จากความร่วมมือสู่จุดเรียนรู้ ‘เทคโนโลยีการให้น้ำพืชแบบอัตโนมัติของ สวทช.’

จากความร่วมมือสู่จุดเรียนรู้ ‘เทคโนโลยีการให้น้ำพืชแบบอัตโนมัติของ สวทช.’

“ฟาร์มรักษ์น้ำเป็นระบบใหญ่ สายสัญญาณขยายได้กว้าง เหมาะใช้งานพื้นที่ 5 ไร่ขึ้นไป Handy Sense สายสัญญาณมีระยะจำกัด เหมาะกับสวนขนาดเล็ก ส่วน Water fit ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เหมาะกับแปลงผักหรือพื้นที่ขนาดเล็กๆ” วัลลภ จันทร์งาม ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดระยอง แนะนำความแตกต่างเบื้องต้นของเทคโนโลยีการให้น้ำพืชแบบอัตโนมัติของ สวทช. ที่ติดตั้ง ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดระยอง (ศสพ.) “ศสพ. ทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้และนำองค์ความรู้จากที่ต่างๆ มาทดสอบในพื้นที่ของ ศสพ. ก่อนจะขยายผลให้เกษตรกรในจังหวัดระยอง อย่างเรื่องเทคโนโลยีระบบการให้น้ำอัตโนมัติ มีทั้งระบบของกรมส่งเสริมการเกษตร สวทช. มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่เอกชน เรานำมาศึกษาว่าเทคโนโลยีเหมาะสมกับพื้นที่และบริบทของเกษตรกรในพื้นที่หรือไม่” พื้นที่กว่า 400 ไร่ ของ

เรียนรู้-พัฒนาการเลี้ยง สร้างอาชีพ สร้างรายได้จาก ‘โคขุนคุณภาพ’

เรียนรู้-พัฒนาการเลี้ยง สร้างอาชีพ สร้างรายได้จาก ‘โคขุนคุณภาพ’

จากที่เคยเลี้ยงโคแม่พันธุ์ เพื่อผลิตลูกวัวส่งขายให้ สุรสิงห์ฟาร์ม นำไปขุนต่อ มาวันนี้ ภุมรินทร์ สมานมิตร-สุนันทา สังข์ทอง สองสามีภรรยา เจ้าของ FP Samanmit Farm อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พัฒนาการเลี้ยงโคเนื้อและขยับบทบาทการเลี้ยงโคเนื้อตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ และยังคงเป็น “ฐานเรียนรู้การผลิตอาหารโคคุณภาพ”[1] ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจากทั่วประเทศมาศึกษาดูงาน อีกทั้ง ภุมรินทร์ ยังเป็นนวัตกรที่ถ่ายทอดความรู้ด้านอาหารโคขุน การเลี้ยงโคขุน และการผสมเทียมโคเนื้อในพื้นที่ด้วย [1] ได้รับการสนับสนุนความรู้เทคโนโลยีการผลิต­­อาหารโค ภายใต้โครงการ “การผลิตอาหารโคเพื่อความยั่งยืนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม” เมื่อปี พ.ศ. 2562 เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สวทช. และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) “เราเป็นสมาชิกสหกรณ์แม็กบีฟ[2]อยู่แล้ว พอจบโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของ

ผักสวนครัวอินทรีย์ ปลูกให้ดี รายได้งาม สร้างความสุข

ผักสวนครัวอินทรีย์ ปลูกให้ดี รายได้งาม สร้างความสุข

“มารู้วิธีปลูกผักอินทรีย์เอาตอนอายุเยอะแล้ว ถ้ารู้เร็วกว่านี้ก็น่าจะดี” ถ้อยคำที่แฝงความเสียดายของ ทองลักษณ์ คูคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านหนองหว้า ต.เมืองคง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ หลังปรับเปลี่ยนการปลูกพืชผักระบบเคมีเป็นระบบอินทรีย์ได้เพียงหนึ่งปี “ทำนาเป็นเงินเก็บ ปลูกผักเป็นเงินใช้จ่าย” เป็นวิถีของชาวบ้านหมู่ 9 ที่ปลูกผักสวนครัวในระบบเคมีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า บางบ้านจากเงินใช้จ่ายกลายเป็นเงินเก็บที่สามารถซื้อรถกระบะและส่งลูกเรียนจบปริญญา “ทำเคมีมีรายได้เยอะช่วงหน้าหนาว ได้มากสุด 10,000 บาท/เดือน แต่มีต้นทุนปุ๋ยเคมี ทำปลอดภัยมีรายได้ทุกวัน อย่างน้อย 200 บาท/วัน จากที่ไม่เคยได้แล้วมาได้ทั้งปี ต้นทุนปุ๋ยก็ไม่เยอะ เพราะเราปรุงดินตั้งแต่แรก และที่สำคัญสุขภาพเราปลอดภัย” ช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 ทองลักษณ์ ได้รับการประสานจากเกษตรอำเภอราษีไศลสอบถามความต้องการรับองค์ความรู้การปลูกผักระบบอินทรีย์จาก สวทช. และเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวลูกบ้าน 20 ราย

ปลูกขิงปลอดภัย พืชทางเลือก สร้างรายได้

ปลูกขิงปลอดภัย พืชทางเลือก สร้างรายได้

“ดินทุ่งกุลาเป็นดินเค็ม ถ้าปลูกขิงแล้วได้ผลผลิต จะเป็นความภาคภูมิใจของคนทุ่งกุลา” อุดร เยี่ยมไธสงค์ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวบ้านเชือกกลาง ต.จิกสังข์ทอง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ย้อนความตั้งใจเมื่อครั้งตอบรับสำนักงานเกษตรจังหวัดศรีสะเกษเข้าร่วมทดสอบปลูกขิงปลอดภัย เป็นพืชทางเลือกสร้างรายได้เสริม วิถีเกษตรของชาวบ้านเชือกกลางทำนาข้าวเป็นหลัก ด้วยสภาพดินเค็มเป็นข้อจำกัดชนิดพืชที่จะนำมาปลูกในพื้นที่ ชาวบ้านเคยปลูกถั่วพร้า กระเจี๊ยบเป็นพืชหลังนา ปลูกกระชายตามหัวไร่ปลายนา ส่วนขิง ชาวบ้านคุ้นเคยกับขิงเล็กหรือขิงบ้านที่มีปลูกบ้างเป็นบางครัวเรือน  หลังตอบรับเข้าร่วมปลูกขิง อุดร ชักชวนสมาชิกจากกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวบ้านเชือกกลางได้อีก 6 คนเข้าร่วมเรียนรู้การปลูกขิงจาก สวทช. ก่อนแยกย้ายจัดสรรพื้นที่เพื่อปลูกขิงคนละ 50-100 ตารางวา โดย อุดร ใช้พื้นที่บริเวณป่าหม่อนทำแปลงปลูกขิงประมาณ 100 ตารางวา ด้วยเป็นพื้นที่ดินดอนและมีแหล่งน้ำ “ฟังที่อาจารย์ให้ความรู้ ก็ยากเหมือนกันนะ มีหลายขั้นตอน ต้องเตรียมแปลงก่อนแล้วชำขิงให้ออกยอดก่อนแล้วค่อยย้ายปลูก เราก็ทำตามเป๊ะๆ”  ฤดูกาลผลิตปี 2566

ภูมิปัญญาผสานนวัตกรรม ยกระดับ “ผ้าทอพื้นเมืองทุ่งกุลา”

ภูมิปัญญาผสานนวัตกรรม ยกระดับ “ผ้าทอพื้นเมืองทุ่งกุลา”

“เดี๋ยวนี้ทำนาก็สู้ทำผ้าไม่ได้” คำบอกเล่าจาก ลำไพร ยางสุข ประธานกลุ่มอาชีพทอผ้าไหมบ้านม่วงสวรรค์ ต.ไพรขลา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ สะท้อนถึงความสำคัญของงานทอผ้าพื้นเมืองที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจครัวเรือน ไม่ต่างจาก สุภา อิ่มบุตร ประธานกลุ่มทอผ้าแม่สุภาผ้าไทย ต.ทุ่งหลวง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ที่ส่งเสริมให้สมาชิกกลุ่มสร้างรายได้จากงานทอผ้าเดือนละไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท จากงานอดิเรกหลังเสร็จสิ้นการทำนาในแต่ละวัน ทอผ้าไว้ใช้เองในครัวเรือนสู่การค้าซื้อขายและสร้างรายได้ที่จับต้องได้เร็วกว่าทำนา กลายเป็นอาชีพหลักของเธอทั้งสองที่ต่างผ่านช่วงเวลากินอยู่หลับนอนคากี่ทอ เพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานให้เป็นเม็ดเงินส่งลูกเรียนจบปริญญา เติมความรู้ เสริมงานศิลป์ สร้างอัตลักษณ์ลายผ้าประจำถิ่น “บ้านม่วงสวรรค์เป็นหมู่บ้านปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและผลิตผ้าไหมเยอะ จากเป็นอาชีพเสริมมีแม่ค้ามารับซื้อ 300-500 บาท/ผืน เดี๋ยวนี้เป็นอาชีพหลัก ราคาผ้าก็หลักพัน ถ้าย้อมสีธรรมชาติบางผืนก็เป็นหมื่น” เดิมทีในหมู่บ้านต่างคนต่างทอผ้า แต่หลังจากได้รวมกลุ่มและขึ้นทะเบียนกลุ่มทอผ้าเมื่อปี พ.ศ. 2550 เปิดโอกาสให้ได้ออกร้านจำหน่ายและเรียนรู้จากหน่วยงานต่างๆ ปัจจุบันกลุ่มอาชีพทอผ้าไหมบ้านม่วงสวรรค์มีสมาชิก 24 คน แต่ละคนทอผ้าเองทุกกระบวนการเป็นวิถีประจำวัน

พัฒนายกระดับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

พัฒนายกระดับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

โคเนื้อที่เกษตรกรเลี้ยงส่วนใหญ่เป็นพันธุ์พื้นเมืองและลูกผสมอเมริกันบราห์มัน ซึ่งนิยมส่งออกเป็นโคมีชีวิตไปเวียดนามและจีน แต่ในช่วงที่ผ่านมาเกษตรกรได้รับผลกระทบจากการส่งออกทำให้เกิดวิกฤติราคาโคเนื้อตกต่ำ ขณะที่โคเนื้อลูกผสมแองกัส วากิวและชาร์โรเล่ส์เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศและขายได้ราคาดี เพื่อใช้ผลิตเนื้อโคตอบโจทย์ความต้องการบริโภคเนื้อโคขุนคุณภาพไขมันแทรก แต่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคยังคงประสบปัญหาการเลี้ยงในหลายด้าน ทั้งองค์ความรู้และเทคโนโลยี ต้นทุนอาหาร โรคระบาด และการตลาด สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ร่วมกับหน่วยงานปศุสัตว์จังหวัดในเขตพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้และหน่วยงานพันธมิตร ดำเนินโครงการพัฒนายกระดับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้เกษตรกรสามารถผลิตโคคุณภาพดี พัฒนากระบวนการเลี้ยงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้รับมาตรฐานฟาร์ม พัฒนาโคลูกผสมสู่ตลาดพรีเมียมและสร้างนวัตกรชุมชน (นักผสมเทียมอาสา) ปลูกพืชอาหารสัตว์ ลดต้นทุนค่าอาหารเลี้ยงโคเนื้อ  ในยุคที่ข้าวของมีราคาแพง ไม่เว้นแม้แต่ฟางอัดก้อน หญ้าอาหารโคหรืออาหารสัตว์สำเร็จรูป ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคที่ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูง ด้วยระยะเวลาการเลี้ยงโคเนื้อที่ค่อนข้างนานกว่าจะได้รับผลตอบแทน ขณะที่พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ประสบภัยแล้ง ขาดแคลนพืชอาหารสัตว์ เกษตรกรจำต้องกักตุนฟางอัดก้อนเพื่อใช้เลี้ยงโคเนื้อตลอดทั้งปี แต่การให้ฟางเป็นอาหารเพียงอย่างเดียว ทำให้โคได้รับโภชนะไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อคุณภาพของโคและราคาจำหน่าย ปัญญา เชื้อกล้า ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนสังข์ ต.ด่าน อ.ราษีไศล

“บ้านไตรโค” จุดผลิตชีวภัณฑ์จัดการโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน

“บ้านไตรโค” จุดผลิตชีวภัณฑ์จัดการโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน

“ใช้เคมี โรคหาย แต่ไม่นานก็เป็นอีก ใช้ขีวภัณฑ์เห็นผลช้า แต่ยั่งยืนกว่า” ถ้อยคำจาก พงษ์ธร เกษรบัว เกษตรกรวัย 75 ปี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ผู้ผ่านประสบการณ์จัดการโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียนด้วยราไตรโคเดอร์มา ตลอดชีวิตการทำสวน พงษ์ธร ยึดแนวทางการทำเกษตรปลอดภัย ลด ละการใช้สารเคมีตั้งแต่ทำสวนผสมผสานทั้งพริกไทย เงาะ ลองกอง ก่อนลงมือทำทุเรียนจริงจังได้ 10 กว่าปี ในช่วงที่ทุเรียนราคาดี โดยเขาให้ความสำคัญกับดินเพื่อป้องกันการเกิดโรครากเน่าโคนเน่า โรคพืชสำคัญของทุเรียนที่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งสภาพแวดล้อม (เช่น ความชื้นสูง การระบายน้ำในแปลงไม่ดี ดินเป็นกรดสูง) และการจัดการสวนที่ไม่เหมาะสม  (เช่น การใช้สารเคมีมากเกินไป ความอ่อนแอของต้นทุเรียน เครื่องมือการเกษตรที่ไม่สะอาด) “ใช้ไตรโคเดอร์มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ซื้อแบบสำเร็จจากร้าน ก็เห็นผลอยู่

จุดหมายนั้นสำคัญ แต่ระหว่างทางที่เดินด้วยกัน…สำคัญกว่า

จุดหมายนั้นสำคัญ แต่ระหว่างทางที่เดินด้วยกัน…สำคัญกว่า

ประโยคที่ว่า จุดหมายนั้นสำคัญ แต่ระหว่างทางที่เดินด้วยกันนั้นสำคัญกว่า เป็นบทสรุปที่ไม่เกินจริงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนใต้ร่มบุญเกษตรอินทรีย์ จังหวัดสงขลา ที่ น.ส.เลอทีชา เมืองมีศรี นักวิชาการ สท. ได้บอกเล่าเรื่องราวดีๆ จากการทำงานกับเกษตรกรกลุ่มนี้ ภายใต้ “โครงการการยกระดับเครือข่ายผู้ผลิตผักปลอดภัย/อินทรีย์ด้วยเทคโนโลยีโรงเรือนและการบริหารจัดการผลิตพืชผัก ภายใต้สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ปี 2” ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก.  ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระหว่างที่พวกเราลงพื้นที่ติดตามผลการปรับใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีโรงเรือนปลูกพืชและการบริหารจัดการการผลิตผักในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตานูน–มนูญ แสงจันทร์ศิริ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนใต้ร่มบุญเกษตรอินทรีย์ จังหวัดสงขลา ได้พาพวกเราไปรู้จักกับ พี่บูรณ์–ฐิติพร บุญพรรณ หญิงสาวพิการขาขาดที่ตำบลเขามีเกียรติ อำเภอสะเดา พี่บูรณ์ ยึดอาชีพแปรรูปทุกอย่างที่ขายได้ เน้นนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่า ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกุ้งเสียบ น้ำพริกนรก กระท้อนทรงเครื่อง มะม่วงหาวมะนาวโห่แช่อิ่ม ตานูนบอกว่าพี่บูรณ์สนใจปลูกผักส่งห้างโดยผ่านเครือข่ายฯ

ถั่วเขียวพันธุ์ดี KUML 4 ที่ ‘หนองไผ่ เพชรบูรณ์’

ถั่วเขียวพันธุ์ดี KUML 4 ที่ ‘หนองไผ่ เพชรบูรณ์’

“ถ้าต้องการเมล็ดพันธุ์ KUML เบอร์ 4 ก็ต้องมาที่หนองไผ่” สมศักดิ์ จันทร์เรียน ประธานวิสาหกิจแปลงใหญ่ถั่วเขียวตำบลท่าแดง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ บอกถึงเป้าหมายของกลุ่มฯ หลังจากที่ได้ยกระดับเป็น “ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว KUML ระดับชุมชน” อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีพื้นที่ปลูกถั่วเขียวมากที่สุดของจังหวัด นอกจากถั่วเขียวเป็นพืชบำรุงดิน  ช่วยลดการใช้ปุ๋ยในนาข้าว เพิ่มคุณภาพและปริมาณข้าวแล้ว ผลผลิตเมล็ดถั่วเขียวยังเป็นรายได้เสริมของเกษตรกรที่นี่มาเนิ่นนาน สมศักดิ์ คุ้นเคยกับพืชหลังนาชนิดนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยพันธุ์ถั่วเขียวที่รุ่นพ่อแม่ปลูกให้ผลผลิตน้อย ไม่ต้านทานโรคและแมลง ทำให้เขาเริ่มมองหาสายพันธุ์ใหม่มาทดแทน “ช่วงปี 2559 เกษตรกรที่กำแพงเพชรบอกว่ามีถั่วเขียวพันธุ์ KUML เป็นพันธุ์ใหม่ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คุยกันอยู่หลายรอบ ก็ตัดสินใจลงทุนซื้อมา 200 กิโลกรัม เพราะอยากได้พันธุ์ใหม่” เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวพันธุ์ใหม่ล็อตแรก สมศักดิ์ ปลูกในช่วงฤดูฝนบนพื้นที่เขา