สวทช. ร่วมกับ ธ.กรุงเทพ จัดสัมมนา “Smart Agriculture 4.0” ผลักดันธุรกิจเกษตรไทยปรับตัวใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ รับมือ Climate Change
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องประชุม SD-601 อาคารสราญวิทย์ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค สวทช.) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (อวท.) บริษัท เดลิช ฟู้ดส์ จำกัด และ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา “Smart Agriculture For Future : พลิกโฉมสู่เกษตร 4.0 สร้างผลผลิตพรีเมียม ขยายโอกาสธุรกิจแบบยั่งยืน” เพื่อนำเสนอองค์ความรู้และผลงานวิจัยของ สวทช. ที่พร้อมประยุกต์ใช้จริงในภาคอุตสาหกรรมเกษตร ในยุคที่โลกต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเชื่อมโยงกับโอกาสทางการเงิน สำหรับผู้ประกอบการเกษตรปลอดภัยที่ต้องการลงทุน Smart Agriculture โดยมี ดร.นันทิยา วิริยบัณฑร ผู้อำนวยการโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช. เป็นประธานเปิดงาน มีผู้ประกอบการภาคการเกษตรกว่า 60 คน ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน

ดร.นันทิยา วิริยบัณฑร ผู้อำนวยการ ITAP สวทช. กล่าวว่า ภาวะโลกร้อน (Global Warming) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาสำคัญของโลก โดยภาคเกษตรกรรมทั่วโลกได้รับความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 21,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนข้อมูลจาก Global Climate Risk 2021 ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวนและรุนแรง (ไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 9 จาก 180 ประเทศทั่วโลก) เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผู้ประกอบการภาคการเกษตรต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนด้วยเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) และเกษตรแม่นยำ (Precision Farming)
ITAP สวทช. เล็งเห็นโอกาสของภาคการเกษตรไทยในการก้าวสู่ “เกษตร 4.0″ จึงจัดงานสัมมนาครั้งนี้ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงองค์ความรู้ ผลงานวิจัยของ สวทช. และโอกาสทางการเงินสำหรับผู้ประกอบการเกษตรที่พร้อมปรับตัว โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ได้รับทราบถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับการผลิตสู่ “เกษตรมูลค่าสูง” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเลือกใช้ Digital Tools ที่เหมาะสม เพื่อเปลี่ยนการเกษตรแบบเดิมให้เป็น “เกษตรแม่นยำ” และ “ยั่งยืน” และได้รับฟังประสบการณ์จริงจากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในการปรับตัวและเลือกใช้เทคโนโลยี Smart Agriculture เพื่อผลิตสินค้าพรีเมียม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งงานสัมมนานี้ ได้เชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ เข้ากับโอกาสทางการเงิน สำหรับผู้ประกอบการเกษตร ที่ต้องการลงทุน Smart Agriculture และพลิกโฉมสู่ “เกษตร 4.0” ที่สามารถ ทำน้อยได้มาก สร้างผลผลิตพรีเมียม ได้ด้วยเทคโนโลยีและเงินทุนสนับสนุน
“การสัมมนาครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การนำเสนอเทคโนโลยี แต่คือการให้เครื่องมือและแนวทางที่จำเป็นเพื่อให้ธุรกิจเกษตรของไทยสามารถ อยู่รอด เติบโต และสร้างความยั่งยืน ในยุคที่ Climate Change เข้ามาเป็นความเสี่ยงหลักของการทำธุรกิจ” ดร.นันทิยา กล่าว

ดร.ประเดิม วณิชชนานันท์ ทีมวิจัยนวัตกรรมโรงงานผลิตพืชสมุนไพร ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า เกษตรยุคใหม่ไม่ใช่แค่การปลูกพืช แต่คือการบริหารข้อมูลและธุรกิจ จากความท้าทายทั้งปัญหาสภาพอากาศ การขาดแคลนแรงงาน และความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เกษตรกรจึงต้องปรับตัวนำเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต เช่น Plant Factory, เซนเซอร์ IoT รวมทั้งการใช้ Big Data และ AI เพื่อช่วยควบคุมการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ ตลอดจนพยากรณ์ผลผลิตได้แม่นยำ มีการประเมินคุณภาพพืชก่อนเก็บเกี่ยว เกษตรกรจึงต้องเปลี่ยนผ่านสู่โมเดลการขายคุณภาพและมาตรฐาน โดย สวทช. มีตัวอย่างการใช้เกษตรอัจฉริยะ เช่น โรงเรือนอัจฉริยะสำหรับการปลูกฟ้าทะลายโจร และการปลูกบัวบกใน Plant Factory ทั้งนี้เทคโนโลยีไม่ได้มาแทนคน แต่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพและเป็นกุญแจสำคัญของอนาคตเกษตรไทยในยุคที่ต้องเผชิญกับ Climate Change

ดร.โอภาส ตรีทวีศักดิ์ ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. กล่าวว่า เนคเทค สวทช. ได้พัฒนา แพลตฟอร์ม AI SAT WIMARC เป็นนวัตกรรมพร้อมใช้สำหรับการมอนิเตอร์และควบคุมสภาวะที่มีผลต่อการทำเกษตรกรรมด้วยเทคโนโลยี IoT ผสานกับข้อมูลจากดาวเทียมในการติดตามสภาพแวดล้อมในพื้นที่เพาะปลูก พร้อมใช้ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะควบคุมการให้น้ำและปุ๋ย โดยมีระบบจัดเก็บข้อมูลสภาวะแวดล้อมในพื้นที่เพาะปลูกได้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกษตรกรจัดการแปลงเพาะปลูกได้อย่างถูกต้องแม่นยำและเหมาะสมโดยเฉพาะในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง

คุณเอมกมล พยนต์รัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลิช ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและนำเข้าผลผลิตทางการเกษตร ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ โดยระบุว่า บริษัทมุ่งพัฒนาสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ มีการควบคุมคุณภาพผลผลิตในฟาร์มให้ได้มาตรฐาน GHP , HACCP และ GAP โดยวางแผนการบริหารจัดการทั้งก่อนเก็บเกี่ยว (Pre-harvest) และหลังเก็บเกี่ยว (Post-harvest) อีกทั้งยังนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิการปลูกพืช เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบัน มีการใช้ระบบให้น้ำ Irrigation System มาเป็นเครื่องมือควบคุมการปลูก อีกทั้งได้รับการสนับสนุนจาก สวทช. ในการนำชีวภัณฑ์ไปใช้ดูแลผลผลิต ตอบโจทย์ลดการใช้สารเคมีเพื่อคุณภาพผลผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

ดร.พนิตา ชุติมานุกูล ทีมวิจัยนวัตกรรมโรงงานผลิตพืชสมุนไพร ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า Smart Agriculture เป็นการนำงานวิจัยไทยมาช่วยยกระดับการผลิตพืชให้ได้คุณภาพสูงและคงที่ โดยความสำเร็จของพืชสมุนไพร หรือพืชเศรษฐกิจใด ๆ ไม่ได้ขึ้นกับประสบการณ์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องผสานเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วจากงานวิจัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เช่นการนำองค์ความรู้จาก Plant Factory มาสู่ระบบ Smart Greenhouse ช่วยให้เกษตรกรและโรงงานสามารถควบคุมคุณภาพผลผลิตได้ดียิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศและความผันผวนของตลาด ตัวอย่างเช่น “กะเพราเชิงอุตสาหกรรม” ที่เริ่มจากสูตรในห้องแล็บจนสามารถพัฒนาเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงสำหรับอาหาร เวชสำอาง และสมุนไพรสุขภาพ รวมถึงการทำงานแบบ Co-design และ Co-develop ระหว่างนักวิจัยและภาคเอกชน ช่วยให้ตั้งโจทย์ ทดลองจริง ลดต้นทุน และสร้างความแตกต่างทางคุณภาพ เป็นการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืน

ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้ประกอบการ กำลังเผชิญกับความท้าทายจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งสงครามการค้าและการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ รวมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ธ.กรุงเทพ จึงมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะในภาคเกษตรและอาหาร ถึงเวลาต้องปรับตัว โดยมีหน่วยงานสนับสนุนการยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีของผู้ประกอบการ (TASK) พร้อมช่วยผู้ประกอบการในการประเมินและวางแนวทางการจัดหาเทคโนโลยี การแนะนำตลาด การให้คำปรึกษาและเชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญและแหล่งทุน โดยปัจจุบัน ธ.กรุงเทพ มีโครงการสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อเพื่อการปรับตัวธุรกิจ รวมทั้งมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ในการสนับสนุนเงินทุนพัฒนานวัตกรรม ซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ภาคการเกษตรและอาหารของไทยมุ่งไปสู่ความยั่งยืน

![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ภายในงานยังมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และการสนับสนุนผู้ประกอบการ สู่เกษตรอัจฉริยะ ด้วยกลไก ITAP และอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย รวมทั้งมีการเปิดคลินิกให้คำปรึกษาเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ โดยนักวิจัย สวทช. และยังมีนิทรรศการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะที่น่าสนใจจากงานวิจัย สวทช. ซึ่งผู้เข้าร่วมงานสัมมนาต่างให้ความสนใจ
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ทั้งนี้ผู้ประกอบการเกษตรปลอดภัย ที่สนใจต่อยอดการผลิตด้วยการใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ เพื่อปรับตัวสู่เกษตร 4.0 สร้างผลผลิตพรีเมียม ขยายโอกาสธุรกิจแบบยั่งยืน สามารถเข้าร่วมโครงการกับโปรแกรม ITAP ติดต่อสอบถามและขอรับบริการสนับสนุนได้ที่ 02 564 7000 ต่อ ITAP (คุณเสาวภา) หรืออีเมล sauwapa@nstda.or.th























