ผลการค้นหา :

สวทช. ประกาศผู้ได้รับรางวัล “เครื่องพิมพ์สามมิติ” โครงการสื่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โคมไฟลูกบาศก์ จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
25 ตุลาคม 2565 ที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( สวทช.) เปิดเผยว่า ตามที่ โครงการสื่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โคมไฟลูกบาศก์ จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่ดำเนินโครงการโดยบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนโรงเรียนสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านเครือข่ายกิจกรรมเพื่อทำการขยายผลการใช้สื่อและสนับสนุนให้โรงเรียนที่มีความสนใจนำชุดสื่อดังกล่าวไปใช้จริงในการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลายถึงมัธยมศึกษาตอนต้น โดยให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ ได้ฝึกคิดอย่างเป็นระบบ ลงมือวางแผนและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ผ่านบทเรียนออนไลน์
เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้แก่นักเรียน ทั้งนี้โครงการฯ ได้พิจารณาจากผลงาน คลิปวิดีโอ รวมถึงการนำเสนอผลงานของผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ มีโรงเรียนสนใจส่งผลงานเข้าแข่งขันเพื่อรับรางวัลเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จำนวน 11 โรงเรียน แบ่งการแข่งขันแบ่งเป็น 2 รอบ รอบคัดเลือกเป็นการส่งผลงานการออกแบบโมเดล 3 มิติ พร้อมคลิปอธิบายรายละเอียดประกอบผลงานการออกแบบ และรอบตัดสินเป็นการนำเสนอผลงานการออกแบบต่อคณะกรรมการ ซึ่งผลการประกวด มีโรงเรียนชนะการประกวดได้รับรางวัล จำนวน 5 โรงเรียน ได้แก่
รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 2 ผลงาน “Pyramid Lamp” รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนบรบือ ผลงาน “Magic Dice" ลูกเต๋ามหัศจรรย์ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนจิตรลดา ผลงาน “เครื่องฉายโฮโลเเกรม ทรง 12 หน้า” พร้อมด้วยรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม ผลงาน “โคมไฟเคออส” และโรงเรียนคลองสอง (เสวตสมบูรณ์อุปถัมภ์) ผลงาน “LED Farm”
“ในโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับโรงเรียนที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ และขอให้การส่งมอบเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนที่สนใจงานในด้านนี้ และขอให้ครูทุกท่านช่วยกันดูแลและพัฒนาเด็กนักเรียนของตัวเองให้มีศักยภาพต่อไป”
ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้โครงการดังกล่าว สวทช. ได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย และได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท XYZPrinting (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ สวทช. จึงได้ดำเนินโครงการสื่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โคมไฟลูกบาศก์จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ โดยได้ร่วมมือกับอาจารย์อรรถวุฒิ วงศ์ประดิษฐ์ อาจารย์จากภาควิชาคณิตศาสตร์และสถิติ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พัฒนาชุดสื่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โคมไฟแถบแสง LED ทรงลูกบาศก์ จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งชุดสื่อดังกล่าว ใช้การพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ และดำเนินการทำชิ้นงานที่ห้อง FabLab บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร พร้อมจัดทำคลิปการสอนเกี่ยวกับชุดสื่อดังกล่าวเป็นบทเรียนออนไลน์ และได้ประชาสัมพันธ์เปิดรับสมัครโรงเรียนที่สนใจรับชุดสื่อดังกล่าว ไปใช้ในการจัดการเรียน การสอนที่โรงเรียน ซึ่งมีโรงเรียนสนใจขอรับสื่อไปใช้จำนวน 189 โรงเรียน
อนึ่งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ดำเนินงานโครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab) เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย ซึ่งได้รับอนุมัติงบประมาณสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อภาคสังคมอย่างกว้างขวาง (Big Rock Project) โดย สวทช. ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย 10 แห่ง จัดตั้งโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab) ขึ้นในสถานศึกษา จำนวน 150 แห่ง และที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร เพื่อเป็นสถานที่ฝึกทักษะการเป็นนักประดิษฐ์ และการสร้างนวัตกรรมในสถานศึกษา ทั้งนี้เพื่อการสานต่อกิจกรรมโครงการ สวทช. โดยบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร จึงได้ดำเนินงานโครงการสื่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โคมไฟลูกบาศก์จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติเพื่อให้ครูนักเรียนและผู้สนใจได้เข้าถึงการใช้เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่จะช่วยเปลี่ยนไอเดียสู่ต้นแบบผลิตภัณฑ์จริง
ข่าวประชาสัมพันธ์

รับสมัครอบรมหลักสูตร “เลือกใช้สถิติและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไรให้ตอบโจทย์งานวิจัย”
พร้อมกันหรือยัง 1 ปีเปิดแค่ครั้งเดียว !!
