทุกคนสามารถร่วมกันเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้เป็นการปฏิบัติจริง เพื่อให้ไฮโดรเจนกลายเป็นพลังงานหลักที่ขับเคลื่อนอนาคตที่สะอาด มั่นคง และยั่งยืนของอาเซียนได้อย่างแท้จริง” ดร.สุมิตรา กล่าวทิ้งท้าย
การประชุมมีบรรยายพิเศษในหัวข้อสำคัญจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากหลายประเทศ ประกอบด้วย
• ศักยภาพอุปสงค์และอุปทานของพลังงานไฮโดรเจนในอาเซียนและเอเชียตะวันออก
โดย Dr. Ryan Wiratama Bhaskara สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA)
• ประสบการณ์ของประเทศไทยและการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจน
โดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช.
• บทบาทของไฮโดรเจนในการลดการปล่อยคาร์บอนและโครงการไฮโดรเจนในประเทศไทย
โดย ดร.เนรัญ สุวรรณโชติช่วง สมาคมไฮโดรเจนไทย (H2TH Club)
• พัฒนาการและแนวโน้มอนาคตของพลังงานไฮโดรเจนในจีน
โดย Mr. Rao Zhi (EDRI, China)
• ถ่ายทอดนโยบายด้านไฮโดรเจนและโครงการ JST-NEXUS ของญี่ปุ่น
โดย Asst.Prof. Miki Inada (Kyushu University)
• ประสบการณ์การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจไฮโดรเจนและการลดคาร์บอนในภาคการขนส่ง
โดย Prof. OckTaeck Lim (University of ULSAN)
นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนมุมมอง สร้างข้อเสนอร่วม ASEAN+3 ในหัวข้อ “ความร่วมมือระดับภูมิภาคสู่ไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ” ดำเนินรายการโดย ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิจัย ENTEC สวทช. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากอาเซียน ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวทางวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระยะยาว รวมถึงการสรุปข้อเสนอแนะสำคัญโดย ดร.วิศาล ลีลาวิวัฒน์ นักวิจัย ENTEC สวทช. ซึ่งจะนำไปจัดทำ “ข้อเสนอร่วม (Joint Proposal)” เพื่อเสนอให้กับ SCSER และ COSTI ในการขยายความร่วมมือ ASEAN+3 ด้านไฮโดรเจนในระยะต่อไป พร้อมปิดการประชุมโดย ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ENTEC สวทช.
การประชุม Hydrogen ASEAN Workshop 2025 เป็นก้าวสำคัญของอาเซียนในการรวมพลังประเทศสมาชิกและพันธมิตรเอเชียตะวันออก เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานไฮโดรเจน อันเป็นรากฐานสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานสะอาดและยั่งยืนในอนาคต
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
รับสมัครเข้าร่วมงาน RECO DEMO DAY : Innovation to Investment
📣 รับสมัครเข้าร่วมงาน RECO DEMO DAY : Innovation to Investment 🚀
📝 ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2568
🔗 สมัครเข้าร่วมงานได้ที่: https://forms.gle/juAJ7s3XmK5BKvAKA
⸻
จัดโดย
• หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
• เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สวทช.
• ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
• และ สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล
⸻
📅 วันและเวลา
วันที่: 17 ตุลาคม 2568
เวลา: 08:30–13:00 น.
สถานที่: The Society ชั้น 22 อาคารเกษร ทาวเวอร์ (ติด BTS ชิดลม)
⸻
🚀 กิจกรรม Pitching
ชมการ Pitch จาก 12 ทีม กับ 12 ผลงานวิจัยใน 5 สาขา:
• ⭐️ Food: พัฒนานวัตกรรมอาหารมูลค่าสูง
• ⭐️ Agriculture: พัฒนานวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง
• ⭐️ Health: พัฒนานวัตกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพ (ที่ไม่ใช่ยาและวัคซีน)
• ⭐️ Circular Economy: เทคโนโลยีด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและการลดคาร์บอน
• ⭐️ Digital, Advanced Electronics, Robotics: เทคโนโลยีดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และหุ่นยนต์
⸻
🎯 เหมาะกับใคร?
