ผลการค้นหา :
รอว. เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องใน “วันเทคโนโลยีของไทย” ประจำปี 2568
(วันที่ 19 ตุลาคม 2568) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.): นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เนื่องใน “วันเทคโนโลยีของไทย” ประจำปี 2568 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ดร.วราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวง ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง ดร.วันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง คณะผู้บริหารในสังกัด อว. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. เข้าร่วมพิธีเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” หลังทรงพระกรุณาบัญชาการปฏิบัติการสาธิตทำฝนหลวงด้วยพระองค์เอง เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ณ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
“วันเทคโนโลยีของไทย” ตรงกับวันที่ 19 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2543 เห็นชอบกำหนดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะที่ทรงเป็น "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย" และเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ "โครงการพระราชดำริฝนหลวง"
ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงอำนวยการสาธิตการทำฝนเทียมสูตรใหม่ครั้งแรกของโลกด้วยพระองค์เอง ณ เขื่อนแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
ในการสาธิตครั้งนั้น พระองค์ทรงสามารถบังคับหรือชักนำฝนให้ตกลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจานซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ภายในเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ท่ามกลางสายตาของคณะผู้แทนรัฐบาลจากต่างประเทศและนักวิทยาศาสตร์ที่มาสังเกตการณ์ ทำให้เป็นที่ประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพและเป็นที่อัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง การสาธิตครั้งนี้นับเป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีฝนหลวงที่ได้พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่มาของการถวายพระราชสมัญญานาม “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” โดยมีพระราชดำริและพระราชทานโครงการต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น โครงการแกล้งดิน โครงการกังหันน้ำชัยพัฒนา และโครงการคลองลัดโพธิ์ ซึ่งล้วนเป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ตระหนักดีว่านวัตกรรมคือหัวใจของการพัฒนาประเทศ จึงขอประกาศเจตนารมณ์ในการสานต่อพระราชปณิธานของทั้งสองพระองค์อย่างเต็มกำลัง ด้วยการพลิกโฉมงานวิจัย โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ เช่น วิกฤตสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางอาหาร และสุขภาพ พร้อมทั้งสร้างพลังคนไทย โดยผลักดันให้เกิดการประยุกต์ใช้นวัตกรรมอย่างกว้างขวางในภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน เพื่อส่งเสริมให้คนไทย "พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน" ตามแนวพระราชดำริ และก้าวสู่เวทีโลก โดยเดินหน้าสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ เพื่อให้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของคนไทยเป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับโลกอย่างแท้จริง "เราจะใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง นำพาประเทศไทยก้าวข้ามทุกความท้าทาย สู่ความมั่งคั่งและยั่งยืนตามรอยพระยุคลบาทต่อไป"
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ไทย-จีน ผสานกำลังร่วมขับเคลื่อนงานวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ ฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต
วันที่ 18 ตุลาคม 2568 - นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน - ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เข้าร่วมการประชุม China-Thailand Forum on Intelligent Rehabilitation Technology and Industrial Development และพิธีเปิดห้องปฏิบัติการร่วมด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะจีน-ไทย ภายใต้โครงการ Belt and Road USST-NSTDA ณ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (USST) พร้อมด้วย ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ประธานกลุ่มความร่วมมือด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งเอเชีย (CREATe Asia) ดร.กิตติ วงศ์ถาวราวัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย กลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพการแพทย์ สวทช. และคณะนักวิจัยไทยเข้าร่วมการประชุม
ในฐานะพันธมิตรผู้ร่วมก่อตั้ง ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ได้ร่วมกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุมและพิธีเปิดห้องปฏิบัติการร่วมด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะจีน-ไทย ซึ่งเป็นไปตามบันทึกความร่วมมือระหว่าง สวทช. และ USST เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและส่งเสริมการวิจัยด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะ (Intelligent Rehabilitation Engineering) มุ่งเน้นการะการแลกเปลี่ยนทางเทคนิคในด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ การดูแลผู้สูงอายุ และหุ่นยนต์ (rehabilitation, elderly care, and robotics) เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านและการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยด้านสุขภาพและสุขภาวะ เตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
ผู้อำนวยการ สวทช. ได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ โดยปี 2568 เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน และการก่อตั้งห้องปฏิบัติการร่วมฯ นี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างสรรค์อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยห้องปฏิบัติการร่วมฯ นี้เป็นจุดศูนย์รวมของการวิจัยด้านหุ่นยนต์ (Robotics) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับการดูแลและคุณภาพชีวิตของมนุษย์ มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายระดับโลกที่ประชากรสูงวัยกำลังเพิ่มมากขึ้นและภาระที่เกิดขึ้นจากโรคเรื้อรัง และจะเป็นแหล่งรวมของผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น หุ่นยนต์ฟื้นฟูสมรรถภาพ (rehabilitation robotics) การปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ (human-computer interaction) และนวัตกรรมข้ามศาสตร์
และได้แสดงความมุ่งมั่นของ สวทช. ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้อย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การวิจัยร่วม การสร้างต้นแบบ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการบูรณาการโซลูชันการฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะสู่การใช้งานจริงในโรงพยาบาลและชุมชน โดยความร่วมมือระหว่าง สวทช. และ USST จะเป็นแบบอย่างของความร่วมมือระหว่างประเทศที่ครอบคลุม ยั่งยืน โดยมีประชาชนผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยเป็นศูนย์กลาง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่จับต้องได้ซึ่งจะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง
การประชุมวิชาการได้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "Empowering the Future: China-Thailand Collaboration in Intelligent Rehabilitation Engineering" โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 คน ประกอบด้วยผู้นำภาคอุตสาหกรรม ผู้กำหนดนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองประเทศกว่า 20 ท่าน และได้รับเกียรติจาก Prof. Xinyuan Zhu อธิการบดีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (USST) นางสาวปฤณัต อภิรัตน์ กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ Prof. Junbo Ge ซึ่งเป็น Academician จาก Chinese Academy of Sciences (CAS) และ Mr. Hongming Cao ผู้อำนวยการกรมชีววิทยาและเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