******** รับแค่ 80 คน เท่านั้น ********
กับ หลักสูตร "เลือกใช้สถิติและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไรให้ตอบโจทย์งานวิจัย"
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2565 เวลา 8.30-16.30 น.
ณ ห้องประชุม SD-601 ชั้น 6 อาคารสราญวิทย์
อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี และผ่านระบบ Cisco WebEx
เพราะ "สถิติ" เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญต่อกระบวนการทำวิจัยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การออกแบบการทดลอง การวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนการนำเสนอและแปลผลข้อมูล ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยความรู้ทางสถิติทั้งสิ้น การมีความรู้ทางสถิติจึงเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญสำหรับนักวิจัย เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยที่มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ สอดคล้องกับหลักจริยธรรมการวิจัยที่ดี และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ค่าลงทะเบียนท่านละ 2,500 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
ลงทะเบียนมาได้เลย ผ่าน Link นี้
https://www.career4future.com/cfa/index.php?crsgen=8225
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.career4future.com/stat
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 095-764-9803 อริสรา
ปฏิทินกิจกรรม

“ดร.นำชัย” ผอ.ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อฯ สวทช. คว้ารางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ Mahidol Science Communicator Award 2022
วันที่ 21 ต.ค. 2565 ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท กรุงเทพฯ ในงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ครบรอบปีที่ 64 มีพิธีมอบรางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ประจำปี 2565 หรือ Mahidol Science Communicator Award 2022 เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลที่มีผลงานการสื่อสารวิทยาศาสตร์ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ โดยในปีนี้ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับรางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ประจำปี 2565 ประเภทบุคคล รับมอบโล่รางวัลจาก รองศาสตราจารย์ ดร.พลังพล คงเสรี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิวิมล แสวงผล รองคณบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้แทนจาก บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนรางวัล
ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. กล่าวขอบคุณคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้มอบรางวัล Mahidol Science Communicator Award 2022 อันทรงเกียรติในวันนี้ พร้อมระบุว่า การสื่อสารวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยมีความสำคัญ เพราะมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วต่างมีความเข้มแข็งในความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตและเปลี่ยนโลกได้ ซึ่งการจะเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ คนในสังคมนั้นๆ จะต้องมีความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่ดีพอ และค้นหาความจริงด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การได้รับรางวัลในครั้งนี้ถือเป็นเกียรติยศและเป็นกำลังใจให้มุ่งทำงานสื่อสารด้านวิทยาศาสตร์เพื่อสังคมต่อไป
สำหรับ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ มีผลงานโดดเด่นด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์มากมาย อาทิ ผลงานบทความด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลายร้อยบทความ ปัจจุบันมีคอลัมน์ประจำในนิตยสาร “สารคดี” และแฟนเพจ The101.world และ The Potential นำเสนอข้อมูลการค้นพบใหม่ๆ ด้านวิทยาศาสตร์ให้ผู้อ่านที่เป็นคนทั่วไปในวงกว้าง มีหนังสือวิทยาศาสตร์ที่แปลและเรียบเรียงเองมากกว่า 40 เล่ม เน้นการเชื่อมโยงความรู้วิทยาศาสตร์เข้ากับชีวิตประจำวัน และเผยแพร่หลักคิดสำคัญต่างๆ ด้านวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้มีผลงานเขียนและดูแลทีมเขียนบทเอนิเมชั่นสำหรับรายการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย” ซึ่งร่วมมือกับ Thai PBS และสำนักพิมพ์ นานมีบุ๊กส์ โดยรายการได้รับรางวัลเมขลา