magnify
magnify

Open Knowledge for all 

Home Articles posted by Valaiporn Changkid (Page 5)
formats

งานวิจัยสารตรวจสอบคราบเลือดในงานนิติวิทยาศาสตร์

รศ. ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ผศ. ดร. วยา พุทธวงศ์ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ร่วมพัฒนาการวิธีสังเคราะห์สารวาวแสงสำหรับตรวจสอบคราบเลือดชื่อ ลูมินอล (luminol) เป็นผลสำเร็จ ซึ่งสารวาวแสงชนิดนี้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น งานวิจัยนี้ได้พัฒนาเตรียมขึ้นใช้เองในประเทศ และยังได้พัฒนาอนุพันธุ์ของสารวาวแสงเพื่อหาสารตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมแต่ต้นทุนการสังเคราะห์ถูกลง นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันพัฒนาสูตรการเตรียมสารละลายลูมินอล (luminol) เพื่อให้การวาวแสงในที่มืด มีระยะเวลาที่นานขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มีระยะเวลาในการเก็บบันทึกภาพ หรือค้นหาคราบเลือดในปริมาณที่น้อยได้ง่ายขึ้น ในการทดลองยังสามารถใช้สารละลายดังกล่าวแยกประเภทคราบเลือดของมนุษย์และสัตว์ได้ชัดเจน โดยผลจากการสเปรย์ลงบนคราบเลือดมนุษย์สารมีการวาวแสงสีอมม่วงเกิดขึ้นทันทีหลังจากสารทำปฏิกิริยากับเลือดประมาณ 2.30 นาที ส่วนการทดสอบกับเลือดสุนัขการวาวแสงไม่สว่างมาก แต่วาวแสงนานประมาณ 3.40 นาที และเลือดแมวปรากฎว่ามีการวาวแสงน้อยระยะเวลาแค่ 50 วินาที งานวิจัยนี้มีนิสิตที่ร่วมทำวิทยานิพนธ์ในโครงการ 2 คนคือ น.ส. อาริษา ศรีดวงใจ และ นายอัครพนธ์ เอี้ยวรัตนวดี ผู้สนใจรายละเอียด โปรดติดต่อหลักสูตรนิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แหล่งที่มา :

Read More…

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย ตอน โครงการวิจัยที่ขั้วโลกใต้

ขั้วโลกใต้หรือทวีปแอนตาร์กติก เป็นดินแดนที่ออกจะลึกลับไปสักหน่อยแต่มีข้อมูลที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์เราให้ค้นคว้ามากมาย และที่ขั้วโลกใต้แห่งนี้มีนักวิจัยจากประเทศไทยร่วมทำการศึกษาวิจัยอยู่ด้วย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีภารกิจสำคัญ คือสนับสนุนการวิจัยของคนไทยจึงได้ร่วมมือกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดส่งนักวิจัยไทยจำนวน 2 ท่านคือ รศ.ดร. สุชนา ชวนิชย์ และ ผศ.ดร. อรฤทัย ภิญญาคง จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินการวิจัยภายใต้ “โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ณ ทวีปแอนตาร์กติก ในปี พ.ศ.2557 โดยหน่วยงาน Chinese Arctic and Antarctic Administration เปิดโอกาสให้นักวิจัยชาวไทยได้ร่วมทำวิจัยที่สถานีวิจัยเกรทวอลล์ของประเทศจีน โดยมีบริษัทเอกชนสนับสนุนโครงการวิจัยนี้คือ บริษัทในกลุ่มเครื่องดื่มกระทิงแดง และและบริษัทลอรีอัล (ประเทศไทย) โครงการนี้เกิดจากพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบราราชกุมารี ฯ พระองค์เป็นคนไทยองค์แรกที่เคยเสด็จไปยังทวีปแอนตาร์กติก ในปี พ.ศ.2532 ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับการไปสำรวจทวีปแอนตาร์กติกครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับนักวิจัยไทย โดยรองศาสตราจารย์ ดร. วรณพ วิยกาญจน์ เป็นนักวิจัยไทยคนแรกที่ไปทำวิจัย ณ

Read More…

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

สถานีรถไฟใต้ดินในยุโรปที่สวยที่สุด

สถานีรถไฟใต้ดิน ที่ไหนเก่าแก่ที่สุดทราบหรือไม่?? คำตอบคือ “สถานีรถไฟใต้ดินลอนดอน หรือ ลอนดอนอันเดอร์กราวนด์ (London Underground)” สถานีรถไฟแห่งนี้เป็นสถานรถไฟใต้ดินที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ระบบขนส่งมวลชนความเร็วสูงเริ่มมีมาตั้งแต่ ค.ศ.1863 และเปิดการเดินรถไฟความเร็วสูงสายแรกงคือ “รถไฟใต้ดินลอนดอน” ในปี ค.ศ.1890 เป็นการเดินรถไฟแรกที่ใช้กระแสไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และสำหรับประเทศไทยระบบขนส่งมวลชนความเร็วสูงสายแรกในประเทศไทยที่เปิดให้บริการคือ “รถไฟฟ้าบีทีเอส” ซึ่งเป็นการให้บริการแบบยกระดับ (ลอยฟ้า) เปิดทำการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 เป็นต้นมา กล่าวมาทั้งหมดก็เพื่อจะพาทุกท่านไปชมสถานีรถไฟใต้ดินที่ได้ชื่อว่า “สวยงามที่สุด” ในแถบยุโรป ไปดูกันว่ามีสถานีไหนบ้างที่ติดอันดับ และมีสถานทีใดบ้างที่สามารถสร้างความตื่นตาตรึงใจให้กับผู้ที่มีโอกาสไปใช้บริการได้มากที่สุด – ( 200 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

ความสวยงามของเม็ดทราย

ทราย…. สิ่งที่เราเห็นได้ทั่วไปตามชายหาด ทรายเม็ดหยาบ ละเอียด สีสรรต่างกันไป ดูเผินๆ อาจจะเหมือนกันไปทุกแห่ง แต่ความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในเม็ดทรายนั้นมีจริงและเปิดเผยขึ้นเมื่อ Dr. Gary Greenberg ได้เริ่มถ่ายภาพเม็ดทรายเหล่านี้ผ่านทางกล้องจุลทรรศน์เป็นเวลา 12 ปี จากการถ่ายภาพเม็ดทรายผ่านกล้องจุลทรรสน์นี้เผยให้เห็นเม็ดทรายที่มีความสวยงามของรูปร่าง และสีสัน จากภาพขยายเม็ดทรายเหล่านี้ Dr.Gray Greenberg ได้เก็บภาพเหล่านี้จากพื้นทราบแทบจะทั่วโลกอย่างเช่น เกาะเมาวีในฮาวาย ประเทศญี่ปุ่น รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐมินนิโซตา เกาะไอร์แลนด์ เป็นต้น เหตุผลในการทำเช่นนี้ก็เพราะเขาชื่นชมในความสวยงามของทรายเม็ดเล็ก ๆ เพราะมันมีรูปร่างและสีสันที่สวยงามไม่เหมือนกัน นอกจากภาพถ่ายผ่านกล้องจุลทรรศน์ของเม็ดทรายแล้ว Dr.Gray ยังมีภาพถ่ายผ่านกล้องจุลทรรศน์จากสิ่งอื่นๆ อาทิ ดอกไม้ ให้ได้ชมความสวยงามแบบขยาย ผ่านเว็บไซต์ http://sandgrains.com แหล่งที่มา : สำรวจโลกแฟนเพจ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : https://www.facebook.com/samrujlok. (วันที่ค้นข้อมูล 7 กุมภาพันธ์ 2557). The Art of Science: The Microscope Photography

Read More…

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

พลังวิทย์ คิดค้นเพื่อคนไทย ตอน การทดลองในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง

ในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจจะได้ไปใช้ชีวิตในอวกาศกันก็เป็นได้ แต่มนุษย์เราจะอาศัยอยู่ในอวกาศที่ไร้แรงดึงดูดของโลกได้อย่างไร และเชื่อหรือไม่ว่าเด็กไทยของเราก็มีส่วนในการช่วยค้นคว้าวิธีการใช้ชีวิตในอวกาศด้วยเหมือนกัน ในทุกๆ ปี จะมีกลุ่มเยาวชนไทยจะได้รับการคัดเลือกให้ขึ้นไปทำการทดลองบนเครื่องบินชนิดพิเศษ ที่เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น โดยเครื่องบินลำนี้จะทำการบินขึ้นและลงเป็นลูกคลื่นหรือ parabola ทำให้เกิดสภาวะไร้น้ำหนักในช่วงเวลาสั้นๆ และในช่วงสภาวะไร้น้ำหนักเวลาสั้นๆ นี้ เยาวชนไทยของเราจะได้มีโอกาสทำการทดลองในสิ่งที่เยาวชนไทยให้ความสนใจ เพื่อเปรียบผลของสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาวะไร้น้ำหนักกับผลที่เกิดขึ้นบนพื้นโลก ผลการทดลองที่ได้จะทำให้เราเข้าใจและสามารถเตรียมรับมือกับการใช้ชีวิตในอวกาศได้เป็นอย่างดี การทดลองสภาวะไร้น้ำหนัก ณ ประเทศญี่ปุ่นนี้เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และองค์การสำรวจอวกาศประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการพัฒนาเยาวชนให้มีศักยภาพในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อช่วยพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคต ติดตามชมย้อนหลังรายการ พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย ตอน การทดลองในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง – ( 27 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

เว็บไซต์ 1 ทศวรรษวิทยาศาสตร์กับบทบาทของไทย

http://www.centurythaiscience.org เว็บไซต์ที่รวบรวมเหตุการณ์สำคัญทางวิทยาศาสตร์สำหรับคนไทย เว็บไซต์นี้จัดทำสำเร็จไปได้ด้วยดีจากความร่วมมือขององค์กรหลักสามแห่งด้วยกัน ได้แก่ มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ : รวบรวมเนื้อหาและข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์ บริษัท เอสซีจี : ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ มูลนิธิหอศิลปะแห่งรัชกาลที่ ๙ : เป็นผู้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือ ๑ ศตวรรษวิทยาศาสตร์กับบทบาทของไทย และ จัดทำเว็บไซต์ www.centurythaiscience.org เว็บไซต์แห่งนี้มีจุดเด่นคือ ให้ความรู้เรื่องเหตุการณ์สำคัญของวงการวิทยาศาสตร์ของไทย เช่น ต้นกำเนิดคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์นี้ก็ยังบรรจุข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทั้งของประเทศไทยและชองโลกควบคู่กันไปด้วย เช่น เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของไทยใน พ.ศ.2486 หรือ เหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เป็นต้น พร้อมทั้งนำเสนอเหตุการณ์สำคัญในอดีตย้อนหลังไป 100 ปีไว้ด้วย การนำเสนอง่ายต่อการเข้าชม เพราะนำเสนอเป็นรูปแบบของเส้นเวลา (Timeline) แบ่งเป็นช่วงเวลาในแต่ละทศวรรษอย่างชัดเจน และในแต่ละช่วงเวลาในแต่ละช่วงของเหตุการณ์นั้นๆ ยังบรรจุคลิปวิดีโอสั้นๆ ไว้ให้ดูทั้งเหตุการณ์ปัจจุบันและในอดีตไว้ให้ได้ชมด้วย– ( 79 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

10 สุดยอดธุรกิจนวัตกรรม ประจำปี 2556

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. ประกาศผล 10 สุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประจำปี 2556 (TOP TEN INNOVATIVE BUSINESS 2013) เพื่อเป็นตัวอย่างในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมของภาคเอกชน และแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดบรรยากาศการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการคัดเลือกดังนี้ อันดับที่ 1 “คูลแคป” สมุไนพรลดไข้จากบอระเพ็ด อันดับที่ 2 “เซนส์” อุปกรณ์สื่อสารทางสายตาสำหรับผู้ป่วยอัมพาต อันดับที่ 3 “บิ๊กเบา” รถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์น้ำหนักเบาเชิงพาณิชย์ อันดับที่ 4 “สไมล์ฟีต” แผ่นรองรองเท้าเพื่อสุขภาพ อันดับที่ 5 “คูเน่” ผงปรุงรสจากหอมหัวใหญ่ อันดับที่ 6 “เฮมพ์ไทย” พรมรองพื้นรถยนต์จากเส้นใยกัญชง อันดับที่ 7 “ซูกาเวีย” สารให้ความหวานจากธรรมชาติ อันดับที่ 8 “ฟิอูเม่” อ่างอาบน้ำสำหรับผู้สูงอายุ อันดับที่ 9 “สไปโรไจร่า ไบโอมาส์ค” เวชสำอางค์อินทรีย์จากสาหร่ายเทา อันดับที่

Read More…

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

ที่มาของ “ปากกาลูกลื่น”

