ลงทุนโรงเรือน (ไม้ไผ่) อย่างไรให้คุ้มทุน

ลงทุนโรงเรือน (ไม้ไผ่) อย่างไรให้คุ้มทุน

น.ส.เลอทีชา เมืองมีศรีนักวิชาการฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) เกือบทุกครั้งที่เราพูดถึงโรงเรือนไม้ไผ่ มักจะมีคำถามว่า ต้นทุนเท่าไหร่? แพงไหม? อายุกี่ปี? คุ้มไหม? ปลูกผักอะไรได้บ้าง? …. วันนี้จะพาไปเรียนรู้จาก “กลุ่มเกษตรกรบ้านแป้น” ต.บ้านแป้น อ.เมือง จ.ลำพูน กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกผักจริง ใช้โรงเรือนจริง ที่นี่สร้างโรงเรือนไม้ไผ่หลังคาจั่ว 2 ชั้นรูปแบบของ สวทช. ขนาด 6×15 เมตร ใช้ไม้ไผ่จากสวน ป่าหัวไร่ปลายนา หรือหาซื้อในพื้นที่ ตีมูลค่าตามราคาพื้นที่ ค่าแรงไม่มี เพราะอาศัยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชนช่วยกันสร้าง หากจะตีราคาก็คงเป็นค่าอาหาร เครื่องดื่ม ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง คือ พลาสติกคลุมหลังคาขนาด 4×48 เมตร ราคาประมาณ 3,500 บาท+

“ปลูกให้เป็น ปลูกให้มีกิน” สร้างความมั่นคงทางอาหารที่แนวชายแดน

“ปลูกให้เป็น ปลูกให้มีกิน” สร้างความมั่นคงทางอาหารที่แนวชายแดน

เด็กได้เรียนรู้ระบบผลิตพืชผักเกษตรอินทรีย์ อินทรีย์ช้ากว่า แต่ดีต่อตัวเขา ต่อชุมชน และถ้าทำได้มาตรฐาน จะเพิ่มมูลค่าให้พืชในท้องถิ่นเขาได้ -ด.ต.สมดุลย์ โพอัน- “ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ แต่พอมีโครงการของอาจารย์ ก็ทำให้เรามีความรู้” ลัดดา อมรไฝ่ประไพ เกษตรกรบ้าน กล้อทอ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีด้านเกษตรจาก รศ.ดร.จานุลักษณ์ ขนบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ทั้งการปลูกพริก งา ฟักทอง การเก็บเมล็ดพันธุ์ การผลิตสารชีวภัณฑ์ หรือแม้แต่ กล้วยหอมพันธุ์แขนทอง พืชชนิดใหม่ในพื้นที่ “เทศบาลฯ ของเราอยากลองอะไรใหม่ๆ เพื่อมาเสริมการทำไร่ที่เป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน อาจารย์เข้ามาให้ความรู้หลายเรื่อง แต่ที่ได้ผลและเห็นเป็นรูปธรรมก็คือ กล้วยหอมพันธุ์แขนทอง ที่นี่มีแต่กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมเป็นพืชใหม่ มีชาวบ้าน 20

“สับปะรดบ้านสา” ผลผลิตคุณภาพ-สร้างมูลค่า ด้วยความรู้-ความใส่ใจ

“สับปะรดบ้านสา” ผลผลิตคุณภาพ-สร้างมูลค่า ด้วยความรู้-ความใส่ใจ

ทำแต่สิ่งเก่าๆ ที่สืบสานกันมาก็ได้แบบเดิม สิ่งใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆ ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและได้คุณภาพกว่า -ปรีดา บุญเตี่ยม- “ผลใหญ่ หวานฉ่ำ ไม่กัดลิ้น” คือจุดเด่นของสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียที่ปลูกกันมากในหมู่ 5 ของต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ภายใต้ “กลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดบ้านสา” ที่มีพื้นที่ปลูกรวม 1,600 ไร่ เป็นพืชที่สร้างรายได้หลักให้ชาวบ้านสาร่วม 80 ครัวเรือน “พื้นที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีน้ำ สภาพแห้งแล้ง สับปะรดจึงเป็นพืชทางเลือกของชาวบ้าน โดยซื้อพันธุ์จากบ้านเสด็จมาลองปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ.2507 แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่อยู่เหนือเขื่อนกิ่วลม ทั้งอากาศและลักษณะโครงสร้างดิน ทำให้สับปะรดบ้านสามีรสชาติที่ดีเด่น” ผศ.สันติ ช่างเจรจา สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีล้านนา บอกเล่าภูมิหลังของสับปะรดบ้านสาที่มีต้นทุนที่ดีจากธรรมชาติ สับปะรดเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดลำปาง บ้านสาเป็นแหล่งปลูกใหญ่รองจากบ้านเสด็จ อ.เมือง ผลผลิตสับปะรดส่วนใหญ่ส่งเข้าโรงงานแปรรูปในพื้นที่และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS ใต้ร่มบุญ : ปันความรู้ สร้างแนวร่วม พัฒนาไปด้วยกัน

เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS ใต้ร่มบุญ : ปันความรู้ สร้างแนวร่วม พัฒนาไปด้วยกัน

ขาดทุนจากลองทำ ถ้าเราไม่ลงมือทำ สมาชิกเราก็ไม่ได้ ส่วนกำไร เราได้ทั้งความรู้ ได้เพื่อนและได้บุญ -มนูญ แสงจันทร์สิริ- “ช่วยตานูนเท่ากับช่วยสมาชิก เท่ากับช่วยเครือข่าย” ประโยคคำพูดสั้นๆ ที่ มนูญ แสงจันทร์สิริ หรือ ตานูน ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหม่อนผลแปรรูปกลุ่มใต้ร่มบุญ จ.สงขลา บอกไว้ในเวทีหารือความร่วมมือที่มีหน่วยงานรัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 10 แห่ง ซึ่งล้วนเป็นหน่วยงานสนับสนุนการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ของ ตานูน มาเกือบสิบปี ชีวิตที่ผ่านงานรับจ้างมาหลากหลายทั้งกรีดยาง ทหารพราน เซลล์ขายของ รองผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ จนมาเป็นนายตัวเองกับอาชีพเกษตรกรด้วยการเลี้ยงแพะ และได้มารู้จักต้นหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ที่มีโปรตีนสูง ใช้เป็นอาหารเลี้ยงแพะได้ “ปลูกหม่อนใบเพื่อเอามาเลี้ยงแพะ แล้วมารู้ว่าหม่อนผลมีโปรตีนสูงเหมือนกัน ก็เรียนรู้วิธีปลูก ทำไปทำมาก็เริ่มคิดแล้วว่าจะอยู่เฝ้าแพะแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่ล่ะ เลยลองเอาผลหม่อนมาแปรรูปเป็นน้ำหม่อนไปวางขาย ปรากฏว่าขายดี ก็จุดประกายอาชีพให้เรา” จากแปรรูปหม่อนในระดับครัวเรือน

“ฟาร์มฝันแม่” ความฝัน ความจริง และความรู้เกษตรอินทรีย์

“ฟาร์มฝันแม่” ความฝัน ความจริง และความรู้เกษตรอินทรีย์

จะปลูกพืชชนิดไหน ต้องหาความรู้ว่าพืชต้องการอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ เพื่อลดความเสี่ยงการผลิต แล้วจัดการให้ได้ ผลผลิตก็จะได้ 100% -ภิญญา ศรีสาหร่าย- “กลับบ้านเถอะลูก พ่อปลูกต้นท้อไว้รอเจ้า  กลับบ้านสู่บ้านเรา ไหนว่าเจ้าไปเพื่อเรียน หลายปีผ่านไป สุขทุกข์อย่างไร พ่อรออยู่    ดอกท้อชู ช่อชู ไกลสุดกู่ หรืออย่างไร พ่อทำฝนเทียมและห้วนฝาย ไว้คอยเจ้า พร้อมเมล็ดพันธุ์ชนิดใหม่ๆ เจ้าจงมาเตรียมการหว่านไถ่ เพื่อจะได้มีอยู่ มีกิน กลับบ้านเถอะลูก เจ้ากลับบ้านถูกใช่ไหม    เจ้าจงมาเป็นชีวิตใหม่ เป็นแสงตะเกียงและเสียงพิณ ให้ผู้อยู่ถิ่น…ได้ชื่นใจ” “แม่ไม่เคยบอกให้ลาออกจากงานมาปลูกผัก แม่ไม่เคยรู้ว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ ทุกเดือนแม่ยังส่งเงินให้” ภิญญา ศรีสาหร่าย สมาชิกกกลุ่มร่มโพธิ์ เครือข่ายมูลนิธิสังคมสุขใจ สามพรานโมเดล อดีตวิศวกรเงินเดือนเฉียดแสน

“สมุนไพรอินทรีย์” สร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรชีวภาพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน

“สมุนไพรอินทรีย์” สร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรชีวภาพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน

ประเทศไทยมีสมุนไพรกว่า 10,000 ชนิด โดยร้อยละ 15.5 ของชนิดสมุนไพร สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ซึ่งการสนับสนุนส่งเสริมองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตสมุนไพรตั้งแต่แปลงปลูกถึงการแปรรูป เป็นสิ่งสำคัญที่จะหนุนเสริมศักยภาพของสมุนไพรไทยให้ได้ทั้งคุณภาพและมาตรฐาน เพิ่มโอกาสการแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับชุมชนไปพร้อมกับการสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนของทรัพยากรทางชีวภาพของไทย สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตพืชสมุนไพรอินทรีย์ให้กลุ่มเกษตรกรในจังหวัดพัทลุง ลำปางและตาก เพื่อยกระดับการผลิตสมุนไพรให้ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณผลผลิตให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้ประโยชน์ตามบริบทของชุมชน เรามองในแง่การพึ่งตนเอง ปลูกขมิ้นชันแล้วเอามาใช้ประโยชน์ทางยาในชุมชน ถ้าใช้เองได้และใช้ดีด้วย ปลายทางก็เป็นเศรษฐกิจได้ -อุทัย บุญดำ- ‘สมุนไพร’ เพื่อการพึ่งตนเอง วิถีของคนใต้คุ้นเคยกับพืชสมุนไพรทั้งตะไคร้ ขิง ข่า ขมิ้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในเครื่องแกงใต้ ชาวบ้านจึงมักปลูกไว้ใช้ในครัวเรือน หรือปลูกแซมในสวนยางพารา “ศูนย์ฯ มาเน้นขับเคลื่อนสมุนไพรเมื่อช่วงปี 2562 จัดเวทีแลกเปลี่ยนการใช้ประโยชน์เชิงการแพทย์จากภูมิปัญญา แล้ว สวทช. ได้เข้ามาทำในเชิงงานวิจัยไปด้วย

รู้หลักและจัดการ สร้างผลผลิตกาแฟ (คุณภาพ) บ้านเลาสู

รู้หลักและจัดการ สร้างผลผลิตกาแฟ (คุณภาพ) บ้านเลาสู

ที่แปลงสาธิตการจัดการแปลงผลิตกาแฟให้ได้คุณภาพ ตัดแต่งกิ่ง ให้ปุ๋ย กำจัดมอดเจาะผลกาแฟและเก็บเกี่ยวผลผลิต ลดความเสียหายของผลผลิตจากมอดเหลือเพียง 0.75% จากเดิมเสียหาย 33.4% ด้วยสภาพภูมิประเทศและความสูง 950 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เอื้อต่อการปลูกกาแฟของชาวบ้านเลาสูซึ่งเป็นชนเผ่าเมี่ยนและชนเผ่าอาข่า ต.ปงดอน อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ขณะเดียวกันที่นี่ยังเป็นต้นน้ำแม่วัง หนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญของภาคเหนือ ซานฟุ แซ่จ๋าว ผู้ใหญ่บ้านเลาสู และประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านเลาสู เล่าว่า ที่นี่ปลูกกาแฟกันมานานมีทั้งหน่วยงานรัฐและพ่อค้ามาส่งเสริมให้ปลูก ปัจจุบันชาวบ้านปลูกกันเกือบทุกครัวเรือน มากบ้างน้อยบ้าง พันธุ์ที่ปลูกเป็นอาราบิก้า สายพันธุ์คาร์ติมอร์ ชาวบ้านปลูกขายให้พ่อค้าคนกลางและกลุ่มวิสาหกิจฯ เอาไปแปรรูป แม้จะปลูกกาแฟกันมานาน แต่การจัดการแปลงปลูกที่ส่งผลต่อคุณภาพเมล็ดกาแฟยังเป็นปัญหาสำคัญของชาวบ้าน ดังที่ ผู้ใหญ่ซานฟุ บอกว่า ปัญหาที่เจอหลักๆ คือ มอด ถ้ามอดเยอะ เมล็ดกาแฟจะลอยน้ำมาก โรงงานก็ไม่อยากรับซื้อ

“ชีวภัณฑ์” ผลิตใช้เอง ผลิตให้ชุมชน เสริมรายได้

“ชีวภัณฑ์” ผลิตใช้เอง ผลิตให้ชุมชน เสริมรายได้

ยิ่งเราทำบ่อยก็ยิ่งเชี่ยวชาญ ดูคุณภาพจากสปอร์ฟุ้ง ไม่มีเส้นใย ส่งตรวจมีปริมาณสปอร์ตามมาตรฐานที่ได้รับถ่ายทอดจาก สวทช. -สุนทร ทองคำ- “ไม่ได้มองว่าชีวภัณฑ์ที่เราผลิตจะเป็นรายได้หลัก แต่การส่งเสริมให้คนใช้ เป็นสิ่งที่ต้องทำมากกว่า” คำบอกเล่าจาก สุนทร ทองคำ ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์ตำบลวังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี บ่งบอกความตั้งใจของเขาบนเส้นทางเกษตรอินทรีย์ที่มี ‘ชีวภัณฑ์’ เป็นอาวุธสำคัญ สุนทร เติบโตในครอบครัวชาวนา เห็นความยากลำบากในงานเกษตรมาแต่เล็ก เขาจึงปฏิเสธที่จะเดินตามอาชีพของครอบครัว มุ่งสู่ชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่เอื้อความสะดวกสบาย แต่เมื่อภาระงานประจำที่ถาโถม ทำให้เขาเริ่มหวนคิดถึงห้องทำงานในธรรมชาติ “ตอนนั้นมองทุกอาชีพ ถ้าไปขายของ ก็มองความแน่นอนไม่มี ถ้าจะไปรับจ้าง แล้วเราจะลาออกมาทำไม พรสวรรค์ตัวเองก็ไม่มี ก็เลยมองว่าเกษตรนี่ล่ะน่าจะตอบโจทย์ตัวเองที่สุด” สุนทร วางแผนและเตรียมตัวก่อนลาออกจากงานอยู่ 2 ปี เริ่มต้นเป็น “เกษตรกรวันหยุด” เรียนรู้การทำเกษตรบนพื้นที่

“ฮักษ์น้ำยม” ปุ๋ยอินทรีย์สู่ความยั่งยืนของชุมชน

“ฮักษ์น้ำยม” ปุ๋ยอินทรีย์สู่ความยั่งยืนของชุมชน

อยากให้ชาวบ้านได้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดต้นทุนการผลิต ถ้าตลาดไปได้ด้วยก็ดี ชาวบ้านมีรายได้ต่อเนื่อง การทำปุ๋ยก็เป็นอาชีพหลักให้ชาวบ้านได้” -อภินันท์ บุญธรรม- “เราทำปุ๋ยอินทรีย์ไปใส่ต้นไม้พืชผลทางเกษตร ปรับปรุงดินให้ดีขึ้น ดินดี ต้นไม้โต พื้นที่สีเขียวเพิ่ม ต้นน้ำของเราก็สมบูรณ์” อภินันท์ บุญธรรม ผู้ใหญ่บ้านดอนไชยป่าแขม ต.ออย อ.ปง จ.พะเยา อธิบายความหมายของชื่อ “ฮักษ์น้ำยม” ปุ๋ยอินทรีย์ที่ชาวบ้านร่วมกันผลิตจำหน่ายมาได้เกือบ 2 ปี อำเภอปงเป็นต้นน้ำแม่น้ำยม หนึ่งในสี่สายน้ำต้นทางของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นสายน้ำสำคัญของพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ดังนั้นความสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำจึงมีความหมายต่อหลายชีวิตที่ปลายทาง การทำไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยาสูบ เป็นอาชีพหลักของชาวบ้านดอนไชยป่าแขม ด้วยวิถีการผลิตในระบบเกษตรเคมีมายาวนาน ส่งผลต่อคุณภาพของดินและต้นทุนการทำเกษตร การผลิตปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์เป็นหนึ่งทางออกที่ชาวบ้านได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในพื้นที่ โดยได้รับโรงปุ๋ยและเครื่องจักรมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 “แต่ก่อนรวมกลุ่มผลิตปุ๋ยใช้กันปีละครั้ง ทำแบบวิธีกลับกอง ทำกันได้ 4-5 ปี