• ✅ นักลงทุน – มองหาเทคโนโลยีพร้อมใช้ เชื่อมต่อสู่โอกาสเชิงพาณิชย์
• ✅ ผู้ประกอบการ/ภาคอุตสาหกรรม – ค้นหาเทคโนโลยีและพันธมิตรใหม่
• ✅ นักวิจัย & นักพัฒนา – นำเสนอผลงานและอัปเดตเทรนด์
• ✅ องค์กรขนาดใหญ่ – ร่วมมือกับ Startup และงานวิจัยขั้นสูง
• ✅ หน่วยงานสนับสนุน / คนรักนวัตกรรม – ขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
⸻
💎 สิ่งที่คุณจะได้รับ
• 🔥 ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการลงทุน
• 🔥 เครือข่ายระหว่างนักวิจัย นักลงทุน และผู้ประกอบการ
• 🔥 โอกาสในการลงทุน & จับคู่ธุรกิจ
• 🔥 แรงบันดาลใจจากงานวิจัยที่พร้อมใช้
• 🔥 การเปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนานวัตกรรมเชิงพาณิชย์
⸻
☎️ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
• คุณชัชนันท์ (เตย) | โทร. 062 556 2239
• คุณอัญชลีพร (ใบเตย) | โทร. 080 268 6237
⚡ ที่นั่งมีจำนวนจำกัดเพียง 120 ที่นั่งเท่านั้น!
ข่าว
ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. ให้การต้อนรับสถาบันเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศฟิลิปปินส์ ศึกษาแลกเปลี่ยน เรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิด นโยบายการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาครัฐ
วันที่ 2 ตุลาคม 2568 — ดร.รวีภัทร์ ผุดผ่อง ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมืออุตสาหกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้การต้อนรับคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากส่วนราชการของประเทศฟิลิปปินส์จากหลักสูตรการพัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐ สถาบันเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศฟิลิปปินส์ (Development Academy of the Philippines: DAP) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ รวม 31 ราย ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิด นโยบาย และภาพรวมของนวัตกรรม นำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้แพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0
พร้อมด้วย ดร.ปริณนดา อินทรานนท์ ที่ปรึกษาอาวุโส ร่วมนำเสนอกลไกการผลักดันงานวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรม ผ่านอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย “นิคมวิจัยสำหรับเอกชน” ที่เป็น“โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ” รองรับการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้คณะได้เข้าเยี่ยมชม กลไกสำคัญของการบ่มเพาะธุรกิจนวัตกรรมตามแนวทางธุรกิจที่หลากหลายตามความเหมาะสม ได้แก่ ศูนย์ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณขั้นสูง (NSTDA Supercomputer Center: ThaiSC) มุ่งเน้นการให้บริการระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (High Performance Computing: HPC) เพื่อการพัฒนานงานวิจัยด้านวิทยาการคำนวณ (Computational Science) มีศักยภาพสามารถรองรับโจทย์ปัญหาขนาดใหญ่ของประเทศได้ และศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ผลักดันอุตสาหกรรมไทยก้าวเข้าสู่ Industry 4.0 โดยส่งเสริมให้กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม สามารถนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตของโรงงาน
การศึกษางานในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญ ในการส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านนโยบาย เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ตอกย้ำบทบาทของไทยในเวทีการพัฒนาภาครัฐยุคดิจิทัล
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ENTEC สวทช. ผลักดันการใช้ H-FAME เชื้อเพลิงชีวภาพเกรดพิเศษ ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมไทย
วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ดร.พีรวัฒน์ สายสิริรัตน์ หัวหน้าทีมวิจัยพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพพลังงาน และทีมวิจัย เดินหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานสะอาดและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมไทย โดยร่วมสนับสนุน บริษัท ซัน-อัพ รีไซคลิง จำกัด และพันธมิตร บริษัท โทคิน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการนำน้ำมันไบโอดีเซลเกรดพิเศษ H-FAME (Hydrotreated Fatty Acid Methyl Ester) ไปใช้จริงในกระบวนการขนส่ง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเสริมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและพลังงานให้กับประเทศ
ความร่วมมือครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนางสาวนารีรัตน์ ธนะเกษม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาศักยภาพและเผยแพร่องค์ความรู้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และ Dr. Tomohiko KATO, Chief Representative of Asian Representative Office in Bangkok, NEDO พร้อมคณะ ร่วมเป็นสักขีพยาน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพคุณภาพสูงในภาคอุตสาหกรรม และสอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนของประเทศ
ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นจากการสนับสนุนทุนวิจัยขององค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO) ที่ร่วมมือกับ ENTEC สวทช. เพื่อผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมจริง พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจไทยในการขับเคลื่อน ESG (Environment, Social and Governance) อย่างเป็นรูปธรรม
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
กพร. จับมือ เอ็มเทค สวทช. จัดสัมมนาใหญ่ โชว์ความสำเร็จดันผู้ประกอบการ ยกระดับธุรกิจด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดก๊าซเรือนกระจก 5,815 ตัน เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ 145 ล้านบาท
วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ณ ห้องบอลรูม C โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ – กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดสัมมนา “สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ ด้วยแนวคิดการออกแบบสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Driving Innovation and Sustainability with Circular Economy Design)” ภายใต้ “โครงการส่งเสริมการออกแบบตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Design for Circular Economy)” เพื่อการใช้ทรัพยากรแร่และโลหะอย่างยั่งยืน
ดร.กิตติพันธุ์ บางยี่ขัน ผู้อำนวยการกองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กพร.
กล่าวว่า กพร. ให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบให้แก่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดมูลค่าเพิ่มสูงสุดตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถนำแนวทางนี้ไปประยุกต์ใช้ ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ กระบวนการผลิต การเลือกใช้วัตถุดิบ ไปจนถึงการจัดการเมื่อสิ้นอายุการใช้งาน โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่ง่ายต่อการซ่อมแซม ยืดอายุการใช้งาน และสามารถรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการนี้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 โดยในปี 2568 นี้มีผลสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการและได้รับคำปรึกษาเชิงลึก จำนวน 6 ราย ซึ่งหากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนำต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาไปประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง จะสามารถก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากต้นทุนที่ลดลงหรือรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมไม่ต่ำกว่า 145 ล้านบาทต่อปี และยังสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ไม่น้อยกว่า 5,815 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยลดการใช้ทรัพยากรใหม่ ลดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
รศ. ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการเอ็มเทค สวทช. กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน อันเป็นแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งขอบคุณ กพร. ที่ให้ความไว้วางใจ เอ็มเทค สวทช. เป็นที่ปรึกษาโครงการมาอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับการสานต่อเพื่อสร้างผลสำเร็จเชิงประจักษ์แก่ภาคอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว
ดร.อดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy: CE) เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Model ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและลดการเกิดของเสียให้น้อยที่สุด เพื่อสร้างระบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน กพร. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการจัดหาวัตถุดิบทั้งจากแหล่งแร่ธรรมชาติและวัตถุดิบทดแทนจากการรีไซเคิล ได้ดำเนินการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลเมื่อปี 2561 ที่จังหวัดสมุทรปราการ พัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการรีไซเคิลของเสียแล้วกว่า 87 เทคโนโลยี และจัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการมากกว่า 150 รายต่อปี และ กพร. ยังได้ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร นับตั้งแต่การนำเศรษฐกิจหมุนเวียนไปประยุกต์ใช้เพื่อออกแบบการผลิตที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ผู้ประกอบการ การตรวจประเมินและยกระดับสถานประกอบการให้นำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนไปปรับใช้ในองค์กร การส่งเสริมพัฒนานวัตกรรมด้านรีไซเคิลและอัพไซเคิล ตลอดจนการมอบรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้ก้าวตามเส้นทางสู่ความยั่งยืน นอกจากนี้ กพร. ยังมีแผนพัฒนาระบบบริหารจัดการของเสียจากภาคอุตสาหกรรม และกำหนดมาตรการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบทดแทนในภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสนับสนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างครบวงจร อันจะเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการก้าวสู่การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน
สำหรับการสัมมนาครั้งนี้ไม่เพียงแสดงความสำเร็จของผู้ประกอบการ 6 ราย ซึ่งสามารถลดของเสียได้มากกว่า 80% และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจรวมกว่า 145 ล้านบาทต่อปี แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนสามารถนำมาใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรมไทย โดยดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งเอ็มเทค สวทช. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และมีนิทรรศการตัวอย่างผลสำเร็จจากผู้ประกอบการต้นแบบ
6 ราย ดังนี้
บริษัท วัลคัว อินดัสตรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด – ลดการสูญเสียวัตถุดิบปฐมภูมิในกระบวนการผลิตปะเก็นยาง ลดของเสียได้กว่า 80%
บริษัท ยูเนี่ยน เจ. พลัส (ไทยแลนด์) จำกัด – ปรับปรุงกระบวนการล้างฟิล์มพลาสติก ลดเจลขนาดใหญ่ได้มากกว่า 30%
บริษัท อูเบะ เทคนิคอล เซ็นเตอร์ (เอเชีย) จำกัด – พัฒนาโซลูชัน “UBE-ReSource” ตรวจสอบและจัดการไนลอน 6 รีไซเคิล โดยใช้ Machine Learning
บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) – พัฒนา “หม้อแปลงวัฏจักรใหม่ เพื่อโลกยั่งยืน” ด้วยแนวคิด Remanufacturing ลดขยะอุตสาหกรรมไฟฟ้า
บริษัท ไร้ท์รีแอคติเวชั่น จำกัด (มหาชน) – สร้างสรรค์โซลูชัน “Right Waste” ฟื้นฟูถ่านกัมมันต์เพื่อลดการใช้ทรัพยากรใหม่ลงกว่า 60% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ต่อปี
บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด – พัฒนาโซลูชันการคัดแยกชิ้นส่วนเครื่องถ่ายเอกสาร ลดของเสียเหลือไม่ถึง 10% และลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 80% ต่อปี
ความร่วมมือระหว่าง กพร. และเอ็มเทค สวทช. ซึ่งดำเนินโครงการทั้ง 4 ปี ช่วยผลักดันและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 1,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สอดคล้องกับเป้าหมาย Carbon Neutrality และโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่รัฐบาลผลักดัน พิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจสามารถเติบโตไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. มอบข้าวสารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 - ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย คุณสารี่ เจียรวาปี ผู้อำนวยการกลุ่มอำนวยการ สำนักงานปลัดกระทรวง อว. และ ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสถานการณ์น้ำท่วม อว. (ศปก.อว.) เพื่อประชาชน
รับมอบ ข้าวสารบรรจุถุง 5 กิโลกรัม จำนวน 100 ถุง จาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
โดยเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการ สวทช. รวมใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ซึ่งได้รับเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งภายในและภายนอก สวทช. เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
การส่งมอบในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยสิ่งของอุปโภคบริโภคและถุงยังชีพทั้งหมดที่ได้รับบริจาค จะถูกนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยในวันที่ 9 ตุลาคม 2568
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
เสวนา : “โอกาสของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และ IoT ในไทย” จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง และเจ้าของธุรกิจที่ได้รับทุน!
พลิกโฉมธุรกิจยุคใหม่! พบกับนวัตกรรมหุ่นยนต์และ IoT พร้อมใช้ ได้มาตรฐาน
ไม่ว่าคุณจะเป็น:
🧑💼ผู้ประกอบการ ที่มองหา หุ่นยนต์บริการ/IoT ยกระดับธุรกิจ
🤵♂️เจ้าของผลิตภัณฑ์ ที่ต้องการ พัฒนาสู่มาตรฐานสากล
🙋🏻คนรุ่นใหม่/ผู้สนใจ เทคโนโลยี หุ่นยนต์และ IoT
งานนี้คือคำตอบของคุณ!
ในงาน คุณจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมหุ่นยนต์และ IoT ที่พร้อมใช้งานจริงและได้รับมาตรฐาน:
🤖 หุ่นยนต์อัจฉริยะ: พบกับหุ่นยนต์นำทางอัตโนมัติ, หุ่นยนต์ส่งของทางการแพทย์, หุ่นยนต์ขนส่งอาหาร (GMR Butler) และหุ่นยนต์สำหรับงานอุตสาหกรรม
💡 IoT เพื่อธุรกิจเกษตร: PC Classi อุปกรณ์วัดความสุกของปาล์มน้ำมันแบบพกพา! ช่วยเกษตรกรบริหารจัดการปาล์มได้อย่างแม่นยำ
🌾 Smart Farm IoT: โมเดลฟาร์มอัจฉริยะสำหรับการเกษตรแห่งอนาคต
ห้ามพลาด! กิจกรรมสุดพิเศษ
🎤 เวทีเสวนาเข้มข้น: "โอกาสของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และ IoT ในไทย" จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง และเจ้าของธุรกิจที่ได้รับทุน!
🎁 สิทธิพิเศษเฉพาะในงาน!
โอกาสทอง! ทุนทดสอบผลิตภัณฑ์ให้ได้รับมาตรฐาน มูลค่าสูงสุดถึง 200,000 บาท!
วัน: พุธที่ 15 ตุลาคม 2568
เวลา: 9.00 - 16.00 น.
สถานที่: ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพฯ
online registration: https://register.expopass.co/s/DEMODAY2025
จัดโดย สวทช. (NSTDA)
ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. ร่วมแลกเปลี่ยนด้านปัญญาประดิษฐ์ในเวทีโลก STS Forum 2025
วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ณ นครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น – ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับเกียรติเป็นประธานการเสวนาในหัวข้อ "Synergies Between Materials Science, Next-Generation Devices, and Computational Advances: Pathways to Innovation, Sustainability, and Quantum Frontiers" ซึ่งมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนถึงการบรรจบกันของวัสดุศาสตร์ อุปกรณ์แห่งยุคถัดไป และเทคโนโลยีการคำนวณขั้นสูงที่กำลังพลิกโฉมภูมิทัศน์เทคโนโลยี สู่การขับเคลื่อนโอกาสใหม่ ๆ ด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านพลังงาน การสื่อสาร สุขภาพและการแพทย์ และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
ในการเสวนา ได้มีการกล่าวถึงมุมมองสำคัญว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมถึงทุกการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นบนโลกนี้และในอนาคต ล้วนมีรากฐานสำคัญจากงานวิจัยด้านวัสดุศาสตร์ (Materials Science) ที่อยู่เบื้องหลังความก้าวหน้าเหล่านั้น นักวิจัยทั่วโลกต่างมุ่งพัฒนา ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความท้าทายที่สำคัญคือการคำนึงถึงความยั่งยืนของการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรหรือมวลสารหายาก (Rare Materials) ที่จำเป็นต่อการวิจัยและผลิตอุปกรณ์รุ่นใหม่ พร้อมกันนั้นยังต้องมุ่งค้นคว้าเพื่อค้นพบวัสดุผสมใหม่ ๆ ที่สามารถเปิดประตูสู่จุดเปลี่ยนของโลกใบนี้ต่อจาก “ยุค AI” ไปสู่ยุคเทคโนโลยีถัดไปอย่างยั่งยืนและสมดุล
การเสวนาครั้งนี้ได้รวบรวมผู้นำทางความคิดจากสถาบันวิชาการและอุตสาหกรรมชั้นนำทั่วโลก ได้แก่
Dr. Eric D. Isaacs, President & CEO, Research Corporation for Science Advancement สหรัฐอเมริกา;
Prof. Dr. Ido Kaminer จาก Technion – Israel Institute of Technology ประเทศอิสราเอล;
Prof. Dr. Maki Kawai จาก National Institute of Natural Sciences (NINS) ประเทศญี่ปุ่น;
Dr. Horng-Dar Chris Lin จาก Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. Ltd. (TSMC) สาธารณรัฐจีน;
Prof. Dr. Anderson Ho Cheung Shum จาก City University of Hong Kong เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน; และ
Mr. Masataka Osaki จาก NVIDIA Corporation ประเทศญี่ปุ่น
พร้อมกันนี้ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ได้ร่วมเป็นวิทยากรในการประชุมย่อยหัวข้อ "AI in Government: Services and Delivery" ร่วมแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการใช้ AI เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความโปร่งใสของบริการภาครัฐ ในมิติโอกาสและประโยชน์ของ AI ความท้าทายและความกังวล รวมถึงกรอบธรรมาภิบาลที่จำเป็น โดยได้นำเสนอความพร้อมและการดำเนินงานด้าน AI ของประเทศไทยตามแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565–2570) และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในการพัฒนาบุคลากรด้าน AI การสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม และธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และลดความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน รวมถึงการนำ AI ไปใช้ในภาคส่วนสำคัญ อาทิ การแพทย์ สาธารณสุข และการศึกษา
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ สวทช. ยังได้เข้าร่วมการประชุม STS Forum General Meeting เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการดำเนินงานของ STS Forum และการประชุม STS Forum Council Meeting เพื่อเตรียมการจัดทำ STS Forum Statement 2026 ให้ครอบคลุมมิติต่าง ๆ ของความท้าทายของโลกในอนาคต
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์