พร้อมกันนี้ สวทช. และ USST ได้ร่วมลงนามข้อตกลงว่าด้วยการร่วมผลิตบัณฑิต (Agreement on Joint Cultivation of Graduates) เพื่อร่วมกันผลิตบัณฑิตระดับสูงในสาขาวิศวกรรมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนนักศึกษาเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์วิจัยและศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมอัจฉริยะ ณ USST โดย USST จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าครองชีพทั้งหมด และได้มีการหารือความร่วมมือกันในด้านอื่น ๆ ที่ครอบคลุมการวิจัยและพัฒนาของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะบทบาทของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมากของระบบการศึกษาและการเรียนรู้ การผลิตกำลังคนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงระบบเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมและการผลิตของโลก โดย สวทช. ยินดีเป็นสะพานเชื่อมความร่วมมือระหว่าง USST กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในประเทศไทยเพื่อให้เกิดความร่วมมือและพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ USST ได้นำคณะเข้าเยี่ยมชมงานและห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างความเชื่อมโยงงานวิจัยสู่การประยุกต์ใช้จริงในภาคอุตสาหกรรมและการแพทย์ ได้แก่ นิทรรศการเทคโนการการแลกเปลี่ยนทางเทคนิคโลยีฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะ (Intelligent Rehabilitation Technology Expo), Shanghai Engineering Research Center of Assistive Devices, Shanghai High-end Medical Equipment Innovation Center, Shanghai Zhuodao Medical Technology Co., Ltd., Shanghai First Rehabilitation Hospital (Kongjiang Branch) เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะในสถานพยาบาล และ Zhangjiang Science City ซึ่งเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สำคัญของเซี่ยงไฮ้
นอกจากนั้น ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. และ ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ประธานกลุ่มความร่วมมือด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งเอเชีย (CREATe Asia) ได้เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมในหัวข้อ "แนวโน้มความร่วมมือจีน-ไทย ในเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะ" โดยมี Prof. Hongliu Yu ผู้อำนวยการสถาบันวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (USST) เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งที่ประชุมได้มีข้อสรุปร่วมกันว่า CREATe Asia จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมและบูรณาการผู้เชี่ยวชาญและความสามารถด้านเทคโนโลยีช่วยเหลือและฟื้นฟูสมรรถภาพในระดับภูมิภาคเอเชีย ด้วยกลไกขององค์กรเพื่อระดมพลังความเชี่ยวชาญของสมาชิกเพื่อแก้ไขปัญหาและความท้าทายร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสังคมสูงวัยและการเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรัง เน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริการที่เข้าถึงได้เพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการสร้างพันธมิตรระหว่างสตาร์ทอัพด้านฟื้นฟูสมรรถภาพของทั้งสองประเทศ นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ได้จริงในโรงพยาบาลและชุมชนในประเทศไทยและจีน
ภายในงานประชุมวิชาการ ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีฟื้นฟูสมรรถภาพอัจฉริยะ (Intelligent Rehabilitation Technology Exhibition) ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันนวัตกรรมจากองค์กรชั้นนำที่ร่วมงานกับ USST สำหรับบทบาทของ สวทช.และ USST ได้ร่วมกันริเริ่ม Coalition of Rehabilitation Engineering and Assistive Technology of Asia (CREATe Asia) และเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน International Conventions on Rehabilitation Engineering and Assistive Technology (i-CREATe) หลายครั้ง ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและพัฒนาอุตสาหกรรมที่บูรณาการร่วมกันของทั้งสองประเทศ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. คว้ารางวัล The Best Sustaining Partner Award 2025 ในงาน SOS Thailand Awards 2025 ย้ำความมุ่งมั่นแก้ปัญหาขยะอาหาร ด้วยวิทย์และนวัตกรรม
(16 ต.ค. 68) ณ สมาการ์เด้น ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประสบความสำเร็จอีกครั้งในการขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืน โดยทีมวิจัยโครงการจัดตั้งธนาคารอาหารของประเทศไทย (Thailand's Food Bank) ได้รับรางวัล The Best Sustaining Partner Award 2025 จากมูลนิธิ Scholars of Sustenance (SOS) Thailand ในงาน “SOS Thailand Awards 2025” โดยมี ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช รองผู้อำนวยการ สวทช. และ ดร.ปัทมาพร ประชุมรัตน์ หัวหน้าโครงการ Food Bank เข้ารับรางวัล จากนายทวี อิ่มพูลทรัพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย มูลนิธิ SOS พร้อมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ สวทช. ในการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความยั่งยืน และความมั่นคงทางอาหาร
สำหรับรางวัล The Best Sustaining Partner Award หรือรางวัลแห่งความร่วมมือเพื่อความยั่งยืน ทางมูลนิธิ SOS มอบให้กับองค์กรพันธมิตรที่มีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนภารกิจของ SOS Thailand เพื่อแก้ไขปัญหาความหิวโหยและการจัดการอาหารส่วนเกินอย่างยั่งยืน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของ สวทช. ในการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) มาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ของสังคมและสิ่งแวดล้อม
ทีมวิจัย Thailand Food Bank ของ สวทช. ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิ SOS อย่างใกล้ชิดในการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการจัดการ อาหารส่วนเกิน (Food Surplus) ในประเทศไทย ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การศึกษาแนวทางบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน การขยายผล “ชุมชนรักษ์อาหาร” ซึ่งได้ร่วมมือกับมูลนิธิ SOS และเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ขยายผลการจัดการอาหารส่วนเกินด้วยวิทยาศาสตร์และเครือข่ายจิตอาสาไปยังพื้นที่นำร่องในจังหวัดต่าง ๆ เช่น ปทุมธานี นครสวรรค์ เป็นต้น และที่สำคัญมีการประยุกต์ใช้นวัตกรรมโดยนำนวัตกรรมจากศูนย์แห่งชาติต่าง ๆ ของ สวทช. เช่น ไบโอเทค เอ็มเทค และเนคเทค มาช่วยในการบริหารจัดการและแปรรูปอาหารส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ความสำเร็จในครั้งนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ สวทช. ในการใช้ วทน. เป็นกลไกสำคัญในการสร้าง ประเทศไทยที่ยั่งยืน และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการลดปัญหาขยะอาหารและสร้างความมั่นคงทางอาหาร
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
เจาะลึกการขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อาหารแบบ One on One กับผู้เชี่ยวชาญ “Food Regulatory Clinic ปีที่ 5”
สวทช. – เมืองนวัตกรรมอาหาร เปิดรับสมัคร “Food Regulatory Clinic ปีที่ 5”
เจาะลึกการขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อาหารแบบ One on One กับผู้เชี่ยวชาญ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ขอเชิญผู้ประกอบการด้านอาหาร หรือผู้ที่กำลังเตรียมข้อมูลเพื่อขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย เข้าร่วมกิจกรรม “Food Regulatory Clinic by Food Innopolis ปีที่ 5” เพื่อรับคำปรึกษาแบบ One on One กับเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจผู้เชี่ยวชาญ
กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 – 17.00 น. โดยใช้เวลาปรึกษาบริษัทละ 45 นาที ผ่านช่องทางออนไลน์ อีเมล หรือโทรศัพท์ ทั้งนี้ รับจำนวนจำกัด
ในคลินิกครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะได้รับคำแนะนำแบบเจาะลึกเกี่ยวกับกระบวนการเตรียมความพร้อมก่อนยื่นขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น การเตรียมเอกสารสำคัญ แนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมถึงการปรับข้อมูลทางเทคนิคให้สอดคล้องกับกฎหมายอาหาร
📌 ลงทะเบียนเข้าร่วมได้ที่: https://forms.gle/tc3sX1cPHEX1LZWSA
📲 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:
คุณมารุต ใจหลัก
📧 marut.jai@nstda.or.th
ข่าว
ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. ผนึก กสทช. ผลักดันอุตสาหกรรมหุ่นยนต์บริการและผลิตภัณฑ์ IoT ไทย หนุนยกระดับสู่อาเซียน ด้วยมาตรฐาน P-mark
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพฯ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดกิจกรรม Demo Day ในโครงการ “ยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและผลิตภัณฑ์ IoT ของไทยสู่อาเซียน” โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ดร.ไกรสร อัญชลีวรพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) สวทช. และ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการเลขาธิการ กสทช. เข้าร่วมงาน พร้อมมอบโล่รางวัลแก่ผู้ประกอบการในโครงการพัฒนานวัตกรรม (JumpStart) และโครงการรับรองคุณภาพ P-mark ตราสัญลักษณ์ที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองว่าได้มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจากศูนย์ PTEC สวทช.
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า โครงการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและผลิตภัณฑ์ IoT ของไทยสู่อาเซียน ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ผ่านการดำเนินงานของ สวทช. ในการบ่มเพาะนักพัฒนาและผู้ประกอบการ โดยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและ IoT จากผู้ประกอบการในงานวันนี้ ได้ถูกพัฒนาขึ้นบนองค์ความรู้เชิงลึกและผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการอย่างเข้มข้นด้วยคุณภาพมาตรฐาน จนได้รับ P-mark หรือเครื่องหมายรับรองสมรรถนะ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การรับรองคุณภาพภายในประเทศ แต่คือการมอบหนังสือเดินทางที่ทรงพลังให้กับนวัตกรรมไทย
“การได้รับ P-mark เป็นการตอกย้ำว่าผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์และ IoT ของเรา มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือเทียบเท่ามาตรฐานระดับภูมิภาคและระดับโลก ทำให้เราสามารถก้าวออกไปแข่งขันกับชาติอื่น ๆ ในตลาดอาเซียนได้อย่างสมศักดิ์ศรี การเกิดบริษัท Deep Tech ที่แข็งแกร่ง และมีมาตรฐาน P-mark จะเป็นแรงดึงดูดการลงทุน การสร้างงานที่มีมูลค่าสูง และยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจจากฐานการผลิตแบบเดิม ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในภาคส่วนสำคัญทั้งสาธารณสุข การเกษตร และโลจิสติกส์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย พร้อมนำพาประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งอาเซียนอย่างแท้จริง” ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าว
ดร.ไกรสร อัญชลีวรพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) สวทช. กล่าวว่า สำหรับโครงการนี้มีผู้ประกอบการพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์บริการและ IoT จำนวน 10 ราย และผู้ประกอบการเข้ารับการทดสอบคุณภาพมาตรฐานและได้รับ P-mark จำนวน 11 ราย มีเครือข่ายที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ 134 ราย โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ มีการทำงานร่วมกับบริษัท ผู้ประกอบการ ผู้พัฒนาต้นแบบอย่างใกล้ชิด ผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและ IoT ที่ไม่ได้เพียงแค่ทำงานได้ แต่ต้องได้มาตรฐาน เสริมความแข็งแกร่งด้วย P-Mark หรือตราประทับแห่งคุณภาพ ซึ่งจะเป็นหลักประกันคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ไทยก้าวสู่ตลาดอาเซียนได้อย่างมั่นใจ พร้อมสำหรับการใช้งาน ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
“โครงการนี้ได้ก่อให้เกิดแพลตฟอร์มการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถพัฒนานวัตกรรม และเข้ารับการทดสอบรับรองผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและ IoT ตามโครงสร้างการรับรองผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากลเป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน” ดร.ไกรสร กล่าว
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการในโครงการที่ได้รับทุนพัฒนานวัตกรรม ทุนสนับสนุนการทดสอบผลิตภัณฑ์ และได้รับ P-mark ในวันนี้ โดยหัวใจสำคัญที่ กสทช. ให้การสนับสนุนโครงการนี้คือความเข้มแข็งของ สวทช. ที่เป็น Deep Tech Ecosystem ของประเทศ ในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการด้วยธุรกิจเทคโนโลยี และระบบคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งเชื่อมั่นว่าผลจากโครงการนี้จะทำให้อุตสาหกรรมไทยก้าวสู่เวทีระดับภูมิภาค และส่งผลกระทบใน 3 มิติหลัก คือ 1.มิติทางอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยี จากต่างประเทศ และทำให้ผู้ประกอบการไทย สามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนได้อย่างภาคภูมิ 2.มิติทางสังคม ผลลัพธ์จากโครงการนี้จะนำไปสู่การบริการสาธารณะที่ดีขึ้น การจัดการทรัพยากรที่ฉลาดขึ้น และการสร้างงานที่มีมูลค่าสูง ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์สาธารณะ และ 3.มิติทางวิชาการและนวัตกรรม ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่และทรัพย์สินทางปัญญา ที่สามารถถ่ายทอดและต่อยอดได้ในวงกว้าง สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับงานวิจัยเชิงประยุกต์ของประเทศได้
สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในโครงการพัฒนานวัตกรรม (JumpStart) จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย บจก.โอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น จากผลงาน OBOVISION , บจก.กรุ๊ป เมกเกอร์ จากผลงาน GMR BUTLER & GMR COZY , ทีมแอบช่วยแพทย์ จากผลงาน Medical Service Robot Nani , บจก.เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จากผลงาน Inspection Robot for Power plant and Industrial , บจก.ฟาร์มคอนเน็ค เอเชีย จากผลงาน Proactive Water Management (ProWAM) , บจก.เทคอินเทลลิเจนซ์ จากผลงาน SMART FARM IOT TOMATO , บจก.ฟูลสแทค โรโบติกส์ จากผลงาน ROBONAVS-AMR , บจก.ไทยแฮนด์ เอ.ไอ. จากผลงานระบบไอโอทีสำหรับตรวจติดตาม แจ้งเตือนและหาสาเหตุความเสียหายสำหรับเครื่องจักรหมุนด้วยปัญญาประดิษฐ์บนคลาวด์ , บจก.ชิมิสึ แมนนิวแฟคเจอร์ริ่ง จากผลงาน Professional Management Resource Planning , คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี จากผลงาน PC Classi อุปกรณ์ตรวจวัดระดับความสุกของผลปาล์มแบบพกพา
ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในโครงการทุนสนับสนุนการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ P-mark จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย บจก.กรุ๊ป เมกเกอร์ จากผลงาน GMR BUTLER & GMR COZY , ทีมแอบช่วยแพทย์ จากผลงาน Medical Service Robot Nani , บจก.ฟาร์มคอนเน็ค เอเชีย จากผลงาน Proactive Water Management (ProWAM) , บจก.เทคอินเทลลิเจนซ์ จากผลงาน SMART FARM IOT TOMATO , บจก.ฟูลสแทค โรโบติกส์ จากผลงาน ROBONAVS-AMR , บจก.เจ็นเซิฟ จากผลงาน Mobile Robots Expert, บจก.เลิศวิลัยแอนด์ซันส์ จากผลงาน FACoBOT , บจก.กรีนไอโอ จากผลงาน AI-on-Devices , บจก.ทริปเปิ้ล เอ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ซัพพลาย จากผลงาน VESPA CONTROLLER , บจก.โทเทิล ดิจิตอล อินโนเวชั่น จากผลงาน คีออส ตรวจวัดแอลกอฮอล์และสุขภาพ และ บจก.แอลอีดี ออนโฮม เทรดดิ้ง จากผลงาน โคมไฟถนนแอลอีดีพลังงานแสงอาทิตย์บริหารจัดการพลังงานแบบกลุ่มจากศูนย์กลาง
สำหรับบรรยากาศภายในงานตลอดทั้งวันมีผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยมีกิจกรรม Pitching นำเสนอผลงานนวัตกรรมหุ่นยนต์และ IoT จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมรับฟังเสวนาหัวข้อ “จากเริ่มต้น ถึงได้รับ": การเตรียมตัวและประโยชน์ที่ได้จากการรับรองคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและ IoTs และโอกาสของอุตสาหกรรมไทย” โดยผู้ประกอบการจากบริษัทชั้นนำ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญจาก สวทช. รวมทั้งยังมีนิทรรศการ Service Robots & IoTs Showcase จัดแสดงต้นแบบเทคโนโลยีแห่งอนาคตจากผู้ประกอบการ เช่น หุ่นยนต์บริการและเทคโนโลยีระบบอัจฉริยะต่าง ๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ispace Inc. เล็งเห็นศักยภาพงานวิจัย สวทช. หนุนไทยร่วม ‘เศรษฐกิจซิสลูนาร์’ (Cis-Lunar Economy) เปิดโอกาสส่งเพย์โหลดขึ้นดวงจันทร์
วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ห้องประชุม CO-110 สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
บริษัท ispace Inc. ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนรายแรกของญี่ปุ่นที่พัฒนายานลงจอดบนดวงจันทร์โครงการ Hakuto-R ได้เดินทางมาบรรยายพิเศษหัวข้อเศรษฐกิจในเขตซิสลูนาร์ (Cis-Lunar Economy) และเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิจัยของ สวทช. ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี เพื่อแสวงหาและหารือความร่วมมือกับนักวิจัยไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสในการส่งเพย์โหลดงานวิจัยของ สวทช. เพื่อทดลองบนดวงจันทร์ในอนาคต
ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต้อนรับคณะจาก ispace Inc. ซึ่งนำโดย นายวัชราวุธ มาสวัสดิ์ ตำแหน่ง Mission Operations Engineer, Mr. Kenichiro Tanaka ตำแหน่ง Program manager และ Mr. Yuya Uegaki ตำแหน่ง Business Development Specialist ในโอกาสที่มาบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “Cis-lunar economy: the race to the moon and how it transforms the frontier"
โดยก่อนเริ่มการบรรยาย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. ได้บรรยายแนะนำโครงการความร่วมมือระหว่าง สวทช. กับ JAXA
การบรรยายนี้จัดขึ้นสำหรับนักวิจัย สวทช. และผู้ที่สนใจด้านเทคโนโลยีอวกาศ เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจในเขตซิสลูนาร์ ซึ่งเป็นขอบเขตอวกาศที่อยู่ระหว่างโลกกับดวงจันทร์ เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางสำหรับการมีส่วนร่วมของประเทศไทยในกิจการอวกาศสำหรับอนาคต ispace Inc. เล็งเห็นว่า ผลงานวิจัยของ สวทช. หลายเรื่องมีความเหมาะสมสำหรับการทดลองในสภาพแวดล้อมบนดวงจันทร์ เพื่อพัฒนางานวิจัยให้ก้าวสู่การค้นพบใหม่ที่ไม่สามารถดำเนินการทดลองได้บนพื้นโลก
นอกจากนี้ คณะจาก ispace Inc. ยังได้เข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน ศูนย์พลังงานแห่งชาติ (ENTEC) โดย ดร. ณัฐนัย คุณานุสนธิ์ ได้นำเสนอความก้าวหน้าของการพัฒนาแบตเตอรีในระบบดาวเทียม Thai Space Consortium (TSC) ของประเทศไทย และเข้ารับฟังการบรรยายแนะนำ Thermal control system โครงการดาวเทียม TSC โดย ดร.กฤษฎา ท่าพระเจริญ นักวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC)
นอกจากนี้ ทางคณะยังได้เข้ารับฟังการบรรยายแนะนำ Thermal control system โครงการดาวเทียม TSC โดย ดร.กฤษฎา ท่าพระเจริญ นักวิจัยทีมวิจัยระบบวิศวกรรมขั้นสูง กลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC)
การบรรยายพิเศษและเยี่ยมชมครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่าง สวทช. กับหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่น และเป็นโอกาสสำคัญในการขยายความร่วมมือในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนางานวิจัยขั้นสูงของไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ไบโอเทค สวทช. เปิดตัว “ห้องปฏิบัติการสัตว์น้ำขั้นสูง BSL2” ศูนย์กลางทดสอบวัคซีน-สารชีวภาพครบวงจร ดันอุตสาหกรรมสัตว์น้ำยั่งยืน
(14 ตุลาคม 2568) ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี - ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดพิธีเปิดตัว “ห้องปฏิบัติการสัตว์น้ำขั้นสูงภายใต้ระบบความปลอดภัยชีวภาพระดับ 2” (Advanced Aquatic Animal BSL2 Laboratory: BSL2) เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม รองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพสัตว์น้ำที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยในระดับประเทศ โดยมุ่งเป้าให้ห้องปฏิบัติการแห่งนี้รองรับการทดลอง ทดสอบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพสัตว์น้ำในระดับที่ปลอดภัยและใกล้เคียงกับการใช้งานจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องผ่านการทดสอบติดเชื้อแบบควบคุม เช่น วัคซีน สารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และโพรไบโอติก ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการวิจัยจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) โดยมี ดร.สรวิศ เผ่าทองศุข นักวิจัยอาวุโส ไบโอเทค เป็นหัวหน้าโครงการห้องปฏิบัติการสัตว์น้ำขั้นสูงฯ ซึ่งวันเปิดงานมีคณะผู้บริหารไบโอเทค บพค. นักวิจัย และผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ เข้าร่วมงานกว่า 50 คน พร้อมเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการบริการด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า การเปิดตัวห้องปฏิบัติการในวันนี้ เป็นการประกาศความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมระดับประเทศ ที่จะมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมสัตว์น้ำของไทย เพื่อวัตถุประสงค์ในการผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์จริงในอุตสาหกรรมผ่านความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน การพัฒนาวิธีการและให้บริการวิเคราะห์ทดสอบที่ทันสมัย และการเสริมสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทยอย่างยั่งยืน พร้อมจะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านสุขภาพสัตว์น้ำ รวมถึงเป็นพื้นที่บ่มเพาะและทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบการเลี้ยงที่ปลอดภัย ยั่งยืน และแข่งขันได้ของประเทศ
ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการ บพค. กล่าวว่า ห้องปฏิบัติการขั้นสูงภายใต้ระบบความปลอดภัยชีวภาพระดับ 2 ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยชีวภาพ ภายใต้มาตรฐาน BSL-2 สำหรับสัตว์น้ำอย่างครบวงจรแห่งแรกของประเทศ และเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทยอย่างยั่งยืน โดย บพค. มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับขีดความสามารถของภาคการวิจัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเกษตรที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ พร้อมเชื่อมั่นว่า ห้องปฏิบัติการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่ออุตสาหกรรมสัตว์น้ำของภูมิภาคอาเซียน และสร้างประโยชน์อย่างกว้างขวางให้กับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำของประเทศไทย
ทั้งนี้ ห้องปฏิบัติการ Advanced Aquatic Animal BSL2 พร้อมให้บริการแบบ One-Stop Service ในการทดสอบวัคซีน สารเสริมชีวนะ หรือสารชีวภาพ เพื่อสนับสนุนนักวิจัยและผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบวินิจฉัยเชื้อโรคในสัตว์น้ำ และการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันโรคในสัตว์น้ำได้อย่างปลอดภัย ถูกต้อง และมีมาตรฐานในระดับสากล โดยมีความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบโครงสร้างพื้นฐาน (Facilities) ในส่วนของห้องเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 2 ได้แก่ ถังเพาะเลี้ยงขนาด 220 ลิตร จำนวน 24 ถัง ระบบเพาะเลี้ยงน้ำหมุนเวียน ระบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบติดตามการทำงาน ระบบบำบัดน้ำ และในส่วนของห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 2 ได้แก่ ห้องปฏิบัติการสาหร่าย ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเซลล์และไวรัส และห้องปฏิบัติการแบคทีเรียที่ประกอบด้วย เครื่องเขย่าพร้อมควบคุมอุณหภูมิ ถังหมักแบบตั้งโต๊ะ และเครื่องปั่นเหวี่ยงความเร็วสูง
ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพสัตว์น้ำแบบบูรณาการ โทร. 02-564-6700 หรือ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ โทร. 02-564-6700 ต่อ3393 อีเมล: chonlada.run@biotec.or.th
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ENTEC สวทช. จับมือพันธมิตร จีน–เกาหลี เปิดเวที Microbial Power ร่วมกับ ANRRC 2025 ดึงนักวิทย์แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพลังงานชีวภาพ
วันที่ 9–10 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมเมอร์เคียว สุขุมวิท 24 กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ร่วมกับ สถาบันจุลชีววิทยา สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Institute of Microbiology, Chinese Academy of Sciences: IMCAS) โดยการสนับสนุนจากเครือข่ายองค์กรวิทยาศาสตร์นานาชาติ (Alliance of International Science Organizations: ANSO) จัดการประชุมนานาชาติ “CAS–ANSO International Conference on Microbial Power” ภายใต้แนวคิด Advancing Bioenergy and Biomanufacturing in the Belt and Road Initiative พร้อมการประชุมประจำปี ANRRC 2025 Annual Meeting เพื่อผลักดันความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ด้านจุลชีพ พลังงานชีวภาพ และการผลิตชีวภาพในภูมิภาคเอเชีย โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. Professor Je Kyung Seong ประธานเครือข่ายศูนย์ทรัพยากรเพื่อการวิจัยเทคโนโลยีชีววัสดุแห่งเอเชีย (Asian Network of Research Resource Centers: ANRRC) และ Professor Qian Wei ผู้อำนวยการ IMCAS กล่าวเปิดการประชุม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 80 คน จากประเทศในอาเซียน ภูมิภาค และพันธมิตรนานาชาติ
ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของความร่วมมือด้านจุลชีพและทรัพยากรชีวภาพ ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญต่อการพัฒนาพลังงานชีวภาพ การผลิตทางชีวภาพ และการสร้างความยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งการประชุมภายใต้แนวคิด “Advancing Bioenergy and Biomanufacturing in the Belt and Road Initiative” มุ่งตอกย้ำศักยภาพของนวัตกรรมชีวภาพและพลังจุลชีพ ในการเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน เพิ่มความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค
เครือข่าย ANRRC มีบทบาทโดดเด่นตลอดทศวรรษที่ผ่านมาในการเชื่อมโยงสถาบันวิจัยด้านทรัพยากรชีวภาพทั่วเอเชีย เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการประชุมในปีนี้ยังเป็นอีกก้าวสำคัญที่ขยายวงความร่วมมือไปยังประเทศในอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และขอขอบคุณองค์กร ANSO ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ โดยมี ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ประธาน สวทช. และประธาน ANSO เป็นผู้นำในการผลักดันให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาค ซึ่งการประชุมนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เท่านั้น แต่ยังจะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจชีวภาพของภูมิภาค
ด้าน Prof. Qian Wei จาก IMCAS ประเทศจีน กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ Harnessing Microbial Power for a Sustainable Future in the Belt and Road Regions โดยนำเสนอแนวคิดการใช้ศักยภาพของจุลชีพเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ตั้งแต่การผลิตพลังงานและวัสดุชีวภาพ ไปจนถึงการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยชี้ให้เห็นว่าพลังของจุลชีพมีบทบาทสำคัญในการลดการพึ่งพาทรัพยากรฟอสซิล และสามารถเปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นพลังงานชีวภาพ วัสดุชีวภาพ และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ซึ่งล้วนเป็นรากฐานของเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียและประเทศตามแนวเส้นทาง Belt and Road เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายวิจัย และต่อยอดนวัตกรรมด้านจุลชีพให้เกิดผลในเชิงพาณิชย์และเชิงนโยบาย โดยกล่าวปิดท้ายว่า “เราจำเป็นต้องร่วมมือกัน เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรมชีวภาพที่ยั่งยืนสำหรับอนาคตของภูมิภาค”
บรรยากาศของการประชุมมีการนำเสนอผลงานและเสวนาจากนักวิจัยชั้นนำกว่า 10 ประเทศ อาทิ การบรรยายในหัวข้อใหญ่เกี่ยวกับเทคโนโลยีทรัพยากรชีวภาพเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายระดับโลกและความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านการผลิตชีวภาพ ดำเนินการประชุม โดย ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. รวมถึงยังมีหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจครอบคลุมด้านเทคโนโลยีชีวทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนและการผลิตชีวภาพ, การพัฒนาเทคโนโลยีจุลชีพเพื่อสิ่งแวดล้อมสะอาด, เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง, และทรัพยากรชีวภาพด้านพืชและสัตว์ โดยมีผลงานเด่นจากนักวิจัยไทย เช่น
การบรรยายพิเศษในหัวข้อ Development of Functional Sugars for Agricultural Raw Materials for Valorization of Agro-industry” โดย ดร.วีระวัฒน์ แช่มปรีดา กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ BIOTEC สวทช.
