External Integration

External Integration 

เชื่อมโยงทั้งห่วงโซ่อุปทาน สู่ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

เพราะในโลกของอุตสาหกรรม 4.0 ไม่มีองค์กรใดที่ประสบความสำเร็จได้เพียงลำพัง — ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเผชิญความไม่แน่นอนจากทั้งภัยธรรมชาติ สงครามการค้า ไปจนถึงความผันผวนของตลาด ส่งผลให้ความสามารถขององค์กรในการ “เชื่อมโยง” กับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งซัพพลายเออร์ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และลูกค้า กลายเป็นหัวใจสำคัญของความได้เปรียบทางการแข่งขัน การบูรณาการข้อมูลกับภายนอกหรือ External Integration จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนความพร้อมขององค์กรในการทำงานร่วมกับทั้ง value chain อย่างมีประสิทธิภาพ

การบูรณาการภายนอกนี้ไม่ใช่แค่การส่งไฟล์หรือส่งอีเมลระหว่างหน่วยงาน แต่คือการเชื่อมต่อข้อมูลเชิงลึกในทุกขั้นของกระบวนการ ตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อ การวางแผนการผลิต การจัดซื้อ การจัดหา การขนส่ง ไปจนถึงบริการหลังการขาย เพื่อให้ข้อมูลไหลเวียนอย่างต่อเนื่องในทั้งระบบ โดยมีเทคโนโลยีอย่าง Supply Chain Management (SCM), Electronic Data Interchange (EDI), Cloud Platform และ Blockchain

ช่วยทำให้ทุกจุดใน value chain “พูดภาษาเดียวกัน” และทำงานประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลกหลายรายได้ใช้ SCM Platform เชื่อมต่อข้อมูลจากซัพพลายเออร์กับระบบ Enterprise Resource Plannin (ERP) และ การวางแผนการผลิตของโรงงาน ทำให้สามารถมองเห็นสถานะวัตถุดิบและชิ้นส่วนในทุกจุดของเครือข่ายแบบ real-time ส่งผลให้ลดระยะเวลาในการจัดหา (lead time) ลงกว่า 30% และลดสินค้าคงคลังเฉลี่ย 15–20% เมื่อเทียบกับระบบเดิม ในขณะที่บริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำของเอเชียใช้ Blockchain ในการติดตามการขนส่งสินค้า เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า

การประเมินความพร้อมด้าน External Integration ภายใต้กรอบ Thailand i4.0 Readiness Assessment แบ่งระดับความสามารถขององค์กรออกเป็น 6 Band ตามลำดับการพัฒนา

ในระดับเริ่มต้น Band 1 – Individual-oriented องค์กรยังพึ่งพาทักษะและประสบการณ์ของบุคคล ไม่มีระบบหรือกระบวนการที่กำหนดไว้ในการเชื่อมโยงข้อมูลกับคู่ค้า การทำงานส่วนใหญ่เป็นแบบแมนนวล เช่น โทรศัพท์ อีเมล หรือเอกสารกระดาษ เมื่อพัฒนาเข้าสู่ Band 2 – Formal Procedure จะเริ่มมีการกำหนดขั้นตอนการทำงานร่วมกับองค์กรในห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังดำเนินการด้วยคนและอุปกรณ์แบบอนาล็อกเป็นหลัก

องค์กรที่อยู่ใน Band 3 – Separate IT Software เริ่มนำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยจัดการข้อมูล เช่น โปรแกรมบัญชีหรือระบบสั่งซื้ออิเล็กทรอนิกส์ แต่ระบบเหล่านี้ยังทำงานแยกกัน ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบของคู่ค้าโดยตรง ข้อมูลจึงยังไม่ต่อเนื่องและต้องอาศัยแรงงานคนในการรวบรวมอยู่มาก ขยับมาที่ Band 4 – Sharing ระบบ IT ภายในองค์กรเริ่มเชื่อมโยงกับระบบของคู่ค้า ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้แบบดิจิทัล แต่ยังต้องให้พนักงานเข้ามาควบคุมและตรวจสอบขั้นตอนต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่

ในระดับที่ก้าวหน้ากว่า Band 5 – Automated ระบบขององค์กรและคู่ค้าถูกบูรณาการให้ทำงานร่วมกันแบบอัตโนมัติ ข้อมูลส่วนใหญ่ (ราว 80%) ถูกแลกเปลี่ยนและอัปเดตโดยเครื่องจักรและระบบคอมพิวเตอร์ โดยพนักงานเข้ามาแทรกแซงเฉพาะในกรณีจำเป็น การทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายผลิต และผู้จัดส่งจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว และสุดท้ายคือ Band 6 – Optimisation ระดับสูงสุดที่ระบบในห่วงโซ่อุปทานไม่เพียงแค่เชื่อมโยงข้อมูลเท่านั้น แต่ยังสามารถ “วิเคราะห์และตัดสินใจ” ได้ด้วยตนเอง ระบบสามารถตรวจสอบสถานะ วางแผนการสั่งซื้อใหม่ หรือปรับกระบวนการให้เหมาะสมที่สุดโดยใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์เชิงลึก (data-driven optimisation) ทำให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีและลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง

รายงานจาก PwC (2023) ระบุว่า บริษัทที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับซัพพลายเออร์และลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง สามารถลดต้นทุนซัพพลายเชนลงได้เฉลี่ย 20–25% และเพิ่มความสามารถในการตอบสนองตลาดได้เร็วขึ้นกว่า 30% ส่วน BCG (2023) และ Gartner (2024) ต่างเห็นตรงกันว่า ความสำเร็จขององค์กรยุคดิจิทัลขึ้นอยู่กับ “End-to-End Supply Chain Visibility” หรือความสามารถในการมองเห็นข้อมูลทุกจุดในเครือข่ายแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการสร้าง resilience และ agility ให้ธุรกิจ

External Integration จึงไม่ใช่เพียงการลงทุนด้านระบบเทคโนโลยี แต่คือ “การลงทุนเพื่อสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืน” เมื่อองค์กรสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับพันธมิตรในห่วงโซ่อุปทานได้อย่างแท้จริง ความโปร่งใส ความไว้วางใจ และความสามารถในการปรับตัว จะกลายเป็นแต้มต่อสำคัญที่ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยสู่มาตรฐานโลก

ที่มา

• Industry 4.0: Building the Digital Enterprise, PwC (2023)

• The Connected Supply Chain: Turning Visibility into Value, BCG (2023)

• Future of Supply Chain Technology Trends, Gartner (2024).