ประเภทเอนิเมชั่นในปี 2555 อีกทั้งยังเป็นวิทยากรด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ให้กับหลายหน่วยงาน ดูแลการจัดทำข้อมูล อินโฟกราฟิก และเขียนเนื้อหางานวิจัยและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ ให้กับ สวทช. เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้ภายในงานยังมีการมอบรางวัล Mahidol Science Communicator Award 2022 อีก 2 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลองค์กรสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้แก่ Mahidol Channel และรางวัลนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ดาวรุ่ง ได้แก่ เว็บไซต์ SPACETH.CO
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช.-สอวช.-บพข. เร่งเครื่อง Deep Tech Startup เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
For English-version news, please visit : New deep tech ventures introduced at NSTDA Deep Tech Acceleration Demo Day
(21 ตุลาคม 2565) ณ เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท (Gaysorn Urban Resort) ชั้น 19 : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดกิจกรรมนำเสนอผลงานภายใต้ โครงการ “แพลตฟอร์มเร่งรัดการเติบโตธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึก” NSTDA Deep Tech Acceleration Platform ในการสนับสนุน Deep Tech Startup เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจใหม่และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” โดยมี ผศ. ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ดร.เอกอนงค์ จางบัว ผู้อำนวยการเมืองนวัตกรรมอาหาร สวทช. ดร.กิตติพงศ์ พร้อมวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ รศ. ดร.ชาลีดา บรมพิชัยชาติกุล รองผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์วิจัย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ร่วมงานพร้อมด้วยผู้ประกอบการ 3 กลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีอาหาร (Food Technology) เทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพ (Healthcare Technology) และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) รวม 22 ผลงานนำเสนอธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกต่อนักลงทุน พันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงพันธมิตรและพัฒนาความร่วมมือต่อไป
ผศ. ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. มีภารกิจในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศผ่านเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนให้ผลงานวิจัย Deep technology ถูกนำออกไปใช้ประโยชน์ได้จริงและสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม ซึ่ง สวทช. มีเครื่องมือ บุคลากร และบริการที่พร้อมให้การสนับสนุนการนำผลงานวิจัยด้านต่างๆ อาทิ โครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) อีกทั้งโปรแกรมที่ช่วยยกระดับสร้างความเข้มแข็งให้กับ SME และ สตาร์ตอัป ได้แก่ ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี และ Food Innopolis ทั้งนี้เครื่องมือและบริการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผลงานวิจัยของ สวทช. ออกสู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังพร้อมให้การสนับสนุนผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนด้วย
ดร.เอกอนงค์ จางบัว ผู้อำนวยการเมืองนวัตกรรมอาหาร สวทช. กล่าวเสริมว่า สวทช. ได้ดำเนินการโครงการ NSTDA Deep Tech Acceleration ปีนี้เป็นปีที่ 2 โดยเปิดรับสมัครผลงานวิจัยเชิงลึกที่มีการประเมินความพร้อมของงานวิจัยและเทคโนโลยี (Technology Readiness Level: TRL) ไม่น้อยกว่าระดับ 4 และมีศักยภาพทางด้านการตลาดใน 3 กลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ Food Technology, Healthcare Technology และ Internet of Things โดยในปีนี้มีผู้ผ่านเข้าร่วมโครงการจำนวน 22 ทีม ซึ่งเป็นนักวิจัยของ สวทช. อาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ
“Deep tech venture ทั้ง 22 ทีมได้ผ่านกระบวนการบ่มเพาะของ NSTDA Deep Tech Acceleration เพื่อขยับ TRL ได้แก่ การทำ Technology validation การทำ Market validation และการจัดทำมาตรฐาน โดยโครงการให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ได้แก่ การ workshop อย่างเข้มข้นเพื่อเตรียมความพร้อมด้านธุรกิจ ผ่าน 3 Bootcamp เงินทุนสนับสนุนสำหรับปรับปรุงผลงานและขอรับรองมาตรฐาน พร้อมกับระบบพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาเพื่อติดตามการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ในภาคของธุรกิจ ทั้ง 22 ทีมได้ปรับแผนธุรกิจ จัดทำแผนการเงิน และสร้างทีม ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ากระบวนการ NSTDA Deep Tech Acceleration เป็นกระบวนการเร่งทั้งด้านเทคโนโลยีและด้านธุรกิจเพื่อให้ผลงานวิจัยเชิงลึกที่มีศักยภาพสามารถไปสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างรวดเร็ว”
“โครงการ NSTDA Deep Tech Acceleration เป็นโครงการที่สวทช. ได้รับการสนับสนุนจาก บพข. และดำเนินโครงการโดย สวทช. ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการ รวมบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย รวมออกแบบและประยุกต์ใช้แพลตฟอร์ม NSTDA Deep Tech Acceleration และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและบริการของสวทช. ในการสนับสนุน deep tech venture ให้มีความพร้อมที่จะนำผลงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์”
รศ. ดร.ชาลีดา บรมพิชัยชาติกุล รองผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์วิจัย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า บพข. เป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนในการสร้างแพลตฟอร์ม NSTDA Accel ซึ่งต้องขอบคุณ สวทช. ที่ให้การสนับสนุนให้แพลตฟอร์มดังกล่าว สามารถดึงผู้ประกอบการและนักวิจัยที่ร่วมในโครงการนี้ และสามารถใช้ระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรม ของ สวทช. ซึ่งเป็น Ecosystem ที่เหมาะสมและมีศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีของผู้เข้าร่วมโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
“โครงการนี้ เราให้ทุนวิจัยไปที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ด้วย รวม 10 องค์กร 11 แพลตฟอร์ม ซึ่ง สวทช. เป็นหนึ่งในองค์กรที่ บพข. สนับสนุนพร้อมกับ 9 มหาวิทยาลัย แต่ในส่วนของ สวทช. มีความโดดเด่นในเรื่องระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมที่พร้อมและรองรับธุรกิจเทคโนโลยี อีกทั้งสามารถเตรียมทีมที่เป็นสตาร์ตอัป ทั้งส่วนของ สวทช. และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ซึ่งถือเป็นการติดอาวุธให้กับทั้งผู้ประกอบการและนักวิจัยในมหาวิทยาลัยและใน สวทช. ให้มีความสามารถในทางธุรกิจและการตลาดมากขึ้น สามารถเห็นช่องทางการนำผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ไปสู่เชิงพาณิชย์ได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างขีดความสามารถให้ประเทศไทยมีความสามารถและเพิ่มขีดความสามาถในการแข่งขันได้เร็วและแข็งแกร่งในระดับนานาชาติ ซึ่งหากไปถึงจุดนั้นได้ บพข.ก็พร้อมให้การสนับสนุนต่อเนื่อง”
############
ข่าวประชาสัมพันธ์

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชาสัมพันธ์ “ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2566” (รูปแบบออนไลน์)
ขอเชิญเข้าร่วมงานประชาสัมพันธ์ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2566 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2565 เวลา 11.00 – 12.30 น. รูปแบบออนไลน์ด้วยโปรแกรม Cisco Webex
.
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประกาศรับข้อเสนอการวิจัย เพื่อขอรับการสนับสนุนทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2566 เพื่อสนับสนุนกลุ่มวิจัยที่มีความสามารถสูง ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านมนุษยศาสตร์ ให้ผลผลิตงานวิจัยที่สามารถแข่งขันและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ รวมถึงก่อให้เกิดผลกระทบทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคมอย่างกว้างขวาง
.
การสนับสนุน
สนับสนุนกลุ่มวิจัยที่มีความสามารถสูง ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านมนุษยศาสตร์
สนับสนุนไม่เกิน 3 ทุนต่อปี (อย่างน้อย 1 ทุน หัวหน้าโครงการเป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ วช.)
งบประมาณรวมไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อทุน (ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อปี)
ระยะเวลาดำเนินงานไม่เกิน 3 ปี
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่
https://meeting-nstda.webex.com/meeting-nstda/j.php...
.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที
โทร. 02 644 8150 ต่อ 81882 / wanatsanan.sir@nstda.or.th (วนัสนันท์)
ปฏิทินกิจกรรม

รับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาเอกโครงการพัฒนาบัณฑิตวิจัยคุณภาพสูงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทุนเพชรพระจอมเกล้าดุษฎีบัณฑิต (มจธ.-สวทช.) ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 6 พฤศจิกายน 2565
เปิดรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาเอกโครงการพัฒนาบัณฑิตวิจัยคุณภาพสูงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทุนเพชรพระจอมเกล้าดุษฎีบัณฑิต (มจธ.-สวทช.) ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 6 พฤศจิกายน 2565 รายละเอียดเพิ่มเติม
ปฏิทินกิจกรรม

สวทช. ร่วมจัดกิจกรรมบำรุงรักษาต้นไม้ในวันรักต้นไม้ของชาติ
ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย : (20 ต.ค. 2565) นางสาวศิรินาถ แถบทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้นำพนักงาน สวทช.ร่วมกิจกรรมบำรุงรักษาต้นไม้ ณ บริเวณ Co-Working Space อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมเนื่องในวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ โดยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ วันที่ 15 ตุลาคม 2533 กําหนดให้วันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบบรมราชชนนี คือ วันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปี ให้เป็นวันวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และเป็นการสร้างจิตสำนึกของประชาชนให้เกิดความรักความหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ของชาติ
โดยกิจกรรมในครั้งนี้เชิญชวนพนักงาน ร่วมกิจกรรมบำรุงรักษาต้นไม้ ด้วยการพรวนดิน ใส่ปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกองที่ผลิตขึ้นเอง กำจัดวัชพืช และนำน้ำที่ผ่านการบำบัดมารดน้ำ
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. เดินหน้าวิจัยพัฒนา ‘รถมินิบัสไฟฟ้าขับขี่อัตโนมัติ’ ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์
For English-version news, please visit : NSTDA to develop self-driving minibus
ทุกวันนี้ความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ได้หยุดนิ่งเพียงการพัฒนา ‘รถไฟฟ้า’ เพื่อแก้ปัญหาด้านน้ำมันเชื้อเพลิง แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างพุ่งทะยานสู่การสร้างนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำ ‘เทคโนโลยียานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ หรือ Autonomous Vehicle’ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสิริ เวนเจอร์ส และกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประสบความสำเร็จในการพัฒนาต้นแบบยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติในรูปแบบรถกอล์ฟไฟฟ้าแบบ 6 ที่นั่ง
ล่าสุด สวทช. จับมือกับ บริษัทพนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ต่อยอดงานวิจัยพัฒนา ‘ต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าขนาดเล็กขับขี่อัตโนมัติ’ ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
นายสุธี โอฬารฤทธินันท์ ทีมวิจัยเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขนส่ง ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ สวทช. กล่าวว่า จากความสำเร็จในการพัฒนารถกอล์ฟขับขี่อัตโนมัติขนาด 6 ที่นั่ง ทีมวิจัยตั้งเป้าขยายผลสู่การพัฒนาต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าขนาดเล็กขับขี่อัตโนมัติ ระดับที่ 3 (รถยนต์ขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติแต่มีผู้ขับขี่คอยเฝ้าระวังและแทรกแซงในกรณีที่ฉุกเฉิน) ซึ่งตัวรถบรรทุกผู้โดยสารได้ 15 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า วิ่งได้ความเร็วสูงสุด 35 กม./ชม. เป็นโครงการวิจัยร่วมกับบริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการผลิตรถบรรทุกเป็นทุนเดิม
“ในการดำเนินโครงการ ทีมวิจัยได้พัฒนาระบบ 2 ส่วนหลักๆ คือ แพลตฟอร์มยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV Platform) และระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) โดยในส่วนของ EV Platform มีการพัฒนาตั้งแต่เรื่องของการออกแบบโครงสร้างยานยนต์ไฟฟ้า การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ การออกแบบวงจรไฟฟ้าเพื่อควบคุมการทำงาน รวมถึงการศึกษาเรื่องพลศาสตร์ยานยนต์ (Vehicle Dynamics) คือศึกษาสาเหตุและปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของรถ เช่น โครงสร้างและน้ำหนักรถที่ออกแบบมามีผลต่อสมรรถนะการขับขี่หรือไม่ รถสามารถใช้ความเร็ว การเลี้ยว หรือเข้าโค้งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด ส่วนระบบ Autonomous Vehicle เป็นการพัฒนาระบบควบคุมและสัญญาณให้มีความเหมาะสมมากขึ้น จากเดิมที่ใช้กับรถกอล์ฟมาสู่รถโดยสารขนาดเล็ก ต้องศึกษาทั้งการใช้เซนเซอร์ตรวจวัดสัญญาณ ระบบสั่งการ ระบบ Machine Learning รวมถึงระบบนำทางให้มีความเหมาะสมกับขนาดของรถ”
นายสุธี กล่าวว่า ในการพัฒนายานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ทีมวิจัยได้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณทางวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering: CAE) มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาระบบ EV Platform เช่น การออกแบบโครงสร้างรถยนต์ การจำลองระบบควบคุม การขับเคลื่อนของรถในลักษณะต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ผลการทำงานและปัญหาเบื้องต้นก่อนที่จะนำไปใช้สร้างต้นแบบรถจริง ขณะเดียวกันเมื่อทีมวิจัยสร้างต้นแบบรถมินิบัสไฟฟ้าเสร็จแล้ว เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณทางวิศวกรรมยังมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาการเรียนรู้ของระบบ Autonomous Vehicle โดยใช้จำลองเส้นทางการเดินรถ และเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อสร้างระบบการรู้จำและการตัดสินใจของระบบควบคุมอัตโนมัติให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ก่อนนำมาติดตั้งจริงในรถต้นแบบ
“ขณะนี้การดำเนินโครงการยังอยู่ระหว่างการออกแบบและคำนวณทางวิศวกรรม โดยคาดว่าจะสามารถผลิตต้นแบบรถมินิบัสไฟฟ้าขับขี่อัตโนมัติเสร็จภายในปี 2566 และจะทดสอบเดินรถในพื้นที่ปิด คืออุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี เพื่อเก็บข้อมูลและประเมินสมรรถนะการขับขี่ของรถ รวมถึงปรับจูนระบบ EV Platform และ Autonomous ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท้ายที่สุดหวังว่าองค์ความรู้ในการพัฒนาต้นแบบรถมินิบัสไฟฟ้าขับขี่อัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในการนำไปใช้พัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์ รวมถึงอาจนำไปใช้ทดสอบเป็นพาหนะเชื่อมโยงเครือข่ายขนส่งสาธารณะจากรถไฟฟ้าสายสีแดงมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นต้น”
‘เทคโนโลยียานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ’ นับเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตที่กำลังถูกจับตาและมีแนวโน้มความต้องของตลาดเพิ่มขึ้น การออกแบบและพัฒนาต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีการขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติได้เองในประเทศไทยจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างมากในการเร่งปรับตัวและก้าวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังช่วยพัฒนายกระดับขีดความสามารถและศักยภาพด้านยานยนต์สมัยใหม่ให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ภารกิจ

นักวิจัย สวทช. รับ 2 รางวัล!! สุดยอดเทคโนโลยี สร้างประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
For English-version news, please visit : NSTDA researchers named recipients to Outstanding Technologist Awards
ณ ดิ แอทธินี โฮเต็ล : (19 ต.ค. 2565) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. ได้รับรางวัลเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี พ.ศ.2565 และรางวัลเทคโนโลยีรุ่นใหม่ประจำปี พ.ศ.2565 โดย มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะผู้พิจารณาคัดเลือกผลงานและมอบรางวัล ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2565 มีผู้ได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นและนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ประเภทละ 1 รางวัล ดังนี้
รางวัลเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2565 ประเภทกลุ่ม ได้แก่ โครงการ“ระบบติดตามตรวจวัดข้อมูลระยะไกลด้านความปลอดภัยเขื่อน” (Dam Safety Remote Monitoring System: DS-RMS) โดย ดร.กนกเวทย์ ตั้งพิมลรัตน์ และทีมวิจัยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สวทช. ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
รางวัลเทคโนโลยีรุ่นใหม่ประจำปี พ.ศ.2565 ได้แก่ โครงการ “โครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลสมรรถนะสูงเพื่องานวิจัยวัสดุขั้นสูง” (High Performance Computing Infrastructure for Advanced Materials Research) โดย ดร.มนัสชัย คุณาเศรษฐ หัวหน้าทีมวิจัยโครงสร้างพื้นฐานซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สวทช. ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ในโอกาสนี้ ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย รองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร รองผู้อำนวยการ สวทช. และดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ร่วมแสดงความยินดี สำหรับทั้งสองรางวัล เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์และความพยายามของนักวิจัยที่ได้ทุ่มเทให้กับงานวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. ร่วมพิธีเทิดพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องใน “วันเทคโนโลยีของไทย”
(19 ตุลาคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” เนื่องใน “วันเทคโนโลยีของไทย” ประจำปี 2565 โดยมี ดร.ลัทธจิตร มีรักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีวางพุ่มดอกไม้และถวายราชสักการะ พร้อมด้วย ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นางสาวศิรินาถ แถบทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. คณะผู้บริหาร อว. ผู้แทนหน่วยงานในสังกัด ผู้แทนมหาวิทยาลัย ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ร่วมวางพุ่มดอกไม้และถวายราชสักการะฯ ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามงกุฎวิทยามหาราช รัชกาลที่ 4 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ถือเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์สำคัญอีกเรื่องหนึ่งของไทย จากการศึกษาและค้นพบวิธีการทำฝนเทียมสูตรใหม่ของประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงควบคุมบัญชาการและอำนวยการสาธิตฝนเทียมสูตรใหม่เป็นครั้งแรกของโลก ณ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นฐานปฏิบัติการและประสบความสำเร็จทำให้ฝนตกตามเป้าหมายอย่างแม่นยำ สร้างความประทับใจและยินดีแก่คณะผู้แทนรัฐบาลสิงคโปร์ และผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้เพื่อเทิดพระเกียรติในพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2543 จึงมีมติให้ความเห็นชอบพระราชทานพระบรมราชานุญาตเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย" และกำหนดให้วันที่ 19 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันเทคโนโลยีของไทย"
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. ร่วมกับ วช. ประกาศรับข้อเสนอการวิจัยเพื่อขอรับการสนับสนุนทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2566
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประกาศรับข้อเสนอการวิจัยเพื่อขอรับการสนับสนุนทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2566 เพื่อสนับสนุนกลุ่มวิจัยที่มีความสามารถสูง ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านมนุษยศาสตร์ ให้ผลผลิตงานวิจัยที่สามารถแข่งขันและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ รวมถึงก่อให้เกิดผลกระทบทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง
ตั้งแต่บัดนี้ – 11 พฤศจิกายน 2565 ภายในเวลา 18.00 น. และต้นสังกัดรับรองข้อเสนอการวิจัย ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 18.00 น. ผ่านระบบ NRIIS ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://nriis.go.th/NewsEventDetail.aspx?nid=11604
ปฏิทินกิจกรรม

ขอแสดงความยินดีกับศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ (ผู้อำนวยการ สวทช.) และนักวิจัย สวทช.
For English-version news, please visit : NSTDA scholars and researchers named in the World’s Top 2% Scientists
ขอแสดงความยินดีกับศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ (ผู้อำนวยการ สวทช.) และนักวิจัย สวทช. ที่ติดอันดับ “The World’s Top 2% Scientists List 2022 โดย Stanford University”
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) เปิดเผยข้อมูลรายชื่อนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการอ้างอิงสูงที่สุดใน Top 2% ของโลก ในสาขาวิชาต่างๆ แบ่งออกเป็น 22 สาขาหลัก 176 สาขาย่อย
การคัดเลือกและจัดอันดับนี้ประเมินจากการวิเคราะห์ผลกระทบงานวิจัยจากการอ้างอิงบทความที่ตีพิมพ์จากฐานข้อมูล Scopus ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960–2021 โดยใช้ตัวชี้วัดที่หลากหลาย (citations, h-index, co-authorship adjusted hm-index, citations to papers in different authorship positions and a composite indicator (c-score))
โดยแบ่งรายชื่อนักวิทยาศาสตร์และการจัดอันดับนักวิทยาศาสตร์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มผลกระทบการอ้างอิงตลอดชีพสูงที่สุด (career-long citation impact) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ถึงสิ้นปี ค.ศ. 2021 ซึ่งมีรายชื่อนักวิทยาศาสตร์ในปีนี้ 195,605 ท่าน
กลุ่มผลกระทบการอ้างอิงเฉพาะปี ค.ศ. 2021 สูงที่สุด (citation impact during the single calendar year 2021) ซึ่งมีรายชื่อนักวิทยาศาสตร์ในปีนี้ 200,409 ท่าน
ในรายชื่อนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ปรากฏรายชื่อ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ (ผู้อำนวยการ สวทช.) และนักวิจัยของ สวทช. ที่ติดอันดับจำนวน 12 ท่าน (โดยในจำนวนนี้มีนักวิจัย 2 ท่านที่ติดอันดับทั้งจำแนกตามกลุ่มผลกระทบการอ้างอิงตลอดชีพสูงที่สุด และกลุ่มผลกระทบการอ้างอิงเฉพาะปี ค.ศ. 2021 สูงที่สุด
พิจารณาจากกลุ่มที่ 1 คือ ผลกระทบการอ้างอิงตลอดชีพสูงที่สุด (career-long citation impact) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ถึงสิ้นปี ค.ศ. 2021
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) ในสาขา Applied Physics อยู่ในอันดับที่ 6,758 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 380,123 ท่าน
ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ในสาขา Food Science อยู่ในอันดับที่ 789 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 69,324 ท่าน
Masahiko Isaka จากทีมวิจัยเคมีอินทรีย์ชีวภาพ (IBOT) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ (IBBG) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ในสาขา Medicinal & Biomolecular Chemistry อยู่ในอันดับที่ 672 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 99,546 ท่าน
ดร.จินตมัย สุวรรณประทีป จากกลุ่มวิจัยวัสดุและอุปกรณ์เฉพาะทางชีวภาพ (BMD) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ในสาขา Materials อยู่ในอันดับที่ 3,247 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 315,721 ท่าน
ดร.กมล เขมะรังษี จากกลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ในสาขา Networking & Telecommunications อยู่ในอันดับที่ 3,291 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 176,084 ท่าน
ดร.ศรชล โยริยะ จากทีมวิจัยซีเมนต์และวัสดุคอมพอสิต (CCMT) กลุ่มวิจัยเซรามิกส์และวัสดุก่อสร้าง (CCM) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ในสาขา Materials อยู่ในอันดับที่ 6,629 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 315,721 ท่าน
พิจารณาจากกลุ่มที่ 2 คือ ผลกระทบการอ้างอิงเฉพาะปี ค.ศ. 2021 สูงที่สุด (citation impact during the single calendar year 2021)
ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ในสาขา Food Science อยู่ในอันดับที่ 747 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 69,324 ท่าน
ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย (รักษาการ) รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) ในสาขา Pharmacology & Pharmacy อยู่ในอันดับที่ 2,782 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 131,949 ท่าน
ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ (รักษาการ) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) ในสาขา Analytical Chemistry อยู่ในอันดับที่ 1,761 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 101,089 ท่าน
Masahiko Isaka จากทีมวิจัยเคมีอินทรีย์ชีวภาพ (IBOT) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ (IBBG) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ในสาขา Medicinal & Biomolecular Chemistry อยู่ในอันดับที่ 1,084 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 99,546 ท่าน
ดร.กัลยาณ์ แดงติ๊บ จากทีมวิจัยสุขภาพสัตว์น้ำ (AQHT) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพสัตว์น้ำแบบบูรณาการ (AAQG) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ในสาขา Fisheries อยู่ในอันดับที่ 548 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 30,770 ท่าน
ดร.ขจรศักดิ์ เฟื่องนวกิจ จากกลุ่มวิจัยการเร่งปฏิกิริยาและการคำนวณระดับนาโน (NCAS) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) ในสาขา Physical Chemistry อยู่ในอันดับที่ 418 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 24,646 ท่าน
ดร.วรายุทธ สะโจมแสง จากทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งเเวดล้อม (ENV) กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน (NHIC) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) ในสาขา Polymers อยู่ในอันดับที่ 1,688 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 90,487 ท่าน
ดร.เจนนิเฟอร์ เหลืองสอาด จากทีมวิจัยปฏิสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ทางการเกษตร (APMT) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการจัดการแบบบูรณาการ (ACBG) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ในสาขา Mycology & Parasitology อยู่ในอันดับที่ 250 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 17,224 ท่าน
ดร.บุญญาวัณย์ อยู่สุข จากทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง (CFCT) กลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ (LCRG) ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ในสาขา Energy อยู่ในอันดับที่ 6,468 จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 321,394 ท่าน
เอกสารอ้างอิง
Ioannidis, John P.A. (2022), “September 2022 data-update for "Updated science-wide author databases of standardized citation indicators"”, Mendeley Data, V4, doi: 10.17632/btchxktzyw.4
Ioannidis, J. P. A., Boyack, K. W., & Baas, J. (2020). Updated science-wide author databases of standardized citation indicators. PLoS Biol. 18(10): e3000918. https://doi.org/10.1371/journal.pbio.3000918
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์