การบรรยายพิเศษในหัวข้อ Engineering Yeasts for Biofuels Production: From Metabolic Pathway Design to Machine Learning–Guided Optimization โดย ดร.วีรวัฒน์ รังกุพันธุ์ ทีมวิจัยระบบจุลินทรีย์เพื่อผลิตชีวโมเลกุล BIOTEC สวทช.
การบรรยายหัวข้อ Exploring the Diversity and Biotechnological Potential of Actinomycetes Isolated from Various Ecosystem in Thailand
โดย ดร.ชาญวิทย์ สุริยฉัตรกุล ทีมวิจัยความหลากหลายและการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ BIOTEC สวทช.
การบรรยายหัวข้อ Optimized Cell Culture Systems for Enhanced Production of Agricultural Viral Vaccines โดย ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา กลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ BIOTEC สวทช.
นอกจากนี้เวทีเสวนายังเปิดพื้นที่ให้กับการนำเสนอผลงานจากสถาบันชั้นนำ อาทิ RIKEN (ญี่ปุ่น), Seoul National University (เกาหลีใต้), Australian National University (ออสเตรเลีย), University of the Philippines (ฟิลิปปินส์) และสถาบันความร่วมมือจากจีน ซึ่งสะท้อนศักยภาพของเครือข่ายศูนย์ทรัพยากรเพื่อการวิจัยเทคโนโลยีชีววัสดุแห่งเอเชียเชื่อมโยงกันอย่างเข้มแข็ง และอีกหนึ่งไฮไลต์คือการอภิปรายด้านกฎหมายและจริยธรรมของการใช้ทรัพยากรชีวภาพ (ABS Governance) และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Bioinformatics และ AI เพื่อการบริหารจัดการฐานข้อมูลชีวภาพอย่างมีมาตรฐานระดับสากล โดยนักวิจัยจากญี่ปุ่น จีน เกาหลี และอินเดีย ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลชีวภาพระดับโลก
การประชุมปิดฉากด้วย ANRRC General Assembly ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ประจำปีของเครือข่าย ANRRC เพื่อสรุปผลความร่วมมือและกำหนดแนวทางดำเนินงานต่อไป โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพและโครงสร้างพื้นฐานด้านชีวทรัพยากร เพื่อรองรับเศรษฐกิจชีวภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. เชิญชวนร่วมงาน Entrepreneur Day 2025 ณ ฮ่องกง
องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) จัดงาน Entrepreneur Day 2025 งานแสดงเทคโนโลยีและสินค้าเชิงนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และธุรกิจสตาร์ทอัพ ระหว่างวันที่ 4–5 ธันวาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมและการจัดงานแสดงแห่งฮ่องกง เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ นักธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานเพื่อเปิดโลกแห่งโอกาสทางธุรกิจ สร้างเครือข่าย และพัฒนาความร่วมมือระดับนานาชาติ
งานในปีนี้เน้นธุรกิจด้าน AI, HealthTech, Cyber Security, Sustainability, Spatial Computing และ Construction & Logistic ผู้เข้าร่วมจะได้พบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมเจรจาทางธุรกิจกับผู้ประกอบการและนักลงทุนจากทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่
Exhibition & Showcase
Business Matching
Seminars & Pitching
Networking Sessions
พร้อมร่วมงานไฮไลท์ส่งท้ายปีอีก 3 งาน ได้แก่HKTDC Entrepreneur Day (E-Day), Business of Intellectual Property Asia Forum (BIP Asia) และ DesignInspire
ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมได้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568พร้อมรับสิทธิพิเศษ Hotel Sponsorship 1 คืน ภายใต้เงื่อนไขการสนับสนุนของ HKTDC
📩 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ สวทช.อีเมล: brc@nstda.or.thโทรศัพท์: 02 564 7000 ต่อ 81855
ปฏิทินกิจกรรม
Food Innopolis สวทช. ร่วมมือกับ Hong Kong Science Park (HKSTP) ผลักดันสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารของไทย 12 ราย
Food Innopolis สวทช. ร่วมมือกับ Hong Kong Science Park (HKSTP) ผลักดันสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารของไทย 12 ราย สู่การเปิดบริษัทในฮ่องกง ภายใต้โปรแกรม Soft-Landing Programme for Food Tech Startups เพื่อขยายธุรกิจและเจาะตลาดจีนอย่างเป็นระบบ
Food Innopolis ศูนย์นวัตกรรมอาหารแห่งชาติ ภายใต้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เปิดตัวความร่วมมือกับ Hong Kong Science and Technology Parks Corporation (HKSTP) โดยมีบริษัทไทย 12 รายผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ได้แก่
TRUM-HIN, NutriFlow, MA-JUSMIN, Foodle Noodle, Silver Horizon, Sinar Brew, WannaVee, Protinos, Benatic, Warich, T&Jay Commerce และ WHOLESOME LAB
ภายใต้โปรแกรม Pre-Incubation สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับทุนสนับสนุนรวมสูงสุดกว่า 100,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 440,000 บาท) แบ่งเป็น 3 ไมล์สโตนตามความคืบหน้าของโครงการ ได้แก่
ไมล์สโตน 1: จดทะเบียนบริษัทและเปิดบัญชีธนาคารในฮ่องกง (10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง)
ไมล์สโตน 2: พิสูจน์ตลาดและผ่านการอบรม 11 หลักสูตร (40,000 ดอลลาร์ฮ่องกง)
ไมล์สโตน 3: สาธิตต้นแบบผลิตภัณฑ์และผ่านการประเมินจากคณะกรรมการ HKSTP (50,000 ดอลลาร์ฮ่องกง)
นอกจากทุนสนับสนุนแล้ว สตาร์ทอัพยังได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น
การฝึกอบรมพัฒนาทักษะด้านธุรกิจและเทคโนโลยี
ที่ปรึกษาธุรกิจเฉพาะทาง
พื้นที่ทำงานร่วม (Co-working Space)
การเข้าถึงเครือข่ายนักลงทุนกว่า 1,000 ราย
และโอกาสเข้าสู่โปรแกรม Incubation เต็มรูปแบบของ HKSTP ซึ่งมีทุนสนับสนุนสูงสุดถึง 1.29 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
ความพิเศษของโปรแกรมนี้คือสามารถเข้าร่วมได้แบบ Remote Participation โดยไม่ต้องย้ายไปฮ่องกงในระยะแรก สามารถจดทะเบียนบริษัทได้ภายใน 1 วัน และเริ่มพิสูจน์ตลาดจากประเทศไทยก่อนเดินทางไปตั้งหลักจริง
HKSTP เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง มีบริษัทเทคโนโลยีมากกว่า 2,200 แห่งจาก 25 ประเทศทั่วโลก และบ่มเพาะยูนิคอร์นแล้วถึง 14 บริษัท บริษัทในระบบนิเวศของ HKSTP สามารถระดมทุนได้รวมกว่า 110,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 48,000 ล้านบาท)
โครงการความร่วมมือครั้งนี้สร้างคุณค่าให้กับทุกฝ่าย ทั้งการต่อยอดสตาร์ทอัพไทยให้ขยายตลาดระดับภูมิภาค เสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศนวัตกรรมอาหาร และเชื่อมโยงเครือข่ายนานาชาติในภาคเทคโนโลยีอาหาร
ผู้ประกอบการไทยที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Food Innopolis หรือ FI Accelerator (FI-A)
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
Software Park – WealthMagik ประกาศ เงินออมสร้างชาติ Awards Season 10 ภายใต้หัวข้อ “Financial Literacy รู้อะไรไม่สู้รู้ทัน”
วันที่ 10 ตุลาคม 2568 อาคาร Software Park ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี: ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย นายสมเกียรติ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม จำกัด ร่วมมอบรางวัลในโครงการ Software Park – WealthMagik เงินออมสร้างชาติ Awards Season 10 ภายใต้หัวข้อ "Financial Literacy รู้อะไรไม่สู้รู้ทัน”
ทั้งนี้ โครงการฯ นี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้กับนักเรียน นักศึกษา ตลอดจนบุคคลทั่วไปได้แสดงศักยภาพ ในการใช้เทคโนโลยี พร้อมนำความรู้ ความสามารถ ทักษะและความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาผลงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางด้านการเงินผ่านสื่อแอนิเมชัน และวีดิทัศน์เรื่องสั้นที่สนุกและเข้าใจง่าย สามารถเข้าถึงได้ในทุกช่วงวัย อีกทั้งยังได้เรียนรู้การนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือช่วยบริหารเงินออมให้งอกเงยเพื่ออนาคตยามเกษียณ
ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากอิทธิพลของเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจและการเงินเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบดั้งเดิม มาสู่การดำเนินธุรกรรมและการลงทุนผ่านระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การเสริมสร้าง “ความรู้เท่าทันดิจิทัล” (Digital Literacy) จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญและร่วมกันส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง ในที่นี้ความรู้เท่าทันดิจิทัลมิได้หมายถึงเพียงการใช้เทคโนโลยีได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ การแยกแยะข้อเท็จจริงจากข่าวลวง ตลอดจนการใช้เครื่องมือดิจิทัลอย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนสามารถวางแผนทางการเงิน การออม และการลงทุนได้อย่างมั่นคง หากขาดความรู้เท่าทันดิจิทัล อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางการเงินหรือการลงทุนที่ไม่โปร่งใสได้โดยง่าย
ทั้งนี้ การยกระดับทักษะ Digital Literacy ของประชาชนถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลาย และสนับสนุนการออมและการลงทุนอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนไทยสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในยุคดิจิทัล
นายสมเกียรติ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม จำกัด กล่าวว่าโครงการ Software Park – WealthMagik เงินออมสร้างชาติ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้คนไทยเรียนรู้และเข้าใจการบริหารจัดการเงินออมและการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มจากกลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ไปจนถึงบุคคลทั่วไป เพื่อให้สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ทางการเงินที่ถูกต้องต่อไปยังครอบครัวและสังคมวงกว้าง
สำหรับปีนี้ โครงการฯ จัดขึ้นเป็นปีที่ 10 โดยมุ่งให้ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาผลงานสร้างสรรค์ใน 10 หัวข้อสำคัญ อาทิ การรู้เท่าทันมิจฉาชีพทางการเงิน การวางแผนภาษี การบริหารหนี้ การออมและการลงทุน การวางแผนประกัน ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ความสำคัญของเงินออม เครื่องมือออมลงทุน การวางแผนเกษียณ และการลงทุนแบบ DCA เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจแนวทางการจัดการการเงินส่วนบุคคลอย่างรอบด้าน
โครงการฯ เป็นความร่วมมือกันระหว่างเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. และบริษัทเว็ลธ์ แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม จำกัด สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) ทั้งยังได้รับความร่วมมืออย่างดี จากพันธมิตรคือ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) บริษัทหลักทรัพย์เว็ลธ์ เมจิก จำกัด ซึ่งมีแนวคิดเดียวกันคือต้องการถ่ายทอดความรู้ทางการเงินให้กับสังคม ทำให้โครงการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องยาวนานจนก้าวสู่ปีที่ 10 และเป็นโครงการประกวดแอนิเมชั่นด้านการเงินที่ใหญ่สุดในประเทศไทย
ในปีนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 218 ทีม และผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้าย 18 ทีม ซึ่งนับเป็นจำนวนผู้สมัครที่มากที่สุดตั้งแต่จัดโครงการมา สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความสนใจของคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาความรู้ด้านการเงินและการลงทุน
คุณสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ “เงินออมสร้างชาติ” เชื่อมั่นในแนวคิดที่ว่า “ดูแลเงินเสมอตน ไม่มีใครดูแลเงินของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง” โดย WealthMagik ใช้เวทีนี้เป็นช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเงิน เพื่อสร้าง “นักการเงินตัวน้อย” ที่สามารถส่งต่อความรู้ไปยังครอบครัวและชุมชน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ในการพัฒนาศักยภาพของนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักแอนิเมชัน ผู้ผลิตหนังสั้น หรือครีเอเตอร์ ที่จะเติบโตอย่างมั่นคงในเส้นทางอาชีพของตน
