สวทช. เตรียมรับมือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) สำหรับอุตสาหกรรมทางการแพทย์
ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) งานส่งเสริมธุรกิจซอฟต์แวร์ ฝ่ายบริหารเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ (SWP) ร่วมกับ โครงการบริหารจัดการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ทางด้านการแพทย์ (IM Health) และ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) จัดงาน “สัมมนาเพื่อเรียนรู้และรับมือ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) สำหรับอุตสาหกรรมทางการแพทย์” โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการแพทย์ใน สวทช. มีความเข้าใจกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ Personal Data Protection Act (PDPA) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 27 พ.ค. 2564 สามารถนำไปปฏิบัติและประยุกต์ใช้กับงาน ให้เกิดความปลอดภัยต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริการทางการแพทย์ของหน่วยงาน ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นางสุวิภา วรรณสาธพ รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สวทช. ร่วมเป็นประธานเปิดงาน
โดยในการบรรยายครั้งนี้ ดร. มนต์ศักดิ์ โซ่เจริญธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายเดตาโซลูชันภาครัฐ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) และที่ปรึกษาเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) กล่าวถึง คำนิยามของมาตราที่เกี่ยวข้องในกฎหมาย ตลอดจนช่วยขยายภาพกว้างของ พ.ร.บ.ดังกล่าว พร้อมด้วย
คุณมนัสศิริ จันสุทธิรางกูร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ จาก บริษัท บิ๊กฟิช เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ได้เล่าเสริมถึงความรู้ด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์และปัญหาที่เกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนตัวและกรณีศึกษาทางการแพทย์จากในประเทศและต่างประเทศรวมถึงแนวทางป้องกัน รวมไปถึงทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายจากบริษัท ONE LAW OFFICE พูดถึงความรู้ด้านภาพรวมกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีผลต่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์ในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสิงคโปร์ ในครั้งนี้การจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพิ่มเติมเพื่อให้คำปรึกษาแก่นักวิจัยที่พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ และบุคลากรที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการแพทย์ เพื่อเตรียมความพร้อมของการประกาศใช้ พ.รบ.
ทั้งนี้ ได้รับความสนใจจากนักวิจัย, วิศวกร, บุคลากร และพันธมิตรที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลการแพทย์ใน สวทช. จำนวนรวมทั้งสิ้นเกือบ 100 ราย โดยได้มีการจัดสถานที่ในรูปแบบการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distance) ตามมาตรการของสำนักงานเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ COVID-19