คอลัมน์ประจำ ปั้นน้ำเป็นปลา

รู้จักทุ่งน้ำหลากผืนสุดท้ายของลุ่มน้ำบางปะกง

เรื่องโดย ชวลิต วิทยานนท์ และ จารุปภา วะสี


ทุ่งน้ำหลาก หรือ floodplain เป็นระบบนิเวศที่เคยพบได้ทั่วไปในที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำแม่กลองในภาคกลาง รวมถึงที่ราบสูงโคราชของประเทศไทย แต่ปัจจุบันเป็นระบบนิเวศที่ใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากมีการสร้างเขื่อนและระบบชลประทานขึ้นในพื้นที่ต้นน้ำและรับน้ำส่วนใหญ่ ประกอบกับการเปลี่ยนเป็นถนน ที่อยู่อาศัย พื้นที่เกษตรหนาแน่น และนิคมอุตสาหกรรม

ในอดีตกว่า 70 ปีก่อน ระบบนิเวศแบบนี้มีฤดูน้ำหลากท่วมทุ่งและช่วงแล้งสลับกันไปในตลอดรอบปี และยังมีป่าละเมาะกับดงไม้พุ่มผสมอยู่ แต่ปัจจุบันสภาพเช่นนี้หาดูได้ยากมาก ในขณะที่ทุ่งน้ำหลากตำบลท่าเรือและตำบลปากพลี อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ยังเหลือเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งของประเทศไทยเท่านั้น

ภูมิศาสตร์ของท้องทุ่ง

ทุ่งน้ำหลากท่าเรือ-ปากพลีครอบคลุมไปถึงบางส่วนของอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี มีระดับความสูงจากน้ำทะเลปานกลางประมาณ 3-5 เมตร โดยเป็นแนวเชื่อมต่อของพื้นที่สำคัญยิ่งทางนิเวศวิทยา 3 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน และอุทยานแห่งชาติปางสีดา มีพื้นที่ทุ่งรวมราว 150 ตารางกิโลเมตร

พื้นที่ส่วนมากยังเป็นนาข้าวน้ำลึกและนาข้าวขึ้นน้ำ และมีบางส่วนที่เปลี่ยนเป็นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลาน้ำจืดต่าง ๆ กุ้งก้ามกราม ส่วนที่ดอนธรรมชาติก็เป็นที่ตั้งถิ่นฐานหมู่บ้านต่าง ๆ จึงมักมีชื่อเรียกว่า “เกาะ” เช่น บ้านเกาะกา เกาะหวาย เกาะโพธิ์ เนื่องจากสมัยก่อนเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ที่ดอนซึ่งเป็นที่ตั้งชุมชนจะมีสภาพคล้ายเกาะที่ต้องไปมาหาสู่กันด้วยทางเรือพายเท่านั้น

วงจรชีวิตท้องทุ่งในรอบปี

ทุ่งน้ำหลากท่าเรือ-ปากพลีมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มต่ำรับน้ำท่วมตามธรรรมชาติ หรือ “แก้มลิงธรรมชาติ” ผืนสุดท้ายของลุ่มน้ำบางปะกง โดยรับน้ำหลากจากป่าต้นน้ำในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และแม่น้ำปราจีนบุรีมาพักไว้ในช่วงฤดูน้ำหลากระหว่างเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี ก่อนจะไหลลงสู่ลุ่มน้ำบางปะกงตอนล่าง

วงจรของน้ำมีอิทธิพลต่อวงจรชีวิตของสัตว์น้ำและพืชน้ำโดยเฉพาะปลา ในฤดูน้ำท่วมทุ่ง ปลาที่ได้พักตัวอยู่ในหนองบึงขนาดเล็ก คลองธรรมชาติ และแม่น้ำ จะว่ายเข้าไปในทุ่งน้ำหลากอันกว้างใหญ่ที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวนาปี หรือ “ข้าวน้ำลึก” เพื่อหาอาหาร ผสมพันธุ์วางไข่ เมื่อสิ้นฤดูฝนในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม น้ำเริ่มลดออกจากทุ่งและไหลกลับสู่ลำน้ำธรรมชาติ ปลาจะว่ายจากทุ่งกลับลงสู่แหล่งน้ำ ฤดูนี้เป็นช่วงเวลาทองของมหกรรมการจับปลา เต็มไปด้วยปลาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปลาสลาด ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาตะเพียน ปลาสลิด ปลาช่อน ปลาหมอ ปลาชะโด ปลาดุก ปลากด ปลาไหล ฯลฯ  ส่วนลูกปลาและชนิดที่ขนาดเล็กซึ่งหลุดรอดจากเครื่องมือจับปลาจะกลับลงไปเติบโตตามแหล่งน้ำ พักตัวหลบจากความแห้งแล้ง รอเวลาที่จะว่ายกลับเข้าทุ่งกว้างใหญ่เมื่อน้ำหลากมาอีกในปีต่อไป

การหมุนเวียนของฤดูกาลและระบบน้ำธรรมชาติทำให้ระบบนิเวศของทุ่งน้ำหลากในตำบลท่าเรือยังคงความหลากหลายของห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์ ในทุ่งหน้าน้ำมีพืชและสัตว์หลากชนิด เมื่อน้ำลดจะมีหนู งู และนกน้ำจำนวนมาก รวมทั้งนกนักล่าจำพวกเหยี่ยวและอินทรีหลายพันตัวอพยพเข้ามาพักอาศัยในฤดูหนาว จนได้รับการรับรองเป็นพื้นที่สำคัญของนกในระดับนานาชาติ (Important Bird Area) ที่เป็นแหล่งพักพิงและทำรังของเหยี่ยวดำ 2 ชนิด จำนวนรวมมากกว่า 2,000 ตัว แล้วยังเกิดเป็นนิเวศบริการต่อมนุษย์ เป็นความมั่นคงทางอาหารของชุมชนและจังหวัดรอบข้าง เป็นฐานเศรษฐกิจชีวภาพและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมทั้งเกิดเป็นระบบภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนที่มีค่าในการจัดการและใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติของทุ่งน้ำหลากที่ใกล้สูญหายไปจากประเทศไทย

ทุ่งน้ำหลากในตำบลท่าเรือรวมถึงพื้นที่รอบข้างยังเป็นบ้านหลังสุดท้ายของ “ปลาซิวสมพงษ์” (Trigonostigma somphongsi) ปลาซึ่งในอดีตเคยพบได้ตามหนองบึงและทุ่งนาน้ำหลากของที่ราบลุ่มภาคกลางตอนล่าง หรือตามแหล่งน้ำคุณภาพดีที่มีพรรณไม้น้ำหนาแน่น ปัจจุบันพบประชากรปลาซิวสมพงษ์กลุ่มสุดท้ายของโลกได้เฉพาะแค่บริเวณทุ่งน้ำหลากแห่งนี้และพื้นที่เชื่อมต่อใกล้เคียงเท่านั้น ในหน้าแล้งยามน้ำแห้งทุ่ง ปลาซิวสมพงษ์เหล่านี้จะหลบอาศัยอยู่ตามลำคลองหนองบึงสภาพดีในตำบลท่าเรือที่เชื่อมโยงกับทุ่งใหญ่สาธารณประโยชน์ตำบลท่าเรือซึ่งมีขนาดพื้นที่รวมกันอาจไม่ถึง 1 ตารางกิโลเมตร ถือเป็น “ถิ่นอาศัยวิกวิกฤต” (critical habitat) ที่หากมีการเปลี่ยนแปลง รบกวน และพัฒนาเชิงโครงสร้างพื้นฐานใด ๆ ก็อาจทำให้ปลาซิวสมพงษ์สูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว

ทุ่งน้ำหลาก แหล่งรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพ

สุขภาพและคุณภาพของระบบนิเวศใด ๆ รวมถึงทุ่งน้ำหลากนี้มีสิ่งบ่งชี้ที่ดูได้ง่ายจากความหลากหลายของถิ่นอาศัยย่อยที่อยู่ในนั้น รวมถึงความหลากของชนิดและประเภทของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ สภาพนิเวศที่ดีเช่นนี้ยังเป็นแหล่งน้ำและแหล่งอาหารที่สำคัญต่อการดำรงชีพของผู้คนและสรรพสัตว์ จากผลการสำรวจอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชนในทุ่งน้ำหลากท่าเรือ-ปากพลีพบว่า พื้นที่นี้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก พบปลาอย่างน้อย 96 ชนิด กุ้ง ปู หอย อย่างน้อย 10 ชนิด สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก เต่า และงูน้ำ รวม 28 ชนิด พรรณไม้น้ำอย่างน้อย 36 ชนิด และพบชนิดต่างถิ่นที่รุกราน 7 ชนิด เป็นสัตว์ 3 ชนิด พรรณไม้น้ำ 4 ชนิด เป็นปลาต่างถิ่น 2 ชนิด

ทุ่งน้ำหลากท่าเรือ-ปากพลีแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญทางความหลากหลายทางชีวภาพของลุ่มน้ำบางปะกง นับเป็นพื้นที่นิเวศบริการที่มีทั้งความหลากชนิดและเป็นแหล่งอาศัยของชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยและของโลก เป็นพื้นที่ส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาวิจัย อีกทั้งยังเป็นรากฐานของวิถีชีวิตและความมั่นคงทางอาหาร ที่ธรรมชาติกับชุมชนจะอยู่ร่วมกันและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

About Author