ในตอนท้าย คุณสมเกียรติได้แสดงความยินดีกับทั้ง 18 ทีมสุดท้าย ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครทั้งหมด 218 ทีม พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมขับเคลื่อนโครงการ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมไทยที่มีความรู้เท่าทันทางการเงิน และสามารถวางแผนการเงินเพื่ออนาคตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับรางวัลสำหรับผู้ชนะการประกวดผลงาน Software Park – WealthMagik เงินออมสร้างชาติ Awards season 10 ภายใต้หัวข้อ “Financial Literacy รู้อะไรไม่สู้รู้ทัน” ใน หมวดการ์ตูน Short Animation ความยาวไม่เกิน 3 นาที ประเภทนักเรียน
ทีมชนะเลิศ ได้แก่ ทีม : SunSha Pixel จากผลงาน “รักแท้ไม่แพ้เงินเฟ้อ” รับทุนการศึกษา จำนวน 25,000 บาท โล่รางวัลชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม : Vivify จากผลงาน “หน่อไม้คนนี้ วางแผนเกษียณไว้แล้วนะ”รับทุนการศึกษา จำนวน 15,000 บาท โล่รางวัลรองชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม : Cash Crush Crew จากผลงาน “One Family, One Plan”รับทุนการศึกษา จำนวน 10,000 บาท โล่รางวัลรองชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
รางวัล Popular vote ได้แก่ ทีม : SunSha Pixel จากผลงาน “รักแท้ไม่แพ้เงินเฟ้อ” รับทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
ประเภทนิสิต นักศึกษา
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม : น้ำอะไรไม่เท่าน้ำใจ จากผลงาน “กฎการเอาตัวรอดจากนายภาษีตอนเที่ยงคืน” รับทุนการศึกษา จำนวน 20,000 บาท โล่รางวัลรองชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน และยังได้รางวัล Popular vote รับทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท และเกียรติบัตรอีกด้วย
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม : AquaWing จากผลงาน “จะรักยังไงให้ DCA” รับทุนการศึกษา จำนวน 10,000 บาท โล่รางวัลรองชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
ประเภทบุคคลทั่วไป
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม : CozyBed จากผลงาน “เริ่มจากใจ ไม่ใช่เงิน” รับเงินรางวัล จำนวน 20,000 บาท โล่รางวัลรองชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม : ออมเต็มกระปุก จากผลงาน “เสียงของเธอ” รับเงินรางวัล จำนวน 10,000 บาท โล่รางวัลชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
รางวัล Popular vote ได้แก่ ทีม : ไก่2 เหนียว 1 จากผลงาน “ประตูสู่การลงทุน” รับเงินรางวัล จำนวน 5,000 บาท และเกียรติบัตรเข้าร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
นอกจากนี้ยังมี รางวัลสำหรับผู้ชนะการประกวดในหมวด TikTok Content Animation ความยาวเรื่องละไม่เกิน 1 นาที จำนวน 3 เรื่องย่อยต่อ 1 หัวข้อ
ทีมชนะเลิศ ได้แก่ ทีม : Fiction Five จากผลงาน “Inflation Risk” รับเงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท โล่รางวัลชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม : Araigordai จากผลงาน “Create your Plan” รับเงินรางวัล จำนวน 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัลรองชนะเลิศ เกียรติบัตรการร่วมแข่งขันประกวดผลงาน และยังได้รับรางวัล Popular vote รับเงินรางวัล จำนวน 5,000 บาท และเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม : Bossy Gang จากผลงาน “นายเอ นามสมมุติ” รับเงินรางวัล จำนวน 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลรองชนะเลิศ และเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
รางวัลพิเศษ! Social Impact Financial Literacy Award ได้แก่ ทีม : SunSha Pixel จากผลงาน “รักแท้ไม่แพ้เงินเฟ้อ” รับเกียรติบัตรการร่วมเข้าแข่งขันประกวดผลงาน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. นำ สำนักงบประมาณ เยี่ยมชมผลงานการใช้ชีวภัณฑ์ควบคุมโรคพืชในทุเรียน ยกระดับการผลิตไม้ผลด้วยเกษตรสมัยใหม่ ในพื้นที่ จ.จันทบุรี
วันที่สองของการลงพื้นที่ (10 ตุลาคม 2568) ของ สำนักงบประมาณ นำโดย นางสาวเบญจมาศ มหาวงศ์ขจิต ผู้อำนวยการส่วนงบประมาณกระทรวงการอุดมศึกษาฯ 1 เพื่อเยี่ยมชมศักยภาพงานวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้โครงการ “การเพิ่มศักยภาพการผลิตและมูลค่าสินค้าเพื่อเกษตรอุตสาหกรรมและการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน (Pre-Battle : Area Based)” ณ จังหวัดจันทบุรี
นำโดย ดร.นวลวรรณ สงวนศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. และ ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. พร้อมด้วยทีมวิจัย ได้นำคณะเข้าเยี่ยมชมโครงการ การยกระดับการผลิตไม้ผล (ทุเรียน) ด้วยเกษตรสมัยใหม่ ที่ วิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนและการเกษตรบ้านมาบโอน ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
วิสาหกิจชุมชนฯ แห่งนี้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนจากการใช้สารเคมีมาสู่การใช้ ชีวภัณฑ์ โดยเฉพาะ เชื้อราไตรโคเดอร์มา TBRC 4734 ในการจัดการสวนทุเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การรวมกลุ่มผลิตเพื่อใช้เองภายในกลุ่มกว่า 300 กิโลกรัม/เดือน ผ่านการเรียนรู้และการสนับสนุนจากทีมวิจัย เทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ไบโอเทค สวทช.
จากนั้น คณะฯ ได้เข้าเยี่ยมชม สวนผลไม้พรรณมณี ของคุณ มณี ภาระเปลื้อง ที่ ต.วังโตนด อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เพื่อชมแปลงเรียนรู้การใช้ ไตรโคเดอร์มา TBRC 4734 จัดการ โรครากเน่าโคนเน่า ในทุเรียน ซึ่งร่วมถ่ายทอดเทคโนโลยีโดย สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สวทช. เพื่อให้เห็นภาพของการใช้ ชีวภัณฑ์ควบคุมโรคพืช ที่ช่วยให้ชาวสวนสามารถต่อสู้กับโรคสำคัญอย่างโรครากเน่า-โคนเน่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ตลอด 2 วันของการลงพื้นที่เยี่ยมชม ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา และจันทบุรี สำนักงบประมาณได้เข้าเยี่ยมชมผลงานวิจัย สวทช. ภายใต้โครงการ Area Based ทั้งในด้าน อุตสาหกรรมสัตว์น้ำ และ การยกระดับการผลิตไม้ผล (ทุเรียน) ด้วยเกษตรสมัยใหม่ เพื่อให้เห็นภาพของการมุ่งขับเคลื่อนงานวิจัย และการถ่ายทอดเทคโนโลยีของ สวทช. สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ เพื่อสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์


