ทำความเข้าใจ “การปะทุมวลสารดวงอาทิตย์” และ “พายุสนามแม่เหล็กโลก”

ปรากฏการณ์อวกาศที่ส่งผลกระทบถึงโลกของเรานั้นมีหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ การปะทุมวลสารดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection: CME) และพายุสนามแม่เหล็กโลก (Geomagnetic Storm) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสำคัญ บทความนี้จะอธิบายถึงปรากฏการณ์เหล่านี้อย่างเข้าใจง่าย พร้อมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

การปะทุมวลสารดวงอาทิตย์ คืออะไร?

การปะทุมวลสารดวงอาทิตย์ หรือ CME คือการที่ดวงอาทิตย์พ่นพลาสมา (Plasma) หรือก้อนอนุภาคขนาดใหญ่ที่มีสนามแม่เหล็กในตัว ออกมาจากชั้นโคโรนา (Corona) ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศรอบนอกสุดของดวงอาทิตย์ การปะทุนี้อาจเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งและเดินทางด้วยความเร็วสูงไปในอวกาศ เมื่อมวลสารเหล่านี้เดินทางมาถึงโลกและปะทะเข้ากับสนามแม่เหล็กของโลก ก็จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “พายุสนามแม่เหล็กโลก”

สาเหตุและผลกระทบของพายุสนามแม่เหล็กโลก

พายุสนามแม่เหล็กโลกเกิดจากการที่ลมสุริยะ (Solar Wind) หรือมวลสารจากดวงอาทิตย์ที่ปะทุออกมา ปะทะเข้ากับสนามแม่เหล็กของโลกอย่างรุนแรง ส่งผลให้สนามแม่เหล็กโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและรุนแรง

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากพายุสนามแม่เหล็กโลก ได้แก่

  • ระบบดาวเทียมและคลื่นวิทยุ
    สัญญาณจีพีเอส (GPS) คลื่นวิทยุความถี่สูง (HF Radio) และการทำงานของดาวเทียมอาจมีการรวนชั่วคราว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ (Ionosphere) ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศที่มีประจุไฟฟ้าสูงและสำคัญต่อการสื่อสาร
  • กระแสไฟฟ้าบนพื้นโลก

ในกรณีที่พายุมีระดับความรุนแรงสูงมาก อาจส่งผลให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำในสายส่งไฟฟ้าและระบบโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาไฟฟ้าดับในบางพื้นที่ได้

ดัชนีวัดความรุนแรงของพายุสนามแม่เหล็กโลก

ในการวัดระดับความรุนแรงของพายุสนามแม่เหล็กโลก นักวิทยาศาสตร์ใช้ “ดัชนี K-index” และ “Local K index” ซึ่งเป็นค่าที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลก ยิ่งค่าดัชนีสูงเท่าไหร่ แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกมีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น โดยแบ่งระดับความรุนแรงเป็น G1 ถึง G5 ซึ่ง G5 เป็นระดับที่รุนแรงที่สุด

เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดเหตุการณ์พายุสนามแม่เหล็กโลกในระดับ G3 ซึ่งเป็นผลมาจากการปะทุของมวลสารจากดวงอาทิตย์ที่พ่นออกมาจากจุดมืด AR4100 บนดวงอาทิตย์ แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดความกังวล แต่สถานการณ์ก็กลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว

การศึกษาปรากฏการณ์อวกาศเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจดวงอาทิตย์และปฏิสัมพันธ์กับโลกได้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีบนโลกของเรา


แหล่งที่มา: Thai PBS

About Author