ถั่วเขียวพันธุ์ดี KUML 4 ที่ ‘หนองไผ่ เพชรบูรณ์’

ถั่วเขียวพันธุ์ดี KUML 4 ที่ ‘หนองไผ่ เพชรบูรณ์’

“ถ้าต้องการเมล็ดพันธุ์ KUML เบอร์ 4 ก็ต้องมาที่หนองไผ่” สมศักดิ์ จันทร์เรียน ประธานวิสาหกิจแปลงใหญ่ถั่วเขียวตำบลท่าแดง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ บอกถึงเป้าหมายของกลุ่มฯ หลังจากที่ได้ยกระดับเป็น “ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว KUML ระดับชุมชน” อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีพื้นที่ปลูกถั่วเขียวมากที่สุดของจังหวัด นอกจากถั่วเขียวเป็นพืชบำรุงดิน  ช่วยลดการใช้ปุ๋ยในนาข้าว เพิ่มคุณภาพและปริมาณข้าวแล้ว ผลผลิตเมล็ดถั่วเขียวยังเป็นรายได้เสริมของเกษตรกรที่นี่มาเนิ่นนาน สมศักดิ์ คุ้นเคยกับพืชหลังนาชนิดนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยพันธุ์ถั่วเขียวที่รุ่นพ่อแม่ปลูกให้ผลผลิตน้อย ไม่ต้านทานโรคและแมลง ทำให้เขาเริ่มมองหาสายพันธุ์ใหม่มาทดแทน “ช่วงปี 2559 เกษตรกรที่กำแพงเพชรบอกว่ามีถั่วเขียวพันธุ์ KUML เป็นพันธุ์ใหม่ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คุยกันอยู่หลายรอบ ก็ตัดสินใจลงทุนซื้อมา 200 กิโลกรัม เพราะอยากได้พันธุ์ใหม่” เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวพันธุ์ใหม่ล็อตแรก สมศักดิ์ ปลูกในช่วงฤดูฝนบนพื้นที่เขา

ถั่วเขียว KUML พืชหลังนาที่มากกว่าบำรุงดิน (ทุ่งกุลา)

ถั่วเขียว KUML พืชหลังนาที่มากกว่าบำรุงดิน (ทุ่งกุลา)

ท่ามกลางแสงแดดยามเที่ยงที่ร้อนแรง มัสสา โยริบุตร ในวัย 65 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์นำทางลัดเลาะไปยังผืนนาที่แปรเปลี่ยนเป็นทุ่งปอเทืองและถั่วเขียวบนพื้นที่ 6 ไร่ เป็นพืชหลังนาที่ มัสสา เลือกปลูกเพื่อบำรุงดินก่อนปลูกข้าวในฤดูกาลใหม่ “สมัยรุ่นพ่อแม่ ไม่มีปลูกพืชหลังนาหรอก ทำนาเสร็จ ก็ปล่อยแปลงว่างไว้ ไม่ทำอะไร” มัสสา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านโนนสวรรค์ ต.ทุ่งหลวง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ย้อนภาพแปลงนาในวัยเยาว์ จวบจนถึงวัยที่เธอเดินตามรอยเส้นทางอาชีพของพ่อแม่ มัสสา มีโอกาสเข้าถึงการอบรมต่างๆ จากหน่วยงานราชการ ทำให้เธอได้รู้จักพืชหลังนา “ได้อบรมเป็นหมอดินอาสา ทำให้รู้จักพืชหลังนาอย่างปอเทือง ถั่วเขียวว่าเป็นปุ๋ยพืชสด มีไนโตรเจนสูง ไถกลบแล้วช่วยให้หน้าดินนุ่ม ร่วนซุย เมื่อปลูกข้าวรอบใหม่ก็ใช้ปุ๋ยน้อยลง” มัสสา มีพื้นที่นาทั้งหมด 53 ไร่ ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิส่งจำหน่ายให้ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวร้อยเอ็ด

แบบแผนการจัดการศัตรูพืชด้วยชีวภัณฑ์แบบผสมผสานของถั่วฝักยาว (Standard Operating Procedure: SOP) ภายใต้โครงการ “การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG แบบบูรณาการเชิงพื้นที่ในจังหวัดราชบุรี”

เก็บเกี่ยว ‘หอมแขก’

เก็บเกี่ยว ‘หอมแขก’

อายุเก็บเกี่ยวหอมแขกประมาณ 90-110 วัน (นับจากย้ายปลูก) และการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมส่งผลต่อคุณภาพผลผลิตที่จะส่งจำหน่าย เมื่อหอมแขกอายุ 80-85 วัน คอจะเริ่มพับ ให้เกษตรกรสังเกต หากในแปลงพบว่าคอพับเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ให้เกษตรกรช่วยพับให้ทั่วทั้งแปลง จากนั้นงดให้น้ำและทิ้งไว้ในแปลงประมาณ 3-5 วัน ให้ใบเหลือง ถอนมามัดจุก แล้วนำไปตากแดดจัดจนหอมแขกแห้งสนิท นำมาห้อยไว้ในที่ร่มมีหลังคา ระบายอากาศได้ดี ตัดหัวและรากออก บรรจุในถุงตาข่ายหรือขายแบบมัดจุก ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

โรคพืช-แมลงศัตรูพืชของหอมแขก

หอมแขก

โรคพืช โรคพืชที่สำคัญ คือ โรคใบจุดสีม่วง (เชื้อรา Alternaria porri (Ell.) Cif) โรคเน่า (เชื้อรา Sclerotium rolfsii)  และโรคหอมเลื้อย (เชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides) โรคเน่า โรคใบจุดสีม่วง การป้องกันและจัดการโรคของหอมแขก 1. ก่อนปลูก ไถตากดิน 2-3 ครั้ง เพื่อลดปริมาณเชื้อราที่เป็นสาเหตุโรคในดิน ปรับสภาพดินด้วยปูนขาวเพื่อให้มีค่าความเป็นกรดด่างอยู่ระหว่าง 6.5-7 (เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของหอมแขก)2. ใช้ส่วนการขยายพันธุ์ที่ไม่เป็นโรค เช่น แช่หัวพันธุ์หรือต้นกล้าก่อนปลูกด้วยไตรโคเดอร์มา หรือสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น โปรคลอราช 50% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ

เตรียมแปลงหอมแขก

หอมแขก

ฤดูกาลที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกหอมแขกในประเทศไทย คือ ฤดูหนาว (หลังเก็บเกี่ยวข้าว) หรือเริ่มต้นในปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป เกษตรกรควรเริ่มเพาะกล้าตั้งแต่เดือนกันยายน ย้ายกล้าลงแปลงในปลายเดือนตุลาคม และเก็บเกี่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ แต่สำหรับเกษตรกรที่ใช้ที่นาเพาะปลูกสามารถเตรียมกล้าในพื้นที่ปลูกผักทั่วไปได้ เมื่อเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จจึงไถตากดินและเตรียมแปลงปลูกหอมแขกต่อได้เลย การเตรียมแปลงเป็นขั้นตอนสำคัญ หากเตรียมแปลงไม่ดีจะส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณของผลผลิต ซึ่งการเตรียมแปลงหอมแขก แบ่งเป็น 2 ระยะคือ การเตรียมแปลงสำหรับเพาะกล้า และการเตรียมแปลงสำหรับย้ายปลูก  โรงเรือนเพาะกล้า แปลงเพาะกล้า เตรียมแปลงสำหรับเพาะกล้า • การเพาะกล้าหอมแขกจำเป็นต้องมีโรงเรือน เพื่อป้องกันฝนและน้ำค้าง• ก่อนปลูก 7 วัน คลุกเคล้าดิน โดโลไมท์ ปุ๋ยหมักให้เข้ากัน ขึ้นแปลงสามเหลี่ยม• ก่อนปลูก 2 วัน รดด้วยไตรโคเดอร์มาและตีดินให้ละเอียด ขึ้นแปลงหน้ากว้าง 1 เมตร สูงประมาณ 5-10

รู้จัก ‘หอมแขก’

หอมแขก

หอมแขก (red onion) มีชื่อวิทยาศาสตร์ Allium cepa จัดอยู่ในพืชตระกูลหอมใหญ่ (onion) ใบจัดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว แผ่นใบแบนจีบตามยาว ใบกว้าง 2–4 เซนติเมตร และยาว 20 –40 เซนติเมตร เจริญเติบโตในดินแทบทุกชนิด แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ของดิน ประมาณ 6.0-6.5 เพาะปลูกในพื้นที่อากาศเย็นในช่วงเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ และอาจให้ผลผลิตไปถึงเดือนมีนาคม หอมแขกเป็นพืชสองปี (biennial) โดยในปีแรกจะสร้างใบและหัว (buld) ซึ่งประกอบด้วยลำต้นสั้นๆ และกาบใบมีเปลืองหุ้มสีแดง ภายในมีกลีบสีม่วงแดงทำหน้าที่ในการสะสมอาหาร ที่ใจกลางของหัวเป็นจุดเจริญหรือจุดให้กำเนิด การสร้างหัวจะขึ้นอยู่กับความยาวของวัน (day length) ได้แก่ พันธุ์วันสั้น (short day)