ศูนย์วิทย์โคราชตรวจพบน้ำหมัก “ผู้ใหญ่สุพรรณ-โสมตังเซียม” พบเชื้อโคลิฟอร์ม อี.โคไล เพียบ แถมเจอสารอันตรายทั้งไดคลอโรมีเทน และไซ-โปรเฮปตาดีน เกินมาตรฐานกำหนดอื้อ ชี้กินแล้วเลือดออกในทางเดินอาหาร คลื่นไส้อาเจียน สูดดมมากถึงขั้นตาย เร่งประสาน สสจ.จัดการ พ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา ได้รับตัวอย่างส่งตรวจจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา จำนวน 3 ตัวอย่าง จำแนกเป็นของเหลวใสในขวดแก้วสีชา จำนวน 1 ตัวอย่าง และตัวอย่างเครื่องดื่มน้ำหมักในภาชนะบรรจุปิดสนิทจำนวน 2 ตัวอย่าง ได้แก่ เครื่องดื่มน้ำหมักพืชแท้เต็มพลัง “ตราผู้ใหญ่สุพรรณ” และเครื่องดื่มน้ำสมุนไพรหมักเต็มพลัง ตรา “โสมตังเซียม” ซึ่งผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อโคลิฟอร์ม และ อี.โคไล ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษในปริมาณที่เกินมาตรฐานกำหนด รวมทั้งมีส่วนผสมของยาและสารเคมีอันตรายในเครื่องดื่มน้ำหมักทั้ง 2 ตัวอย่าง ได้แก่ สารไดคลอโรมีเทน และ สารไซ-โปรเฮปตาดีน – (

ภัยเงียบจากการใช้คอมพิวเตอร์ (1)
โรคที่มากับคอมพิวเตอร์ในที่นี้ไม่ใช่ “ไวรัสคอมพิวเตอร์” หรือ “โปรแกรมตัวหนอน” ซึ่งเป็นบ่อนทำลายข้อมูลในคอมพิวเตอร์ แต่หมายถึงความเจ็บป่วยที่อาจเกิดจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานเกือบทุกอย่าง รวมทั้งใช้เพื่อความเพลิดเพลิน การศึกษาและการติดต่อสื่อสารต่างๆ ในอนาคตคอมพิวเตอร์จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันจนแทบขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งใดที่มีประโยชน์มากก็อาจมีโทษมหันต์ ในแง่สุขภาพของเราการใช้คอมพิวเตอร์อาจมีพิษภัยต่อสุขภาพได้ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี ซึ่งความเจ็บป่วยที่ว่าอาจเกิดจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์นานเกินไป โดยเกิดขึ้นได้กับอวัยวะต่างๆ และทำให้เกิดโรคได้ ตา ในขณะที่จ้องดูจอคอมพิวเตอร์จะมีส่วนของนัยน์ตาอย่างน้อย 2 ส่วนที่ต้องทำงานส่วนแรกคือ กล้ามเนื้อตาที่จะต้องคอยหดเกร็งตัวเพื่อปรับเลนส์ตาให้มีความหนาเหมาะสมให้แสงจากจอไปตกบนฉากรับภาพด้านหลังตาหรือที่เรียกว่า เรตินา (retina) เพื่อให้ได้ภาพคมชัด ดังนั้น ถ้าดูจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องกันนานๆ กล้ามเนื้อตาจะต้องทำงานหนักจนกล้ามเนื้ออาจเกิดอาการล้าได้นานวันก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสายตา เช่น สายตาสั้นหรือสายตายาว อีกส่วนที่ต้องทำงานหนักคือ จอรับภาพด้านหลังตาหรือเรตินา ซึ่งประกอบด้วยเซลล์รับแสง 2 ชนิด ชนิดหนึ่งเป็นแท่ง ทำหน้าที่รับแสงไม่สว่างมากเช่น ภาพดำขาว อีกชนิดหนึ่งเป็นรูปโคนรับแสงที่สว่าง เช่น ภาพสีต่างๆ แล้วส่งสัญญาณไปยังสมอง สองส่วนนี้ หากใช้งานหนักหรือจ้องจอนานเกิน 2 ชั่วโมงบ่อยๆ อาจทำให้การทำงานของเรตินาเสื่อมก่อนเวลาอันควร ดังนั้น การใช้คอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องจึงไม่ควรใช้สายตาดูหน้าจอนานเกินไป และควรมีการพักสายตา โดยการเปลี่ยนไปมองระยะไกลๆ บ้างสัก 10-15 นาที จึงค่อยกลับมาใช้คอมพิวเตอร์ใหม่– (

นักวิทยาศาสตร์สหรัฐพัฒนาแบตเตอรี่พลังน้ำตาล
นักวิทย์เวอร์จิเนียพัฒนา “ไบโอแบตเตอรี่” ใช้พลังงานจากน้ำตาลเล็งต่อยอดทำแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนใช้ครั้งเดียวทิ้ง วันนี้(30ม.ค.57)กระแสการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงทางเลือกรุดหน้าไม่หยุดหย่อน ล่าสุดเป็นทีมนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค สหรัฐอเมริกา ประกาศความก้าวหน้าในการพัฒนา “ไบโอแบตเตอรี่” ใช้พลังงานจากน้ำตาล สามารถกักเก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมในขนาดเท่ากันแบบที่ใช้กับสมาร์ทโฟน อนาคตอาจนำมาใช้แทนทั้งแบตเตอรี่แบบชาร์จซ้ำหรือใช้แล้วทิ้ง แถมยังมีราคาถูกกว่า เติมพลังงานได้ง่ายเพียงแต่เติมความหวานลงไป ย่อยสลายได้ และเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม วาย เอช จาง ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมระบบชีวภาพ ที่เวอร์จิเนีย เทค กล่าวว่า น้ำตาลเป็นสารประกอบเก็บพลังงานชั้นดีตามธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ เราจึงพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากพลังงานธรรมชาตินี้มาผลิตแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม – ( 10 Views)

ค้นพบมะเขือเทศม่วงช่วยชะลอมะเร็ง
นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษปรับสายพันธุ์มะเขือช่วยชะลอมะเร็งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ วันนี้(29ม.ค.57)นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ประสบความสำเร็จในการปรับสายพันธุ์มะเขือเทศจากที่มีผลสีแดงให้มีผลสีม่วง ได้ และสีม่วงของมะเขือเทศสายพันธุ์นี้ได้รับการยืนยันจากผลทดลองกับหนู ทดลองแล้วว่าสามารถชะลอมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังสามารถต้านการติดเชื้อและมี ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มะเขือเทศสีม่วงนี้มีสารแอนโธไซยานินปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารชนิด เดียวกับที่ พบในผลบลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อื่นๆ โดยนักวิจัยได้ทดลองกับหนูที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและกินอาหารธรรมดา หนู กลุ่มนี้ตายด้วยโรคมะเร็งภายใน 142 วัน ในขณะที่หนูอีกกลุ่มหนึ่งกินผงสกัด จากมะเขือเทศสีม่วงเป็นประจำใช้เวลาประมาณ 182 วันกว่าจะตาย นักวิชาการ กล่าวว่า ผลไม้อื่นๆ ที่มีสีม่วงก็สามารถป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ นอกจากนี้ นักวิชาการด้านโภชนาการชาว เยอรมัน โวลเคอร์ โบฮ์ม จากมหาวิทยาลัย Jena กล่าวยืนยันว่า มะเขือเทศสี ม่วงมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่มะเขือเทศสีแดงก็มีประโยชน์เหมือนกันในการลด ความเสี่ยงกับโรคมะเร็งเพราะสารแคโรธีนอย (สีส้มและสีแดง) ก็ช่วยดักจับ อนุมูลอิสระเช่นกัน แต่ร่างกายมนุษย์สามารถดูดซึมสารแอนโธไซยานินได้ดีกว่า แคโรธีนอยด์เพราะแคโรธีนอยด์ละลายในน้ำมัน ดังนั้น ในการปรุงมะเขือเทศจึง ควรมีน้ำมันเป็นส่วนผสมด้วยก็จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น รายการอ้างอิง : ค้นพบมะเขือเทศม่วงช่วยชะลอมะเร็ง. (2557, 29 มกราคม). TNN24. ค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557, จากhttp://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=21258&t=news. – ( 68 Views)

อาหารมงคลรับตรุษจีน
แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย แนะนำ 7 เทคนิคสร้างมงคลสุขภาพรับตรุษจีน เริ่มจากลดอาหารไขมัน เน้นขนมถั่วธัญพืช ลดเค็ม จนถึงขยับเอ็กเซอร์ไซส์ นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุชผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า เทศกาลตรุษจีนถือเป็นเทศกาลมงคลที่ยิ่งใหญ่เพราะเชื่อว่าสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นในชีวิตคือ เริ่มต้นสิ่งใหม่ที่ดีขึ้น ได้สะสางสิ่งวุ่นวายในชีวิต ได้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษผู้ใหญ่ ทั้ง 3 สิ่งเป็นมงคลพิเศษที่จะหาได้ในช่วงปีใหม่จีน ซึ่งการที่จะได้มานี้จะต้องทำการไหว้ทั้งเจ้าที่และบรรพบุรุษ โดยธรรมเนียมจะต้องมีของเครื่องไหว้หลักคือ เนื้อสัตว์ทั้งตัว ได้แก่ เป็ด,ไก่,ปลา,กุ้ง,ปลาหมึก หมูเนื้อแดง ผลไม้ เช่น ส้มสีทองสาลี่ แอปเปิ้ล องุ่น กล้วย หรือแก้วมังกรให้มีชื่อที่เป็นมงคล ขนมตรุษจีน อย่างขนมเข่ง,ขนมเทียน,ขนมไข่,ขนมถ้วยฟู,ขนมสาลี่ ขนมจำพวกขนมแห้งจันอับ อย่าง ถั่วตัด,ข้าวพอง,ขนมโก๋ ที่สำคัญคือซิ่วท้อ ที่เป็นขนมแป้งทำเลียนแบบผลท้อถือเป็นขนมมงคลอายุยืน– ( 22 Views)

ยารังสี รักษารูมาตอยด์
รูมาทอยด์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า ข้ออักเสบรูมาทอยด์ โดยโรคนี้มีความน่ากลัวมากเนื่องจากเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และส่วนใหญ่จะรักษาไม่หาย รวมถึงหากได้รับการรักษาช้า อาจจะทำให้ข้อถูกทำลายได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ ผู้ป่วยจะสามารถอยู่กับโรคนี้ได้อย่างมีความสุข โรคข้ออักเสบรูมาทอยด์ เกิดจาก ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีขึ้นมาต่อต้านเยื่อบุข้อ ทำให้เยื่อบุข้ออักเสบ หนาตัวขึ้น และมีการสร้างน้ำไขข้อเพิ่มขึ้น ทำให้ข้อบวม ปวด และขยับข้อไม่ได้ หากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในข้อมีความรุนแรงเพียงพอที่จะทำลายโครงสร้างของข้อ ซึ่งได้แก่ กระดูกอ่อนผิวข้อ และหัวกระดูกที่อยู่ในบริเวณข้อ ก็จะทำให้ข้อคดงอและผิดรูปไป – ( 15 Views)

วิจัยชี้เอาชนะอาการแพ้ถั่วด้วยการกินถั่ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่30 ม.ค.ว่าการวิจัยดังกล่าวตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ชื่อดัง “แลนเซ็ต”ว่าคณะแพทย์ซึ่งนำโดยนายแพทย์แอนดรูว์คลาร์ก จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์กล่าวว่าพวกเขาทำการวิจัยรักษาโรคภูมแพ้ถั่วลิสง ด้วยการให้ทดลองให้เด็กจำนวน99 คนวัย 7- 16 ปีรับประทานผงถั่วแคปซูลปริมาณ800 มิลลิกรัมเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกันปรากฎว่าการรับประทานถั่วในเด็กที่มี อาการแพ้ถั่วเหล่านี้กลับทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาได้เองทีละนิด การรักษาแบบนี้เรียกว่าOral immunotherapy หรือ“โอไอที”หมายถึงการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่แพ้ในปริมาณน้อยๆทุกวัน จนสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเองทั้งนี้ร่างกายของเด็กที่เข้าทดสอบด้วยวิธีการ รักษาดังกล่าวสามารถทนกลับการรับประทานถั่วในปริมาณน้อยๆอย่างเช่นเมื่อเวลา พวกเขารับประทานถั่วที่ใส่อยู่ในขนมหรืออาหารบางชนิดโดยบังเอิญพวกเขาก็จะ ไม่มีอาการแพ้ใดๆปรากฎอย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์กล่าวว่าพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรใช้วิธีดังกล่าวเองที่บ้านและควรรอจน กว่าผลการวิจัยที่แน่ชัดได้รับการตีพิมพ์มากกว่านี้ รายการอ้างอิง : วิจัยชี้เอาชนะอาการแพ้ถั่วด้วยการกินถั่ว. (2557, 30 มกราคม). เดลินิวส์. ค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557, จาก http://www.dailynews.co.th/Content/foreign/212503/วิจัยชี้+เอาชนะอาการแพ้ถั่ว+ด้วยการกินถั่ว.– ( 3 Views)

เกาหลีใต้พัฒนานาโนโรบอทหุ่นยนต์รักษาโรคมะเร็ง
เกาหลีใต้พัฒนานาโนโรบอท หุ่นยนต์ขนาดจิ๋วที่สามารถปล่อยยาในร่างกายเพื่อช่วยรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งได้ผลดีหลังทดลองกับหนู วันนี้(8ม.ค.57)สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์เกาหลีใต้พัฒนาวิธีรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่โดยใช้นาโนโรบอท (Nanorobot) ในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งได้ผลดีกว่าและเป็นการรักษาทางเลือกแทนการทำคีโมบำบัด รายงานยังระบุด้วยว่า นาโนโรบอทมีชื่อว่า Bacteriobot โดยนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาแบคทีเรียที่ไม่มีพิษเพื่อนำทางหุ่นยนต์เหล่านี้เข้าไปปล่อยยาที่อยู่ในแคปซูลขนาดเล็กที่ตัวเนื้อร้ายโดยตรง แบคทีเรียจะถูกดึงดูดไปหาเซลล์มะเร็งจากสารเคมีที่ปล่อยโดยเซลล์มะเร็งเอง เมื่อแบคทีเรียไปถึงแคปซูลก็จะปล่อยยาทำลายเนื้องอกโดยที่ไม่มีผลกระทบต่อเซลล์อื่นๆ ปาร์ค จอง โอ หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติชองนัม กล่าวว่า ความสามารถหลักของนาโนโรบอทนี้คือ สามารถวินิจฉัยมะเร็งและสามารถต่อสู้มะเร็งได้ด้วยตัวเอง โดยใช้แบคทีเรียในการเคลื่อนที่ จากการทดลองกับหนู พบว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลดี จึงคาดว่าอีกไม่นานจะมีการพัฒนาและสามารถใช้กับคนได้เช่นกัน โดยขณะนี้นาโนโรบอทสามารถจับได้แต่มะเร็งที่มีลักษณะเป็นเนื้องอกเท่านั้น เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาให้สามารถรักษามะเร็งชนิดอื่นๆ ได้เช่นกัน สำหรับเทคโนโลยีนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้กับมนุษย์ รายการอ้างอิง : เกาหลีใต้พัฒนานาโน โรบอทหุ่นยนต์รักษาโรคมะเร็ง. (2557, 8 มกราคม). TNN24. ค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557, จาก http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=19450&t=news.– ( 37 Views)

ข้าวก่ำ
ข้าวกํ่า หรือ ข้าวเหนียวดำ ด้วยคำว่า กํ่า แปลว่า ดำ ชาวอีสานจะมีบทกลอนว่า “ปั้นข้าวกํ่า ติด…อ้อนต้อน” ในประเทศไทยพบข้าวกํ่าทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบข้าวชนิดนี้ได้ต้องมีสภาพพื้นที่ที่ถ่ายเทระบายน้ำได้ดี สภาพน้ำ ท่าอุดมสมบูรณ์ จะออกดอก-ติดผลเดือนตุลาคม ข้าวกํ่าสามารถนำมารับประทานได้เหมือนข้าวเหนียวทั่วไป และนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้หลากหลายชนิด เช่น ข้าวเหนียวดำสังขยา ข้าวเหนียวดำมูน เป็นต้น(ข้อมูลจาก สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนจุณวิทยาคม). รายการอ้างอิง : ข้าวก่ำ. (2557, 30 มกราคม). เดลินิวส์. ค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม, จาก http://www.dailynews.co.th/Content/Article/212020/ข้าวกํ่า.– ( 8 Views)

“Obalon”แคปซูลลูกโป่งลดน้ำหนักแนวใหม่
อังกฤษ ผุดเทคโนโลยี “Obalon”แคปซูลลูกโป่ง สูตรลดน้ำหนักแนวใหม่ วันนี้ (24ม.ค.57) เว็บไซต์มิเรอร์ ได้หยิบยกวิธีใหม่ในการลดน้ำหนักนี้ขึ้นมาพูดถึง คือ แคปซูลลูกโป่งภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า Obalon ที่กินเข้าไปแล้วบอลลูนจะไปพองในกระเพาะอาหาร ช่วยหลอกให้รู้สึกอิ่ม จึงช่วยควบคุมปริมาณในการกินอาหารได้นั่นเอง โดยตัวเม็ดยาแคปซูลจะเชื่อมกับสายยางขนาดจิ๋ว เมื่อกลืนลงไปในกระเพาะอาหาร ตัวแคปซูลจะหลุดออกไป แล้วลูกโป่งจะพองออกจนมีขนาดเท่าลูกแอปเปิล ด้วยการปรับแรงดันจากสายยางที่เชื่อมต่ออยู่ด้านนอก เมื่อพองเต็มที่สายยางก็จะหลุดออก แล้วดึงกลับออกมาทางปาก ส่วนลูกโป่งนั้นก็จะลอยอยู่ที่ตอนบนของกระเพาะอาหาร หลอกให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม ส่วนการนำลูกโป่งออกนั้น มันจะถูกทำให้แฟบก่อนที่จะนำออกมาทางปากผ่านทางเดินอาหาร โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาเลย จึงนับว่าเป็นวิธีที่สะดวกมาก เห็นผลชัดเจน และผลที่ได้ก็อยู่ในข่ายน่าพึงพอใจ จากการทดลองกับผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง พบว่ามันช่วยให้ลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 7.7 กิโลกรัม ภายใน 12 สัปดาห์ ส่วนผลข้างเคียงมีบ้างเล็กน้อยประมาณ 7% ของผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ อาหารที่กินเข้าไปไหลย้อน และอาการตะคริวในคอ ซึ่งก็จะค่อยๆ ดีขึ้น และหายไปใน 1-2 วัน — ( 235 Views)