มนุษย์เรามีการบันทึกวิถีชีวิตมาตั้งแต่สมัยอดีตกาลนับพันปีมาแล้ว การเขียนบันทึกนั้นต้องอาศัยอุปกรณ์ในการขีดเขียน ดังนั้นอุปกรณ์การเขียนของมนุษย์เราได้ถูกประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้จดบันทึกเรื่อราวต่างๆ มาแล้วกว่าพันปี เช่น การนำต้นอ้อมาเหลาให้แหลมเพื่อใช้ในการเขียนอักษรคูนิฟอร์ม ของขาวเซเมติก เป็นต้น และในเวลาต่อมาอุปกรณ์การเขียนนี้ก็ได้ถูกพัฒนาและประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นปากกาแบบหมึกชนิดต่างๆ ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ปากกาลูกลื่น ก็ได้ถือกำเนิดในฐานะอุปกรณ์เครื่องเขียนอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นผลงานการประดิษฐ์ของนักฟอกหนังชาวเมืองเวย์เมาท์ ประเทศสหรัฐฯ นาม “จอห์น เจ.ลาวด์” โดยปากกาลูกลื่นในยุคของนายลาวด์ ก็จะใช้ลูกโลหะกลมๆ เล็กๆ บรรจุไว้บริเวณปลายปากของปากกาหมึกซึม เพื่อควบคุมการไหลของหมึก ทั้งนี้ ปากกาลูกลื่นยุคแรกๆ เหมาะสำหรับใช้เขียนบนแผ่นหนัง หรือบนพื้นผิวที่ไม่เรียบเท่านั้น ส่วนการเขียนบนกระดาษแผ่นเรียบ จะเป็นปากกาลูกลื่นที่ได้รับการพัฒนาในยุคต่อมา ซึ่งก็สามารถผลิตและขายเป็นสิ่งประดิษฐ์ได้ในปี 1944 และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากสะดวกในการพกพาและเมื่อถูกน้ำตัวอักษรก็ยังคงอยู่ และในปัจจุบันนี้ปากกาลูกลี่นก็ยังคงได้รับความนิยมและมีใช้ติดมือกันแทบทุกคน แหล่งที่มา : “คนพลิกโลก / จอห์น เจ. ลาวด์ ก่อเกิดปากกาลูกลื่น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.siamrath.co.th/web/?q=คนพลิกโลก-จอห์น-เจ-ลาวด์-ก่อเกิดปากกาลูกลื่น. (วันที่ค้นข้อมูล 5 กุมภาพันธ์ 2557).– ( 55 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

ระบบสนับสนุนการส่งไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ผ่านทางอีเมล

กรีนอีเมลเป็นนวัตกรรมอีเมลใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สถานะสแปมให้ถูกต้องได้ 100% โดยเปิดโอกาสให้ผู้รับอีเมลได้พิจารณาสถานะได้ด้วยตนเอง โดยเมื่อผู้ส่งทำการส่งอีเมลอออกไประบบกรีนอีเมลนี้จะพักอีเมลดังกล่าวไว้ ก่อน และจะสกัดเฉพาะสาระสำคัญ (Metadata) ที่มีขนาดเล็กมากส่งไปยังผู้รับเพื่อพิจารณาก่อนว่า ต้องการรับหรือไม่ หากต้องการรับระบบจะปล่อยอีเมลต้นฉบับไปยังผู้รับต่อไป วัตถุประสงค์ของการพัฒนาระบบกรีนอีเมลมีดังนี้ ลดปัญหาการวิเคราะห์สแปมผิดพลาด (over/under blocking errors) เปลี่ยนผู้กำหนด criteria สถานะของสแปม จากผู้ดูแลระบบเป็นผู้รับอีเมลเอง ปกป้องสิทธิที่จะไม่รับอีเมลสแปมที่ฝั่งผู้รับไม่ว่าจะเป็น Client และ Server สร้างความรับผิดชอบแก่ผู้ส่งมากขึ้น เพิ่มปัจจัยด้านจริยธรรมของผู้ใช้ในการสนับสนุน Green ICT จุดเด่นเทคโนโลยี Zero Spam 100% Accuracy : การวิเคราะห์สแปมจะถูกต้อง 100% เนื่องจาผู้รับพิจารณาเอง 100% Privacy Protection : ผู้รับถูกปกป้องโดยสมบูรณ์นอกจากผู้รับ Client จะไม่ได้รับสแปมแล้วทาง Server ผู้รับก็ไม่ต้องรับภาระในการเก็บสแปมไว้ก่อน Polite Sender : สร้างจริยธรรมแก่ผู้ส่ง เนื่องจากผู้ส่งจะถูกบังคับให้คำนึงถึง Privacy ผู้รับมากขึ้นทำให้ต้องส่งแต่อีเมลที่คาดว่าผู้รับจะสนใจเท่านั้น Green ICT

Read More…

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments