“ดินทุ่งกุลาเป็นดินเค็ม ถ้าปลูกขิงแล้วได้ผลผลิต จะเป็นความภาคภูมิใจของคนทุ่งกุลา” อุดร เยี่ยมไธสงค์ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวบ้านเชือกกลาง ต.จิกสังข์ทอง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ย้อนความตั้งใจเมื่อครั้งตอบรับสำนักงานเกษตรจังหวัดศรีสะเกษเข้าร่วมทดสอบปลูกขิงปลอดภัย เป็นพืชทางเลือกสร้างรายได้เสริม


วิถีเกษตรของชาวบ้านเชือกกลางทำนาข้าวเป็นหลัก ด้วยสภาพดินเค็มเป็นข้อจำกัดชนิดพืชที่จะนำมาปลูกในพื้นที่ ชาวบ้านเคยปลูกถั่วพร้า กระเจี๊ยบเป็นพืชหลังนา ปลูกกระชายตามหัวไร่ปลายนา ส่วนขิง ชาวบ้านคุ้นเคยกับขิงเล็กหรือขิงบ้านที่มีปลูกบ้างเป็นบางครัวเรือน
หลังตอบรับเข้าร่วมปลูกขิง อุดร ชักชวนสมาชิกจากกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวบ้านเชือกกลางได้อีก 6 คนเข้าร่วมเรียนรู้การปลูกขิงจาก สวทช. ก่อนแยกย้ายจัดสรรพื้นที่เพื่อปลูกขิงคนละ 50-100 ตารางวา โดย อุดร ใช้พื้นที่บริเวณป่าหม่อนทำแปลงปลูกขิงประมาณ 100 ตารางวา ด้วยเป็นพื้นที่ดินดอนและมีแหล่งน้ำ
“ฟังที่อาจารย์ให้ความรู้ ก็ยากเหมือนกันนะ มีหลายขั้นตอน ต้องเตรียมแปลงก่อนแล้วชำขิงให้ออกยอดก่อนแล้วค่อยย้ายปลูก เราก็ทำตามเป๊ะๆ”
ฤดูกาลผลิตปี 2566 เป็นครั้งแรกที่ อุดร และสมาชิกได้ทดลองปลูกขิง โดยได้รับหัวพันธุ์จาก สวทช. คนละ 70 กิโลกรัม ทุกคนทำตามขั้นตอนที่ได้เรียนรู้มา แต่ผลผลิตที่ได้กลับไม่มากอย่างที่หวัง อุดร ได้ผลผลิตไม่ถึง 20 กิโลกรัม สมาชิกได้ผลผลเฉลี่ย 50-70 กิโลกรัม
“ผลผลิตที่ได้ก็ทำให้ท้อเหมือนกัน มันจะไปได้มั้ย สมาชิกถอนตัวอีก เหลือกันอยู่ 3 คน ก็คุยกันว่าจะไปต่อ อยากลองอีกครั้ง”


ด้วยความอยากพิสูจน์ว่าขิงปลูกในดินเค็มได้หรือไม่ อุดร และสมาชิกที่เหลือ พร้อมด้วยนักวิชาการ สวทช. และเกษตรตำบล ได้ร่วมกันวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ปีแรกได้ผลผลิตน้อย
“เราลงความเห็นว่าเป็นเพราะทุกคนชำทิ้งไว้จนรากงอก ไม่ได้ชำให้งอกแค่หัวแล้วย้ายเลย บวกกับอากาศร้อน เราก็ไม่กล้าย้ายลงแปลง ปล่อยไว้จนรากงอก พอลงแปลงเจอร้อนอีก ต้นยุบ รากไม่เดิน แปลงของผมปลูกกลางแจ้ง ไม่กางสแลน เพราะคิดว่าขมิ้นก็ปลูกได้ เป็นพืชหัวเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วมันปลูกไม่เหมือนกัน ผลผลิตที่ได้เลยยิ่งน้อย คนที่ได้ 60 กิโลกรัม เขามีร่มเงาต้นไม้ ปีแรกเป็นบทเรียน ปีที่สองเรารู้ใจขิงบ้างแล้วว่าต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน”
ผลผลิตที่ได้ในปีแรก สวทช. นำไปตรวจสารสำคัญในขิง ได้แก่ Gingerol พบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ และมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยสูงกว่าเกณฑ์ แต่คุณภาพหัวยังไม่ได้มาตรฐาน หัวเล็กและฝ่อ จึงไม่สามารถเก็บพันธุ์ได้ อุดร และสมาชิกจึงเก็บผลผลิตไว้บริโภคเองและแจกจ่ายให้เครือญาติที่ยังได้ผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
“รสชาติขิงเผ็ดต่างจากที่เคยกิน กลิ่นผิดกัน ขิงของเราจะกลิ่นฉุนแรงกว่าทั่วไป ขิงแก่ก็รสชาติเผ็ดร้อนกว่า”
อุดร และสมาชิกนำบทเรียนที่ได้จากปีแรกมาวางแผนการปลูกขิงในฤดูกาลถัดมา ปรับเปลี่ยนวิธีการปลูก ใส่ใจและสังเกตแปลงขิงของตนเองมากขึ้น
“การทำร่องทำถี่ ขิงขยายหัวไม่ได้ พอเจอฝน ร่องก็หาย เราก็ยกร่องให้ใหญ่ขึ้น ทำแปลงเรียบร้อยแล้ว ก็เอาหัวขิงแช่บีเอส[1] แล้วย้ายปลูก เอาฟางคลุม รดน้ำและกางสแลน เราไม่ใช้วิธีชำ ชำแล้วรากเดิน การไม่ชำทำให้ขิงโตสมบูรณ์กว่า เราได้หัวพันธุ์มาให้ปลูกช่วงเมษายน พฤษภาคม ก็มาดูอากาศด้วยว่าฝนจะมาตอนไหน ถ้าเราปลูกตามฤดูกาล พองอกแล้วเจอร้อนจะยุบไปอีก เราก็เลยปลูกช่วงต้นมิถุนายน ฝนมา อากาศเย็นลง ไม่ร้อนมาก ปลูกขิง 1 งาน ใช้เวลาอยู่ ยากตรงกลบโคลนและถอนหญ้า แต่กลบโคลนแล้วทำให้หัวใหญ่ขึ้น”
[1] แบคทีเรียบาซิลลัส ซับทิลิส DOA 24 (Bacillus subtilis BS-DOA 24)




การปรับตัวและพร้อมเรียนรู้บวกกับสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ต้นขิงเติบโตได้ดี และคาดว่าจะได้ผลผลิตมากกว่า 100 กิโลกรัม/คน ขิงสามารถขายได้ทั้งระยะอ่อนและแก่ เกษตรตำบลได้ชักชวน อุดร สำรวจความต้องการผลผลิตที่ตลาดอำเภอราษีไศล ซึ่งแม่ค้าสนใจพร้อมรับซื้อขิงแก่แทนการรับซื้อจากจังหวัดอุบลราชธานี ขณะเดียวกันนักวิชาการ สวทช. ได้ชวนคิดเรื่องแปรรูปขิงอ่อน สอดรับกับความคิดของ สมพร สมจิตร หนึ่งในสมาชิกที่ร่วมทดลองปลูกขิง ที่ต้องการขายขิงในรูปแบบอื่น เธอจึงหาข้อมูลการทำขิงดองจากอินเทอร์เน็ต ปรับสูตรให้เหมาะกับรสชาติขิงอ่อนของเธอที่มีความเผ็ด กลายเป็นผลิตภัณฑ์ขิงดองที่ครองใจทั้งลูกค้าและแม่ค้าไส้กรอกอีสานในพื้นที่
“แต่ก่อนดองเองใช้ขิงตลาด บางช่วงขิงแพง ลูกค้าซื้อไส้กรอกก็จะแถมขิงดองให้ แต่พอมีขิงดองนี้ ลูกค้าติดใจ อร่อยกว่าที่เคยดองเอง เดี๋ยวนี้ก็ขายแยก รับมาถ้วยละ 20 บาท ขายเท่าเดิม ถ้าลูกค้าเอาขิงดองเยอะ ก็ซื้อไส้กรอกเราเยอะ ไส้กรอกขายได้เพราะมีขิงดอง แต่ก่อนขายไส้กรอกได้วันละ 4 กิโลกรัม พอมีขิงดอง ไส้กรอกเพิ่มเป็น 10 กิโลกรัม” กัลยา นากรณ์ แม่ค้าไส้กรอกอีสาน สะท้อนความนิยมขิงดองของ สมพร ไม่ต่างจากน้ำขิงและขิงสดที่เธอได้ทดลองจำหน่ายในพื้นที่
“ช่วงระยะขิงอ่อน ถ้าขุดมาหนึ่งหัว เราเลือกได้ว่าส่วนไหนจะเอาไปดองหรือทำน้ำขิง ปกติน้ำขิงต้องใช้ขิงแก่ แต่ขิงที่นี่เผ็ด เราเลือกส่วนของขิงอ่อนที่เริ่มแก่นิดๆ อายุประมาณ 7 เดือน โคนแข็งๆ ไปทำน้ำขิงได้” สมพร เล่าถึงการใช้ประโยชน์จากขิงมาแปรรูป ซี่งในฤดูกาลผลิตปี 2567 เธอเก็บผลผลิตขิงได้บางส่วนแล้ว 50 กิโลกรัม มีรายได้จากการขายสดและแปรรูปกว่า 7,000 บาท ใช้ขิงอ่อนตั้งแต่อายุ 5 เดือน นำมาแปรรูปเป็นขิงดองจำหน่ายกิโลกรัมละ 250 บาท ขณะที่จำหน่ายขิงสดกิโลกรัมละ 50 บาท “การมีขิง ทำให้เรามีรายได้ ได้เรียนรู้ ได้น้ำขิงสุขภาพ และได้เงินรายวันก็ว่าได้”
จากประสบการณ์ที่คลุกคลีกับขิงมาสองปี อุดร ได้ร่วมเป็นวิทยากรขยายผลความรู้การปลูกขิงในโครงการของจังหวัดไปยังพื้นที่อื่น ขณะที่ในตำบลบ้านเกิด เขาได้ขยายพื้นที่ปลูกขิงไปที่บ้านมะฟัก
“ขิงเป็นเรื่องใหม่ของตำบล ถ้าปลูกแล้วมีรายได้ ชาวบ้านก็เริ่มสนใจ เพื่อนปลูกได้ อยากปลูกบ้าง ก็ไปแนะนำให้ความรู้ ปลูกเป็นพืชทางเลือก ใช้พื้นที่ไม่ต้องเยอะ การที่ สวทช. เข้ามา เรามีแต่ได้ ได้ความรู้และได้เงิน” อุดร บอกทิ้งท้าย
# # #
กลุ่มแปลงใหญ่ข้าวบ้านเชือกกลาง
ต.จิกสังข์ทอง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ
โทรศัพท์ 08 0485 5607
(ข้อมูลสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568)