คอลัมน์ประจำ เรื่องเล่าเราโลก

แร่หายาก หายากจริงไหม ?

เรื่องโดย ผศ. ดร.ลัดดา แต่งวัฒนานุกูล


จากสถานการณ์สงครามการค้า การขึ้นภาษีแต่ละประเทศ ความขัดแย้งจากการขาดแคลนทรัพยากรแร่ที่ขับเคลื่อนเทคโนโยลีในยุคดิจิทัล ส่งผลให้ธาตุโลหะหายากเป็นทรัพยากรที่มีความต้องการสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งการสื่อสาร การคมนาคม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม

ธาตุโลหะหายากเหล่านี้มีคุณสมบัติทางฟิสิกส์และเคมีเฉพาะตัว เช่น การเป็นตัวนำไฟฟ้าและแม่เหล็กที่ดี รวมถึงความสามารถในการเปล่งแสงและดูดซับรังสี จึงนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นชิปคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน จอภาพแอลอีดี และเลเซอร์ โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น การผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลมใช้ธาตุนีโอดิเมียม (Nd) ดิสโพรเซียม (Dy) เพรซีโอดิเมียม (Pr), ตัวเร่งปฏิกิริยาในระบบลดมลพิษของเครื่องยนต์ใช้ธาตุซีเซียม (Ce), แลนทานัม (La) และการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องเอกซเรย์ เครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) และตัวติดตามรังสี ที่ใช้ธาตุแกโลดิเนียม (Gd) และยูโรเพียม (Eu) จึงกล่าวได้ว่าธาตุโลหะหายากเป็นหัวใจสำคัญของนวัตกรรมสีเขียวและเทคโนโลยีอนาคตของโลก


ภาพแร่โมนาไซต์และซีโนไทม์ในประเทศไทย

แล้วแร่หายาก…หายากสมชื่อหรือไม่ ?

แร่หายาก (rare earth minerals) ไม่ได้ “หายาก” อย่างชื่อเรียกนัก หากแต่คำว่า “หายาก” มาจากความยากในการแยกและสกัดธาตุโลหะหายากออกมาให้มีความบริสุทธิ์ ในความเป็นจริงธาตุโลหะหายากเป็นกลุ่มธาตุที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในเปลือกโลกแต่มีปริมาณต่ำมาก ๆ และมักกระจายตัวผสมอยู่กับแร่ชนิดอื่น ทำให้กระบวนการแยกสกัดออกมาใช้งานมีความซับซ้อนและต้นทุนสูง

หากกล่าวถึงแร่หายากที่ประกอบด้วยธาตุโลหะหายากนั้นมีมากกว่า 200 ชนิด แต่มีเพียง 70 ชนิดที่พบธาตุโลหะหายากเป็นองค์ประกอบหลักในโครงสร้างผลึกแร่ และมีเพียง 3 ชนิดเท่านั้นที่นำมาใช้ในการแต่งและสกัดธาตุโลหะหายาก คือ แร่แบสต์เนไซต์ (bastnäsite) โมนาไซต์ (monazite) และซีโนไทม์ (xenotime)

แร่หายากทั้ง 3 ชนิด พบเป็นแหล่งแร่ที่สัมพันธ์กับหินแตกต่างกัน แร่แบสต์เนไซต์พบมากในหินคาร์บอเนอไทต์มีธาตุแลนทานัม (La) ซีเรียม (Ce) และนีโอดิเมียม (Nd) พบในประเทศพม่า ส่วนแร่โมนาไซต์ (มีธาตุ Ce, La) พบร่วมกับแร่ซีโนไทม์ (มีธาตุ Nd) ในหินแกรนิตและหินเพกมาไทต์ ในประเทศไทยพบตามแนวที่เรียกว่า “Granite Belts” ร่วมกันกับแร่ดีบุกและทังสเตน


แร่ดีบุก แร่โมนาไซต์ และซีโนไทม์ที่ถูกคลื่นนำมาจากทะเลสู่ชายหาดในทุก ๆ ปี

เมื่อพูดถึงแร่ดีบุกก็คงต้องกล่าวถึงจังหวัดภูเก็ต พังงา ระนอง ที่ในอดีตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2071 เป็นช่วงเฟื่องฟูของการทำเหมืองแร่ดีบุก ทำให้เราเป็นเมืองท่าเรือส่งออกที่สำคัญ มีการลากแร่ดีบุกจากในทะเล มีการทำเหมืองอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังมีเหมืองสำคัญอีกแห่งที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว คือ เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นแหล่งดีบุกที่สำคัญของโลก เรียกว่า The Southeast Asian Tin Belt


เครื่องมือที่หลงเหลือจากการทำเหมืองแร่ดีบุกในอดีต

จากหางแร่ในอดีตกลายเป็นหัวแร่ที่มีความต้องการสูงในปัจจุบัน เราอาจจะต้องหันกลับมาพิจารณาขุมทรัพย์แร่หายากภายในประเทศอีกครั้ง ทั้งด้านการสำรวจ การทำเหมือง การพัฒนาโรงแต่งแร่หายาก รวมถึงโรงสกัดแร่หายากอย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นการสร้างคน สร้างงาน และยกระดับอุตสาหกรรมภายในประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนฟื้นฟูเศรษฐกิจเมืองท่าในอดีตกลับมาเฟื่องฟู พร้อมก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอนาคต

About Author