“ความรู้และเทคโนโลยีอาจไม่จำเป็นสำหรับการทำสวนทุเรียนยุคก่อน สภาพอากาศ วิกฤตน้ำ โรคและแมลงไม่เหมือนสมัยนี้ แต่เดี๋ยวนี้ถ้าเราไม่รู้อะไรเลย เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง การทำเกษตรไม่ใช่แค่เกษตรแล้ว แต่คือ ธุรกิจเกษตร ถ้าเราไม่รู้จักบริหารความเสี่ยงเรื่องน้ำหรือสภาพอากาศ กำไรที่เราได้จะลดลง” ชัยสิทธิ์ สุขศรี เกษตรกรรุ่นใหม่สะท้อนแนวคิดการทำสวนทุเรียนในปัจจุบัน

ชัยสิทธิ์ ในวัย 34 ปี เติบโตและเรียนจบระดับปริญญาตรีจากรายได้การทำสวน “สกาวจันท์” อ.นายายอาม จ.จันทบุรี ที่มีคุณตาเป็นหัวเรือใหญ่ของครอบครัว

“สวนเป็นทั้งชีวิตของตา พื้นที่ 50 ไร่ ตาทำคนเดียว มีจ้างบ้างเล็กน้อย เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก จากสวนผลไม้ผสมมีทั้งทุเรียน เงาะ ลองกอง มังคุด พอราคายางพาราดี โค่นสวนไม้ผล ทำสวนยาง ตอนนี้โค่นยางกลับไปทำทุเรียน”

แปลงทุเรียนขนาด 7 ไร่ที่อยู่ติดตัวบ้าน เป็นแปลงทุเรียนแรกที่ ชัยสิทธิ์ กลับมารับช่วงดูแลต่อเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยมีแม่เป็นอีกแรงกำลัง หลังจากตาในวัย 82 ปี ล้มเจ็บหนัก

“ตอนนั้นทำงานประจำและเปิดร้านคาเฟ่ ตัดสินใจลาออก ปิดร้าน ตัดสินใจแล้วไม่มีอะไรต้องกลัว ถึงจะไม่มีความรู้การทำทุเรียนเลย ไม่รู้ว่าจะทำได้มั้ย แต่รู้ว่าสวนคือทั้งชีวิตของตา เราโตมาได้เพราะสวน”

ช่วงที่ ชัยสิทธิ์ กลับมา เป็นช่วงรอยต่อก่อนเก็บผลผลิต เขาทำตามที่ตาบอก อาศัยญาติๆ มาช่วยและเรียนรู้จากคนอื่นมาปรับใช้ ทำให้ได้ผลผลิต 8 ตัน เท่าๆ กับที่ตาเคยทำไว้ แต่เขากลับมองว่าผลผลิตที่ได้ไม่คุ้มกับขนาดพื้นที่ มีผลผลิตเสียหายครึ่งต่อครึ่งจากหนอนและเพลี้ย และมีรายจ่ายสูงจากการจ้างแรงงาน

“หาความรู้เพิ่มจากเกษตรกรด้วยกัน จากยูทูปและไปอบรม พอมาทำเองเต็มตัว เริ่มใส่ความรู้ที่ได้มา สลับกลุ่มยาฆ่าแมลง ใช้ปุ๋ยตามช่วงอายุลูก ซึ่งตาไม่เคยเปลี่ยน ใช้วนอยู่ไม่กี่ตัว ปีนั้นได้ผลผลิต 12 ตัน ผลผลิตเสียหายลดลง ตกไซส์น้อยลง”

แม้จะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น คุณภาพดีขึ้น แต่ ชัยสิทธิ์ มองว่าด้วยระยะการปลูกถี่ ทำให้ทุเรียนได้รับแสงไม่เพียงพอ จะทำให้ทิ้งกิ่งและผลผลิตจะหายไป ผลผลิตต่อสวนจะเท่าเดิมหรือลดลง แต่ไม่เพิ่มขึ้น และนั่นจะส่งผลต่อรายได้ของครอบครัว

“เราตั้งธงไว้แต่แรกว่าจะไม่ทำสวนทุเรียนแบบเดิม แต่ทำเป็นธุรกิจเกษตรที่ต้องเป็นรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว โชคดีที่เราทำผลงานเข้าตา ตาเลยให้โค่นแปลงยางด้านบน 7.5 ไร่ เพื่อทำทุเรียน”

ช่วงเวลาที่ ชัยสิทธิ์ กำลังหาความรู้และวางแผนทำทุเรียนแปลงใหม่ เขามีโอกาสเข้าอบรมการวางระบบน้ำในสวนทุเรียนจาก สวทช. เมื่อปี พ.ศ. 2565 เป็นความรู้ใหม่สำหรับเขาและกลายเป็นหนึ่งในแผนการทำธุรกิจเกษตร

“ไม่เคยรู้เลยว่าต้องคำนวณการวางระบบน้ำ ที่ผ่านมาคิดว่าตาทำถูกแล้ว แต่ก็เคยสงสัยว่าใช้มอเตอร์ 15 แรง มีประตูน้ำ 4 ประตู ทำไมให้น้ำแต่ละครั้งใช้เวลานาน พอได้มาเรียนทั้งทฤษฎีและฝึกออกแบบระบบน้ำ ทำให้เข้าใจมากขึ้น ถ้าเราเลือกอุปกรณ์ต่างๆ ได้เหมาะกับปริมาณน้ำที่ต้องใช้ จะลดเวลาการให้น้ำได้”

เมื่อความรู้ใหม่ตอบคำถามที่ค้างคาใจได้ ชัยสิทธิ์ ลงมือออกแบบระบบน้ำแปลงใหม่ทันที ตั้งต้นจากจำนวนทุเรียนที่ต้องการปลูกในแปลง เขาเลือกปลูกต้นคู่/โคกเพื่อพิสูจน์ข้อมูลที่ได้รับมาว่าจะให้ผลผลิตมากขึ้น 20% จำนวนต้นทุเรียนที่เขาปลูกอยู่ที่ 334 ต้น 117 โคก แล้วคำนวณทุกอย่างก่อนซื้อมอเตอร์

“เราต้องรู้ปริมาณน้ำทั้งหมดก่อนไปซื้อมอเตอร์ อัตราการไหลของท่อประธาน ท่อรองประธาน ปริมาณน้ำที่ต้องการให้ต่อโคก ซึ่งจะสัมพันธ์กับเงินทุนเราด้วย เราปลูก 2 ต้น/โคก ต้องการให้น้ำ 300 ลิตร/ต้น จะเท่ากับ 600 ลิตร/โคก สวนเรามี 117 โคก เท่ากับต้องใช้น้ำ 70,200 คิว หรือถ้าอยากให้น้ำที่ 400 ลิตร/ต้น ต้องใช้น้ำ 93,600 คิว ขนาดมอเตอร์จะใหญ่ขึ้น ก็อาจเกินงบที่เรามี เวลาซื้อปั๊มก็บอกร้านต้องการปั๊ม 70,200 คิว เฮด 15 เมตร เขาจะเลือกสเปกที่ใกล้เคียงกับที่เราต้องการ ทำให้เราได้อุปกรณ์ที่เหมาะสมและประหยัดต้นทุน”

ชัยสิทธิ์ บอกว่า ต้นทุนการวางระบบน้ำอาจสูงกว่าปกติ แต่เป็นการลงทุนครั้งเดียว ถ้าเทียบกับที่เราได้ขนาดมอเตอร์ไม่เหมาะสม ไม่รู้ต้องเปิดให้น้ำกี่ครั้ง ค่าไฟและค่าเสียเวลามีมากกว่า

จากการวางระบบน้ำในแปลงทุเรียนใหม่ที่มีอายุเข้าปีที่ 4 แล้ว ทำให้ ชัยสิทธิ์ ใช้เวลาให้น้ำเพียงครั้งละชั่วโมง ขณะที่แปลงแรกของตา ให้น้ำ 4 ชั่วโมง ด้วยขนาดท่อและปั๊มน้ำที่ไม่เหมาะสม ทำให้แรงดันน้ำแต่ละโซนไม่เท่ากัน เขาปรับได้เพียงเปลี่ยนหัวจ่ายน้ำเป็น 300 ลิตร และหรี่วาล์วประตูเพื่อให้แต่ละประตูให้น้ำได้ใกล้เคียงกันมากที่สุด

“เปิดน้ำหนึ่งชั่วโมงแล้วจบ ไม่ต้องเปลี่ยนประตูน้ำ ประหยัดเวลาบริหารจัดการสวนได้เยอะ ถ้าใส่ปุ่ยและให้น้ำอย่างละชั่วโมง หมดไปแค่ 2 ชั่วโมง มีเวลาไปแต่งลูก ไปอบรมหาความรู้ แต่ถ้าต้องให้น้ำ 4 ชั่วโมง วันนั้นหมดไปแล้ว 5 ชั่วโมง ไม่ต้องไปทำอะไรเลย”

ผลลัพธ์ที่ได้จากการวางระบบน้ำในแปลงที่ 2 ชัยสิทธิ์ ได้นำไปใช้กับอีก 2 แปลงขนาด 7.5 ไร่ และ 24 ไร่ ที่เปลี่ยนสภาพจากยางพาราเป็นสวนทุเรียน และหากทุเรียนทั้ง 3 แปลงใหม่นี้ให้ผลผลิตที่ดี เขาจะกลับไปปรับเปลี่ยนระบบน้ำที่แปลงแรก เพื่อตอบโจทย์การทำสวนทุเรียนให้เป็นธุรกิจเกษตร ชัยสิทธิ์ วางแผนเก็บผลผลิตทุเรียน 3 แปลงใหม่ในช่วงที่อายุต้นเข้าปีที่ 4 และคืนทุนให้ได้ภายใน 2 ปี หลังทุเรียนให้ผลผลิต

เราไม่รู้ว่าทุเรียนจะราคาแพงอีกกี่ปี ทุเรียนแปลงที่ 2 เป็นช่วงรอยต่อทุเรียน 4 ปีพอดี เราเริ่มทำผลผลิตตั้งแต่ 3 ปีนิดๆ ซึ่งคนสมัยก่อนไม่ทำกัน จะเอาผลผลิตปีที่ 5 แต่เรามองว่าการดูแลอีก 2 ปีกว่าจะไปถึงปีที่ 5 มีแต่ค่าใช้จ่าย ถ้าเราทำผลผลิตได้ตั้งแต่ปีที่ 3 เข้าปีที่ 4 เราจะมีรายได้เข้ามาแล้ว ซึ่งการทำให้เร็วขึ้นต้องใช้ความรู้จะไม่ปล่อยให้ต้นทุเรียนชะงักการโต บำรุงต้น ตัดแต่งกิ่ง เลี้ยงกิ่งเท่าที่จำเป็นเพื่อให้พร้อมสำหรับให้ผลผลิตปีที่ 3 เข้าปีที่ 4 และกิ่งต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะไว้ผลผลิตได้”

ช่วงปลายปี พ.ศ. 2567 ชัยสิทธิ์ ได้พบกับทีมวิทยากร สวทช. ที่ให้ความรู้การออกแบบระบบน้ำอีกครั้ง ซึ่งลงพื้นที่ประเมินความพร้อมการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการให้น้ำอัจฉริยะสำหรับควบคุมการให้น้ำในแปลงเกษตร: ระบบฟาร์มรักษ์น้ำ การนำความรู้จากการอบรมมาใช้งานจริงสร้างความประทับใจให้วิทยากรไม่น้อย 

“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก ทาง สวทช. ให้คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อให้ปุ๋ยผ่านระบบน้ำได้เท่ากันทุกต้น ส่วนระบบน้ำที่วางไว้ก็สามารถใช้กับฟาร์มรักษ์น้ำได้ ซึ่งเราต้องการใช้อยู่แล้ว จะได้บริหารจัดการสวนได้ดียิ่งขึ้น การรู้ค่าความชื้นในดิน ทำให้เราลดการให้เกินความต้องการของต้นทุเรียนได้ จากเดิมที่ดูจากลักษณะใบบวกกับความรู้สึก เดี๋ยวนี้ก็ดูจากค่าเซนเซอร์ดินด้วย ถ้าไม่มีเซนเซอร์ดินจะไม่รู้เลยว่าความชื้นดินเราขึ้นมาได้สูงสุดแค่ไหน”

หลังติดตั้งระบบฟาร์มรักษ์น้ำไว้แปลงที่ 2 ชัยสิทธิ์ เรียนรู้ค่าต่างๆ จากระบบเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของทุเรียนในแต่ละช่วงและปรับการให้น้ำให้เหมาะสม จากที่หวังเพียงให้ติดดอก 50% แต่กลับติดดอก 75% เกินกว่าที่คาดหวังไว้ นอกจากนี้เขายังแบ่งปันข้อมูลจากระบบให้เกษตรกรที่สนใจ เพื่อไปปรับใช้ตามบริบทพื้นที่ของตน รวมถึงการแลกเปลี่ยนและให้ความรู้การออกแบบระบบน้ำ

“เราได้แปลงใหม่ ก็วางแผนออกแบบระบบน้ำได้ง่าย ส่วนแปลงเก่าที่ต้องการปรับเปลี่ยน อย่างน้อยต้องเพิ่มความรู้ รู้จักสวนตัวเอง อุปกรณ์ระบบน้ำที่ใช้ คำนวณปริมาณน้ำ หัวจ่าย มอเตอร์ที่เหมาะ การเปลี่ยนทั้งระบบเป็นเรื่องใหญ่ บางทีอาจเริ่มต้นจากเปลี่ยนหัวจ่ายน้ำก่อนมั้ย แล้วค่อยปรับเปลี่ยนต่อไป”

# # #

สวนสกาวจันท์
ต.ช้างข้าม อ.นายายอาม จ.จันทบุรี
โทรศัพท์ 08 0765 8822
(ข้อมูลสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568)

ออกแบบระบบน้ำด้วยความรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียน