เปลือกหอยกาบ หอยนางรม และหอยแมลงภู่ เป็นเสมือนบันทึกประจำวันมีชีวิตที่เก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมตามฤดูกาลไว้ในเปลือก ทำให้พวกมันเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญทางประวัติศาสตร์ภูมิอากาศโลก การศึกษาล่าสุด โดยการวิเคราะห์เปลือกหอยกาบได้ตรวจพบสัญญาณความไม่สมดุลครั้งใหญ่ 2 ครั้งในระบบหมุนเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าภูมิภาคดังกล่าวอาจกำลังเข้าสู่จุดวิกฤตที่อาจกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลกอย่างฉับพลันและรุนแรง
กระแสน้ำสำคัญที่กำลังสั่นคลอน
มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมีระบบกระแสน้ำขนาดใหญ่ 2 ระบบ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมสภาพภูมิอากาศ ได้แก่
- การไหลเวียนผันกลับของแอตแลนติกตามแนวเมอริเดียน (Atlantic Meridional Overturning Circulation: AMOC) เป็นระบบกระแสน้ำในมหาสมุทรที่ทำหน้าที่หมุนเวียนน้ำภายในมหาสมุทรแอตแลนติก
- วงจรการไหลของน้ำระดับต่ำใกล้ขั้วโลก (Subpolar Gyre: SPG) เป็นส่วนหนึ่งของ AMOC มีลักษณะเป็นวงน้ำวนขนาดใหญ่ที่หมุนวนอยู่
ในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances นักวิจัยได้วิเคราะห์บันทึกข้อมูลที่ได้จากหอยกาบกว่า 25 ตัวอย่าง เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงความสมดุลในเขตแอตแลนติกเหนือใกล้วงโคจรขั้วโลกตลอดระยะเวลาสองศตวรรษที่ผ่านมา
เปลือกหอยบอกอะไร?
เช่นเดียวกับวงปีของต้นไม้ เมื่อหอยกาบเติบโตขึ้น เปลือกของมันจะสร้างวงแหวนขึ้น นักวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีและความกว้างของวงแหวนเหล่านี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำแบบปีต่อปีเกี่ยวกับสภาพมหาสมุทรในอดีต รวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น กระแสน้ำ อุณหภูมิ และความเค็ม หลังจากนั้น ทีมวิจัยได้ใช้เครื่องมือทางสถิติเพื่อติดตามว่าระบบมหาสมุทร โดยเฉพาะ SPG ใช้เวลานานเท่าใดในการฟื้นตัวจากความปั่นป่วนตามธรรมชาติ
นักวิจัยค้นพบช่วงเวลาที่กระแสน้ำมีความไม่สมดุลอย่างมากถึง 2 ช่วง ซึ่งนักวิจัยระบุว่า “หอยกาบได้แสดงให้เป็นถึงการสูญเสียความสมดุลของแอตแลนติกเหนือในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และในปัจจุบัน”
- ช่วงที่ 1 กินเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 ถึง ค.ศ. 1920 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการบันทึกการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของกระแสน้ำในแอตแลนติกเหนือเสียอีก สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าระบบกระแสน้ำได้เริ่มสูญเสียสมดุลไปแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณคลาสสิกของจุดวิกฤต
- ช่วงที่ 2 เริ่มต้นในทศวรรษ 1950 และยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ บ่งชี้ว่ามหาสมุทรยังคงไม่สมดุลเทียบเท่ากับช่วงก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนครั้งสำคัญครั้งล่าสุด หมายความว่า เรากำลังมุ่งหน้าสู่จุดวิกฤตอีกครั้ง นักวิจัยระบุว่า SPG คือสาเหตุหลักของความไม่สมดุลนี้
สัญญาณเตือนล่วงหน้าเพื่อรับมืออนาคต
แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลายของการไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรครั้งนี้? ข่าวดีคือหอยกาบได้ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้เราทราบแล้ว นั่นคือเรายังไม่ถึงจุดวิกฤตนั้น
การศึกษานี้ เมื่อนำไปรวมกับข้อมูลการติดตามอื่นๆ และแบบจำลองสภาพภูมิอากาศ จะสามารถช่วยให้รัฐบาลประเทศต่างๆ เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับภูมิภาคที่อาจเกิดขึ้น และบรรเทาความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบต่อมหาสมุทรได้
ข้อมูลจาก: Phys.org
- Clam shells sound alarm over unstable North Atlantic currents

