หน้าแรก เปิดตัว “Roxizyme” เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระฝีมือนักวิจัยไทย ประสิทธิภาพเหนือวิตามินซี 25 เท่า

เปิดตัว “Roxizyme” เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระฝีมือนักวิจัยไทย ประสิทธิภาพเหนือวิตามินซี 25 เท่า

18 ก.ย. 2568
0
ข่าว
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

ภาพแบนเนอร์ประกอบบทความ เรื่อง เปิดตัว “Roxizyme” เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระฝีมือนักวิจัยไทย ประสิทธิภาพเหนือวิตามินซี 25 เท่า

 

นักวิจัยไบโอเทค สวทช. เปิดตัว “ร็อกซิไซม์” (Roxizyme) นวัตกรรมเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ พัฒนาจากยีสต์สายพันธุ์ท้องถิ่นในไทย ทนสภาพอากาศร้อนชื้น เหมาะกับผิวคนเอเชียอย่างแท้จริง พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจเครื่องสำอางและอาหารเสริม เปิดโอกาสผู้ประกอบการไทยร่วมพัฒนาการผลิตเชิงพาณิชย์และขยายตลาดสู่สากล

เทรนด์การดูแลสุขภาพและความงามของผู้บริโภคในปัจจุบันเน้นให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะ “สารต้านอนุมูลอิสระ” ที่กลายเป็นส่วนผสมหลักในอุตสาหกรรมอาหารเสริมและเครื่องสำอางทั่วโลก ทว่าผลิตภัณฑ์และสารต้านอนุมูลอิสระส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศยังต้องพึ่งพาการนำเข้าเกือบทั้งหมด เนื่องจากปัญหาด้านความไม่เสถียรของกระบวนการผลิตและความมั่นคงทางวัตถุดิบในประเทศเอง อีกทั้งคุณสมบัติของสารที่นำเข้ามาอาจไม่เหมาะกับสภาพผิวของคนเอเชีย และเสื่อมสภาพได้ง่ายในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงและลดทอนคุณภาพของผลิตภัณฑ์

 

ภาพเดี่ยว ดร.พิษณุ ปิ่นมณี นักวิจัย ไบโอเทค สวทช.
ดร.พิษณุ ปิ่นมณี นักวิจัย ไบโอเทค สวทช.

 

จากความท้าทายเหล่านี้จึงทำให้ทีมนักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมกับศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) คิดค้นและพัฒนา Roxizyme นวัตกรรมการผลิตและการผสมสูตรเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระจากจุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผู้บริโภคโดยเฉพาะ

ดร.พิษณุ ปิ่นมณี นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเอนไซม์ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางราคาแพงในท้องตลาดส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ โดยสารเหล่านี้สกัดได้จากพืช เห็ด และจุลินทรีย์ แต่สารสกัดที่ใช้ในประเทศไทยส่วนใหญ่นำเข้ามาเกือบทั้งหมด ทำให้มีข้อจำกัดมากมาย โดยเฉพาะสารสกัดจำพวกเอนไซม์ที่นำเข้ามาจากโซนยุโรปหรืออเมริกาอาจไม่เหมาะกับสภาพผิวของคนเอเชีย อีกทั้งเอนไซม์ที่นำเข้าไม่สามารถทนสภาวะร้อนชื้นในประเทศไทยได้ ดังนั้นเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อาจเสียสภาพก่อนถึงมือผู้ใช้งาน

 

ภาพต้นแบบผลิตภัณฑ์เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ Roxizyme บรรจุในขวดแก้วใส มีทั้งในรูปแบบของเหลวใส และรูปแบบผง
ต้นแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ “Roxizyme” เพื่ออุตสาหกรรมความงาม (ภาพจาก ไบโอเทค)

 

“จุดเริ่มต้นของการพัฒนา Roxizyme มาจากการมองหาทางเลือกใหม่ในการผลิตเอนไซม์ที่เสถียรและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของไทย ทีมวิจัยจึงเดินทางไปยังภาคเหนือเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ยีสต์จากข้าวหมักซึ่งมั่นใจได้ว่าสามารถทนกับสภาพอากาศในบ้านเราได้ดี จากนั้น พัฒนากระบวนการผลิตแบบแม่นยำ เพื่อเปลี่ยนเซลล์ยีสต์ให้เป็นโรงงานผลิตเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (Superoxide dismutase, SOD) คะตะเลส (Catalase, CAT) และ กลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส (Glutathione peroxidase, GPx) ซึ่งถือเป็นสุดยอดเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางทั่วโลก”

 

ภาพตัวอย่างขวดผลิตภัณฑ์ซีรัม

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระคือเสื่อมสภาพได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเจอกับสภาพอากาศร้อนชื้น นักวิจัยจึงพัฒนาเทคโนโลยีการผสมสูตร (formulation technology) เพื่อปกป้องสารชีวโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่และเปราะบางสูงอย่างเอนไซม์ให้มีเสถียรภาพ มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม คงคุณภาพ และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ด้วยเทคโนโลยีการผลิตเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระแบบแม่นยำและการผสมสูตรที่ทางทีมวิจัยพัฒนาขึ้น ทำให้ได้ผลผลิตเอนไซม์มากกว่ากระบวนการผลิตทั่วไปถึง 16% และผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า Roxizyme มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซีถึง 25 เท่า ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้เทียบเท่ากรดโคจิก (Kojic acid) ที่สำคัญคือ ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ มีความอ่อนโยนต่อเซลล์ผิวหนัง มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสภาพเซลล์ผิว ลบเลือนริ้วรอย และเสริมสร้างสุขภาพเซลล์ผิวโดยรวม นอกจากนี้ สารประกอบต่าง ๆ ใน Roxizyme มีชื่ออยู่ในรายการสารที่ให้ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางตาม CosIng (the European Commission database with information on cosmetic substances and ingredients) เรียบร้อยแล้ว จึงสามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น ซีรัม (serum) เอสเซนซ์ (essence) ครีมกันแดด (sunscreen) ได้อย่างมั่นใจ

 

ภาพผู้หญิงเอเชียกำลังใช้ผลิตภัณฑ์ซีรัมบำรุงผิวหยดลงบนผิวหน้า

 

ดร.พิษณุ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สารสกัดธรรมชาติที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเฉพาะในประเทศไทย ปัจจุบันมีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 20,000-22,000 ล้านบาท และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ มีมูลค่าประมาณ 2,400-2,600 ล้านบาท หาก Roxizyme สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้แม้เพียง 5% จะมีมูลค่าสูงถึง 130 ล้านบาท และในอนาคตยังสามารถต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมอาหารเสริมและตลาดต่างประเทศได้อีกด้วย

 

ภาพ ดร.พิษณุ ปิ่นมณี นำเสนอนวัตกรรม Roxizyme บนเวทีการนำเสนอผลงานวิจัยเด่นที่น่าลงทุน (Investment Pitching) ในงาน Thailand Tech Show 2025
ดร.พิษณุ ปิ่นมณี นำเสนอนวัตกรรม Roxizyme บนเวทีการนำเสนอผลงานวิจัยเด่นที่น่าลงทุน (Investment Pitching) ในงาน Thailand Tech Show 2025

 

ทั้งนี้ นวัตกรรมเอนไซม์ Roxizyme ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 10 ผลงานที่ได้นำเสนอบนเวทีการนำเสนอผลงานวิจัยเด่นที่น่าลงทุน (Investment Pitching) ในงาน Thailand Tech Show 2025 (TTS2025) ซึ่งทีมวิจัยมีเป้าหมายในการต่อยอดผลงานสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ทั้งในกลุ่มผู้ผลิตเอนไซม์ ตลอดจนผู้ประกอบการด้านเครื่องสำอางและอาหารเสริม เพื่อผลักดันการประยุกต์ใช้ Roxizyme ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของไทยให้เกิดขึ้นภายในปี 2569 จากนั้น จึงขยายผลไปสู่อุตสาหกรรมอาหารเสริม และพัฒนาสู่การสร้างฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศในปีถัดไป

 

ภาพเคาน์เตอร์จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์ดังระดับโลกในยุโรป
สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย

 

Roxizyme ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าสารสกัดธรรมชาติ แต่ยังยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมชีวภาพของประเทศ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย และนับเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับอุตสาหกรรมความงามไทยให้ทัดเทียมเวทีโลก

ผู้ประกอบการที่สนใจนวัตกรรม Roxizyme ติดต่อได้ที่ ดร.พิษณุ ปิ่นมณี ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. โทรศัพท์ 0 2564 6700 ต่อ 3401 อีเมล phitsanu.pin@biotec.or.th


เรียบเรียงโดย วีณา ยศวังใจ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ สวทช.
ภาพประกอบโดย ไบโอเทค สวทช. และ Shutterstock

แชร์หน้านี้: