คอลัมน์ประจำ สถานี AGRITEC

ภารกิจ ‘หนอนแมลงทหารดำ’ กู้โลก ด้วยสองมือเด็ก ๆ บ้านสามขา

เรื่องโดย ปิยพร เศรษฐศิริไพบูลย์


หลังมื้ออาหารกลางวันเป็นเวลาที่เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่นกับเพื่อนที่สนามหญ้าของโรงเรียน บ้างนั่งคุยหยอกล้อตามม้านั่งรอบสนาม แต่สำหรับน้องได จิรัฎฐ์ จันนา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และเพื่อน ๆ อีก 3-4 คน พวกเขามีภารกิจประจำที่โรงเลี้ยงแมลงและโรงเลี้ยงไก่พื้นเมืองของโรงเรียนบ้านสามขา ตำบลหัวเสือ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง

“ช่วงวัยหนอนต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ตัวหนอนจะโต แข็งแรง แต่ต้องให้ไม่เยอะเพราะอาหารจะทับกัน มีน้ำเยอะ หนอนไม่ชอบ” น้องไดพูดพลางเปิดฝาครอบกระบะเพื่อตรวจสอบปริมาณอาหารที่เหลืออยู่ ก่อนจะตักเศษอาหารใส่เพิ่มลงไปให้เหล่าหนอนแมลงทหารดำ ขณะที่ในโรงเลี้ยงไก่ ทันทีที่น้องคอม พงศกร พลัดวงษ์ และเพื่อน ๆ เทกระบะหนอนอวบอ้วนลงรางไม้ ไก่ตัวเล็กตัวน้อยต่างกรูเข้าหาอาหารโอชะ

“เด็กที่นี่จะเรียนรู้ผ่านการทำโครงงาน การเลี้ยงหนอนแมลงทหารดำเกิดจากที่เราให้เด็ก ๆ สำรวจโรงเรียนและชุมชนว่ามีอะไรที่เป็นปัญหาในมุมของเด็ก เขาสังเกตเห็นเศษอาหารในถุงขยะดำจากรถขยะหล่นตามถนนส่งกลิ่นเหม็นจึงคิดอยากทำโครงงานจัดการขยะเหล่านี้ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ สวทช.กำลังจะขยายผลเรื่องหนอนแมลงทหารดำในพื้นที่พอดี” อุทิศ จ๊ะปิน คุณครูผู้รับผิดชอบโครงงาน ย้อนความถึงที่มาภารกิจของน้องไดและเพื่อน

สมบัติ จันทร์สุริยะ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ขยายความว่า กระบวนการเรียนรู้ผ่านโครงงานช่วยฝึกทักษะให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อตัดสินใจแก้ปัญหา โครงงานแมลงทหารดำ[1] เกิดจากการที่เด็กตระหนักถึงปัญหา เขาจึงหาวิธีแก้ปัญหา เกิดกระบวนการคิดและลงมือทำ เมื่อเด็กทำด้วยความเต็มใจ จะเกิดความยั่งยืนของโครงงานและส่งต่อให้รุ่นน้องได้

“โครงงานแมลงทหารดำ” เกิดขึ้นหลังจากครูอุทิศพร้อมเด็กอีก 5 คน รวมถึงตัวแทนชุมชนบ้านสามขา เข้าร่วมกิจกรรมฝึกอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตและการใช้ประโยชน์แมลงทหารดำ (black soldier fly: BSF) เพื่อลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ จัดโดย สวทช. เมื่อกลางปีที่แล้ว

“เคยเห็นหนอนแบบนี้ที่บ่อน้ำหมักข้างโรงอาหาร แต่ไม่รู้จัก คิดว่าเป็นหนอนแมลงวันบ้าน ไปอบรมก็กล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็คิดว่าน่าลอง พอได้มาเลี้ยงก็ค่อย ๆ ทำความรู้จัก เดี๋ยวนี้ไม่กลัวแล้ว หนอนเป็นมิตร ไม่เป็นศัตรูกับมนุษย์” น้องไดเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ได้ไปร่วมอบรม เล่าถึงความรู้สึกที่ได้รู้จักหนอน BSF

หนอนวัยอ่อนที่ครูอุทิศได้รับจากการอบรมครั้งนั้น เขานำกลับไปทดลองเลี้ยงต่อที่บ้านก่อนมาขยายเลี้ยงที่โรงเรียน มีชาวบ้านที่ไปอบรมด้วยมาช่วยเลี้ยง โดยปรับพื้นที่กรงนกยูงของโรงเรียนเป็นโรงแมลง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากขาดการดูแลต่อเนื่อง ครูอุทิศจึงปรับปรุงโรงเรือนเพาะชำเก่าให้เป็นโรงแมลงแทน และให้เด็กนักเรียนชั้นโตมาดูแล

“ให้เขาเลี้ยงไปก่อน เลี้ยงอย่างไรก็ได้ ให้เห็นปัญหา ให้เรียนรู้ เขาก็จะเห็นปัญหาและช่วยกันหาทางแก้ เช่น วัสดุที่ให้แมลงวางไข่ ตอนแรกใช้ไม้ไอติมวางซ้อนเป็นชั้น ๆ ยึดด้วยกาว บางครั้งไม้หล่นไปในกองอาหารที่แฉะก็ดูดซับน้ำทำให้ไข่เสีย เด็ก ๆ เขาสังเกตเห็นฟิวเจอร์บอร์ดที่กั้นบังแสงมีแมลงมาวางไข่ เขาก็คิดเอามาออกแบบ ก็ใช้แทนไม้ไอติมได้ หรืออย่างอาหารไม่พอ หนอนจะคลานออกเพื่อหาอาหาร เขาก็ได้เรียนรู้แล้วว่าต้องคอยดูแลเรื่องอาหารให้พอ”

ขยะเศษอาหารจากโรงอาหารเป็นวัตถุดิบหลักที่เด็ก ๆ นำมาใช้เลี้ยงหนอน ทุกเช้าและกลางวันจะมีตัวแทนไปรับถังขยะเศษอาหาร เทส่วนที่เป็นน้ำทิ้งแล้วนำมาชั่งน้ำหนัก จดบันทึกปริมาณเศษอาหารที่ใช้แต่ละครั้ง และก่อนตักอาหารรอบใหม่ เด็ก ๆ ไม่ลืมตรวจสอบปริมาณเศษอาหารเดิมที่เหลืออยู่เพื่อป้องกันการให้อาหารที่มากไป

อย่างไรก็ดี ด้วยโรงเรียนเน้นให้นักเรียนรับประทานอาหารให้หมด จึงมีเศษอาหารเหลือทิ้งไม่เกิน 3 กิโลกรัมต่อวันซึ่งไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงหนอน 40 กระบะ เด็ก ๆ จะนำเศษผักที่คัดทิ้งจากแปลงผักในชุมชนมาหั่นซอยเป็นอาหารเสริมให้หนอน และพวกเขายังเริ่มคิดนำเศษอาหารจากที่บ้านใส่ถังหิ้วมาโรงเรียน น้องไดบอกว่าไม่อายที่จะถือถังขยะเศษอาหารจากบ้านมาโรงเรียนเพราะเห็นประโยชน์ที่จะเป็นอาหารให้หนอน

นอกจากอาหารสำหรับหนอนแล้ว ในโรงแมลงที่เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ต้องใส่ใจไม่แพ้กัน โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 โซน น้องคอมเล่าว่า โซนแห้งเป็นที่วางไข่และเก็บดักแด้ โซนเปียกจะฉีดพรมน้ำให้แมลง ให้แมลงได้กินน้ำและช่วยให้ไม่ร้อน เวลาเก็บไข่ต้องเบามือ บางทีมีไข่อยู่ตามซอกมุ้งต้องเก็บด้วยจะได้ไม่เสียโอกาส ส่วนปลอกดักแด้ที่หนอนลอกคราบแล้วจะเอาไปทำปุ๋ย

“เป้าหมายปีแรกของผมคือฝึกกระบวนการเรียนรู้และความรับผิดชอบของเด็ก ปริมาณหนอนที่เลี้ยงมีเพียงพอให้เด็กนำไปเลี้ยงไก่ที่โรงเรียน แต่ยังไม่เพียงพอให้เด็กนำกลับไปที่บ้าน ส่วนปีต่อไปอาจเปลี่ยนโจทย์ขึ้นอยู่กับเด็ก ๆ ที่เข้ามาร่วมโครงงาน เด็ก ป. 5 ที่ดูแลปีนี้ก็จะขยับเป็นรุ่นพี่แนะนำน้อง และอาจขยายสู่ชุมชน โดยมีเด็กเป็นตัวเชื่อม”

การเลี้ยงหนอน BSF นอกจากตอบโจทย์การแก้ปัญหาขยะอินทรีย์และสิ่งแวดล้อมของเด็กแล้ว หากยังเสริมการพัฒนาด้านพฤติกรรมของเด็กด้วย ดังที่ครูอุทิศบอกว่าเด็กได้ฝึกวินัย ฝึกความรับผิดชอบ รู้ว่าต้องทำหน้าที่อะไร ถึงเวลาต้องมาดูแล เสาร์อาทิตย์จัดเวรเข้ามา พอเลี้ยงหนอนเป็นอาหารให้ไก่ได้ เด็กก็รู้สึกภูมิใจ

“จากเริ่มต้นมีเด็กร่วมโครงงาน 5 คน ตอนนี้เพิ่มเป็น 9 คน และส่วนหนึ่งเป็นเด็กพิเศษ (สมาธิสั้น) พัฒนาการของพวกเขาดีขึ้น มีความรับผิดชอบ การที่เขาได้เลี้ยงหนอน BSF ทำให้เขามีกิจกรรมทำและเป็นกิจกรรมที่ดีต่อชุมชนต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเขาทำได้ เขารู้สึกมีคุณค่าและภาคภูมิใจ

การเข้ามาของหนอน BSF ในโรงเรียนบ้านสามขา ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การจัดการขยะอินทรีย์ผ่านการทำโครงงาน และ “โครงงานแมลงทหารดำกู้โลก” ของเด็ก ๆ ยังได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับประถมศึกษา จากการประกวดโครงงานด้านพลังงานของจังหวัด นอกจากนี้โรงแมลงของพวกเขายังเป็น “จุดเรียนรู้การเพาะเลี้ยงแมลงทหารดำ”[2] ที่ ผอ.สมบัติบอกว่าภาพที่เห็นเป็นภาพที่เราทำจริง เป็นการสร้างนวัตกรตัวจิ๋วที่มาจากการตระหนักถึงปัญหาและคิดหาวิธีแก้ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของคุณครูและการสนับสนุนจาก สวทช.

“สูตรอาหารล่อแมลงวางไข่ ใช้แกลบละเอียด มะละกอสุก เอามาผสมใส่กระบะเล็ก ๆ ไปไว้ในโรงบิน ถ้ามีสับปะรดให้ใส่ด้วย จะให้กลิ่นหอม แมลงชอบ” น้องได นวัตกรตัวจิ๋ว ทิ้งท้ายสูตรอาหาร


[1] มีเป้าหมายให้เด็กเรียนรู้รักษาสิ่งแวดล้อม เรียนรู้ร่วมกับชุมชนและคืนความรู้ให้ชุมชน โดยโรงเรียนบ้านสามขาให้งบสนับสนุน 4,000 บาท จัดซื้อวัสดุทำโรงเลี้ยง และได้รับสนุนอุปกรณ์การเลี้ยงจาก สวทช.

[2] สวทช. โดย สท. ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดำเนินโครงการการถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตและการใช้ประโยชน์แมลงทหารดำ (black soldier fly: BSF) เพื่อลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ เสริมการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน


ข้อมูลเพิ่มเติม วิดีโอ ได้เวลา ‘แมลงกู้โลก’ ช่วยโลก ช่วยเรา

ที่มา : หนังสือ ‘วิทย์เพื่อชุมชน’ ขับเคลื่อนเกษตรสู่ความยั่งยืน. (2568). สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ.

About Author