ผลการค้นหา :
สวทช. นำแพลตฟอร์มนวนุรักษ์ : คลังข้อมูลวัฒนธรรมและความหลากหลายทางชีวภาพ ร่วมจัดแสดงนิทรรศการก่อนการประชุม ครม.สัญจร จ.ระนอง เพื่อร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและนโยบาย Soft Power ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
วันที่ 19 ม.ค. 2567 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.อว. รศ.ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัด อว. และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของ อว. ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และระนอง ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ณ พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยมี นายสุวิทย์ สุริยะวงค์ ปลัดจังหวัดภูเก็ต ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และคณะ ให้การต้อนรับ
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้นำผลงานวิจัยร่วมแสดงนิทรรศการสนับสนุนการท่องเที่ยวและนโยบาย Soft Power โดยมี ดร.กัลยา อุดมวิทิต รักษาการ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. และทีมนักวิจัย นำเสนอ "แพลตฟอร์มนวนุรักษ์" ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการข้อมูลวัฒนธรรม ซึ่งอาจจะเป็นโบราณวัตถุ ใบลาน จดหมายเหตุ ประเพณี วิถีชีวิต รวมถึงข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นพืชและสัตว์ท้องถิ่นที่จัดเก็บข้อมูลได้ด้วยตัวเองแล้ว
ยังสามารถใช้งานทางด้านการท่องเที่ยวได้และการนำชมได้ด้วยตัวเอง แนะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงมีการจัดเก็บข้อมูลผู้เยี่ยมชม และการตอบนับจากผู้เยี่ยมชม และมีส่วนของ playground ที่สามารถสร้างเกมสำหรับการจัดกิจกรรมได้ โดยแพลตฟอร์นวนุรักษ์ได้จัดเก็บข้อมูลของ จ.ภูเก็ตไว้ 2 แห่ง คือ ย่านเมืองเก่าโดยได้รวบรวมข้อมูลอาคารสถาปัตยกรรม ผ้า วัฒนธรรม เส้นทางการท่องเที่ยว และอีกสถานที่สำคัญคือหาดไม้ขาว ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลทางชีวภาพ รวมถึงเส้นทางการท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน เป็นต้น
ข่าวประชาสัมพันธ์
Rachel ชุดเสริมแรงเคลื่อนไหว สำหรับผู้สูงอายุ
นักวิจัยเอ็มเทค สวทช. พัฒนา Rachel ชุดบอดี้สูทช่วยในการเคลื่อนไหวสำหรับผู้สูงอายุ สามารถสวมใส่ทำกิจวัตรต่างๆ ได้ตลอดวัน โดยใช้เทคโนโลยีกล้ามเนื้อจำลองในการช่วยเสริมแรงการเคลื่อนไหวของร่างกาย ตอบโจทย์และรองรับสังคมผู้สูงวัยในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อขยายผลในเชิงพาณิชย์ มีเป้าหมายให้มีราคาที่คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
‘M Sense’ ชุดตรวจโลหะปนเปื้อนในน้ำ ลดค่าตรวจ เพิ่มคุณภาพน้ำกินน้ำใช้ให้ประชาชนไทย
‘โลหะ’ เป็นแร่ธาตุที่พบได้ทั่วไปในเปลือกโลก จึงพบการปนเปื้อนของโลหะในแหล่งน้ำธรรรมชาติทั้งน้ำบาดาลและน้ำผิวดินได้อยู่เสมอ นอกจากนี้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งการทำการเกษตร อุตสาหกรรม รวมถึงกิจกรรมในครัวเรือนล้วนทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติเกิดการปนเปื้อนโลหะได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วผู้ผลิตน้ำประปาจึงควรหมั่นตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ำที่นำมาใช้ผลิต เพราะหากผู้บริโภครับประทานน้ำที่มีโลหะปนเปื้อนเข้าไปมากเกินขนาด หรือบริโภคต่อเนื่องจนเกิดการสะสม ‘โลหะเหล่านั้นอาจเป็นพิษต่อร่างกายของผู้บริโภคจนถึงขั้นเสียชีวิตได้’
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วิจัยและพัฒนา ‘M Sense’ ชุดตรวจโลหะปนเปื้อนในน้ำ อาทิ แมงกานีส ทองแดง เหล็ก และพัฒนาอุปกรณ์เสริม ‘DuoEye Reader’ อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) สำหรับประมวลผลปริมาณโลหะปนเปื้อนในน้ำชนิดแจ้งผลการตรวจได้ทันที พร้อมจัดเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบคลาวด์ (cloud) โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดภาระงานให้แก่เจ้าหน้าที่ภาคสนาม และเป็นเครื่องมือให้ประชาชนใช้ติดตามการปนเปื้อนของโลหะด้วยตนเอง ทั้งนี้ในการวิจัย สวทช. ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และหน่วยงานพันธมิตร
ดร.วีรกัญญา มณีประกรณ์ หัวหน้าทีมวิจัยวัสดุตอบสนองระดับนาโน (RNM) นาโนเทค สวทช. เล่าว่า จุดเริ่มต้นในการพัฒนาชุดตรวจคุณภาพน้ำในรูปแบบใช้งานง่ายและมีราคาจับต้องได้ มาจาก รศ. นสพ. ดร.ศุภชัย เนื้อนวลสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิเคราะห์ความเสี่ยงอาหารและน้ำ (Center of Excellence in Food and Water Risk Analysis: FAWRA) คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล็งเห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยด้านอาหารและน้ำดื่ม (ทั้งทางชีวภาพและกายภาพ) จึงได้ชี้ให้ทีมวิจัยทราบถึงปัญหาด้านการตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาของประเทศไทยที่ปัจจุบันระบบผลิตน้ำประปาส่วนใหญ่เป็นรูปแบบประปาหมู่บ้าน (นอกเหนือจากการประปาส่วนภูมิภาคและการประปานครหลวงซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน) ซึ่งมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำเฉลี่ยเพียงปีละ 1 ครั้งตามกฎหมายกำหนดเท่านั้น เนื่องจากการส่งตรวจตัวอย่างน้ำในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานมีราคาค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และต้องใช้เวลารอผลตรวจนาน ส่วนอุปกรณ์ภาคสนามที่ใช้ตรวจได้ด้วยตัวเอง ทราบผลการตรวจได้รวดเร็วกว่า ก็มีราคาเครื่องมือที่สูงเกินกว่าที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะลงทุนไหว
“อย่างไรก็ตามการติดตามการปนเปื้อนในแหล่งน้ำเพียงปีละ 1 ครั้งอาจไม่เพียงพอ เพราะตามธรรมชาติแล้วคุณภาพของน้ำจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล รวมถึงการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ อาทิ การทำการเกษตร การขุดลอก การทำเหมืองแร่ ตัวอย่างชนิดของโลหะที่พบการปนเปื้อนได้บ่อยครั้งและมีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ‘แมงกานีส (manganese: Mn)’ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เยื่อบุในระบบทางเดินอาหารอักเสบ และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอัมพาต เนื่องจากระบบประสาทถูกทำลาย ‘ทองแดง (copper: Cu)’ ก่อให้เกิดอาการเบื่ออาหาร อาเจียน อ่อนเพลีย เม็ดเลือดแดงแตกตัว และส่งผลต่อการทำงานของตับ”
จากปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยได้นำความเชี่ยวชาญด้านการสังเคราะห์โมเลกุลสารอินทรีย์ในระดับนาโนที่พัฒนาขึ้นสำหรับใช้ในงานด้านการแพทย์มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา ‘โมเลกุลเซนเซอร์ที่ทำปฏิกิริยาจำเพาะกับโลหะแต่ละชนิด ซึ่งแสดงสีเฉพาะตัวได้หลังทำปฏิกิริยากับโลหะที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ’ โดยทีมได้ตั้งชื่อชุดเทคโนโลยีนี้ว่า ‘M Sense (Metal Sense)’ ปัจจุบันเทคโนโลยีในกลุ่ม M Sense ที่พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้วมี 3 ชนิด คือ ‘Mn Sense (Manganese Sense)’ ชุดตรวจการปนเปื้อนของแมงกานีส ‘Cu Sense (Copper Sense)’ ชุดตรวจการปนเปื้อนของทองแดง และ ‘Fe Sense (Iron Sense)’ ชุดตรวจการปนเปื้อนของเหล็ก
[caption id="attachment_51752" align="aligncenter" width="750"] ทีมพัฒนาโมเลกุลเซ็นเซอร์ M Sense[/caption]
ดร.วีรกัญญา อธิบายว่า ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม M Sense ผ่านการออกแบบให้ใช้งานง่าย เพียงผู้ทดสอบเก็บตัวอย่างน้ำมาใส่ในขวดทดลองตามปริมาณที่กำหนด เติมน้ำยาทดสอบลงในขวดแล้วรอเวลา 1-3 นาที (ระยะเวลาการตรวจขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะที่ต้องการตรวจ) หากสีของน้ำเปลี่ยนแปลงไปแสดงว่ามีการปนเปื้อนของโลหะชนิดที่ตรวจ ซึ่งผู้ตรวจสามารถตรวจสอบปริมาณการปนเปื้อนเชิงคุณภาพหรือเชิงกึ่งปริมาณได้จากการนำขวดการทดลองไปวางเทียบกับชาร์ตสีของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้เพื่อให้ผู้ตรวจทราบถึงผลเชิงปริมาณสำหรับนำไปใช้วางแผนปรับปรุงคุณภาพน้ำได้อย่างเหมาะสม ทีมวิจัยได้ร่วมกับกลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ (SSDRG) จากเนคเทค สวทช. สร้างเครื่องอ่านปริมาณสารเคมีในน้ำแบบพกพา DuoEye Reader เพื่อใช้คำนวณปริมาณโลหะปนเปื้อนในน้ำและแจ้งผลโดยระบุปริมาณการปนเปื้อน
[caption id="attachment_51748" align="aligncenter" width="500"] DuoEye Reader ผลงานต้นแบบโดย เนคเทค สวทช.[/caption]
“DuoEye Reader เป็นอุปกรณ์ IoT ที่ผ่านการออกแบบให้ใช้งานง่าย เพียงนำขวดทดสอบที่บรรจุน้ำตัวอย่างใส่ในเครื่องอ่านแล้วกดปุ่ม ‘blank’ เพื่อบันทึกค่าสีเริ่มต้น จากนั้นนำขวดทดสอบออกมาเติมสารทดสอบ M Sense แล้วนำกลับไปใส่ในเครื่องอ่านฯ อีกครั้ง แล้วกดปุ่ม ‘measure’ เพื่อเริ่มประมวลผล เครื่องอ่านจะคำนวณค่าสีที่เปลี่ยนแปลงไปและแสดงผลการปนเปื้อนออกมาเป็นตัวเลข (ใช้เวลาในการประมวลผล 1-3 นาที ขึ้นอยู่กับชนิดของสารปนเปื้อนที่ตรวจ) พร้อมจัดส่งข้อมูลการตรวจวัดทั้งวันที่ เวลา พิกัด และปริมาณการปนเปื้อนเข้าสู่ระบบคลาวด์โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลการตรวจสอบได้จากทุกที่ทุกเวลาแบบเรียลไทม์ ปัจจุบัน DuoEye Reader ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ IEC/EN 61010-1 จากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) สวทช. เรียบร้อยแล้ว”
[caption id="attachment_51751" align="aligncenter" width="750"] ทีมพัฒนา DuoEye Reader[/caption]
ชุดตรวจโลหะปนเปื้อนในน้ำ M Sense ที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพการตรวจสอบการปนเปื้อนเทียบเท่ากับชุดตรวจมาตรฐานสากลที่ประเทศไทยต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่มีจุดแข็งที่โดดเด่นกว่าหลายประการ อาทิ มีความจำเพาะกับชนิดของโลหะ มีความปลอดภัยในการใช้งานสูงเนื่องจากหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีอันตรายในการทดสอบ การตรวจแต่ละตัวอย่างใช้เวลาในการตรวจสั้น เพียงประมาณ 3-5 นาทีเท่านั้น ขณะที่ชุดตรวจทั่วไปใช้เวลา 15-30 นาที นอกจากนี้ทั้ง M Sense และ DuoEye Reader ยังผ่านการออกแบบให้ใช้งานง่ายเหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ด้วย ทั้งนี้หากพิจารณาเพิ่มเติมในมุมของการลงทุนค่าอุปกรณ์เพื่อการใช้งานในระยะยาวแล้ว เครื่อง DuoEye Reader ยังมีอีกหนึ่งจุดแข็งที่สำคัญ คือ ออกแบบให้ใช้งานร่วมกับชุดตรวจสารปนเปื้อนในน้ำทุกประเภทที่ทีมวิจัยนาโนเทค สวทช. พัฒนาขึ้นได้ ภาครัฐและภาคเอกชนที่มีอุปกรณ์นี้แล้วไม่ต้องลงทุนค่าอุปกรณ์เพิ่มเติมเมื่อต้องการตรวจสารปนเปื้อนชนิดอื่น ๆ ที่ทีมวิจัยพัฒนาออกมาใหม่ ทำให้ช่วยประหยัดงบประมาณได้เป็นอย่างดี
ดร.วีรกัญญา เล่าว่า ที่ผ่านมาทีมวิจัยได้นำทั้ง ‘M Sense’ และ ‘DuoEye Reader’ เข้าทดสอบการใช้งานจริงร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ศูนย์อนามัยที่ 7 จังหวัดขอนแก่น และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษจังหวัดขอนแก่นเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือทดสอบการใช้งานจริงจากภาคประชาชน ชุมชน หมู่บ้าน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในจังหวัดขอนแก่น และภาคการศึกษาซึ่งเป็นครูและนักเรียนในจังหวัดลำปางมากกว่า 20 โรงเรียน ทีมวิจัยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่ออุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นได้รับการยอมรับจากภาครัฐและภาคประชาชนแล้ว จะมีโอกาสขึ้นทะเบียนเป็นชุดตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ใช้ยื่นผลการตรวจต่อภาครัฐได้ตามกฎหมาย เพื่อให้ภาคเอกชนและองค์กรส่วนท้องถิ่นเข้าถึงอุปกรณ์ในราคาย่อมเยา ทำให้ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำได้บ่อยครั้งมากขึ้น ซึ่งจะเกิดผลดีต่อผู้บริโภคต่อไป
[caption id="attachment_51750" align="aligncenter" width="750"] ทีมทดสอบภาคสนามและถ่ายทอดเทคโนโลยี[/caption]
นอกจากการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม M Sense ทั้ง 3 ชนิดดังที่กล่าวถึงข้างต้น ปัจจุบันทีมวิจัยยังกำลังดำเนินงานพัฒนาชุดตรวจการปนเปื้อนเคมีในน้ำอีกหลายชนิด เพื่อให้ครอบคลุมการตรวจสอบคุณภาพน้ำในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยได้เลือกใช้เทคโนโลยีหลักที่มีขั้นตอนการทดสอบเหมือนชุดตรวจที่ผ่านมาหรือมีความคล้ายคลึงกันสูง เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องเรียนรู้การใช้งานใหม่
ดร.วีรกัญญา เสริมว่า ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้ว คือ ‘F Sense ชุดตรวจฟลูออไรด์ในน้ำ’ ซึ่งมักตรวจพบการปนเปื้อนเกินมาตรฐานในน้ำอุปโภคและบริโภคโดยเฉพาะน้ำบาดาล นอกจากนี้ยังมีชุดตรวจอื่นที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและคาดว่าจะถ่ายทอดเทคโนโลยีได้ในอนาคตอันใกล้ เช่น ชุดตรวจการปนเปื้อนของโลหะหรือโลหะหนักชนิดอื่น ๆ อาทิ ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท สารหนู ชุดตรวจการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีการใช้งานมากในประเทศไทย ส่วนด้านการแสดงผลผ่านช่องทางออนไลน์ของเครื่อง DuoEye Reader ปัจจุบันทีมวิจัยกำลังพัฒนาระบบแสดงผลข้อมูลจากรูปแบบตารางให้เป็นรูปแบบ web dashboard เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกดูข้อมูลตามความสนใจได้ง่ายยิ่งขึ้น และจะเปิดให้บริการการเข้าถึงข้อมูลในรูปแบบ API (application programming interface) เพื่อให้องค์กรที่ใช้บริการดึงข้อมูลไปแสดงผลในระบบของตัวเองแบบเรียลไทม์ได้ด้วย โดยคาดว่าระบบทั้งสองจะพร้อมให้บริการภายในไตรมาสแรกของปีนี้
[caption id="attachment_51753" align="aligncenter" width="1000"] ภาพตัวอย่าง web dashboard ที่กำลังพัฒนา[/caption]
ชุดตรวจการปนเปื้อนเคมีในน้ำและ DuoEye Reader เป็นตัวอย่างความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนไทย ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุข และยังช่วยลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน สวทช. พร้อมแล้วที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตทั้ง M Sense, F Sense และ DuoEye Reader แก่ผู้ประกอบการที่สนใจ เพื่อรับช่วงต่อในการผลิตอุปกรณ์สำหรับจำหน่ายให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการสูงทั้งในไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพร้อมให้บริการวิจัยเพื่อพัฒนาชุดตรวจตามความต้องการเฉพาะด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อได้ที่ งานพัฒนาธุรกิจ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ โทรศัพท์ 0 2564 7100 ต่อ 6504, 6770 อีเมล bitt-bdv@nanotec.or.th หรือ อีเมล weerakanya@nanotec.or.th
เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์
ภาพประกอบโดย นาโนเทค สวทช.
BCG
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น
“ชุดตรวจวัดโลหะหนักในพืชสมุนไพรและน้ำ” ใช้งานง่าย ได้ผลแม่นยำ-รวดเร็ว
นักวิจัยนาโนเทค สวทช. พัฒนา ชุดตรวจวัดโลหะหนักในพืชสมุนไพรและน้ำ สำหรับวิเคราะห์สารปนเปื้อนในรูปแบบต่างๆ นำร่องตรวจวัดไอออนแมงกานีส (Mn Sense) ฟลูออไรด์ (F Sense) และทองแดง (Cu Sense) มุ่งเน้นการใช้งานภาคสนาม มีความไวและความจำเพาะสูง ใช้งานง่าย สามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม บอกผลการวิเคราะห์ได้ทั้งการเปรียบเทียบแถบสี หรือใช้ร่วมกับเครื่องอ่านแบบพกพา DuoEye Reader ที่มีความถูกต้องแม่นยำ
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
“ชีวภัณฑ์เพื่อการเกษตร” ผลิตจากจุลินทรีย์ ลดใช้สารเคมี
นักวิจัยไบโอเทค สวทช. พัฒนา ชีวภัณฑ์เพื่อการเกษตร ทำจากจุลินทรีย์ ประกอบด้วย ชีวภัณฑ์ควบคุมแมลงศัตรูพืช ชีวภัณฑ์ควบคุมโรคพืช และชีวภัณฑ์ควบคุมวัชพืช มีเป้าหมายเพื่อลดการใช้สารเคมี พร้อมจัดทำ SOP คู่มือการจัดการศัตรูพืชด้วยชีวภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อเป็นตัวช่วยให้เกษตรกรจัดการแปลงเกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ชีวภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ผู้ที่สนใจติดตามได้ที่ Facebook : ชีวภัณฑ์ไบโอเทค เพื่อผักผลไม้ปลอดภัย
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
หลักสูตรอบรม การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขั้นพื้นฐาน
Donwload กำหนดการ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทรศัพท์ : 0 2529 7100 ต่อ 77220 หรือ 081 848 0949 คุณเสาวณีย์
e-mail : saowanee@nstda.or.th
Website : https://www.nstda.or.th/ssh/
ปฏิทินกิจกรรม
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 9 ฉบับที่ 10 ประจำเดือนมกราคม 2567
ข่าว
สวทช. ปฐมนิเทศ 34 นักเรียนทุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี 2566 เตรียมความพร้อมก่อนไปศึกษาต่อ ป.โท-เอก ต่างประเทศ
SMC เผยความสำเร็จในการผลักดันอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่ 4.0 พร้อมเผยผลสำรวจระดับความพร้อมอุตสาหกรรม 4.0 ของไทยปี 2566
“ศุภมาส” ลงพื้นที่ตรวจราชการ พร้อมเยี่ยมชมโครงการนำร่องใช้ BCG ขับเคลื่อนชุมชนฐานการผลิตข้าวเหนียว BCG-NAGA Belt Road เน้นพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
สวทช. เทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ร่วมแสดงนิทรรศการ “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว” ในงาน “ดนตรีในสวน: H.M. Song อว. บรรเลงเพลงของพ่อ”
สวทช. คว้ารางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านการใช้ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance) 2 ปีซ้อน (2565-2566)
สวทช. ส่งมอบต้นกล้าราชพฤกษ์อวกาศ ให้แก่บริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างประโยชน์แก่สาธารณชน
“พันธุ์ข้าวรับโลกรวน” โดยศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว และไบโอเทค สวทช. ร่วมอวดโฉมในงานเกษตรแฟร์กำแพงแสน 66 พร้อมเดินหน้าพัฒนาพันธุ์ข้าวลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
กิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีโครงการนักศึกษาภาคฤดูร้อนเดซี
11 องค์กร ผนึกจัดการประชุมวิชาการนานาชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ปี 2566 (IBD2023)
อว. โดย “สวทช.” และ “มหิดล” จับมือพัฒนายาต้านมาลาเรียตัวแรกของประเทศที่กำลังพัฒนา
อว. โดย สวทช. พร้อมร่วมมือพัฒนาเทคโนโลยีด้านรถไฟระหว่างไทย–จีน
“ศุภมาส” มอบ 9 กล่องของขวัญปีใหม่ 2567 ส่งความสุขคนไทยครอบคลุมทุกกลุ่ม
ENTEC สวทช. สรุปผลการดำเนินงานโครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ
สวทช.ติวเข้มนักเรียนทุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำปี 2566 เตรียมพร้อมศึกษาต่อ ป.โท–เอก ต่างประเทศ
สวทช.-MQDC จับมือพัฒนานวัตกรรม ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อความยั่งยืน ตามแนวทาง BCG และ SDGs
อว. โดย สวทช. ร่วมพันธมิตรจัดการประชุม China-ASEAN High Speed Railway Technical Development Forum
ENTEC สวทช. ร่วมมือ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ สตาเลี่ยน และสวอพ แอนด์ โก Kick-off โครงการ Replication Battery-Swapping Electric Motorcycle Taxis in Samyan District of Bangkok รถจักรยานยนต์รับจ้างพลังงานไฟฟ้าสู่สังคมที่ยั่งยืน
อว. โดย สวทช. เผยปี 66 ‘งานวิจัย รับใช้สังคม’ ถึงมือผู้ใช้หลักล้านคน ปักธง ปี 67 ขับเคลื่อนงานวิจัย BCG เพิ่มคุณภาพชีวิตคนไทย สู่ความยั่งยืน
Download เอกสารฉบับเต็ม (23.5 MB)
จดหมายข่าว สวทช.
เด็กคืออนาคตสำคัญของชาติ ชวนเด็กเล่นอย่างไรให้เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างสร้างสรรค์
ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปี พ.ศ.2567 ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สวทช. ดำเนินงานตอบสนองนโยบายของ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเรียนดี มีความสุข มีรายได้ เนื่องจาก ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจและคณะผู้บริหาร สวทช. เข้าร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติ Global Young Scientists Summit 2024 ณ สิงคโปร์ จึงได้ใช้โอกาสนี้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้นักวิชาการสิงคโปร์และเยี่ยมชมศูนย์วิทยาศาสตร์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญในการสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติและทดลองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่อโครงการว่า “KidsSTOP” ซึ่งเป็นสถานที่เรียนรู้เล่นและเรียนรู้วิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นชื่นชอบอย่างมากของเด็กๆ
ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. สายงานพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า KidsSTOP ถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านนิทรรศการและนักการศึกษาที่เข้าใจกระบวนการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างน่าสนใจ เด็กๆ ได้เข้าไปทำกิจกรรมเรียนรู้ในฐานต่างๆ เช่น ฐานผู้ปีนผู้พิชิตความฝันอันยิ่งใหญ่ ( The Big Dream Climber) เด็กๆ สามารถปีนและสำรวจได้อย่างปลอดภัยเพื่อพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย ฐานการบินและอวกาศ (Flight and Space) เด็กๆ สนุกกับเรียนรู้เกี่ยวกับการบินและอวกาศผ่านกิจกรรมและการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ฐานมาสร้างบ้านและสิ่งแวดล้อมกันเถอะ (Built Environment) เพื่อเป็นพื้นที่ให้เด็กๆ สร้างและออกแบบบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างด้วยตัวเอง ซุปเปอร์มาร์เก็ตจำลอง (Supermarket) ที่เด็กๆ เรียนรู้เกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอยและเศรษฐกิจ ซึ่งบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรสามารถนำแนวทางดังกล่าวไปประยุกต์ในการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ในการเล่นและเรียนรู้สำหรับเด็กไทยในอนาคตได้
นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ หลักสูตร และสื่อการเรียนรู้ สวทช. กล่าวว่า นักวิจัยศูนย์วิจัยแห่งชาติและนักวิชาการ สวทช. พัฒนานวัตกรรมสื่อการศึกษาและหลักสูตรสะเต็มศึกษาที่เชื่อมโยงกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG เช่น บอร์ดสมองกลฝังตัว KidBright เลนส์มิวอาย ตุ๊กตาวัดไฟ กล่องปลูกพืชไมโครกรีน และชุดการทดลองต่างๆ เพื่อให้เด็กได้สนุกกับการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา การมาเยี่ยมชมและได้พูดคุยกับนักวิชาการด้านการศึกษาสร้างแรงบันดาลใจให้นำไปพัฒนาต่อยอดในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และสื่อที่เหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วงวัย และในปี 2567 นี้ สวทช. เปิดโอกาสให้เด็กได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรมากขึ้น โดยจะมีการเปิดตัวกิจกรรมค่าย Next STEP รูปแบบต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่บ้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น เช่น กิจกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ของไทย กิจกรรมส่งเสริมการทำโครงงานวิทยาศาสตร์และสิ่งประดิษฐ์ ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวจะเน้นให้เด็กได้พัฒนาความรู้ ความเข้าใจและทักษะสำคัญ และมีความสุขกับการเรียนรู้
ข่าวประชาสัมพันธ์
เริ่มแล้ว ! กระทรวง อว. เปิดงานถนนสายวิทยาศาสตร์รับวันเด็กแห่งชาติ 2567 ร่วมสนุกแบบจัดเต็มกับกิจกรรมเด็กช่างคิด วิทย์สร้างฝัน พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย
12 ม.ค. 2567 ณ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถ.โยธี กรุงเทพฯ: น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานพิธีเปิดงาน “ถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567”
โดยมีนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. พร้อมผู้บริหาร อว. ผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน และน้อง ๆ นักเรียนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ภายในงานมีบูธกิจกรรมต่างๆ จาก 23 หน่วยงานใน อว. ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนมาจัดแสดงพร้อมให้น้อง ๆ ได้มาร่วมสนุกและลุ้นรับของรางวัลมากมายบริเวณพื้นที่โดยรอบกระทรวง อว.
โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมพิธีเปิดและให้กำลังใจน้อง ๆ ที่มาร่วมสนุกในบูธ สวทช. กับกิจกรรม KidBright Formula Kids บังคับรถผ่านเขาวงกตและแข่งขันเตะฟุตบอลด้วยรถ Formula, หุ่นยนต์อัจฉริยะ “WALKIE” และการทดลองพิมพ์ชิ้นงานจาก 3D Printing ด้วยตนเอง
โดยงานถนนสายวิทยาศาสตร์ที่จัดขึ้นที่กระทรวง อว. จะมีไปจนถึงวันที่ 13 มกราคม 2567 และยังมีการจัดกิจกรรมให้น้อง ๆ ได้มาร่วมสนุกกันที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา ชั้น 5 กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 12-14 มกราคม 2567 โดย สวทช. ได้นำกิจกรรมเรียนรู้ประโยชน์ของการนำพลาสติกรีไซเคิลมาใช้ใหม่ และประดิษฐ์เป็นพวงกุญแจสุดน่ารักติดมือกลับบ้านด้วย
