ผลการค้นหา :
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท วันเด็กแห่งชาติ ปี 2566
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติปี 2567 ดังนี้
“ความสุขความสบายทั้งหลายนั้น เกิดขึ้นได้ด้วยการทำงานและทำความดี เด็กทุกคนจึงต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และฝึกฝนอบรมตนให้เต็มที่ จะได้สามารถประกอบอาชีพการงาน และปฏิบัติบำเพ็ญความดี เพื่อสร้างสรรค์ความสุขความเจริญทั้งของตนเองและส่วนรวมได้ในอนาคต”
พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
วันที่ 3 มกราคม พุทธศักราช 2567
ที่มาข้อมูล : https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid02A16FDHtdQ9iSkK5GhgZSH8EcMiYMJrVohaYoig4Dp1UhB8wk69kwQQFJiLYXGh86l
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. ร่วมขับเคลื่อนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ จับมือพันธมิตร ประกาศเจตนารมณ์ลดโลกร้อนด้วยพลังงานสะอาด
(วันที่ 9 มกราคม2567) ณ หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร. สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. ได้เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงกรอบความร่วมมือ 15 เครือข่ายพลังงานภาครัฐและเอกชนเพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City" ชู วทน. เสริมทัพพลังงานสะอาด ตอบนโยบายเศรษฐกิจ BCG เพื่อความยั่งยืนทางพลังงานของไทย
ดร. สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City" ในครั้งนี้ เป็นการประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงานภาครัฐและเอกชน ที่สอดรับกับนโยบายของ สวทช. ในการขับเคลื่อน BCG ตามภารกิจของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
"สวทช. เป็นขุมพลังหลักด้าน วทน. ของประเทศ อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. เราพร้อมเดินหน้าพันธกิจร่วมขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG สู่ความยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือเรื่องของพลังงานสะอาด ที่ทีมวิจัยจากศูนย์แห่งชาติภายใต้ สวทช. ร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบทิศทางและความต้องการด้านพลังงานในอนาคต" ดร. สมบุญ ชี้ จากความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้ ทำให้ สวทช. ร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงานขับเคลื่อนด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายพลังงานขับเคลื่อนให้เกิด 'สระบุรีแซนด์บ๊อกซ์' จังหวัดต้นแบบที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในระยะเวลา 4 ปี พร้อม 19 โครงการนำร่องที่ตอบโจทย์สระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของสระบุรี
ดร. สมบุญชี้ว่า สวทช. มี 2 บทบาท ในการขับเคลื่อนความร่วมมือนี้ คือ ส่งเสริมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษา วิจัย จัดทำนวัตกรรมเพื่อให้เกิดการประยุกต์หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสู่พลังงานสะอาดและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และสนับสนุนการสำรวจประเมินศักยภาพเชิงพื้นที่ในการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด และประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนงานต่างๆ หนึ่งในโครงการนำร่องของ สวทช. คือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บก๊าซ CO2 หรือ carbon capture, utilization and storage (CCUS) ปัจจุบันประกอบด้วย 2 เทคโนโลยีที่สำคัญได้แก่ 1) carbon capture and storage (CCS) และ 2) carbon, capture and utilization (CCU) ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างยั่งยืน
โดยภายในงาน ทีมสวทช.ได้นำเสนอนวัตกรรมจากกลุ่มวิจัยการเร่งปฏิกิริยาและการคำนวณระดับนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค-สวทช.) คือ “ถ่านชีวภาพ” หรือ “BioCoal” เชื้อเพลิงแข็งชีวภาพจากของเหลือใช้ทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นใบอ้อย ใบข้าวโพด เหง้ามันสำปะหลัง ทะลายปาล์ม ไม้โตไวตระกูลกระถิน เปลือกไม้ยูคาลิปตัส เป็นต้น ที่มีสมบัติต่างๆ ใกล้เคียงกับถ่านหิน ผลิตโดยกระบวนการที่เรียกว่า ทอร์รีแฟคชัน (Torrefaction) ซึ่งเป็นการปรับปรุงคุณภาพและเปลี่ยนรูปชีวมวลผ่านกระบวนการทางเคมีความร้อน โดยให้ความร้อนแก่ชีวมวลในสภาวะไร้ออกซิเจนหรือจำกัดออกซิเจน (อากาศ) ในช่วงอุณหภูมิ 200-300 องศาเซลเซียส ถ่านชีวภาพสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วม (Co-firing) หรือทดแทน (Replacement) เชื้อเพลิงชีวมวลและถ่านหินสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าหรือความร้อนได้ โดยทีมวิจัยมีการทดลอง ผลิต ทดสอบ วิเคราะห์ รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีระบบผลิตถ่านชีวภาพที่สามารถต่อยอดสู่การใช้งานจริงในระดับอุตสาหกรรมอีกด้วย
"สวทช. เราตั้งใจที่จะเป็นหนึ่งฟันเฟือง ที่ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญและกำลังคนที่มีศักยภาพ สนับสนุน ขับเคลื่อนโครงการนี้ร่วมกับพันธมิตร ให้สระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และขยายสู่พื้นที่ต่างๆ ในประเทศ นำสู่ความมั่นคงและยั่งยืนทางพลังงานในอนาคต" ดร. สมบุญทิ้งท้าย
ข่าวประชาสัมพันธ์
ชวนน้อง ๆ มาเปิดประสบการณ์สนุกสุดล้ำกับ สวทช. ในงานถนนสายวิทยาศาสตร์ โดย กระทรวง อว. จัดเต็มรับวันเด็กแห่งชาติ 2567
🎈ชวนน้อง ๆ มาเปิดประสบการณ์สนุกสุดล้ำกับ สวทช. ในงานถนนสายวิทยาศาสตร์ โดย กระทรวง อว. จัดเต็มรับวันเด็กแห่งชาติ 2567
.
🎪วันที่ 12 – 13 มกราคม 2567
ณ บูธ สวทช. 🎈ชวนน้อง ๆ มาเปิดประสบการณ์สนุกสุดล้ำกับ สวทช. ในงานถนนสายวิทยาศาสตร์ โดย กระทรวง อว. จัดเต็มรับวันเด็กแห่งชาติ 2567
.
🎪วันที่ 12 – 13 มกราคม 2567 เวลา 08.30-17.00 น.
ณ บูธ สวทช. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถนนโยธี
พบกับกิจกรรมสุดตื่นเต้นมากมาย
🏎สร้างรถแข่ง KidBright สุดล้ำ
เรียนรู้การ coding บอร์ด KidBright และสร้างรถแข่งสุดล้ำด้วยตนเอง
🤖ลองเป็นเจ้านายหุ่นยนต์ Walkie สุดอัจฉริยะ กับภารกิจให้บริการ
⚙️เรียนรู้และเล่น 3D Printing และทดลองพิมพ์ชิ้นงานจริงด้วยตนเอง
.
🎪วันที่ 12 - 14 มกราคม 2567 เวลา 10.00-19.00 น.
ณ ชั้น 5 ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา
พบกับกิจกรรมสุดพิเศษ
♻️ประดิษฐ์พวงกุญแจจากพลาสติกรีไซเคิล
เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ประโยชน์ของการนำพลาสติกรีไซเคิลมาใช้ใหม่ และประดิษฐ์เป็นพวงกุญแจสุดน่ารัก
🎁 ร่วมสนุกพร้อมลุ้นของรางวัลและของขวัญวันเด็กสุดพิเศษมากมาย
แล้วมาเจอกันนะ 🎉
#สวทช #ถนนสายวิทยาศาสตร์ #วันเด็กแห่งชาติ #เด็กช่างคิด #วิทย์สร้างฝัน
ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. ร่วมหน่วยงานพันธมิตรสิงคโปร์ชูกิจกรรมเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านสะเต็มศึกษา ฝึกฝนเยาวชนผ่านประสบการณ์จริง
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้กล่าวถึงผลการสอบ PISA วัดความรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอ่านวิเคราะห์ว่า เด็กทั่วโลก 81 ประเทศ ประเทศไทยได้ที่ 58 โดยด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ต่ำสุดรอบ 20 ปี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีพันธกิจหนึ่งในการพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และกิจกรรมเพิ่มพูนประสบการณ์ให้เด็กไทยได้เชื่อมโยงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันและโลก และมีสมรรถนะสำคัญต่าง ๆ เช่น สมรรถนะด้านวิทยาศาสตร์ สมรรถนะด้านเทคโนโลยี รู้จักวิเคราะห์และมีกระบวนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก การมาประชุมหารือและศึกษาแนวทางบริหารจัดการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบสิงคโปร์ ทำให้เห็นมุมมองการพัฒนาเยาวชนที่สิงคโปร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้คะแนนสอบสูงสุดในทุกทักษะ เพื่อนำไปพัฒนากิจกรรมเพิ่มพูนประสบการณ์ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ภายใต้การดูแลของ สวทช. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ฝึกทักษะและพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับเด็กและเยาวชนผู้มีความสนใจและมีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สถาบันเทคโนโลยีและการออกแบบสิงคโปร์ เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของสิงคโปร์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและการออกแบบ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2553 ขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาในยุคดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกปัจจุบัน โดยมีหลักสูตรที่ผสานรวมความรู้ทางวิศวกรรมศาสตร์ การออกแบบ สถาปัตยกรรม และการจัดการเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สถาบันมุ่งมั่นในการผลิตบัณฑิตที่มีความคิดสร้างสรรค์และสามารถแก้ไขปัญหาได้หลากหลายวิธี และมีความเข้าใจในเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต เหมาะสำหรับนักศึกษาที่สนใจในการเรียนรู้และทำงานในด้านเทคโนโลยีและการออกแบบในระดับสูง โดย Fabrication Lab ของสถาบันเทคโนโลยีและการออกแบบสิงคโปร์ (SUTD) เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญอย่างมากในการสนับสนุนการเรียนรู้และการวิจัยในด้านเทคโนโลยีและการออกแบบ โดยนักศึกษาและคณาจารย์สามารถทำการทดลอง, สร้างสรรค์และทดสอบโครงการต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การที่ได้ลงนามความร่วมมือด้านวิชาการกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบสิงคโปร์ จึงเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนผ่านประสบการณ์จริง ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร มีโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรมหรือ Fabrication Lab เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย โดยให้ครูและนักเรียนได้ฝึกฝนทางเทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และการออกแบบ สนับสนุนการเรียนรู้และการวิจัยในด้านเทคโนโลยีและการออกแบบ ทั้งนี้บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรมีความพร้อมด้านเครื่องมือเพื่อให้เยาวชนสามารถเปลี่ยนจินตนาการให้เป็นต้นแบบได้ โดยมีทั้งเครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องตัดด้วยเลเซอร์ และพื้นที่สำหรับการทำงานด้านการประดิษฐ์และเวิร์กช็อปโดยมีวิศวกรบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรให้คำปรึกษาแนะนำ
นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ หลักสูตร และสื่อการเรียนรู้ กล่าวเสริมว่า โรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม ได้จัดตั้งขึ้นในปี 2561 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะสะเต็มและความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย และพัฒนากิจกรรมสำหรับนักเรียนและครู ให้มี ทักษะด้านวิศวกรรม มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สร้างชิ้นงานโดยการใช้เครื่องมือทางวิศวกรรม และเครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์ การดำเนินงานมีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเข้าร่วมโครงการ 150 โรงเรียน และมีมหาวิทยาลัยทำหน้าที่มหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง จำนวน 10 มหาวิทยาลัย ผลจากการดำเนินงาน มีกิจกรรมส่งเสริมทักษะสะเต็มที่จัดโดยบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. และมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง รวมทั้งสิ้น 147 ครั้ง มีนักเรียนได้รับประโยชน์ผ่านการเรียนรู้และการลงมือปฏิบัติในห้อง FabLab 27,721 คน ครูได้รับการพัฒนา 2,179 คน มีผลงานนวัตกรรม/สิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นจากนักเรียนในโรงเรียนที่ร่วมโครงการจำนวนกว่า 532 ผลงาน และส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีระดับชาติและนานาชาติ 279 ผลงาน ตัวอย่างผลงานสิ่งประดิษฐ์จาก FabLab ที่ได้ใช้ได้จริง ได้แก่ เครื่องอบสมุนไพร โดยวิทยาลัยเทคนิคสกลนคร โรงเรือนเอื้องแซะ โดยโรงเรียนแม่สะเรียง “บริพัตรศึกษา” หุ่นยนต์ปลูกและดูแลพืชอัตโนมัติ ควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน โดยโรงเรียนสาธิตวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระบบการแจ้งเตือนการตรวจจับการลอกคราบปูโดยอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชัน จากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สตูล การติดตามบาตรพระ โดยใช้ GPS และเครื่องแยกขยะโดยใช้ AI โดยโรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ จังหวัดลำพูน เครื่องตรวจจับฝุ่น และรถเข็นอัจฉริยะสำหรับคนพิการ โดยโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี เครื่องสอนปั๊มหัวใจ โดยโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา หมวกนิรภัยอัจฉริยะสำหรับแจ้งเตือนภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยโรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม อุปกรณ์ช่วยต่อลมหายใจฉุกเฉินในรถยนต์ โดยโรงเรียนวิสุทธรังสี เป็นต้น
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. ร่วมเจรจากับ A*STAR ผนึกกำลังการผลักดันวิทยาศาสตร์สู่การใช้ประโยชน์จริง
(เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567) ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. สายงานพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายวิชาการ หลักสูตร และสื่อการเรียนรู้ เข้าพบกับ คณะผู้บริหาร Agency for Science, Technology and Research (A*STAR) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.แอนดี้ ฮอร์ รองประธานกรรมการบริหาร และ ดร.ฮาเซล ชู ผู้อำนวยการระดับสูงด้านนวัตกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ และคณะผู้บริหารเนื่องในโอกาสเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์
ศาสตราจารย์ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งกับ A*STAR หน่วยงานวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติของประเทศสิงคโปร์ว่า ตามที่ น.ส. ศุภมาส อิศรภักดี รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้นำทีมผู้บริหารและนักวิจัยของกระทรวง อว. เข้าร่วมการประชุมผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับโลก (Science and Technology in Society: STS forum) ภายใต้กรอบแนวคิด “Lights and Shadows of Science and Technology” ณ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-3 ตุลาคม 2566 และได้ร่วมประชุมหารือทวิภาคีกับผู้บริหารของ Agency for Science, Technology and Research (A*STAR) ประเทศสิงคโปร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาและการพัฒนากำลังคน ซึ่งจะเสริมความเข้มแข็งซึ่งกันและกัน สวทช. และ A*STAR มีเป้าหมายเดียวกันคือ การนำวิทยาศาสตร์สู่สังคมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเข้าสู่การประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรมและนำไปใช้จริงในวงกว้าง ประชาชนได้รับประโยชน์ จนมาสู่การที่ทั้งสององค์กรได้หารือความเป็นไปได้ในความร่วมมือในอนาคต จะมีความร่วมมือด้านการทำโครงการวิจัยร่วมกัน โครงการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างพนักงานและผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ การจัดประชุมวิชาการและอบรมเชิงปฏิบัติการต่างๆ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสนับสนุนทุนวิจัยและทุนพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการทำงานที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มอบหมายไว้ คือ “เรียนดี มีความสุข มีรายได้ พร้อม “วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” หนุน SMEs สตาร์ทอัพ นวัตกรรมแก้จน นำชุมชนแก้แล้ง
ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. สายงานพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า งานด้านพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยได้รับประโยชน์อย่างมากจากความร่วมมือครั้งนี้ เพราะบุคลากรด้านวิจัยที่ต้องการศึกษาต่อและนักศึกษาไทยจะได้เสนอเข้ารับทุนและทำงานวิจัยในสถาบันวิจัยของ 4 มหาวิทยาลัยชั้นนำของสิงคโปร์ ได้แก่1.Nanyang Technological University (NTU) 2.National University of Singapore (NUS) Singapore 3.Management University (SMU) และ 4.Singapore University of Technology and Design (SUTD) เป็นระยะเวลา 4 ปี โดยหลังจากที่สำเร็จการศึกษาเรียบร้อยแล้ว นักศึกษาจะได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยพันธมิตรที่ไปทำวิจัยด้วย นอกจากนี้จะมีโปรแกรมทำวิจัยระยะสั้นที่หลากหลายร่วมกับมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ โดย A*STAR จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนากำลังคน
นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิชาการ หลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ สวทช. กล่าวว่า บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ภายใต้การดูแลของ สวทช. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ฝึกทักษะและพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับเด็กและเยาวชนผู้มีความสนใจและมีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นแหล่งเรียนรู้และสนับสนุนพัฒนาเด็กและเยาวชนและอบรมครูในรูปแบบที่หลากหลาย จึงนับว่าเป็นประโยชน์มากที่ได้แลกเปลี่ยนโครงการอบรมครูวิทยาศาสตร์ของสิงคโปร์และแนวทางการจัดระบบการศึกษาได้อย่างน่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือสร้างเครือข่ายในการทำงานร่วมกับครูผู้สอนด้านสะเต็มศึกษา (STEM Education) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ การแนะแนวเส้นทางอาชีพที่หลากหลายและชี้ให้เห็นโอกาสความก้าวหน้าของอาชีพต่าง ๆ ให้นักเรียนได้ตัดสินใจและเลือกสาขาที่ตนถนัดและชอบ
“ความคาดหวังจากความร่วมมือดังกล่าว จะมีสนับสนุนการวิจัยที่มีคุณภาพและพัฒนาเทคโนโลยีที่สร้างนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีคุณค่าสำหรับเศรษฐกิจและสังคม มีการทำงานร่วมกับบริษัทเอกชน สถาบันการศึกษาและหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อสร้างความร่วมมือในการนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเข้าสู่การประยุกต์ใช้ในสาขาอุตสาหกรรม ส่งเสริมและมุ่งเน้นการวิจัยในด้านต่าง ๆ เช่น วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ วัสดุ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิต, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการแพทย์, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”
ข่าวประชาสัมพันธ์
เปิดรับสมัคร ผู้สนใจรับทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและระดับปริญญาเอก ประจำปีการศึกษา 2567
เปิดรับสมัคร ผู้สนใจรับทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและระดับปริญญาเอก ประจำปีการศึกษา 2567 (ค.ศ. 2024)
*** โดยไม่มีภาระผูกพันการชดใช้ทุน ***
มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ เปิดรับสมัครผู้สนใจรับทุนการศึกษา ไปศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก
ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในต่างประเทศได้ทูลเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพระราชทานแก่บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามข้อกำหนดของมหาวิทยาลัย โดยไม่มีข้อผูกพันการชดใช้ทุน จำนวน 5 มหาวิทยาลัย ดูข้อมูลได้ที่ https://www.princess-it.org/scholarship/ ดังนี้
1. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 2 ทุน ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ จำนวน 7 สาขา ดังนี้
(1) Mechanical & Aerospace Engineering
(2) Materials Science & Engineering
(3) Biomechanics
(4) Human Factors
(5) Rehabilitation Engineering
(6) Artificial Intelligence & Machine Learning
(7) Robotics
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 19 มกราคม 2567
สนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัย ดูได้ที่ https://www.ntu.edu.sg/mae/research/research-focus
สนใจประกาศรับสมัคร ดูและสมัครได้ที่ https://www.princess-it.org/scholarship/ntu/
2. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ (Singapore University of Technology and Design: SUTD) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน 3 ทุน ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 4 สาขา ดังนี้
Engineering Product Development (EPD) ดูที่ https://epd.sutd.edu.sg/people/faculty/
Engineering Systems and Design (ESD) ดูที่ https://esd.sutd.edu.sg/people/faculty/
Information Systems Technology and Design (ISTD) ดูที่ https://istd.sutd.edu.sg/people/faculty/
Science, Mathematics and Technology (SMT) ดูที่ https://smt.sutd.edu.sg/people/faculty/
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567
สนใจประกาศรับสมัคร ดูและสมัครได้ที่ https://www.princess-it.org/scholarship/sutd/
3. มหาวิทยาลัยซีอานเจียวทง (Xi'an Jiaotong University: XJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีน ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาระดับปริญญาโท จำนวน 3 ทุน ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือการจัดการด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ จำนวน 9 สาขา ดังนี้
(1) Mechanical Engineering
(2) Power Engineering and Engineering Thermophysics
(3) Electronic Science and Technology
(4) Information and Communication Engineering
(5) Control Science and Engineering
(6) Computer Science and Technology
(7) Materials Science and Engineering
(8) Electrical Engineering
(9) Management Science and Engineering
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 26 มกราคม 2567
สนใจศึกษาข้อมูลของหลักสูตร ดูได้ที่ https://sie.xjtu.edu.cn/en/2024pdf
สนใจประกาศรับสมัคร ดูและสมัครได้ที่ https://www.princess-it.org/scholarship/xjtu/
4. มหาวิทยาลัยคอลเลจดับลิน (University College Dublin : UCD) สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาระดับปริญญาโท จำนวน 2 ทุน ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์การเกษตร และวิทยาศาสตร์การอาหาร จำนวน 3 สาขา ได้แก่
College of Engineering and Architecture
College of Science
School of Agriculture & Food Science ภายใต้ College of Health and Agricultural Sciences
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 12 เมษายน 2567
สนใจประกาศรับสมัคร ดูและสมัครได้ที่ https://www.princess-it.org/scholarship/ucd/
สนใจศึกษาข้อมูลของหลักสูตร ดูได้ที่
เว็บไซต์ The HRH Scholarship Programme with the 2024/25 intake timeline and information https://bit.ly/3H5vdwx
เว็บไซต์ Scholarships for Thai Students https://bit.ly/3RXekdI
เว็บไซต์ https://www.ucd.ie/global/scholarships/
เลือก Thailand หัวข้อ HRH Princess Maha Chakri Sirindhorn of Thailand Scholarship
5. สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสโกลโกโว (Skolkovo Institute of Science and Technology: Skoltech) สหพันธรัฐรัสเซีย ทูลเกล้าฯ ถวายทุนการศึกษาระดับปริญญาโท จำนวน 3 ทุน ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 3 สาขาดังนี้
Master of Science in Electricity and Electrical Engineering (Energy Systems)
Master of Science in Materials Science and Technology of Materials (Materials Science)
Master of Science in Mathematics and Computer Science (Data Science)
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 5 เมษายน 2567
สนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทุนและหลักสูตร ดูได้ที่ https://student.skoltech.ru/sirindhorn-scholarship
สนใจประกาศรับสมัคร ดูและสมัครได้ที่ https://www.princess-it.org/scholarship/skoltech
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โทรศัพท์ 089 452 4244 (คุณเยาวลักษณ์) email : info@princess-it.org
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.princess-it.org/scholarship/
ปฏิทินกิจกรรม
ผลการดำเนินงาน สวทช. ปีงบประมาณ 2566
สวทช. สรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2566 นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในทุกมิติ พร้อมขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ NSTDA Core Business สามารถผลิตผลงานวิจัยนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในวงกว้าง สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม คิดเป็นมูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท และเกิดการลงทุนด้าน วทน. มากถึง 15,000 ล้านบาท
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
สวทช. ต้อนรับศักราชใหม่ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 32 ปี และวันขึ้นปีใหม่ 2567
ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย : (4 มกราคม 2567) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมคณะผู้บริหาร พนักงาน สวทช. และประชาคม อวท. ร่วมกิจกรรมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 32 ปี วันก่อตั้ง ในวันที่ 29 ธันวาคม 2566 และวันขึ้นปีใหม่พุทธศักราช 2567 โดยมี พระเทพวชิรมุนี (ม.ล.คิวปิด ปิยโรจโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ข่าวประชาสัมพันธ์
เนคเทค สวทช. ร่วม EECi พัฒนา ‘I2-Starter Kit’ ชุดอุปกรณ์เรียนรู้ระบบ IIoT มุ่งสนับสนุนเยาวชนไทยเข้าถึงอุปกรณ์พัฒนาทักษะอุตสาหกรรม 4.0 อย่างทั่วถึง
แม้อุตสาหกรรมทั่วโลกจะตื่นตัวกับการก้าวกระโดดสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 หรือยุคที่มนุษย์สื่อสารกับเครื่องจักรภายในโรงงานที่เป็นอุปกรณ์ Industrial Internet of Things (IIoT) ได้จากทุกที่ทุกเวลา ทั้งเพื่อติดตามการทำงานของสายการผลิต สั่งการทำงาน หรือดึงฐานข้อมูลต่าง ๆ จาก PLC (Programable Logic Control) มาใช้ปรับแผนการทำงานแบบเรียลไทม์ อาทิ การประเมินศักยภาพสายการผลิต การวางแผนการผลิต การวางแผนซ่อมแซมอุปกรณ์ แต่จนถึงปัจจุบันโรงงานในประเทศไทยส่วนใหญ่กลับยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนอุปกรณ์และกระบวนการผลิตเพื่อก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ได้ สาเหตุสำคัญมาจากการขาดแคลนแรงงานทักษะสูงที่มีความรู้ความเข้าใจด้าน ‘การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IIoT อย่างลึกซึ้ง’ ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนด้านอุปกรณ์และซอฟต์แวร์เพื่อการใช้งานเทคโนโลยีประเภทนี้ยังมีค่าใช้จ่ายมาก ผู้ประกอบการในระดับ SMEs ส่วนใหญ่ลงทุนไม่ไหวแม้จะมีความต้องการใช้งานสูงก็ตาม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา ‘I2-Starter Kit (ไอสแควร์ - สตาร์ตเตอร์ คิต)’ หรือ ‘ชุดอุปกรณ์การเรียนการสอน IIoT แบบพกพา’ ที่รวม PLC ของเครื่องจักรหลายแบรนด์ไว้ในชุดอุปกรณ์ขนาดประมาณกระดาษ A4 แผ่นเดียว สามารถลดค่าอุปกรณ์เรียนรู้จากหลักแสนเหลือเพียงหลักหมื่นบาท ช่วยให้สถาบันการศึกษามีกำลังจัดซื้ออุปกรณ์ให้ผู้เรียนใช้งานได้อย่างทั่วถึง
[caption id="attachment_50940" align="aligncenter" width="700"] ปิยวัฒน์ จอมสถาน ผู้ช่วยวิจัย เนคเทค สวทช.[/caption]
ปิยวัฒน์ จอมสถาน ผู้ช่วยวิจัย กลุ่มวิจัยไอโอทีและระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม (IIARG) เนคเทค สวทช. ผู้พัฒนาชุดอบรม I2-Starter Kit อธิบายว่า จากประสบการณ์การเป็น System Engineer/IoT Engineer ให้บริษัทชั้นนำ และเป็นวิทยากรด้านการพัฒนาทักษะ IIoT แบบเข้มข้นให้แก่บริษัทเอกชน ครู นักเรียน และนักศึกษา ทำให้เห็นช่องโหว่ที่สำคัญว่าประเทศไทยยังขาดแคลนผู้บูรณาการระบบ หรือ System Integrator (SI) และผู้ดำเนินงานด้านวิศวกรรมระบบ (System Engineering) ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ IIoT อย่างลึกซึ้ง จึงไม่สามารถประยุกต์ใช้อุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่จะช่วยลดการลงทุนด้านการปรับปรุงระบบโรงงานให้แก่ผู้ประกอบการได้
“สาเหตุสำคัญมาจากค่าอุปกรณ์การเรียนรู้ด้านการพัฒนาระบบ IIoT มีราคาค่อนข้างสูง และต้องอาศัยประสบการณ์การเรียนรู้มาก ทีมวิจัยจึงได้ร่วมกันพัฒนา I2-Starter Kit ขึ้น สำหรับใช้เป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนด้านระบบ IIoT ในราคาย่อมเยา เพื่อให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงผู้ดำเนินงานด้าน SI และโรงงานอุตสาหกรรม ได้ใช้เรียนรู้ถึงกลไกการทำงานและการประยุกต์ใช้อุปกรณ์และซอฟต์แวร์อย่างลึกซึ้ง นำไปสู่การปรับใช้ในโรงงานต่าง ๆ ได้จริง โดยได้รับทุนสนับสนุนด้านการพัฒนาชุดอุปกรณ์และการจัดการเรียนการสอนจากเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)”
[caption id="attachment_50939" align="aligncenter" width="706"] : I2-Starter Kit[/caption]
I2-Starter Kit เรียนรู้ IIoT แบบครบจบในบอร์ดเดียว
I2-Starter Kit เป็นชุดอุปกรณ์การเรียนการสอน IIoT แบบพกพา ที่ประกอบด้วยหัวใจหลักของเครื่องจักร 2 ส่วน คือ PLC หรือระบบประมวลผลที่เปรียบเสมือนสมองของเครื่องจักร และ HMI (Human Machine Interface) หน้าจอสำหรับแสดงผลและกดสั่งการทำงานเครื่องจักร นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ประกอบการเรียนรู้ คือ Switch และ Volume สำหรับนำเข้าข้อมูล, LED และ Buzzer สำหรับแสดงผลการทำงานต่าง ๆ และส่วนสุดท้ายคือพอร์ตสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมภายนอก เช่น มอเตอร์ ชุดอุปกรณ์นี้ใช้งานได้กับ IoT Gateway ทุกแบรนด์ (เลือกใช้ได้ตามความสะดวกในการจัดหา หรือจะพัฒนาอุปกรณ์เพื่อใช้งานเองก็ได้เช่นกัน) I2-Starter Kit เหมาะสำหรับใช้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบ IIoT เชิงลึก เน้นทำความเข้าใจการทำงานของทั้งระบบ เพื่อให้ผู้เรียนนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำกัดแบรนด์ของอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานจริง
ปิยวัฒน์ อธิบายว่า ทีมวิจัยได้ออกแบบหลักสูตรสำหรับใช้งานร่วมกับชุดอุปกรณ์นี้ไว้ 6 โมดูลหลัก ครอบคลุมการเรียนรู้เกี่ยวกับระบบ IIoT อย่างลึกซึ้ง โมดูลแรกคือการเรียนรู้ภาพรวมของระบบ IIoT โมดูลที่สองคือการเรียนรู้วิธีการดึงข้อมูลจาก PLC ผ่าน IoT Gateway และการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบพร้อมใช้งาน โมดูลที่สามคือวิธีการพัฒนาระบบสั่งการทำงาน PLC จากทางไกล โมดูลที่สี่คือการเรียนรู้วิธีการนำข้อมูลที่ได้จาก PLC มาใช้วางแผนการทำงานของสายการผลิต (Production Planning) โมดูลที่ห้าคือการนำข้อมูลที่ได้จาก PLC มาใช้ประเมินประสิทธิภาพการทำงานของสายการผลิต (Overall Equipment Effectiveness: OEE) และโมดูลสุดท้ายคือการนำข้อมูลที่ได้จาก PLC มาใช้วางแผนการซ่อมบำรุงเพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องจักร (Preventive Maintenance) และใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับให้ AI หรือ ML (Machine Learning) เรียนรู้ เพื่อทำนายความเสียหายที่จะเกิดขึ้นของเครื่องจักรนั้น ๆ (Predictive Maintenance) แบบจำเพาะ สำหรับวางแผนการซ่อมบำรุงรักษาล่วงหน้า
“หนึ่งในจุดเด่นของชุดอุปกรณ์ I2-Starter Kit ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาระบบ IIoT คือ ซอฟต์แวร์ของ PLC ที่ติดตั้งอยู่บนชุดอุปกรณ์นี้ไม่ได้เป็นซอฟต์แวร์สำหรับประมวลผลเครื่องจักรแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเท่านั้น แต่ภายใน PLC มีข้อมูลจำลอง (Simulation Model) ของเครื่องจักรจากทุกแบรนด์ที่มีการใช้งานมากในประเทศไทยบรรจุไว้ เพื่อช่วยทลายกรอบการเรียนรู้ด้านระบบ IIoT เพราะโดยทั่วไปแล้วผู้เรียนมักได้ศึกษาผ่านชุดอุปกรณ์ของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งที่สถาบันจัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น ซึ่งอุปกรณ์และซอฟต์แวร์เหล่านี้มักเป็นชุดสำเร็จรูปที่พร้อมใช้งานแล้ว ทำให้เมื่อผู้เรียนต้องทำงานกับอุปกรณ์แบรนด์อื่น ๆ อาจไม่สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ รวมถึงไม่สามารถเลือกนำอุปกรณ์จากต่างแบรนด์มาปรับใช้งานร่วมกันเพื่อช่วยลดต้นทุนด้านการพัฒนาระบบ IIoT ให้แก่โรงงานด้วย”
เตรียมใช้ I2-Starter Kit ยกระดับการเรียนรู้เยาวชนไทยทั่วประเทศ
นับตั้งแต่ปี 2564 สวทช. ได้ใช้ชุด I2-Starter Kit ทดลองจัดการเรียนการสอนด้านระบบ IIoT ให้แก่อาจารย์ นักเรียน และนักศึกษารวมแล้วมากกว่า 700 คน โดยมีนักศึกษามากกว่าร้อยละ 70 ได้ทำงานต่อในสายงานนี้ภายหลังจบการศึกษา และมีบางส่วนเลือกศึกษาต่อเฉพาะทางด้านนี้ด้วย
ปิยวัฒน์ อธิบายว่า สวทช. และ EECi ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนากำลังคน จึงได้จัดฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบ IIoT ให้แก่อาจารย์ นักเรียน และนักศึกษา โดยบรรจุไว้เป็นหลักสูตรนำร่องของสถาบันการศึกษาระดับอาชีวศึกษาในภาคตะวันออก และทดลองใช้สอนในหลายมหาวิทยาลัย อาทิ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เป็นเวลาต่อเนื่องมากว่า 3 ปีแล้ว และเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงไปสู่การใช้งานจริง ทีมงานผู้จัดอบรมจึงได้สร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการไทยรับนักศึกษาที่ผ่านการอบรมเข้าฝึกงานในโรงงาน เพื่อประโยชน์ 2 ด้านหลัก ด้านแรกคือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียน นักศึกษาที่ไปฝึกงานตามโรงงานต่าง ๆ จะได้ฝึกประยุกต์ใช้งานระบบ IIoT จากโจทย์จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์และเพิ่มพูนทักษะ ส่วนด้านที่สองคือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการไทย ผู้ประกอบการจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี IIoT มากยิ่งขึ้น และเห็นถึงลู่ทางในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมโดยไม่ต้องลงทุนสูง รวมทั้งยังเห็นถึงประโยชน์ของการก้าวกระโดดสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านตามลำดับจาก 2.0 (ใช้คนทำงานร่วมกับเครื่องจักร) ไป 3.0 (ใช้ระบบออโตเมติกในการทำงาน) แต่ก้าวกระโดดจาก 2.0 ไป 4.0 ได้เลย ซึ่งข้อดีสำคัญที่จะเกิดขึ้นทันทีหลังจากติดตั้งและมีการใช้งานระบบ IIoT อย่างเต็มระบบ คือ ‘การมีสายการผลิตที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและการลดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง’
[caption id="attachment_50944" align="aligncenter" width="700"] นำ I2-Starter Kit ไปใช้จัดการเรียนการสอนให้อาจารย์และนักศึกษา[/caption]
[caption id="attachment_50945" align="aligncenter" width="700"] นำ I2-Starter Kit ไปใช้จัดการเรียนการสอนให้อาจารย์และนักศึกษา[/caption]
“ล่าสุดช่วงปลายปี 2566 สวทช. ได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิสยามกัมมาจลในการดำเนินโครงการต่อกล้าอาชีวะ เพื่อพัฒนาทักษะด้าน IIoT ให้แก่นักเรียนและนักศึกษาจากทั่วประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปี โดยจะเริ่มดำเนินงานในปี 2567 นี้ นอกจากนี้ สวทช. ยังมีแผนประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในการนำหลักสูตรการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการเรียนการสอน และผลักดันให้มีการออกใบรับรองความรู้ความสามารถเพื่อใช้เป็นใบเบิกทางในการสมัครงานและการเพิ่มฐานเงินเดือนด้วย” ปิยวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบันชุดอุปกรณ์ I2-Starter Kit ผ่านการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ผู้ประกอบการที่สนใจรับถ่ายทอดเทคโนโลยีติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2564 7000 ต่อ 1619 อีเมล tlo-ipb@nstda.or.th หรือทางเว็บไซต์ www.nstda.or.th/r/FTCFI
อาจารย์ นักเรียน และนักศึกษา ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับระบบ IIoT แบบเชิงลึกติดตามการจัดฝึกอบรมได้ฟรีผ่าน YouTube channel ช่อง ‘Taekoyzkingz' ส่วนด้าน SI รวมถึง System Engineering ติดตามหลักสูตรเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 โดย SMC academy ได้ทาง www.nectec.or.th/smc/services-training/ ตัวอย่างหลักสูตรเด่น เช่น Automation & Robotics, IoT & Edge Computing, AI & Data Technology, Lean Management & Smart Manufacturing, OT/IT Security
[caption id="attachment_50942" align="aligncenter" width="703"] ภาพบรรยากาศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ SI และ System Engineer โดย SMC Academy[/caption]
[caption id="attachment_50946" align="aligncenter" width="700"] ภาพบรรยากาศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ SI และ System Engineer โดย SMC Academy[/caption]
[caption id="attachment_50943" align="aligncenter" width="700"] ภาพบรรยากาศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ SI และ System Engineer โดย SMC Academy)[/caption]
เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และเนคเทค สวทช.
ภาพประกอบโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และเนคเทค สวทช.
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น
“ศุภมาส” ห่วงใยเร่งช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้
ศุภมาส ห่วงใยพี่น้องชาวใต้ : (วันที่ 3 มกราคม 2567) ณ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) : นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับมอบ Magic Pants กางเกงแก้ว ช่วยกันน้ำและโรคที่มากับน้ำ จำนวน 2,500 ตัว
จากศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทั้งนี้ผลงานดังกล่าวเป็นนวัตกรรมที่ผ่านการวิจัยจาก สวทช. ภายใต้กระทรวง อว. เพื่อนำมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะ 3 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยหนักที่สุดในรอบ 50 ปี ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็ยังอยู่ในช่วงฤดูมรสุม
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. รวมพลัง! ขับเคลื่อนงานวิจัย BCG เพิ่มคุณภาพชีวิตคนไทย สู่ความยั่งยืน
สวทช. แถลงผลงานประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “สวทช. ขับเคลื่อนงานวิจัย BCG เพิ่มคุณภาพชีวิตคนไทย สู่ความยั่งยืน” เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศตามนโยบาย “เอกชนนำ รัฐสนับสนุน” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. นางสาวศุภมาส อิศรภักดี พร้อมเปิดแผน 11 BCG Implementation ในปี 2567 ที่มุ่งมั่นนำ “งานวิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” ไปเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืน
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
อว. โดย สวทช. ร่วมพันธมิตรจัดการประชุม China-ASEAN High Speed Railway Technical Development Forum
21 ธันวาคม 2566 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ : รศ.ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะผู้แทนผู้อำนวยการ สวทช. เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม China-ASEAN High Speed Railway Technical Development Forum “Green, Intelligent and Win-Win-Jointly for ASEAN Railway Technology Development จัดโดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) CRRC Qingdao Sifang และ สวทช.
รศ.ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการเอ็มเทค สวทช. กล่าวว่า สวทช. มีความร่วมมือด้านงานวิจัย และการทดสอบระบบรางผ่านโครงการจัดตั้ง China-Thailand Belt and Road Joint Laboratory on Rail Transit ร่วมกับ CRRC Qingdao Sifang และ วว. มาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้บันทึกความเข้าใจด้านระบบรางระหว่างกระทรวง อว. และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประเทศจีน นอกเหนือจากกิจกรรมประชุมวิชาการแล้ว ในงานนี้ สวทช. ในฐานะคณะกรรมการมาตรฐานระบบรางนานาชาติ ISO/TC269 Railway Applications ได้จัดการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง CRRC Qingdao Sifang และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านมาตรฐานระบบรางของไทย
ภายในงาน ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ เอ็มเทค สวทช. ได้บรรยายเรื่อง Lightweight Materials Research Trends for more Green Rail Transportation โดยนำเสนอแนวทางงานวิจัยการพัฒนาวัสดุเบาของ สวทช. สำหรับการผลิตตู้โดยสารรถไฟ (Passenger car) และแคร่ล้อรถไฟ (Bogie) ส่งเสริมนโยบายการประกอบและการผลิตชิ้นส่วนรถไฟในไทย
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์


