ผลการค้นหา :
BID สวทช. ภูมิใจ 2 ผู้ประกอบการ Deep Tech ไทย คว้ารางวัล Thai-BISPA Awards 2025 ตอกย้ำความสำเร็จการผลักดันงานวิจัยสู่นวัตกรรมเชิงพาณิชย์
31 ตุลาคม 2568 – กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการนวัตกรรมภายใต้การส่งเสริมของฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) สวทช. จำนวน 2 บริษัท ที่ได้รับรางวัล "Thai-BISPA Awards 2025" ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนวัตกรรมไทย โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี "Thai-BISPA Day 2025" โอกาสนี้ ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ด้าน Core Business สวทช. และ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) สวทช. พร้อมด้วย นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) ร่วมแสดงความยินดี ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี กรุงเทพมหานคร
ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ด้าน Core Business สวทช. กล่าวว่า “ความสำเร็จของผู้ประกอบการทั้งสองรายในวันนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า สวทช. กำลังเดินหน้าอย่างถูกทิศทางในการผลักดันงานวิจัย Deep Tech สู่การใช้งานจริง ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจหลัก (Core Business) ของเรา การที่นวัตกรรมจากนาโนเทค สวทช. สามารถสร้างธุรกิจที่เติบโตและได้รับการยอมรับในระดับประเทศ ถือเป็นความสำเร็จของระบบนิเวศนวัตกรรมที่ สวทช. มุ่งมั่นสร้างขึ้น และเราจะยังคงสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ก้าวไกลในเวทีสากลต่อไป”
นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค สวทช.) กล่าวว่า "สวทช. มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นความสำเร็จของผู้ประกอบการที่ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) สวทช. ให้การสนับสนุน รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันว่านวัตกรรม Deep Tech ของคนไทย
ที่พัฒนาต่อยอดจากงานวิจัยของนาโนเทค สวทช. มีศักยภาพสูงและสามารถสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ
ได้อย่างแท้จริง BID จะยังคงมุ่งมั่นในภารกิจการเป็นสะพานเชื่อมโยงงานวิจัยสู่ตลาด สนับสนุนและบ่มเพาะผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน"
ผู้ประกอบการที่ได้รับการเสนอชื่อจาก BID มีผู้คว้ารางวัลในครั้งนี้ได้จำนวน 2 บริษัท ได้แก่
1.รางวัลชนะเลิศผู้ประกอบการดีเด่น (Best Incubatee Award) บริษัท สไปก์ อาร์ชิเทคโทนิกส์ จำกัด (Spike Architectonics Co., Ltd.) ผู้พัฒนานวัตกรรม "MICROSPIKE® (ไมโครสไปก์)" ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มการนำส่งยาและสารสำคัญที่ไม่ใช้เข็ม อันเป็นผลลัพธ์จากงานวิจัยพื้นฐานของนาโนเทค สวทช. เทคโนโลยีนี้ถือเป็นการปฏิวัติการนำส่งสารสำคัญด้วยการสร้างช่องทางขนาดจิ๋วบนผิวหนัง ทำให้มีพื้นที่ในการนำส่งสารมากกว่าเทคโนโลยีเดิมถึง 100 เท่า โดยไม่เจ็บและไม่ทำลายผิว บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้กว่า 225% ในปี 2024 นำผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ออกสู่ตลาดแล้ว 3 รายการ และได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นปี 2024 นวัตกรรมนี้ได้รับการคุ้มครองด้วยสิทธิบัตรกว่า 37 ฉบับ โดยได้เข้าร่วมโครงการ C-HV SMEs 2025 และโครงการ NSTDA Startup กับ BID
2.รางวัลผู้ประกอบการโดดเด่น สาขา Potential Technology Transfer บริษัท นาโน โค๊ตติ้ง เทค จำกัด (Nano Coating Tech Co., Ltd.) เป็นบริษัท Deep Tech ที่โดดเด่นด้านการพัฒนานวัตกรรม "สารเคลือบนาโนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Coating Technology)" ซึ่งเป็นผลงานวิจัยจากนาโนเทค สวทช. นวัตกรรมนี้ทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันอัจฉริยะที่มองไม่เห็นแต่แข็งแกร่ง ช่วยให้อุตสาหกรรมลดต้นทุนการกัดกร่อนและการซ่อมบำรุง โดยมีคุณสมบัติทนทาน
ต่อการขีดข่วน ป้องกันการกัดกร่อน และทำความสะอาดง่าย (Easy-to-Clean) ตอบโจทย์เทรนด์อุตสาหกรรมสีเขียว บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้เข้าร่วมโครงการภายใต้การส่งเสริมและสนับสนุนของ BID อาทิ โครงการ NSTDA Startup และโครงการ Innovation Driving Export (IDEX)
เป็นบริษัท Deep Tech ที่โดดเด่นด้านการพัฒนานวัตกรรม "สารเคลือบนาโนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Coating Technology)" ซึ่งเป็นผลงานวิจัยจากนาโนเทค สวทช. นวัตกรรมนี้ทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันอัจฉริยะที่มองไม่เห็นแต่แข็งแกร่ง ช่วยให้อุตสาหกรรมลดต้นทุนการกัดกร่อนและการซ่อมบำรุง โดยมีคุณสมบัติทนทาน ต่อการขีดข่วน ป้องกันการกัดกร่อน และทำความสะอาดง่าย (Easy-to-Clean) ตอบโจทย์เทรนด์อุตสาหกรรมสีเขียว บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้เข้าร่วมโครงการภายใต้การส่งเสริมและสนับสนุนของ BID อาทิ โครงการ NSTDA Startup และโครงการ Innovation Driving Export (IDEX)
งาน Thai-BISPA Day 2025 ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "THAILAND'S NEXT INNOVATION FORCE: People Who Drive Innovation" หรือ "พลังนวัตกรรมแห่งอนาคตของไทย: บุคลากรผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรม" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับสมรรถนะและสร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากรในระบบนิเวศนวัตกรรม และเน้นย้ำบทบาทของผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการนวัตกรรมในฐานะผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงของประเทศ
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. เยือน Tokyo Women’s Medical University เสริมความร่วมมือวิจัย Biomedical Engineering และ AI
(วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568) – คณะผู้แทนจาก โครงการ TAIST–Science Tokyo นำโดย รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ (BART LAB) พร้อมด้วย คุณศิรินทร์พร เดียวตระกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เข้าพบและหารือกับ Prof. Ken Masamune รองผู้อำนวยการ Medical AI Center (MAC) และผู้อำนวยการ Faculty of Advanced Techno-Surgery, Institute of Advanced Biomedical Engineering and Science (ABMES) ณ Tokyo Women’s Medical University (TWMU) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางความร่วมมือด้าน Biomedical Engineering และ Artificial Intelligence (AI)
พร้อมด้วยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยพันธมิตรในโครงการ TAIST–Science Tokyo ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธรแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล อาทิ รศ.ดร.ปกรณ์ โอภาประกาศิต, รศ.ดร.ปรีชา การินทร์, ผศ.ดร.ดุสิต ธนเพทาย และ ผศ.ดร.อภิชน ไวท์ยางกูร
การเยือนศูนย์เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง
ระหว่างการเยือน คณะได้เข้าเยี่ยมชม ศูนย์การแพทย์และห้องผ่าตัดขั้นสูง (Advanced Operating Theatres) ภายใต้ Faculty of Advanced Techno-Surgery ซึ่งเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัย โดยนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผ่าตัด
นอกจากนี้ คณะยังได้เยี่ยมชม Smart Cyber Operating Theater ห้องผ่าตัดอัจฉริยะที่ผสานเทคโนโลยีภาพและการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบหุ่นยนต์ผ่าตัด “da Vinci S Surgical System” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่ใช้ในการวิจัยและปฏิบัติงานทางการแพทย์ร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
Tokyo Women’s Medical University: ผู้นำด้านการแพทย์และเทคโนโลยีชีวการแพทย์ของญี่ปุ่น
Tokyo Women’s Medical University (TWMU) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) ด้วยวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมบทบาทสตรีในวิชาชีพแพทย์และสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษา ภายใต้ปรัชญา “Sincerity and Compassion” มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นเลิศในสาขา การแพทย์ขั้นสูง (Advanced Medicine) และ วิศวกรรมชีวการแพทย์ (Biomedical Engineering) โดยบูรณาการองค์ความรู้ด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างยั่งยืน
TWMU ยังเป็นผู้นำด้านงานวิจัยข้ามสาขา (Interdisciplinary Research) ของญี่ปุ่น โดยมีจุดเด่นด้าน Medical AI, Advanced Techno-Surgery, Regenerative Medicine, Robotics และ Smart Healthcare Systems ผ่านหน่วยงานวิจัยสำคัญ ได้แก่ ABMES และ MAC ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการวิจัยร่วมระหว่างแพทย์ วิศวกร และนักวิทยาศาสตร์จากหลากหลายสาขา
สานต่อความร่วมมือวิจัยและพัฒนาบุคลากรไทย
ภารกิจในครั้งนี้นับเป็นการสานต่อความร่วมมือทางวิชาการที่ริเริ่มตลอดการเยือนประเทศญี่ปุ่น โดยเน้นการ พัฒนาหลักสูตรและโครงการวิจัยร่วม การ แลกเปลี่ยนนักวิจัยและนักศึกษา รวมถึงการ ยกระดับสมรรถนะของบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของไทย ให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ
การเยือน Tokyo Women’s Medical University สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ สวทช. ในการ ขยายเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ และ สนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพ ตอบสนองต่อความท้าทายในยุคดิจิทัลและสังคมแห่งนวัตกรรมอย่างยั่งยืน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ เสด็จเปิดงาน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ครบรอบ 15 ปี” สวทช. ร่วมถวายรายงานความสำเร็จโครงการส่งเสริม STEM Education ปฐมวัย สู่แนวทางการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD)
คณะผู้บริหาร สวทช. นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. และนางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการทางวิชาการและการประเมินหลักสูตรด้านพัฒนากำลังคน สวทช. ร่วมเฝ้าทูลละอองพระบาท รับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงาน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย” ครบรอบ 15 ปี เดินหน้าสู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD) เฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษาสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และถวายรายงานผลการดำเนินโครงการความหลากหลายทางชีวภาพในชุมชนของฉัน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ณ อาคารอาคารนวัตกรรม ศาสตราจารย์.ดร.สาโรช บัวศรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จของการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 15 ปี โดยมีสถานศึกษาระดับปฐมวัยเข้าร่วมโครงการ 27,366 โรงเรียนทั่วประเทศ ผ่านผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น 211 แห่ง และมีสถานศึกษาระดับประถมศึกษาเข้าร่วมโครงการ 16,872 โรงเรียนทั่วประเทศผ่านผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น 205 แห่ง ด้วยความร่วมมือของ 8 หน่วยงานหลัก ได้แก่ มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ เพื่อส่งเสริมการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ (STEM Education) สำหรับเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา เพื่อสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ที่ยั่งยืน
เนื่องในโอกาสดำเนินงานครบรอบ 15 ปี โครงการฯ ได้จัดประชุมวิชาการ “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ครบรอบ 15 ปี สู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESD)” เฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 22 – 23 ตุลาคม 2568 ณ อาคารนวัตกรรม : ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 พรรษา ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และฉลองครบรอบ 15 ปี โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในการเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในการเปิดงานประชุมวิชาการ ในวันที่ 22 ตุลาคม 2568
นางฤทัย จงสฤษดิ์ วิทยากรหลักอาวุโสโครงการจาก สวทช. กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย โดยมีกิจกรรมหลากหลายตั้งแต่การบรรยายพิเศษจาก Keynote Speakers การจัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพในชุมชนของฉัน การนำเสนอผลงานวิจัย และการเสวนาวิชาการ เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัย นักวิชาการ บุคลากรทางการศึกษาในโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย รวมถึงผู้ที่สนใจทั่วไปได้มีเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการให้กับโครงการ และยังเป็นการเผยแพร่ผลผลิตและผลลัพธ์สำคัญของโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย ที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็งมาตลอดระยะเวลา 15 ปี
สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การบรรยายพิเศษโดย Dr. Tobias Ernst ประธานมูลนิธิ Stiftung Kinder Forscher สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในหัวข้อ “Little Scientists in Germany: Why Early STEM Education Matters” และ “From Curiosity to Competence: How Early STEM Education for Sustainable Development Shapes a Better Future” การบรรยายพิเศษโดย Prof. Dr. Ching-Ting Hsin จาก National Tsing Hua University ไต้หวัน ในหัวข้อ “Equity in Action: Building Culturally Relevant and Sustaining Pathways in Early STEM Education นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา “การจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามแนวทางโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย” และการเสวนา “เด็กสร้างถิ่น: เรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรม และภูมิปัญญา เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” การนำเสนองานวิจัยภาคบรรยายใน 4 หัวข้อ ได้แก่ 1) การบริหารโครงการและพัฒนาบุคลากร 2) การบริหารสถานศึกษา 3) การจัดการเรียนรู้ระดับปฐมวัย และ 4) การจัดการเรียนรู้ระดับประถมศึกษา การนำเสนอผลงานวิจัยภาคโปสเตอร์
สำหรับก้าวต่อไป โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย มุ่งเน้นการพัฒนาและต่อยอด พร้อมขยายแนวทางการจัดการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Education for Sustainable Development – ESD) ส่งเสริมให้โรงเรียนจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น พัฒนาเนื้อหาสำหรับฝึกอบรมครูรุ่นใหม่ ร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (UN SDGs)
เด็กหญิงชุติกา สิงห์สุข โรงเรียนบ้านโล๊ะป่าห้า นักเรียนผู้ทำโครงงานความหลากหลายของพันธุ์พืชในแกงแคอาหารถิ่นล้านนา กล่าวว่า หนูกับเพื่อนๆ ได้เรียนรู้วิธีทำแกงแคจากพืชผักหลากหลายชนิดที่หาได้รอบๆ บ้านและในชุมชน ได้รู้จักชื่อพืชพันธุ์นานาชนิดและประโยชน์ของผักที่ใสในแกงแคอีกด้วย หนูอยากให้แกงแคอยู่กับชุมชน จึงได้เรียนรู้การทำชุดแกงแคปรุงสำเร็จค่ะ หนูชอบให้คุณครูสอนแบบนี้มากๆ เพราะได้ลงมือทำกิจกรรม ได้เก็บผักมาศึกษา ได้หั่นผักล้างผัก ลองตำพริกแกง และได้ทำแกงแคด้วยตนเอง สนุกมาก และภูมิใจเมื่อได้ชิมแกงแคที่หนูและเพื่อนๆ ทำค่ะ
เด็กหญิงอลิสา อ่อนสำลี โรงเรียนเฟื่องฟ้าวิทยา นักเรียนผู้ทำโครงงานเรื่อง ปฏิบัติการรักษ์น้ำของเหล่าพืชน้ำตัวจิ๋ว กล่าวว่าหนูได้ลองสังเกตและทดลองศึกษาพืชน้ำหลายชนิดด้วยตัวเอง จึงได้เรียนรู้ว่าพืชน้ำบางชนิดที่อยู่ในคลองของชุมชนเราก็มีประโยชน์ ช่วยทำให้น้ำสะอาดและเป็นบ้านของสัตว์น้ำเล็ก ๆ หนูภูมิใจที่ได้ช่วยดูแลน้ำในคลองของเรา ถ้าทุกคนไม่ทิ้งขยะลงคลอง คลองก็จะสะอาดและสวยงาม หนูชอบการเรียนแบบนี้เพราะได้ลงมือทำจริงเหมือนได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวจิ๋ว สนุกมากเลยค่ะ
คุณครูเรวดี จันดอนแดง โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี ครูที่ปรึกษาโครงงาน นักสืบสายพันธุ์ปลาแม่น้ำโขง มูล ชี อุบลราชธานี มีปลาแซบหลาย กล่าวว่า การได้พานักเรียนทำกิจกรรม ทำให้ครูเข้าใจในข้อความที่ว่า “การศึกษามิใช่เรื่องของการเติมน้ำใส่ถัง หากแต่เป็นเรื่องของการจุดไฟ” เพราะธรรมชาติของเด็กๆ พวกเขาอยากรู้ อยากเห็น และสนใจสิ่งรอบตัวเสมอ การเรียนรู้ที่มีเด็กๆ เป็นพระเอก นางเอกมีครูเป็นที่ปรึกษา มีผู้ปกครองคอยสนับสนุนให้กำลังใจ เด็กๆ ก็พร้อมและสนุกที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ครูได้เห็นถึงพลังและศักยภาพในการเรียนรู้สิ่งต่างๆของเด็กๆ
คุณครูสุวภา บุญอุไร โรงเรียนบ้านหนองเสือช้าง (จรุงราษฎร์พัฒนา) ครูที่ปรึกษาโครงงาน เด็กหลง(รักษ์ป่า) กล่าวว่า จากการจัดประสบการณ์โครงงานเด็กหลง (รักษ์) ป่า ทำให้คุณครูได้เรียนรู้ว่า “เด็กทุกคนมีแสงสว่างในตัวเองและสามารถเรียนรู้ได้” ซึ่งการเรียนรู้ของเด็กไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่เราปรับป่าในชุมชนให้เป็นห้องเรียนสำหรับเด็กๆ ได้ โดยมีต้นไม้เป็นสื่อการเรียนรู้ มีคุณครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ มีผู้อำนวยการสถานศึกษาเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ และมีเด็กๆ เป็นผู้เรียนรู้อย่างมีความสุข
คุณครูกัญญาณัฐ แซ่อ๋อง โรงเรียนวัดดอนใคร ครูที่ปรึกษาโครงงานชะมดต้นสมุนไพรจากดอกไม้ริมทาง ชุมชน สีสา สิชล กล่าวว่า เด็กๆ มีความกระหายใคร่รู้ มีความสนุกและมีความสุขกับการเรียนรู้ที่ตนเองได้เลือก อีกทั้งจัดการเรียนรู้แบบลองผิด ลองถูก ด้วยตนเอง ทำให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ และซึมซับสิ่งต่างๆ โดยไม่รู้ตัวและเป็นการวางรากฐาน กระบวนการ เรียนรู้ที่ยั่งยืนให้กับเด็กที่จะเป็นผู้สร้าง ดูแล และอนุรักษ์สิ่งต่างๆในชุมชนให้คงอยู่ตลอดไป
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. เปิดประตู Food Bank สู่ภาคอีสาน นำร่องที่แรก จ.ขอนแก่น ผนึกกำลังหน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการในพื้นที่
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (มูลนิธิ SOS) และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น (พมจ.ขอนแก่น) และผู้ประกอบการท้องถิ่น เร่งขยายผลโครงการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน (Food Surplus) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเริ่มที่จังหวัดขอนแก่นเป็นแห่งแรก เพื่อมุ่งลดปัญหาขยะอาหารและสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับกลุ่มคนเปราะบาง และขับเคลื่อนสู่การจัดตั้ง “ธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทย” (Thailand's Food Bank) โดยคณะทำงานของ สวทช. และมูลนิธิ SOS ได้ลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันที่ 27 - 29 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลโครงการฯ อย่างน้อย 30 จังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ ภายในปี 2571
ในจังหวัดขอนแก่น ทาง สวทช. และมูลนิธิ SOS ได้จัดการประชุมระดมสมองเพื่อขยายเครือข่าย “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” และ “ผู้บริจาคอาหาร” วันที่ 28 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมโฆษะ อ.เมืองขอนแก่น โดยมี นางสาวฉัฐพร งามเกลี้ยง พมจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน เพื่อมุ่งเน้นการสร้างและขยายเครือข่ายในการกอบกู้อาหารส่วนเกินในพื้นที่ขอนแก่นอย่างเข้มข้น ทั้งในกลุ่มเครือข่าย “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” และเครือข่าย “ผู้บริจาคอาหาร” ซึ่งจุดเด่นของ จ.ขอนแก่น นอกจากหน่วยงานรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะร่วมกันผลักดันโครงการแล้ว ผู้ประกอบการท้องถิ่นทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า ยังให้ความสนใจและพร้อมสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่อีกด้วย
โดย อาสาสมัครรักษ์อาหาร หรือ Local Food Rescue มีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลาง เพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้อาหารและผู้รับอาหาร ทำให้การส่งต่ออาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีไปยังกลุ่มคนเปราะบางเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมาย ขณะที่ ผู้บริจาคอาหาร ได้แก่ ผู้ประกอบการหรือหน่วยงานที่สนใจ มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ให้อาหารส่วนเกิน (Food Surplus) ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบหลักของโครงการ Food Bank ที่ยังมีคุณภาพดีและสามารถนำไปบริโภคได้ ช่วยลดปริมาณขยะอาหารและเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับกลุ่มคนเปราะบางหรือผู้มีรายได้น้อยโดยตรง ซึ่งอาหารที่ได้รับบริจาคจะถูกส่งต่อผ่านเครือข่ายอาสาสมัครรักษ์อาหาร ผู้สนใจสามารถติดต่อประสานได้ที่ สวทช. โทร. 02 5647000 อีเมล foodbank@nstda.or.th เว็บไซต์ https://www.nstda.or.th/foodbank/ และมูลนิธิ SOS โทร. 02 0751417, 062 6750004 และ Facebook: @sosfoundationthai
นอกเหนือจากการประชุมระดมสมองแล้ว คณะทำงานของ สวทช. และมูลนิธิ SOS ยังได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามการทำงานของอาสาสมัครรักษ์อาหารในการเข้ารับอาหารส่วนเกิน และแจกจ่ายในพื้นที่ชุมชนเทพารักษ์ 2 และเหล่านาดี 12 ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น รวมถึงในวันสุดท้ายของการลงพื้นที่ คณะฯ ได้เข้าพบเพื่อหารือ กับผู้บริหารของเทศบาลเมืองศิลาในช่วงเช้า และเทศบาลนครขอนแก่นในช่วงบ่าย เพื่อวางแผนและบูรณาการการดำเนินงานโครงการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
“โครงการนี้ถือเป็นการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. มาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม เช่น คู่มือแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยอาหารสำหรับการบริจาคอาหาร (Food Safety Guideline) จากไบโอเทค สวทช. เนื่องจากประเด็นเรื่องความปลอดภัยของอาหารเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการส่งต่ออาหารส่วนเกิน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยแก้ปัญหาการเกิดขยะอาหารและการสูญเสียอาหารซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และแก้ปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารของประชากรกลุ่มเปราะบางได้อย่างยั่งยืน” ดร.ปัทมาพร ประชุมรัตน์ นักวิจัยนโยบายอาวุโส และหัวหน้าโครงการ Food Bank สวทช. กล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ แผนการขยายผลอย่างน้อย 30 จังหวัด (ปี 2568 - 2571) มีดังนี้
- กลุ่มที่ 1 (ปี 2568) ได้แก่ นนทบุรี นครสวรรค์ พังงา ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี และพระนครศรีอยุธยา
- กลุ่มที่ 2 (ปี 2569) ได้แก่ สงขลา สุโขทัย น่าน ชัยนาท นครราชสีมา ระยอง ฉะเชิงเทรา หนองคาย พิษณุโลก เพชรบุรี เชียงราย และชลบุรี
- กลุ่มที่ 3 (ปี 2570 - 2571) ได้แก่ มหาสารคาม อุบลราชธานี นครพนม พัทลุง สุพรรณบุรี แพร่ แม่ฮ่องสอน ราชบุรี สมุทรปราการ และกาญจนบุรี
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
เชิญร่วมสัมมนาวิทยาการและวิศวกรรมควอนตัมประเทศไทย ครั้งที่ 8 (Q-Thai SEM#8) และนิทรรศการ
สมาคมสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกแห่งประเทศไทย (IEEE Thailand Section) ร่วมกับ IEEE ComSoc Thailand และพันธมิตร ขอเชิญร่วมกิจกรรม “สัมมนาวิทยาการและวิศวกรรมควอนตัมประเทศไทย ครั้งที่ 8 (8th Q-Thai SEM 2025)” และ นิทรรศการ “สังคมไทยจากยุคโทรเลข เอไอ สู่อุตสาหกรรมไอซีทีควอนตัมอนาคต”กิจกรรมจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร
ในงานพบกับปาฐกถาพิเศษจาก ศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติจากออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่จะร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้าน เทคโนโลยีควอนตัม ควอนตัมคอมพิวติ้ง ควอนตัมแมชชีนเลิร์นนิง และความปลอดภัยเชิงควอนตัม
กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นในโอกาสพิเศษ ครบรอบ 100 ปีวิทยาศาสตร์ควอนตัมโลก และ 150 ปีโทรคมนาคมไทย พร้อมสนับสนุนยุทธศาสตร์ “แผนที่นำทางเทคโนโลยีควอนตัมของประเทศไทย พ.ศ.2563–2572” เพื่อเสริมสร้างความพร้อมของประเทศสู่ยุคควอนตัมเทคโนโลยี
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.quantum-thai.org/seminar-conference
ข่าวหน่วยงานภายนอก
“NSTDA-KU Rice Field Day 2025” งานแสดงศักยภาพพันธุ์ข้าวผลผลิตสูง
ขอเชิญชวนร่วมงาน “NSTDA-KU Rice Field Day 2025” งานแสดงศักยภาพพันธุ์ข้าวผลผลิตสูง
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม
กลุ่มเป้าหมายหลัก
- เกษตรกร และผู้ประกอบการด้านข้าว ที่ต้องการเพิ่มผลผลิตและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
- นักวิชาการ นักวิจัย และนักศึกษา ที่สนใจงานวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าว
สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมเยี่ยมชมแปลง (ไม่รวมการสัมมนา) จำกัดจำนวน 150 ท่านเท่านั้น สแกน QR Code เพื่อลงทะเบียน หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://jasmine.kps.ku.ac.th/apbt/fieldday25/
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กำหนดจัดงาน “NSTDA-KU Rice Field Day 2025”
งานจัดแสดงพันธุ์ข้าว สวทช.-มก. ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการปรับปรุงพันธุ์ข้าว ที่เกิดจากความร่วมมืออันยาวนานกว่า 20 ปี โดยธีมงานปีนี้มีความพิเศษตรงที่จะมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ “พันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตสูงถึง 1.5 - 2 ตันต่อไร่” อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และมีคุณสมบัติพิเศษต้านทานโรค แมลง รวมถึงปรับตัวได้ดีในสภาวะแวดล้อมวิกฤต
ไฮไลต์ในงาน พบกับการแนะนำพันธุ์ข้าวดีเด่น ผลผลิตสูง และเชื้อพันธุกรรมข้าว โดย ดร.มีชัย เซี่ยงหลิว นักวิจัยไบโอเทค พร้อมร่วมสัมผัสของจริงกับพันธุ์ข้าวผลผลิตสูง (เพื่อก้าวสู่ 2 ตัน/ไร่) และสายพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงที่พร้อมเผยแพร่และวิจัยต่อยอด ณ แปลงนาสาธิต
พร้อมนี้ ยังมีบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ “Breeding Beyond Boundaries” โดย ศ. ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร ม.เกษตรศาสตร์ / “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล AI ในงานข้าว” โดย ดร.ธีระ ภัทราพรนันท์ นักวิจัยเนคเทค / “สารชีวภัณฑ์สำหรับการจัดการแปลง” โดย ดร.อลงกรณ์ อำนวยกาญจนสิน นักวิจัยไบโอเทค
รวมถึงบริเวณงานยังมีนิทรรศการแสดงผลงานการปรับปรุงพันธุ์ พันธุ์ข้าวพร้อมใช้ พันธุ์ข้าวสายพันธุ์ใหม่ (อยู่ในขั้นต้นแบบภายในห้องปฏิบัติการ) ที่ให้ผลผลิตสูง รวมถึงเชื้อพันธุกรรมข้าว ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นแปลงที่แสดงเชื้อพันธุกรรมข้าวจำนวนกว่า 700 พันธุ์ ตลอดจนร่วมชิมข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวพันธุ์ใหม่
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาข้าวไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนไปด้วยกัน
ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. เยือน Bridgestone Innovation Park เรียนรู้แนวทางการวิจัยและนวัตกรรมยั่งยืนจากภาคเอกชนชั้นนำของญี่ปุ่น
วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ต่อเนื่องจากภารกิจการเยือน Institute of Science Tokyo เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 คณะผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. และ ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วย ศ.ดร.วันชัย ดีเอกนามกูล ผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยภาคีในโครงการ TAIST-Science Tokyo (สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธรแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และมหาวิทยาลัยมหิดล) ได้แก่ ได้แก่ รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ รศ.ดร.ปกรณ์ โอภาประกาศิต รศ.ดร.ปรีชา การินทร์ ผศ.ดร.ดุสิต ธนเพทาย และผศ.ดร.อภิชน ไวท์ยางกูร ได้เดินทางเยือน Bridgestone Innovation Park ณ เขตโคไดระ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษาดูงานด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของภาคเอกชนญี่ปุ่นซึ่งมีบทบาทสำคัญในระดับโลก
Bridgestone Innovation Park เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของบริษัท Bridgestone Corporation ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมของนักวิจัย วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนในหลายด้าน ทั้งการผลิตยางประสิทธิภาพสูงที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การวิจัยเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด และอัจฉริยะ รวมถึงระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility & ITS) ที่เชื่อมโยงกับ Internet of Things (IoT) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน
ในระหว่างการเยี่ยมชม คณะผู้แทนได้รับโอกาสพิเศษในการเข้าพบผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ Mr. Yoshihiro Miura, Executive Director East Production Technology & MEC เพื่อหารือในประเด็นด้านการวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนากลไกสนับสนุนนวัตกรรมของภาคเอกชน
การเยือนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของภาคเอกชนในระบบนวัตกรรมของญี่ปุ่น และเป็นแนวทางที่สามารถประยุกต์ใช้ในการพัฒนานโยบายและกลไกการส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างภาคการศึกษา งานวิจัย และอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ส่องนวัตกรรมเพื่อคนพิการ-ผู้สูงอายุ อุ่นเครื่องก่อนงาน i-CREATe 2025
ชวนชมนวัตกรรมเพื่อคนพิการและผู้สูงอายุ ฝีมือคนไทย 🇹🇭 อุ่นเครื่องก่อนงาน i-CREATe 2025 “การประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก ครั้งที่ 18” ซึ่งประเทศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
“ดร. ศิษเฎศ ทองสิมา” ได้รับรางวัล Ajinomoto – TSB Award 2025 นักวิจัยดีเด่นด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อการพัฒนาสังคมไทย
(29 ตุลาคม 2568) ณ โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพมหานคร — สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. พร้อมด้วยคณะนักวิจัย ร่วมแสดงความยินดีกับ ดร. ศิษเฎศ ทองสิมา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพระดับโมเลกุลทางการแพทย์ ไบโอเทค สวทช. ในโอกาสที่ได้รับ รางวัล “Ajinomoto – TSB Award for Outstanding Biotechnologist in Research and Innovation 2025” จากสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย (TSB) และ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด
รางวัลดังกล่าวมอบให้แก่นักวิจัยผู้มีผลงานโดดเด่นด้านการวิจัยและนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการพัฒนาสังคมไทย โดยมีพิธีมอบรางวัลภายในงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ The 37th Annual Meeting of the Thai Society for Biotechnology (TSB2025) ภายใต้หัวข้อ “Biotechnology in Action”
ผลงานที่ได้รับรางวัล
“จากนวัตกรรมสู่การนำไปใช้จริง: การพัฒนาระบบการประมวลผลข้อมูลจีโนมิกส์และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่ออนาคตการแพทย์แม่นยำในประเทศไทย” ผลงานดังกล่าวมุ่งพัฒนา ระบบการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลจีโนมิกส์ (Genomic Data Infrastructure) เพื่อสนับสนุนการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) ของประเทศไทย โดยสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย และพร้อมประยุกต์ใช้ในระบบสาธารณสุข เพื่อให้แพทย์และนักวิจัยสามารถเข้าถึงข้อมูลพันธุกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันนำไปสู่การวินิจฉัยและการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างเหมาะสม
ดร. ศิษเฎศ เป็นนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพระดับโมเลกุลและชีวสารสนเทศ (Molecular Biotechnology & Bioinformatics) มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา แพลตฟอร์มข้อมูลจีโนมิกส์ระดับประเทศ (National Genomics Data Infrastructure) เพื่อวางรากฐานสู่ระบบการแพทย์แม่นยำของประเทศไทยอย่างยั่งยืน
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. ต้อนรับคณะโรงเรียนนายทหารชั้นผู้บังคับฝูง กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ ศึกษาเทคโนโลยีและความมั่นคง
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้การต้อนรับคณะอาจารย์ ข้าราชการ และนายทหารนักเรียนหลักสูตร นายทหารชั้นผู้บังคับฝูง รุ่นที่ 150 นำโดย นาวาอากาศเอก กิตติพงศ์ เต็มดวง ผู้อำนวยการโรงเรียนนายทหารชั้นผู้บังคับฝูง กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ
โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต้อนรับคณะฯ การเยี่ยมชมครั้งนี้มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจใน เทคโนโลยีที่ทันสมัย และ ความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน
หัวข้อบรรยายที่น่าสนใจ ได้แก่:
AI ในชีวิตประจำวัน กับจริยธรรมในการใช้งาน
โดย คุณชัชวาล สังคีตตระการ วิศวกรอาวุโส ทีมวิจัยยุทธศาสตร์ทรานฟอร์เมชันด้วยปัญญาประดิษฐ์ NECTEC
การเสริมสร้างมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Security)
โดย คุณเอกฉันท์ รัตนเลิศนุสรณ์ หัวหน้าทีมวิจัยความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ NECTEC
รถขุดตักดัดแปลงทำลายทุ่นระเบิด PMN-2
โดย ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ MTEC
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้เข้าเยี่ยมชม ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) เพื่อศึกษาภารกิจและศักยภาพของ สวทช. ในการสนับสนุนการพัฒนา ผลิตภัณฑ์และมาตรฐานทางเทคนิค โดยมี ดร.ไกรสร อัญชลีวรพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส PTEC ให้การต้อนรับและบรรยายให้ข้อมูล
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ผู้อำนวยการ สวทช. แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านปัญญาประดิษฐ์ของไทยในเวทีโลก ในฐานะประธาน ANSO ขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก
เมื่อวันที่ 28-29 ตุลาคม 2568 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน - ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และประธาน The Alliance of International Science Organizations in the Belt and Road Region (ANSO) ได้เข้าร่วมและเปิดการประชุมใหญ่ประจำปี ANSO General Conference 2025 ภายใต้หัวข้อ "วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Science & Innovation for a Sustainable Future)" โดยได้รับเกียรติจาก Prof. He Hongping รองประธานสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences: CAS) Prof. Chunli Bai ประธานผู้ก่อตั้ง ANSO และ Prof. Helena B. Nader ผู้อำนวยการ Brazilian Academy of Sciences และรองประธาน ANSO เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
ผู้อำนวยการ สวทช. ในฐานะประธาน ANSO ได้เน้นย้ำว่าโลกมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) โดย ANSO มีบทบาทในการขับเคลื่อน SDGs และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ การประชุมใหญ่ประจำปี ANSO General Conference 2025 ในครั้งนี้ประกอบด้วยการนำเสนอ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน การพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์และธรรมาภิบาล และการสร้างขีดความสามารถและความร่วมมือด้าน STEM ในระดับอุดมศึกษา การได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความเชี่ยวชาญร่วมกันจะทำให้เกิดการวางรากฐานสำหรับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอนาค
ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "AI Development and Governance" ร่วมแลกเปลี่ยนการดำเนินงานขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทย ที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและให้ความเห็นชอบต่อแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 – 2570) พร้อมได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยเกิดระบบนิเวศที่ครบถ้วนและเชื่อมโยงแบบบูรณาการ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและนําไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนภายในปี พ.ศ. 2570” โดยมีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานร่วมขับเคลื่อนหลักร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง พร้อมได้แสดงตัวอย่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของไทยและการใช้งาน AI เพื่อรองรับบทบาทและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจาก AI ทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิต ซึ่งประเทศไทยเห็นความสำคัญในเรื่องนี้และพร้อมมุ่งมั่นให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง
นอกจากนั้น ได้มีการเปิดตัวเครือข่ายวิจัยนานาชาติด้านการพัฒนาและธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (International Research Network on AI Development and Governance) ของ ANSO อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นเวทีในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการกำหนดทิศทางและส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบร่วมกัน ก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางปัญญาและสร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยในปัจจุบัน โลกได้มีความคาดหวังอย่างมากต่อนักวิทยาศาสตร์และ AI ในการพัฒนาโลกและสังคมของเรา เนื่องจาก AI ได้มีบทบาทและผลกระทบในทุกด้านต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการทำงานเพื่อตอบโจทย์และรับใช้สังคมจะทำให้เกิดคุณค่าของการพัฒนาได้อย่างแท้จริง โดย AI จะต้องเป็นเครื่องมือเสริมพลัง เป็นผู้ช่วยให้กับมนุษย์และสังคม ไม่ใช่เป็นผู้กำหนดทิศทางหรือควบคุมโดย AI
การประชุมใหญ่ประจำปี ANSO General Conference 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 ตุลาคม 2568 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน จากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเวทีสำหรับการสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิด และแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของมนุษยชาติ และเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับ UN SDGs ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ นอกจาก สวทช. แล้ว สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ได้เข้าร่วมประชุมด้วย
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. คว้ารางวัลผู้เข้ารอบสุดท้ายนักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี 2568 จากผลงาน “Rapid Urine Albumin Detection Technology for Kidney Disease Screening”
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล มีการจัดงาน OUTSTANDING TECHNOLOGIST AWARDS AND TECHINNO FORUM 2025 ประกาศผล รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น และรางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี 2568 โดย ดร.เดือนเพ็ญ จาปรุง นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยการวินิจฉัยระดับนาโน (NDx) กลุ่มวิจัยวัสดุตอบสนองและเซ็นเซอร์ระดับนาโน (RMNS) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และคณะวิจัย ประกอบด้วย ดร.สาธิตา ตปนียากร ดร.วิศรุต ปิ่นรอด ดร.วีรกัญญา มณีประกรณ์ ดร.ธิติรัตน์ พุฒนิล นางสาววิรียา เชาว์จิรพันธุ์ นางสาวเกียรตินิดา ตรีรัตน์ตระกูล นายเดชณรงค์ พิมาลัย และสมาชิก STIST นวัตกรรมชุดตรวจรวดเร็ว สวทช. ได้รับรางวัลผู้เข้ารอบสุดท้ายนักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี 2568 จากผลงาน "Rapid Urine Albumin Detection Technology for Kidney Disease Screening" ในพิธีได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ประธานมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ในโอกาสนี้ สวทช. โดยมี ดร. ภญ.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. เข้าร่วมแสดงความยินดี
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์