นอกจากนี้ ในวันที่ 13 มกราคม 2567 ยังมีกิจกรรมที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ คลองห้า จ.ปทุมธานี ขณะที่ในต่างจังหวัดมีการจัดงานวันเด็กในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. อีกกว่า 51 แห่ง ใน 49 จังหวัด เพื่อมอบความสุขให้กับเด็ก ๆ ทั่วทุกภูมิภาค
ข่าวประชาสัมพันธ์
เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเพื่อเข้าร่วมการใช้ชุดตรวจโรคกุ้งด้วยเทคนิคแลมป์แบบเรียลไทม์
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยไบโอเทค และโปรแกรม ITAP ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SME ไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่จดทะเบียนนิติบุคคล เข้าร่วมโครงการ “การให้คำปรึกษาการตรวจโรคกุ้งด้วยเทคนิคแลมป์แบบเรียลไทม์” เพื่อช่วยยกระดับการเลี้ยงกุ้งไทยสู่การจัดการปัญหาโรคกุ้งในฟาร์มได้อย่างทันท่วงที ซึ่งผู้ประกอบการจะสามารถใช้ชุดตรวจโรคกุ้งได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับได้รับคำปรึกษาจากทีมวิจัยตลอดโครงการ โดย “ชุดตรวจโรคกุ้งด้วยเทคนิคแลมป์แบบเรียลไทม์” เป็นเทคโนโลยีตรวจโรคกุ้งที่ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว มีความจำเพาะสูง และสามารถตรวจได้ด้วยตนเอง ทราบผลภายใน 60 นาที สามารถตรวจโรคกุ้งได้ 4 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตัวแดงดวงขาว (WSSV) โรคตายด่วน (EMS) โรคขี้ขาว (EHP) และโรคแคระเกร็น (IHHNV) ซึ่งมีประสิทธิภาพเทียบเท่าวิธี PCR ผู้ประกอบการที่สนใจกรอกแบบสำรวจได้ที่ https://forms.gle/9dCDz6PuZWZwtUry7 สอบถามเพิ่มเติมที่โปรแกรม ITAP โทร. 086 781 1711 (เปรมฤดี)
ปฏิทินกิจกรรม
งานสัมมนา ONSITE หัวข้อ: Top 10 Technology & Cyber Security Trends and Updates 2024 (ฟรี)
เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย สวทช. ขอเรียนเชิญทุกท่านมาร่วม Update ความรู้และทักษะใหม่ๆ กับงานฟรีสัมมนาในรูปแบบ ONSITE หัวข้อ: Top 10 Technology & Cyber Security Trends and Updates 2024
🔵วิเคราะห์ก้าวต่อไปของเทรนด์เทคโนโลยีในปี 2024
🟢พร้อมประเด็นกระแสความแรงของ Generative AI อย่าง ChatGPT และเครื่องมืออื่นๆ ที่หลายๆ อาชีพนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งในวงการธุรกิจและการศึกษา
🟡Platform Development Trends 2024 ที่นักพัฒนาโปรแกรมควรรู้
🔴รวมไปถึงอัปเดตเรื่อง Cybersecurity และ Digital Risks ที่ยังคงคุกคามภาคธุรกิจและประชาชนในรูปแบบต่างๆ จะได้รู้เท่าทัน และมีภูมิคุ้มกันต่อ Cyber Threats
👉พบคำตอบจากกูรูระดับ Top ของประเทศ และเคลียร์ทุกคำตอบแบบ INSIGHT ได้ในงานนี้
Top 10 Technology & Cyber Security Trends and Updates 2024
📅วันที่: วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567
🕛เวลา: 12.00 - 16.30 น.
📍สถานที่: ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 3
อาคารซอฟต์แวร์พาร์ค ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
👉 ลิงค์สำหรับลงทะเบียนและข้อมูลเพิ่มเติม:https://www.nstda.or.th/r/oJYbT
.
เดินทางมาง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู 🚝
*สำหรับท่านที่ต้องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู
สามารถลงที่สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 และใช้ทางออกที่ 2 เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย*
ปฏิทินกิจกรรม
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. ๒๐๒๔
เนื่องในวโรกาส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. ๒๐๒๔ ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ศาสตราจารย์ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. นำนักวิทยาศาสตร์เยาวชนไทย จำนวน ๑๘ คน เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท และร่วมงานประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. ๒๐๒๔
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ได้กล่าวถึงความเป็นมาว่า มูลนิธิวิจัยแห่งชาติ (National Research Foundation – NRF) แห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ริเริ่มจัดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก (Global Young Scientists Summit - GYSS@one-north) เพื่อเป็นการประชุมระดับนานาชาติของนักวิจัยเยาวชน ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยีชั้นนำของโลก นอกเหนือจากนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลแล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์รางวัลเหรียญฟิลด์ส (Fields Medal)ด้านคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์รางวัลทูริ่งอะวอร์ด (Turing Award) ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ นักวิทยาศาสตร์รางวัลมิลลิเนียมเทคโนโลยี (Millennium Technology Prize)ด้านวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น นักวิทยาศาสตร์รางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดีสิงคโปร์ (President's Science & Technology Awards) ได้รับเชิญมาบรรยายและทำกิจกรรมร่วมกับนักวิจัยเยาวชน เพื่อเป็นการเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักวิจัยเยาวชนดังกล่าว
การประชุม GYSS@one-north จัดขึ้นครั้งแรกระหว่างวันที่ ๒๐–๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ โดยมีนักวิทยาศาสตร์เยาวชนซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ๒๘๐ คน ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์เยาวชนจากประเทศไทย ๕ คน ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีมีพระราชวินิจฉัยคัดเลือก ทั้งนี้ มูลนิธิวิจัยแห่งชาติฯ ได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จร่วมพิธีเปิดการประชุมฯ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๖ ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ต่อมาพระองค์ได้เสด็จเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม GYSS@one-north ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๗ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง พิธีเปิดการประชุม GYSS@one-north ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๘ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางเช่นกัน พิธีเปิดการประชุม GYSS@one-north ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๙ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเทคโนโลยีและการออกแบบสิงคโปร์ สำหรับการประชุมครั้งที่ ๕ ในปี ๒๕๖๐ นั้นทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญ จึงไม่ได้ทรงเข้าร่วมงานประชุมครั้งนี้ ต่อมาเสด็จเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม GYSS@one-north ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๑ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง พิธีเปิดการประชุม GYSS@one-north ครั้งที่ ๗ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางเช่นกัน พิธีเปิดการประชุม GYSS@one-north ครั้งที่ ๘ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ ณ หอประชุมใหญ่ ชั้น ๒ อาคารแมทริกซ์ แอท ไบโอโพลิส (Matrix @Biopolis) ส่วนการประชุมครั้งที่ ๙ ถึง ๑๑ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึง ๒๕๖๖ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จึงทรงเข้าร่วมงานประชุมแบบออนไลน์เท่านั้น
สำหรับในปี ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ ๑๒ นั้น มูลนิธิวิจัยแห่งชาติฯ ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. ๒๐๒๔ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘–๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ โดยมีนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก ๑๕ คน มาเป็นวิทยากรร่วม ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบลด้านเคมี ๒ คน ด้านฟิสิกส์ ๔ คน ด้านสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ๓ คน นักวิทยาศาสตร์รางวัลเหรียญฟิลด์ส ๑ คน นักวิทยาศาสตร์รางวัลทูริ่งอะวอร์ด ๒ คน นักวิทยาศาสตร์รางวัลมิลลิเนียมเทคโนโลยี ๒ คน นักวิทยาศาสตร์รางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดีสิงคโปร์ ๑ คน และวิทยากรรับเชิญ ๑ คน ในปีนี้นั้นมีนักวิทยาศาสตร์เยาวชนจากประเทศไทย ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชวินิจฉัยคัดเลือก จำนวน ๑๕ คน สรุปแล้วตั้งแต่ครั้งที่ ๑ จนถึงครั้งที่๑๒ ในปัจจุบันเสด็จร่วมการประชุม ๑๑ ครั้ง
นางฤทัย จงสฤษดิ์ กรรมการและเลขานุการโครงการการคัดเลือกผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก กล่าวว่า ปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์เยาวชนจากประเทศไทยเข้าร่วมทั้ง ๑๒ ครั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๐๐ คน อยู่ระหว่างการศึกษาต่อ จำนวน ๔๘ คน และมีศิษย์เก่าที่ทำงานแล้ว จำนวน ๕๒ คน กระจายอยู่ในมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัย และภาคเอกชน หลายคนมีผลงานวิจัยที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศ เช่น รศ. ดร.ทวีธรรม ลิมปานุภาพ ศิษย์เก่า รุ่นที่ ๑ เป็นผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี ๒๕๖๓ จากผลงานวิจัยเรื่อง “การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาปฏิกิริยาเคมีและการพัฒนาสื่อการสอนวิทยาศาสตร์” ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงในการทำงานวิจัยที่มีคุณภาพ และเพื่อเชิดชูเกียรตินักวิทยาศาสตร์ไทยและเพื่อเป็นแบบอย่างให้เยาวชนเจริญรอยตามด้วย นอกจากนี้ยังมีศิษย์เก่า รุ่นที่ 1 ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติระดับประเทศ “ครูวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี ๒๕๖๔” คือ รศ. ดร.นัทธี สุรีย์ ศิษย์เก่า รุ่นที่ ๕ คือ ผศ. ดร.ธัญญพร วงศ์เนตร ได้รับรางวัล Loreal-UNESCO for Women in Science International Awards ประจำปี ๒๕๖๒ ที่มุ่งผลักดันประเด็นโลกด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จากงานวิจัยด้านการค้นหาหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่อเปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้เป็นสารมูลค่าเพิ่มเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รางวัล จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ยูโร เพื่อเป็นทุนสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยและส่งเสริมกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีศิษย์เก่าอีกหลายคนที่มีผลงานวิจัยในวารสารวิชาการระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัลดีเด่นด้านการวิจัยจากมหาวิทยาลัย เช่น รศ.ดร.พงษ์พิชิต จันทร์นุ้ย ศิษย์เก่ารุ่นที่ ๓ และ ผศ. ดร.นายสัตวแพทย์เกริกเกียรติ จินดา ศิษย์เก่ารุ่นที่ ๔
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์


