“ตอนแรกมองว่าใช้งานยาก เพราะต้องห่อ เราหนีจากวงจรการห่อผลทุเรียนมาแล้ว เบื่อแล้วกับการห่อที่มีต้นทุนสูง คิดว่าจะได้ประโยชน์อะไร แต่พอได้ใช้ถุงแดงกลับทำให้เราแก้ปัญหาหนอนเจาะเมล็ดได้” มนตรี เอี่ยมสำอางค์ ผู้จัดการสวนสุภัทราแลนด์ ย้อนความถึงการเปิดรับถุงแดง หรือถุงห่อผลทุเรียน Magik Growth


สวนสุภัทราแลนด์ เป็นสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสุขภาพ มีพื้นที่สวนผลไม้ 800 ไร่ มีทุเรียนถึง 3,000 ต้น กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของสวน และให้ผลผลิตเฉลี่ยถึง 200 ตัน/ปี อีกทั้งเป็นผลไม้ยอดนิยมในบุฟเฟ่ต์ผลไม้ กิจกรรมขึ้นชื่อของสวนแห่งนี้
“เรามีบุฟเฟ่ต์ผลไม้ทั้งปี ในช่วงนอกฤดูกาลทุเรียน เราเสริมทุเรียนจากนอกพื้นที่ ซึ่งมีหนอนเจาะเมล็ดติดมาด้วย ทำให้แพร่ขยายในสวน เราเป็นสวนท่องเที่ยวไม่สามารถฉีดยาเคมีได้ จึงกลายเป็นแหล่งสะสมของหนอน”
ถุงพลาสติกขนาด 12×20 นิ้ว เจาะรูที่ก้นถุงแล้วใช้ห่อทุเรียน เป็นอุปกรณ์ที่ มนตรี อดีตผู้รับผิดชอบแปลงทุเรียนกว่า 10 ปี เคยใช้ป้องกันหนอนเจาะเมล็ดมาก่อน
“10 ปีก่อน เราใช้ถุงพลาสติกห่อทุเรียนทุกลูก มี 30,000 ลูก ก็ต้องห่อทั้งหมด ปีไหนอากาศดี ใบไม่มีปัญหา แต่ปีที่แล้ง ใบไม่ดี ความร้อนส่องมาที่ลูก ลูกจะเหลือง เป็นท็อป (ไฟท็อปธอรา) ผลทุเรียนเน่าด้านใน การห่อเพิ่มต้นทุนทั้งค่าแรงและเวลา ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ เราก็เลิกใช้”
ในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 สวนสุภัทราแลนด์ปิดให้บริการ แต่เป็นช่วงจังหวะให้ มนตรี ได้ใช้สารเคมีจัดการหนอนเจาะเมล็ดอย่างจริงจัง ก่อนเริ่มกลับมาห่อผลทุเรียนอีกครั้งด้วยถุงแดง
“ถึงแม้ตัวหนอนจะหมดจริง แต่วงจรหนอนยังมีอยู่ในสวนเพราะพื้นที่เราใหญ่และเป็นสวนผสมผสาน เมื่อหนอนเจาะกินเมล็ดแล้ว พอทุเรียนใกล้สุก มันจะออกมาเป็นดักแด้ใต้ดิน แล้วกลายเป็นผีเสื้อขึ้นมาวางไข่ที่เปลือกทุเรียน เราจึงใช้ถุงแดงเข้ามาช่วย”


สวนสุภัทราแลนด์ เริ่มใช้ถุงแดงห่อผลทุเรียนจำนวน 30 ใบในฤดูกาลผลิตปี 2565 โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง และเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 100 ใบ และ 200 ใบในปีต่อๆ มา
“ปี 2568 นี้ ทางเกษตรอำเภออยู่ระหว่างสำรวจความต้องการจากสวนต่างๆ แต่เราก็ซื้อมาใช้เองก่อน 2,000 ใบ เพราะเห็นผลแล้วว่าป้องกันหนอนเจาะเมล็ดได้ แล้วรสชาติทุเรียนที่ห่อถุงแดงก็หวานกว่า เปลือกบางกว่าลูกที่ไม่ห่อ”
มนตรี ใช้ถุงแดงห่อเฉพาะทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่อายุ 60-70 วัน เป็นช่วงที่ทุเรียนเริ่มสร้างทรงรูป เขาจะเลือกห่อลูกที่รูปร่างสวย โดยเฉลี่ยต้นละ 20-30 ลูก
“ปากถุงแดงเป็นแถบปิดแบบตีนตุ๊กแก ก็จะมีช่องที่เพลี้ยเข้าได้ เราจะใช้ยาสูบแช่น้ำแล้วใส่ที่ขั้วทุเรียนเพื่อป้องกันเพลี้ย ซึ่งได้ผลระดับหนึ่ง จากที่ใช้ถุงแดงมา 3 ปี พบเพลี้ยแป้งประมาณ 10-20% แต่ไม่ได้รับความเสียหายจากหนอนเจาะเมล็ดและกระรอกเลย ส่วนถุงที่ได้รับมายังใช้งานได้อยู่ หลังตัดผลทุเรียนแล้ว จะนำไปซักและตากแดด ส่วนตัวคิดว่าใช้งาน 2 รอบจะเหมาะกว่า เพราะถุงมีรูจากที่หนามทิ่ม เนื้อถุงบางลง สีจาง ซึ่งมีผลต่อสีของเนื้อทุเรียน”
นอกจากป้องกันหนอนเจาะเมล็ดและสัตว์กัดแทะได้ผลแล้ว มนตรี มองว่า การใช้ถุงแดงยังช่วยลดการใช้สารเคมีจัดการหนอนและเพลี้ยได้ถึง 40% ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งต้นทุนการทำสวนของเกษตรกรและการทำตลาด


“ทุเรียนที่ห่อถุงแดงสามารถขายราคาสูงได้ผ่านตลาดออนไลน์หรือเพิ่มมูลค่าทุเรียนเป็นพรีเมี่ยมได้ ที่สวนเราจะนำทุเรียนมาขายที่หน้าสวนเป็นทุเรียนพรีเมี่ยมและพรีเมียมพลัส มีราคาเพิ่มกว่าปกตินิดหน่อย”
นอกจากเป็นสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสุขภาพแล้ว สวนสุภัทราแลนด์ยังเป็นแหล่งศึกษาดูงานของหน่วยงานต่างๆ โดยมีฐานเรียนรู้ 13 ฐาน การใช้เทคโนโลยีถุงแดงห่อผลทุเรียนอยู่ในฐานเรียนรู้การผลิตทุเรียน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีของ สวทช. ที่อยู่ในฐานเรียนรู้ด้วย ได้แก่ ระบบควบคุมการให้น้ำอัตโนมัติ: ฟาร์มรักษ์น้ำ (ฐานเรียนรู้ระบบการให้น้ำอัจฉริยะ) การผลิตบิวเวอเรียและเมตาไรเซียม (ฐานเรียนรู้การผลิตชีวภัณฑ์)[1]
“เราใช้ถุงแดงป้องกันหนอนเจาะผลแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์สวนของเราที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้วย นักท่องเที่ยวผ่านจุดที่มีถุงแดงห่อผลทุเรียน เราก็บอกเล่าเรื่องราว (story) การใช้ถุงแดงกับทุเรียนให้นักท่องเที่ยวได้รู้ด้วย”
# # #
สวนสุภัทราแลนด์
70 หมู่ 10 ต.หนองละลอก
อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
โทรศัพท์ 03 889 2048-9, 08 1588 1519, 09 5326 6246
[1] สวทช. โดยสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) มีความร่วมมือกับสวนสุภัทราแลนด์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนและมังคุดในพื้นที่จังหวัดระยองเข้าถึงความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรและเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยกระดับการทำเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม